Elixir Supplier - ตอนที่ 802 เฉียดฉิว
สิ่งมีชีวิตมีลําตัวที่ยาวและเปลือกสีแดงเข้มสะท้อนแสงดูราวกับเหล็กขานับร้อยที่คมราวกับใบมีด
“หรือมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ?” จ้าวหยิ่งหาวพูดด้วยท่าทางตกตะลึง
“ไม่ใช่หรอก มีตะขาบขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในป่าฝนของยูนนานใต้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นตะขาบตัวใหญ่ขนาดนี้” เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มันอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่พิเศษของป่านี้ก็
“คนพวกนั้นไม่ธรรมดาเลย” จ้าวหยิงหาวพูด
“ใช่ ดังนั้นระวังตัวให้ดี” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
ตะขาบตัวใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีพิษร้ายและสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายซึ่งนั่นก็หมายความได้ว่าสองคนนั้นเป็นมืออาชีพในระดับสูง
เสียงปืนดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่การยิงไม่ได้ต่อเนื่องอย่างก่อนหน้านี้
“งู นายไปก่อน! ฉันจะระวังหลังให้!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
ปังๆๆ…
เสียงยิงกระสุนของปืนไรเฟิลพร้อมกับประกายไฟ ท่ามกลางเสียงปืนมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่ง! ทิ้ง!
“นั่นอะไรน่ะ?”
เมียวชิงเฟิงและจ้าวหยิงหาวไม่ได้รีบตามเสียงนั้นไป พวกเขาหลบซ่อนตัวและคอยสังเกตสถานการณ์แทน
“ผึ้งมรณะ!”
ผึ้งสดดําจํานวนมากปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสองคนที่อยู่บนพื้นดินใช้ทุกอย่างเท่าที่พวกเขามีพวกเขาถูกต่อยและหนึ่งในนั้นกระอักเลือด
เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีเพียงในหนังและนิยายเท่านั้น คนอย่างพวกเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับแมลงพิษรู้เกี่ยวกับแมลงพิษแสนร้ายกาจชนิดนี้ดีแต่มันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผึ้งขนาดใหญ่เท่านี้พวกมันเป็นผึ้งจริงเหรอ?ทําไมถึงได้ตัวโตพอๆกับจักจั่น?ปัญหาคือพวกมันมีกันอยู่นับร้อยการที่ชายสองคนนั้นมีชีวิตรอดได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
“ศิษย์น้องศิษย์พี่ว่าพวกเราคงต้องไปแล้วล่ะ” เมี่ยวชิงเฟิงกระซิบ
“ทําไมล่ะ?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“ตะขาบพวกนั้นจัดการได้ไม่ยาก แต่จะจัดการผึ้งมรณะพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ฉันมีลางสังหรณ์ว่า ข้างในจะต้องมีตัวที่ร้ายกาจกว่านี้อยู่แน่พวกมันคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ”
“มันไม่น่าเสียดายเหรอ ที่พวกเราต้องกลับไปทั้งๆแบบนี้น่ะ?” จ้าวหยิงหาวถาม
เขาคิดว่า ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาก็ควรเก็บข้อมูลกลับไปด้วยไหนๆพวกเขาก็มาเจอที่นี่เข้าแล้วทุกอย่างที่พวกเขาเจอมาตลอดทางล้วนน่าอัศจรรย์พวกเขาไม่เคยพบเจองมีชีวิตแบบนี้มาก่อนมันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อย่างแน่นอน
“ไม่ต้องเสียดาย” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถ้าพวกเราไม่รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ชื่อและร่างของพวกเราอาจจะต้องทิ้งเอาไว้ที่นี่ไปตลอดกาลสองคนนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแล้ว!”
อยู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เสียงปืนหยุดลง แล้วมันก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าก่อนหน้านั้น
“ตายไปอีกคนแล้ว และตอนนี้ก็เหลืออีกแค่คนเดียว” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ไป!”
ทันทีที่เขาวิ่งออกไป ก็มีเสียงฝีเท้าตามหลังพวกเขามาชายคนหนึ่งซวนเซมาทางพวกเขาทั่วร่างของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนไม่สามารถมองเห็นได้ชัดแขนข้างหนึ่งหักส่วนแขนอีกข้างถือปืนเอาไว้เขามีเพียงพลังใจที่ผลักดันตัวเองอยู่ความจริงเขาไม่สามารถหนีรอดไปได้
เมื่อเห็นสภาพของชายคนนี้ เมี่ยวชิงเฟิงก็หน้าเปลี่ยนสี “ไป!
ทั้งสองรีบวิ่งฝ่าป่าที่หนาทึบของหุบเขาแห่งนี้ด้านหลังของพวกเขามีบางอย่างกําลังไล่ตามมาต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มไปที่ละต้น
เสี่ยวชิงเฟิงโยนกระบอกไม้แสนสําคัญของเขาออกไป มันตกลงไปที่พื้นดังตบแมลงจํานวนมากบินออกมาจากกระบอกไม้มันไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าภายในกระบอกไม้เล็กๆนั้นกลับสามารถปล่อยแมลงออกมาได้มากมายขนาดนี้ได้ยังไงเหล่าแมลงบินออกมาและมุ่งหน้าเข้าไปในป่า
ทั้งสองวิ่งไปถึงที่ขอบสระงูหลามที่ลอยอยู่ในสระได้หายไปแล้ว
“ซวยแล้ว!” เมี่ยวชิงเฟิงโยนยาหมอนอกเม็ดลงไปในสระเมื่อ
วช! ต้นไม้ที่ด้านหลังของพวกเขาล้มลงเรื่อยๆ
พวกเขารอไม่ได้อีกแล้ว เมี่ยวซึ่งเพิ่งรู้สึกได้ถึงอันตรายจากด้านหลังเขาราวกับมีมีดจ่อหลังที่พร้อมจะแทงทะลุหัวใจของเขาได้ทุกเมื่อมันจะต้องเป็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากตอนที่เขาเผชิญหน้ากับราชาแมลงพิษทั้งห้าในหุบเขา
เมื่อมาได้ไกลได้เกือบหนึ่งกิโลเมตรทั้งสองก็เริ่มว่ายเมื่ออย่างรวดเร็วเมี่ยวชิงเฟิงที่ว่ายอยู่ด้านหน้าอยู่ๆก็ถูกบางอย่างดึงลงไปใต้เมื่อ
“ศิษย์พี่!” จ้าวหยิ่งหาวดําลงไปใต้เมื่อโดยไม่ลังเล
ทันใดนั้น เมื่อภายในสระก็มีเลือดสีแดงปะปน ชายสองคนโผล่หัวขึ้นมาจากในเมื่อ
“ปล่อยฉันไว้ใ นายรีบไปซะ!” เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด
จ้าวหยิงหาวไม่ยอมฟัง เขายังคงว่ายเมื่อพร้อมลากตัวเมี่ยวชิงเฟิงไปที่ยังก้อนหิน “จับผมเอา
ไว้!”
วช! สิ่งที่ไล่ตามหลังพวกเขามาได้เผยตัวให้เห็น มันคืองูหลามสีดํามะเมื่อมขนาดตัวเกือบหนึ่งเมตรความยาวไม่สามารถบอกได้เท่าที่โผล่มาให้เห็นนั้นมีความยาวมากกว่า 10 เมตร
“เร็วเข้า!” จ้าวหยิงหาวใช้ทั้งมือและเท้าตะเกียกตะกายไปที่โพรง
งูหลามขดตัวและพุ่งออกไปได้ไกลกว่า 10 เมตรในครั้งเดียว มันพุ่งเข้าหาทั้งสองและอ้าปากกว้าง
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ เมี่ยวชิงเฟิงได้สาดพิษออกไปหนึ่งกํามือ ด้วยหวังว่ามันจะสามารถหยุดงงูหลามตัวนี้ได้ชั่วครู่ แต่มันกลับไม่ได้ผล
บูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
ทั้งสองกลิ้งตัวเข้าไปในโพรง พวกเขาสามารถหนีรอดการโจมตีถึงชีวิตมาได้
แกร็ก! ก้อนหินด้านในโพรงเริ่มร่วงงหล่นไปที่ละก่อน
“แย่แล้ว”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ถ้ำนี้กําลังจะพังลง”
“มา ผมจะแบกศิษย์พี่เอง” จ้าวหยิ่งหาวพูด
“ระวังกับดักด้วย” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
จ้าวหยิงหาววิ่งแบกเสี่ยวชิงเฟิงเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
บูม!กับดักทํางานเพราะก้อนหินที่ร่วงลงมา การระเบิดครั้งใหญ่ทําให้ถ้ำพังถล่มเร็วขึ้น
“บ้าเอ้ย!”
บูม! บูม!
เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องเปลวไฟลุกลามออกมาจากปากถ้ำทั้งสองพุ่งตัวออกมาและล้มลงไปกองที่พื้นห่างออกไปไกลห้าเมตรบนพื้นมีทั้งก้อนหินและวัชพืชพวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่ตาย
“ศิษย์พี่?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“ฉันไม่เป็นอะไร” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ฉันไม่ตายเพราะเรื่องนี้หรอก”
บาดแผลของเมี่ยวซึ่งเพิ่งดูร้ายแรงผิวหนังที่ขาทั้งสองข้างของเขากลายเป็นเหมือนเศษชิ้นเนื้อบางจุดมีกระดูกโผล่ออกมาตอนอยู่ในสระเมื่อเขาถูกบางอย่างกัดที่ขา
“ปลาพันธุ์อะไรที่ทําได้ถึงขนาดนี้?” จ้าวหยิ่งหาวที่พยุงตัวเมี่ยวชิงเฟิงขึ้นเอ่ยถาม
เขาหยิบถุงใส่ขี้ผึ้งออกมาจากกระเป๋าเขาฝืนความเจ็บและใส่ขี้ผึ้งลงบนบาดแผลหลายจุดตามขาของเมียวชิงเฟิง
“จะรายงานเรื่องนี้ให้กู้หลี่รู้รึเปล่า?” จ้าวหยิงหาวถาม
“รายงานสิ ฉันไม่อยากกลายเป็นคนพิการหรอกนะ” เสี่ยวชิงเฟิงพยายามพูดให้ดูขบขัน
พวกเขาโทรหากู้หลี่และหาสถานที่ที่พักผ่อน ด้วยสภาพของพวกเขาในตอนนี้คงไม่สามารถออกจากป่าได้เอง
“ศิษย์พี่ ทําไมถึงมีงูหลามตัวใหญ่ขนาดนั้นอยู่ในหุบเขาได้กัน?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เมี่ยวชิงเฟิงจอบ “มันจะต้องมีของวิเศษบางอย่างอยู่ข้างในแน่เมื่อไหร่ที่พวกเราหายดีและเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“พี่ยังจะกลับมาที่นี่อีกเหรอ? ไม่รักชีวิตตัวเองแล้วเหรอ?” จาวหยิ่งหาวตกใจ
“คราวหน้า มันจะไม่ได้มีแค่เราสองคน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “อาจารย์ก็มาด้วย”
เขามั่นใจว่า ถ้าหากได้รู้เรื่องนี้แล้ว อาจารย์ของเขาจะต้องออกมาจากหุบเขาอย่างแน่นอน
“เขาจะจัดการกับงูหลามตัวนั้นได้รึเปล่า?” จ้าวหยิ่งหาวถาม
“เรื่องนั้นน่าจะไม่มีปัญหา อาจารย์แทบจะเป็นเหมือนเทพเดินดินอยู่แล้ว”เมี่ยวซึ่งเพิ่งพูด
ในหมู่บ้านกลางเขาที่ไกลออกไปหลายพันไมล์ “นายอยู่แต่บนเขาลูกนี้หรือนายอยากกลายเป็นเซียน?”หวังหมิงเปาถามหวังเข้าด้วยรอยยิ้ม
“เซียนคืออะไร?” หวังเย้าเทชาให้เขา
คําถามทําให้หวังหมิงเปาพูดไม่ออก เขายกชาขึ้นจิบ “หืมมมชานี่ดีมาก!”เขายกนิ้วโป้ง “ชาอะไรเหรอ?”
“ชาต้าหงเผา จากเขาหวย” หวังเย้าตอบ
“คงไม่ใช่ชาที่ปลูกได้นิดเดียวนั่นหรอกนะ?” หวังหมิงเปาถาม
“ชานี่ก็คือชาที่ว่านั่น” หวังเย้าพูด
หวังหมิงเปาเม้มปากและเทชาใส่ถ้วยของตัวเอง “ยังมีเหลืออยู่อีกไหม?”
“มีเหลือไม่เยอะแล้ว” หวังเย้าพูด “มันแค่กระปุกเล็กๆเท่านั้น พี่ชายของซูเสี่ยวซวีไปขโมยมาให้น่ะ”
“อะไรนะ? ขโมย? จากรัฐมนตรีซูน่ะเหรอ?” หวังหมิงเปาตกใจ
“ใช่” หวังเย้าตอบ
หวังหมิงเปาเลิกคิ้วขึ้น “จ ทําไม? ให้ของขวัญกับน้องเขยในอนาคต…ไม่ใช่ว่าต้องเป็นตรงกันข้ามหรอกเหรอ?”
“เขาได้รับบาดเจ็บ ฉันช่วยเขาเอาไว้ รวมถึงเพื่อนของเขาด้วย” หวังเย้าจิบช้าๆ
“ไม่ใช่ว่า การช่วยพี่ชายของภรรยาเป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรอกเหรอ?” หวังหมิงเปาถาม
“นายเอาความคิดพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?” หวังเข้าข่า “แล้วครูหานล่ะ? เธอยังทํางานอยู่ที่หมู่บ้านนั้นอยู่รึเปล่า?”
“เธอท้องแล้ว ไปอยู่ที่นั่นคนเดียวมันไม่สะดวก” หวังหมิงเปาพูด “ฉันพยายามกล่อมเธอตั้งนานในที่สุดก็ยอมกลับมาทํางานที่เหลียนชาน”