Elixir Supplier - ตอนที่ 792 ร่วมมือเป็นพันธมิตร
“แค่นี้น่ะเหรอ?”
“ยาตัวนี้ไม่ใช่โค้กนะครับ ดื่มแค่ถ้วยเล็กๆก็พอแล้ว” หวังเย้าพูดหลังจากได้ยินค่าถาม
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอสั่งซื้อตอนนี้เลย!” ซูจือฉิงพูด
“ได้ครับ แต่ต้องให้คนรู้น้อยที่สุด พี่คงรู้กฎของผมดีอยู่แล้ว”
“ไม่มีปัญหา ฉันขอรับผิดชอบปัญหาที่อาจตามมาไว้ทั้งหมดเอง!” ซูจือจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริง
หลังจากคุยได้สักพักพวกเขาก็วางสาย
ปักกิ่งที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ ซูจือจึงยังคงอยู่ที่โรงพยาบาล
“เป็นยังไงบ้าง?” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขาถาม
“เขาตกลง”
“ดี ฉันยกให้เป็นผลงานของนายทั้งหมด” เขาตบไหล่ซูจือจิ้งหลังจากได้ยินคําตอบ
“ค่อยเลี้ยงเหล้าหลังผมหายดีแล้วกัน และควรมีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“ไม่มีปัญหา
ค่ําคืนที่เงียบสงบผ่านพ้นไป
ไม่ทันได้รู้ตัว ก็เข้าสู่เดือนกันยายนแล้ว เทศกาลไหว้พระจันทร์กําลังใกล้เข้ามาแล้ว
ช่วงนี้หวังรุ่ยและตู้หมิงหยางงานยุ่งและพวกเขายังกลับมาที่บ้านบ่อยขึ้นด้วย พวกเขากําลังจะแต่งงานเร็วๆนี้นี่คือเรื่องที่ครอบครัวให้ความสําคัญมากที่สุดในเวลานี้หวังเย้ารู้สึกได้ว่าพ่อแม่ของเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“ในที่สุดก็แต่งงานสักที!” จางซิวหยิงทอดถอนใจอยู่หลายครั้ง ในที่สุดหนึ่งในสองพี่น้องของบ้านนี้ก็สร้างครอบครัวได้สักที
วันเสาร์ ตู้หมิงหยางกับหวังรุ่ยกลับมาที่หมู่บ้าน
“ในหมู่บ้านมีคนน้อยลงทุกที่” หวังรุ่ยถอนหายใจ ผู้คนที่กําลังพูดคุยกันอยู่ตามถนนหมู่บ้านล้วนแล้วแต่สูงอายุ
“เดี๋ยวนี้ไม่มีคนหนุ่มสาวอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านกันแล้ว พวกเขาพากันซื้อบ้านแล้วย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกันหมด” จางซิวหยิงพูด
“พอพูดถึงเรื่องบ้าน ปีนี้ ราคาบ้านในเมืองขยับขึ้นมาอีกหน่อยด้วยค่ะ ตอนนี้บ้านที่ทําเลดีดีราคาตารางเมตรละ 6,000 หยวนขึ้นไปแล้ว” หวังรุ่ยพูด
“แพงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?!”
“จริงครับ เหลียนชานถือเป็นเมืองเล็กๆเท่านั้น ไม่กี่ปีมานี้อยู่ๆราคาบ้านก็ขยับขึ้นสูงจนทําให้หลายคนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อบ้านหลายๆหลังเอาไว้ก่อนหน้านี้ถ้าพวกเขาซื้อบ้านก่อนหน้านี้สักปีหนึ่งแล้วขายตอนนี้คงทําเงินได้เป็นแสนเลยล่ะครับ!”
หวังเย้านั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ บ้านที่เขาซื้อไว้ในตัวเมืองเหลียนชานมีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตรซึ่งเป็นบ้านที่เขาตั้งใจซื้อให้พี่สาวของเขาตอนนี้เธอกําลังจะแต่งงานเธอจึงไม่ได้อาศัยอยู่ที่นั่นแล้วบ้านหลังนั้นจึงถูกปล่อยให้ว่างลง
“คนหนุ่มสาวที่ทํางานอยู่ในโรงงานในตัวเมืองเหลียนชานได้เงินเดือนกันคนละ 3,000-4,000 หยวนเท่านั้นแค่จ่ายค่าผ่อนบ้านก็ไม่เหลือแล้ว ราคาบ้านสูงแบบนี้มีแต่ทําลายชีวิตของพวกเขา!” ตู้หมิงหยางถอนหายใจและพูด
สถานการณ์ของเขาถือว่าดีกว่าเล็กน้อย เพราะครอบครัวของเขายังมีเงินเหลือเก็บอยู่บ้างและเขาก็ซื้อบ้านเอาไว้แต่เนิ่นๆแล้วแถมเขายังใช้เส้นสายในการซื้อมาจึงได้ในราคาถูกลงไปอีกแต่เขาถือว่าเป็นเพียงส่วนน้อยในเขตเหลียนชานแห่งนี้เท่านั้นคนมากมายซื้อบ้านโดยการกู้ยืมเงิน,ดอกเบี้ยสูง,เงินเดือนของบางคนยังไม่พอจ่ายค่าผ่อนบ้านด้วยซ้ํา
“เมื่อไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าแม้แต่หยวนเดียวแล้วจะซื้ออะไรได้?”
“กินข้าวกันได้แล้ว”
จางซิ่วหยังเตรียมอาหารเอาไว้มากมาย
“โอ้ อาหารเยอะแยะเลย!” ตู้หมิงหยางพูด
“คุณลุง เรามาดื่มกันหน่อยไหมครับ?”
“เอาสิ ดื่มกันสักหน่อย”
หลังได้ยินคําพูดของพวกเขา หวังเย้าก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วหยิบเหล่าออกมาสองขวด
“นายมีเพื่อนดีจริงๆเลยนะ!” หมิงหยางที่ได้เห็นเหล้าก็ต้องถอนหายใจ
“แพงมากเลยเหรอ?”
“แพงสิ ขวดนี้อย่างน้อยก็ 1,000 หยวนเลยนะ!
“ถ้าพี่ชอบ ในบ้านยังมีอีกเยอะเอากลับไปด้วยสักสองขวดสิครับ”หวังเย้าพูด เขาไม่ใช่คอเหล้าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของขวัญที่เพื่อนๆของเขานํามาฝากพ่อของเขาตัวเขาไม่รู้เรื่องราคาเลยสักนิดแต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ของถูกๆแค่ดูกล่องและชื่อยี่ห้อก็รู้แล้วว่าเป็นเหล้าแบรนด์ดังของจีน
“ได้เลย”
“โอ๊ย!” อยู่ๆต์หมิงหยางก็ร้องออกมา
“มีอะไรเหรอ?”
“ไม่ ไม่ ไม่มีอะไรครับ”
“เสี่ยวรุ่ย ลูกทําอะไรน่ะ?”
“ไม่มีอะไรนี่คะ” หวังรุ่ยยิ้มแล้วพูด
“มาครับ ผมเติมเหล้าให้คุณลุงเอง” หมิงหยางยกขวดเหล้าขึ้นมาเติมให้หวังเฟิงฮวา
“ให้ผมทําดีกว่า พี่เป็นแขกนะครับ” หวังเย้ายิ้ม แล้วหยิบขวดเหล้ามาเติมให้พ่อและพี่เขยของเขา
“คุณลุง หมดแด้วเลยไหมครับ?”
“เอาสิ”
ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า, พูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
หลังจากมื้อกลางวันและได้พูดคุยกับคนในครอบครัวแล้วหวังเย้าก็กลับไปที่คลินิกอีกครั้งเขาไม่ได้โพสอะไรลงบนเวยป๋อ ในช่วงบ่ายจึงยังมีคนไข้มารักษากับเขาแต่จํานวนน้อยลงหนึ่งในนั้นคือทหารที่ชื่อเจิ้งอี้ชวนเขาเดินมาด้วยการช่วยเหลือจากเฉิงห่ายตงและไม้ค้ำเมื่อเข้ามาถึงด้านในห้อง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อหลังจากรักษาตัวมาได้สามวันสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมาก
“คุณยังไม่หายดี ควรพักให้มากนะครับ” หวังเย้าแนะ
“ครับ ผมนอนตลออดทั้งสันจนฝุ่นแทบจับแล้ว ผมก็เลยออกมาขยับตัวสักหน่อยนะครับ”เจิ้งอี้ชวนพูด
ทั้งสองมาถึงที่คลินิกและรออยู่เป็นคิวสุดท้ายในคลินิกของหวังเย้า ก่อนที่พวกเขาจะบอกเจตนาในการมาที่นี่ในวันนี้
“ยาแก้พิษ?” หลังจากได้ฟังคําพูดของพวกเขาแล้ว หวังเย้าก็หัวเราะออกมา นี่เป็นเรื่องเดียวกันกับซูจือฉิง
“เราจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่ต้องห่วงเรื่องราคานะครับ” เฉิงห่ายตงพูด
“ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นหรอกครับ ยาแก้พิษตัวนี้ไม่ใช่จะทําออกมาได้ง่ายๆ แล้วก็มีคนจองไว้แล้วด้วยน่ะสิครับ”
“มีคนจองไว้แล้ว? ใครครับ?” เฉิงห่ายตงและเจิ้งอี้ชวนต่างตกใจหลังจากได้ยิน
“คนคนนี้เป็นคนที่คุณรู้จัก แล้วเขาก็เป็นคนแนะนําให้คุณได้รู้จักผมด้วยยังไงล่ะครับ”
“ซูจือฉิง?!”
“ใช่ครับ เป็นเขา” หวังเย้าพูด
“ด้วยเรื่องของข้อตกลงและหลักการแล้ว ผมคงต้องทําตามความต้องการของเขาก่อนดังนั้นผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”หวังเย้าพูด
“อืม เป็นพวกเราที่คิดน้อยเกินไปเอง” เฉิงห่ายตงพูด
“ขอโทษที่มารบกวนคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ ผมขอตรวจอาการของเขาดูหน่อย” หวังเข้าไปที่เจงอี้ชวนแล้วพูดกลั้วหัวเราะ
“ได้ครับ”
“อม สภาพร่างกายของเขาอยู่ในเกณฑ์ดี” หลังจากตรวจเป็นครั้งที่สอง หวังเย้าก็พูดออกมา
“อีกไม่กี่วัน เขาก็ไม่จําเป็นต้องใช้ไม้คํานี้แล้วล่ะครับ”
“ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากคุณแล้วล่ะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ที่ห่ายชิว ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ค่อยๆกิน”
หลี่ฟางมองดูลูกชายที่น่ารักของเขากินอาหารเข้าไปคําใหญ่
“ได้ครับ พ่ออาหารที่นี่อร่อยมาก!” เสี่ยวหมิงหัวเราะตอบ แล้วกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม
“ถ้าลูกชอบ ไว้พ่อพามากินที่นี่อีกดีไหม?”
“ครับ ครับ!” เด็กชายปรบมืออย่างชอบใจ
กริ้ง! ด็ด!
มือถือบนโต๊ะสั่น
“ไม่เลวเลย” หลี่ฟางมองดูข้อความบางอย่างด้วยความระมัดระวัง แล้วก็ต้องตกใจ
หลังจากจบมื้ออาหาร หลี่ฟางก็พาลูกชายไปที่ชายหาดด้วยกัน เด็กชายมีความสุขมากเขาเคยต้องนอนอยู่แต่ในโรงพยาบาลมานานหลายปีแค่เดินอยู่ในห้องก็ยังเป็นเรื่องยากสําหรับเขาการออกมาเล่นข้างนอกจึงเป็นไปไม่ได้เลยเพราะร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป
“วันนี้ ลูกมีความสุขรึเปล่า?”
“มีความสุขครับ มีความสุขมากเลย!” เสียวหมิงตอบอย่างมีความสุข
“พ่อครับ ถ้าหายดีแล้ว ผมไปโรงเรียนได้ไหมครับ?”
“ได้สิ!” หลี่ฟางพูด เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาพยายามหาหนทางรักษาลูกชายของเขาพวกเขาไปตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในและนอกประเทศ หนึ่งปีก่อนเขาพยาบาลยื้อชีวิตลูกชายของเขาเอาไว้หนึ่งเดือนก่อนเขากําลังคิดหาวิธีทําให้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของลูกชายเต็มไปด้วยความสุขและไม่เจ็บปวดและตอนนี้ลูกชายของเขาก็รอดพ้นจากความตายและสุขภาพร่างกายก็กําลังดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเขาก็ต้องทําให้สิ่งที่ต้องท่า
ฉันต้องมีชีวิตที่ดีต่อไป เพื่อที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายของเขา
นี่คือเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้สําหรับตัวเอง เป้าหมายที่เขาต้องทําให้สําเร็จ
นี่คือเป้าหมายเดียวกันกับเจียจื้อจายเมื่อครั้งนั้น เขาต้องปลดแอกตัวเองออกจากบริษัทให้จงได้!
คืนนั้น เจี่ยจื้อจายมาที่ห่ายชิวเพื่อพบกับหลี่ฟาง
“นายตัดสินใจได้รึยัง?”
“ตามที่นายปรารถนา”
“ฉันควรจะพูดว่า เรามาร่วมมือเป็นพันธมิตรกันดีไหม?”
“เรามาร่วมมือกันเถอะ!”
เมื่อความร่วมมือเกิดขึ้น ทั้งสองจึงอยู่ฝั่งเดียวกันเป็นการชั่วคราว
“อาการของเสี่ยวหมิงเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอหวังที่นายแนะนํามาฝีมือสุดยอดมาก!” หลี่ฟางชื่นชมออกมาจากใจจริง
“แน่นอนอยู่แล้ว” เจี้ยจื้อจายยิ้ม แล้วจุดบุหรี่สูบ
“เขายังมีอย่างอื่นที่ทําให้นายตกใจได้อีก แต่ตอนนี้ยังบอกนายไม่ได้”
“แล้วตอนนี้บอสอยู่ที่ไหนกันแน่?” เจี้ยจื้อจายถาม