Elixir Supplier - ตอนที่ 798 ด้านนอกภูเขา
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ภายในเมืองที่ห่างไกลทางยูนนานใต้
ในภูเขาเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงาม วิลล่าหลังหนึ่งถูกสร้างขึ้นบนเนินเขา เนื่องจากสภาพของพื้นที่ ตัววิลล่าจึงถูกสร้างขึ้นมาโดยยังคงสภาพเดิมของธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด และพยายามไม่ทําลายต้นไม้กับก้อนหินที่มีอยู่เดิม
ภายในบ้านไม้ ชายหนุ่มวัยไม่เกินสามสิบปีและชายวัยกลางคนที่ดูอายุได้ประมาณสี่สิบกว่า พวกเขานั่งตรงข้ามกัน มีกาน้ําชาส่งกลิ่นหอมอ่อนๆวางอยู่บนโต๊ะ
“ที่คุณพูดเมื่อกี้ หมายความว่ายังไงครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม
“เลขากั่ว ผมกลัว ผมกลัวมากจริงๆ” เขาพูด “ผมป่วย แล้วลูกสาวของผมก็ยังมาป่วยด้วย ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคําแนะนําของคุณ ลูกสาวกับผมคงต้องนอนติดเตียงหรือไม่ก็ตายไปแล้ว ถ้าพวกเรายังมีชีวิตอยู่ เงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สําคัญอีกต่อไป ผมโอนชื่อเจ้าของเขาลูกนั้นไปแล้ว”
กั๋วเจิ้งเหอไม่พูดอะไร เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ เขาจ้องมองชายที่อยู่ตรงข้ามเขาเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ผมเข้าใจแล้วครับ คุณกลับไปเถอะ”
“ขอบคุณ เลขากั๋ว” ชายคนนั้นลุกขึ้น แล้วคํานับกั่วเจิ้งเหอ “ถ้าคุณมีเรื่องอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่าลังเลที่จะบอกผมนะครับ แต่เรื่องนี้ผมทําไม่ได้จริงๆ”
กั่วเจิ้งเหอโบกมือ หลังจากเขาไปแล้ว กั่วเจิ้งเหอก็นั่งอยู่ในห้องเพียงลําพัง เมื่อคิดอยู่นาน เขาก็พูดขึ้นมาว่า “น่าสนใจ!”
หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในส่วนลึกของภูเขา มียอดเขาเชื่อมต่อกันเป็นทอดๆตลอดทั้งสองด้าน มีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถเข้าออกได้ ชายสองคนเดินขึ้นเขาไปได้ครึ่งทางแล้ว
“ศิษย์พี่ แบบนี้ไม่ดีแน่” จ้าวหยังหาวพูด “ถ้าอาจารย์ลุงรู้เรื่องนี้ พวกเราซวยแน่!”
“นายคิดมากเกินไป แล้วยังดูถูกอาจารย์ด้วย” เสี่ยวชิงเฟิงพูด “เขารู้เรื่องแล้ว พวกเราก็แค่ออกมาสูดอากาศข้างนอก ไม่ได้ออกไปทางนั้นสักหน่อย ดังนั้นไม่เป็นไรหรอก อย่างมากเขาก็แค่สั่งกักบริเวณพวกเราสักสามเดือนก็เท่านั้น”
“นานขนาดนั้น?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“ทําไม? ยังคิดจะแก้แค้นอยู่อีกเหรอ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“คิดส์ หนี้แค้นของอาจารย์ต้องจ่ายคืน” จ้าวหยิงหาวพูด
“เดี๋ยวก่อนนะ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “หวังเย้าคนนั้นเป็นคนแบบไหน? แล้วเขาเก่งขนาดนั้นได้ยังไง?”
“ผมรู้แค่ชื่อของเขา และเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของอาจารย์ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา…” จ้าวหยิ่งหาวไม่ได้พูดต่อ
เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นยังคงฝังลึกอยู่ภายในจิตใจของเขา อาจารย์ของเขาต้องการแก้แค้น ซึ่งมันยังทําร้ายชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นด้วย ดังนั้น หวังเย้าจึงโต้ตอบอย่างรุนแรง พวกเขาไม่สามารถสู้กลับได้เลย
“ถึงจะฝึกฝนต่อไปอีก 10 ปี นายก็ไม่มีทางแก้แค้นเขาได้ นอกจากว่าจะให้อาจารย์ลงมือแทน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ไม่จําเป็นต้องรบกวนอาจารย์ลุงเพราะเรื่องนั้นหรอก” จ้าวหยิงหาวพูด
“อาจารย์ไม่ออกจากเขามาห้าหกปีแล้ว” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เขายังเข้าญาณอยู่ สองปีข้างหน้า เขาก็อาจจะยังไม่ออกไปไหนด้วยซ้ํา!”
ก็ด! เสียงร้องของนกกระเรียนสีขาวที่บินอยู่บนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้าน ไม่นานมันก็บินอยู่เหนือหัวและวนรอบพวกเขา
“อาจารย์บอกให้พวกเราลงไป ไปกันเถอะ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด หลังจากจ้องไปที่นกตัวนั้นครู่หนึ่ง
ทั้งสองเดินลงเขาและเดินไปที่บ้านไม้ที่สูงที่สุดในหุบเขา ชายใบหน้าสีเหลืองซีดนั่งอยู่บน
เบาะ
“อาจารย์บอกให้ทําสมาธิ” เขาพูด “แล้วทําไมถึงได้ไปทําสมาธิอยู่บนเขา?”
“อาจารย์ ฮาฮา อยู่แต่ในบ้านตลอดมันอึดอัดนะครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูดกลั้วหัวเราะ “พวกเราเลยออกไปพักสักหน่อยนะครับ”
“พวกเธอแค่ออกไปพักจริงเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามยิ้มๆ
“จริงครับ” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ
“ดี มีเรื่องบางอย่างที่จําเป็นต้องทําโดยคนที่เชื่อถือได้” ชายวัยกลางคนพูด “และมันควรจะเป็นพวกเธอสองคน”
“เรื่องอะไรเหรอครับ อาจารย์?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“อาจารย์ต้องการเห็ดหลินจือ ไปเอามาให้อาจารย์ที” ชายวัยกลางคนพูด
“เห็ดหลินจือ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“ใช่ มันไม่ใช่ดอกเล็ก และมันอยู่ที่ตรงนี้” ชายวัยกลางคนหยิบกระดาษออกมาและยื่นให้กับเขา “เอามันมาให้ครบทุกส่วน
“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ระวังตัวด้วย ความปลอดภัยต้องมาก่อน” ชายวัยกลางคนพูด
“เข้าใจแล้วครับ ไปกันเถอะศิษย์น้อง” เมียวชิงเฟิงพูด
ทั้งสองเดินออกจากกระท่อม ชายวัยกลางคนหายใจยาว ลมหายใจที่แปลกประหลาดลอยไปไกลเกือบเมตร
“ในที่สุด พวกเราก็ได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกกัน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“หมู่บ้านอยู่ห่างจากเห็ดไปมากรึเปล่า?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“ไม่ไกลมากเท่าไหร่ ประมาณ 100กิโลเมตร” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “มันเป็นเมืองเล็กที่อยู่ชายขอบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย พวกเราจะไปกันแล้ว”
“ไปตอนนี้เลยเหรอ?” จ้าวหยิงหาวถาม
“ใช่ ถ้าเกิดอาจารย์เปลี่ยนใจขึ้นมาจะทํายังไง?” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
ทั้งสองรวบรวมข้าวของที่จําเป็นเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ แล้วพากันเดินออกไปจากหมู่บ้าน ด้านนอกเป็นป่าทึบหนทางคับแคบ ทุกคนที่เข้าออกหมู่บ้านจะต้องผ่านเส้นทางนี้ไป ส่วนใหญ่มักเดินเท้า บางคนก็ขี่ม้า มันเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว
จ้าวหยิ่งหาวดูเหมือนจะได้ยินเสียงบางอย่าง จึงหยุดเดินดื้อๆ เขามองเข้าไปในป่าลึก แล้วถามขึ้นมาว่า “มีคนอยู่ตรงนั้นใช่รึเปล่า?”
“ไม่เป็นไรหรอก” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เป็นคนที่ปกป้องหมู่บ้าน เขารู้จักพวกเรา เขาคงจะออกมาจัดการธุระให้ผู้นําหมู่บ้าน
เสียงภายในป่าเงียบลง
“ไปกันเถอะ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
ทั้งสองเดินต่อ พวกเขาเดินมานานเกือบสองชั่วโมงก่อนจะเจอเข้ากับถนนลาดยาง แต่กลับไม่มีรถแม้แต่คันเดียว
“เดินต่อ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
หลังเดินต่อไปอีกชั่วโมงกว่า พวกเขาก็เห็นรถเก่าๆคันหนึ่งจอดข้างทาง ชายในวัยห้าสิบกําลังพิงหน้าต่างรถสูบบุหรี่อยู่
“ลุง ไปส่งพวกเราได้รึเปล่า?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“คนบนเขา?”เขาถาม
“คนจากในหุบเขา” เมี่ยวชิงเฟิงตอบ
“ขึ้นรถ” เขาพูด
รถติดเครื่อง ตัวรถสั่นเล็กน้อยพร้อมกับพ่นควันดําออกมา แล้วจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป
“ลุงน่าจะซื้อรถใหม่ได้แล้วนะ” เสี่ยวชิงเฟิงพูด
“ทําไมล่ะ?” เขาถาม “ฉันเพิ่งเอารถไปเช็คมาเองนะ”
“มันผ่านด้วยเหรอ?” เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“ผ่านสิ นายคิดว่าไงล่ะ?” เขาพูด
มันใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงในการเดินทางไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด
“เอาล่ะ ฉันจะจอดให้พวกนายลงตรงนี้” เขาพูด “พวกนายหาทางไปต่อกันเองแล้วกัน”
“ได้ ขอบคุณมาก” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด
ชายขับกลับไปทางเดิมที่จากมาด้วยสภาพรถที่ส่ายไปมา
“เฮ้อ ไปหาที่นั่งดื่มกันก่อนเถอะ” เสี่ยวชิงเฟิงพูด
“ดื่ม? แล้วเรื่องที่อาจารย์ขอให้เราไปทําล่ะ?” จ้าวหยิงหาวถาม
“ไม่เป็นไรหรอก มีคนเฝ้าของนั่นอยู่แล้วล่ะ!” เมี่ยวชิงเฟิงยิ้มแล้วโบกมือ “หลังโดนกักตัวมานานขนาดนี้ ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าเลยสักหยด ลิ้นฉันด้านชาไปหมดแล้ว”
“ศิษย์พี่ เราควรดื่มให้น้อย มันไม่ดีกับการฝึกฝนนะ” จ้าวหยิงหาวพูด
“จิ๊ อายุยังน้อยแต่กลับหัวโบราณซะได้” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด
พวกเขาเจอร้านอาหารร้านหนึ่ง และเข้าไปสั่งอาหารสองสามจานกับเหล่าอีกสองขวด เกี่ยวชิงเฟิงกอดขวดเหล้าเอาไว้และดื่มจากปากขวดราวกับดื่มน้ําเปล่า
“ฮ่า ดีจริงๆ!”
ไกลออกไปหลายพันไมล์ เมืองเต
“ช่วงนี้ ตระกูลโฮ่วเงียบสงบมาก!” ซุนเจิ้งหรงยืนอยู่ตรงหน้าต่างและมองทิวทัศน์ด้านนอก
“ผมก็ไม่รู้ว่าทําไม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการพักเรื่องนี้ไว้ก่อน” หลินจื่อเทาพูด
“การพักเรื่องนี้เอาไว้ ดูไม่เหมือนลักษณะและนิสัยของพวกเขาเลยสักนิด” ซุนเจิ้งหรงพูด “บางทีพวกเขาอาจจะกําลังเวลาที่เหมาะสมอยู่ก็ได้ เพราะคนคนนั้นกําลังยุ่งอยู่ในตอนนี้ และอาจจะไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่มในเวลานี้ก็เป็นได้”
หลินจื่อเทาไม่ได้ตอบ
ซนเจิ้งหรงเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องบริษัทซื้อห่ายเทรดดิ้งเป็นยังไงบ้าง?”
“เราตรวจสอบดูแล้วครับ” หลิวซื้อเทาพูด “มีอย่างน้อยสามคนที่พบว่าเคยฆ่าคนมาก่อน”
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงแปลกใจ
“ครับ ถูกจับไว้ได้คนหนึ่ง ส่วนอีกสองคนหลบหนีอยู่” หลินซื้อเทาพูด “พวกเขาอาจจะไม่กลับมาอีกก็ได้”
“พวกเขาทําการค้าอะไร?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“พวกเขาทําการซื้อขายกับบริษัทเภสัชกรรมในญี่ปุ่น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอื่นๆครับ” หลินจื่อเทาพูด
“ญี่ปุ่น?” ซุนเจิ้งหรงเงียบไปนาน “ประธานบริษัทนั้นคือ จิโร่ มุซาชิ ใช่ไหม? เขาก่ออาชญากรรมขึ้นที่นี่เหรอ?”
“ใช่ครับ เขาลวนลามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” หลินจื่อเทาพูด
“ยกเลิกธุรกิจทั้งหมดที่ทําร่วมกับพวกเขาทันที” ซุนเจิ้งหรงพูด
“ครับ” หลินจื่อเทาพูด
“นอกเหนือจากนั้น สั่งให้คนตามเขาด้วย” ซุนเจิ้งหรงพูด
“รับทราบ” หลินจื่อเทาออกไปจากห้อง ปล่อยซุนเจิ้งหรงยืนอยู่ข้างหน้าต่างและมองออกไปด้านนอกเงียบๆตามลําพัง
ก๊อก! ก๊อก!
มีคนเคาะประตู ซุนเจิ้งหรงพูด “เข้ามา”
หลินจื่อเทาที่เพิ่งออกไปได้ไม่นาน กลับเข้ามาอีกครั้ง
“มีเรื่องอะไร?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“เราพบว่า มีคนค้าอวัยวะภายในมนุษย์ครับ” หลินซื้อเทาพูดด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ค้าอวัยวะ?” สีหน้าของซุนเจิ้งหรงมืดครึ่มในทันที “เกี่ยวข้องกับพวกเรารึเปล่า?”
“เป็นคนในที่มืดครับ” หลินจื่อเทาพูด “เขาเคยทํางานกับอาหาวมาก่อน”
“กับใคร?” ซุนเจิ้งหรงถาม
“ญี่ปุ่นครับ” หลิวซื่อเทาพูด
“หาเรื่องตาย” ซุนเจิ้งหรงพูดด้วยความโมโห “สั่งอาหาวให้สืบเรื่องนี้อย่างละเอียด แล้วไปหาผู้กํากับกู้ทันที!”