Elixir Supplier - ตอนที่ 803 จริงใจ จริงใจที่สุด
“ทํางานอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ก็ยังเป็นครูเหมือนเดิม” หวังหมิงเปาตอบ “เธอมีประสบการณ์การสอนและเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องฉันก็ถามมาหมดแล้ว!”
“อื่น ทํางานเป็นครูก็ดีแล้ว” หวังเย้าพูด
“อายุครรภ์ของเธอก็มากแล้วคงทํางานได้อีกไม่กี่เดือน”หวังหมิงเปาพูด “นี่อีกสองวันนายว่างเปล่า?ฉันอยากพาเธอมาหาสักหน่อย”
“มาทําไมเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ให้นายดูว่าฉันได้ลูกสาวหรือว่าลูกชายน่ะสิ แล้วก็ดูด้วยว่าเด็กแข็งแรงดีไหมด้วย” หวังหมิงเปาพูด
“ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเด็กจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”หวังเย้าพูด “ตอนนี้การแพทย์ก็ก้าวหน้ามากแล้วนายพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลยังดีซะกว่า”
“ฉันจะไปที่โรงพยาบาลด้วย แต่จะมาที่นี่เพื่อตรวจอีกรอบเพื่อความมั่นใจ”หวังหมิงเปาพูด
“ก็ได้ เอาตามที่นายพอใจ” หวังเย้าพูด “ดื่มชาอีกสิ”
“นายกับเสี่ยวซวีจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?” หวังหมิงเปาถาม
“เอ่อ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
“รีบเข้าสิ!” หวังหมิงเปาดูกระตือรือร้นกับเรื่องนี้มาก“ฉันคิดว่า เสียวซวีเป็นผู้หญิงที่ดีทีเดียวถ้าไม่นับเรื่องครอบครัวของเธอนะ ความรู้สึกที่เธอมีต่อนายเป็นของจริงฉันที่เป็นคนนอกยังรู้สึกได้ นายต้องคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้!”
“อืม ฉันรู้ ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
“นายเอาแต่อยู่ในหมู่บ้านแบบนี้”หวังหมิงเปาพูด“ฉันว่านายออกจะใจเย็นและไม่กังวลจนเกินไปอย่าเป็นเหมือนกับเต้าหยวนหมิง(กวีที่มีชื่อเสียงของจีน)ที่เอาแต่เก็บชาอยู่บนเขานี่ทําไมนายไม่ปลูกดอกเบญจมาศไว้ตรงนี้ด้วยล่ะ?”
หวังหมิงเปานั่งคุยกับหวังเย้าอยู่นาน
“เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันดีกว่า” หวังหมิงเปาพูด
“นายไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนเมียเหรอ?” หวังเย้าถาม
“วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน” หวังหมิงเปาพูด
“นายขับรถมาเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ใช่” หวังหมิงเปาพูด
“งั้นกินอย่างเดียว ไม่ดื่ม” หวังเย้าพูด
“ได้ ฉันจองโต๊ะเอง” หวังหมิงเปาพูด“เรากินข้าวด้วยกันคืนนี้นายชวนหลินชวนมาด้วยสิเข้าไปกินกันในเมืองฉันรู้จักร้านอาหารดีดีอยู่ร้านหนึ่ง”
“เอาตามที่นายเห็นว่าดี”หวังเย้าพูด
“งั้นก็เป็นอันตกลง” หวังหมิงเปาพูด “ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง อย่างมัวแต่อยู่ในหมู่บ้านทั้งวันแบบนี้”
“ฉันคิดว่า อยู่ในหมู่บ้านก็ดีอยู่แล้ว” หวังเย้าจิบชา
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากคลินิก ก็เจอเข้ากับจงหลิวชวนที่เพิ่งลงมาจากเขา
“ฝึกอีกแล้วเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ครับ ผมชินแล้ว” จงหลิวชวนตอบ “ถ้าไม่ไปที่นั้นทุกวัน ผมจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป”
“คืนนี้ มีธุระอะไรรึเปล่า?” หวังเย้าถาม
“ไม่มีครับ” จงหลิวชวนพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกินข้าวในเมืองด้วยกันสิ” หวังเย้าพูด
จงหลิวชวนตกลง
หลังบอกที่บ้านว่าเขาจะไปข้างนอกแล้ว หวังเย้าก็ขับรถเข้าไปในเมืองพร้อมกับจงหลิวชวน
“เดี๋ยวถ้าดื่มเหล้า ก็รับผิดชอบตัวเองด้วยนะ” หวังเย้าพูดเล่น
“ไม่มีปัญหา” จงหลิวชวนตอบโดยไม่ลังเล ดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องถนัดของเขาเลย
หวังหมิงเปาโทรชวนพันจวินและหลีเม่าชวงพวกเขาคนหนึ่งอยู่ในเมืองและอีกคนอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเขาคิดจะโทรชวนเทียนหยวนถูด้วยแต่เขาไม่ได้อยู่ที่เหลียนชานในเวลานี้
“อันดับแรก ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยว่ามื้อนี้ฉันจะเป็นคนเลี้ยง”หวังหมิงเปาพูด“ห้ามให้ใครจ่ายเงินถ้าไม่อย่างนั้นฉันสู้ตาย”
อาหารถูกนําออกมาเสริฟอย่างรวดเร็ว อาหารขึ้นชื่อของร้านคือซุปปลาในหม้อขนาดใหญ่มันทั้งสดและรสชาติเยี่ยม
กริ้ง! กริ้ง! มือถือของหวังเย้าดังขึ้นเมื่อมองดูหน้าจอเขาก็ได้รู้ว่าเป็นซูจือจิ้งและกดรับสาย“ฮัลโหลพี่ใหญ่”
“นายยุ่งอยู่รึเปล่า?” ซูจือจิ้งถาม
“กําลังกินข้าวกับเพื่อนๆอยู่ครับ” หวังเย้าตอบ
“เพื่อน? ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” ซูจือจึงถาม
“ผู้ชาย” หวังเย้าหัวเราะ
“เอาเถอะ ถึงจะเป็นผู้หญิง ฉันก็เชื่อใจนายอยู่ดี”ซูจือจึงพูด“มาเข้าเรื่องกันดีกว่าฉันอยากขอความช่วยเหลือจากนายน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“นายยังจําเรื่องที่เคยสัญญาไว้กับฉันได้รึเปล่า?” ซูจือฉิงถาม
“ผมสัญญาอะไรพี่ไว้เหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“เฮ้ย นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองนะ” ซูจือฉิงพูด “นายคงไม่คิดจะปฏิเสธใช่ไหม?มาสอนพวกเราที่นี่ได้แล้ว!”
“พี่ยังไม่หายดีเลย ทําไมต้องห่วงเรื่องนี้ด้วย?”หวังเย้าถาม“รออีกสักหน่อยก็ได้ไม่ต้องรีบอน”
“ก็เพราะพวกเรารีบยังไงล่ะ”ซูจือฉิงพูด
“ทําไมครับ?” หวังเย้าถาม
“ชายแดนเริ่มไม่สงบ ยังมีคนวางแผนทําอะไรบางอย่างอยู่ และอีกไม่นานเราคงต้องออกไปทําภารกิจเราจําเป็นต้องเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ!”ซูจือจึงไม่ต้องการเห็นเพื่อนร่วมกองทัพต้องจากเขาไปตลอดกาลหลังออกไปปฏิบัติภารกิจอีกแล้ว
หวังเย้าเงียบไปนาน ก่อนจะพูดว่า “ผมจะหาเวลาให้
“โอเค นายไปกินข้าวกับเพื่อนของนายต่อเถอะ อย่าดื่มเยอะล่ะ ห้ามพลาดทําอะไรไม่ดีเข้าล่ะแล้วถ้าเกิดว่าทําพลาดก็อย่าให้จับได้”ซูจือจึงพูด
“ได้ครับ ผมรู้แล้ว” หวังเย้าพูด
หลังจากวางสาย เขาก็กลับไปที่โต๊ะ
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” หวังหมิงเปาถามทั้งที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก “นายออกไปคุยโทรศัพท์ตั้งนานคงไม่ใช่ว่าเสี่ยวซวีโทรมาเช็คนายตอนกลางคืนหรอกนะ?”
“ไม่ใช่เธอหรอก เป็นพี่ชายของเธอต่างหาก”หวังเย้าพูด“เราแค่คุยกันนิดหน่อยเท่านั้นกินเถอะ”
“มาเร็ว ดื่มอีกแก้ว” หวังหมิงเปาพูด
ทุกคนบนโต๊ะต่างชแก้วขึ้น
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ฐานทัพที่ตั้งอยู่บนเขาทางใต้ของประเทศ
“เป็นยังไงบ้าง?” หัวหน้าของซูจือฉิงถาม
“เขาตกลงแล้วครับ แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องเวลา” ซูจือฉิงพูด
“เวลาไม่รอพวกเรา” หัวหน้าพูด “พวกเขาถูกพบตัวที่ยูนนานใต้แต่ทุกคนตายหมดเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่นั่นเราต้องการไปตรวจสอบที่นั่น”
“ในเขตนั้นเหรอครับ?” ซูจือจึงถาม
“ใช่ มันจะต้องมีบางอย่างที่อยู่ในป่าของทางยูนนานใต้ที่ดึงดูดพวกเขาให้ไปที่นั่น”หัวหน้าของเขาพูด“ถ้าไม่อย่างนั้นทําไมพวกเขาถึงได้ไร้ความกลัวและพุ่งตัวเข้าไปในนั่นคนแล้วคนเล่ากัน?”
“หัวหน้า ผมอยากเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย” ซูจือจึงพูด
“เป็นไปไม่ได้หรอกนายยังไม่หายดี”หัวหน้าของเขาพูด“นายไม่สามารถยืนหยัดในการต่อสู้ที่มีความเสี่ยงสูงได้ ดังนั้นอย่าได้ฝืนตัวเองนายไปก็มีแต่จะกลายเป็นภาระให้คนในทีม”
ซูจือฉิงเงียบไป ถึงแม้คําพูดของเขาจะไม่ฟังไม่รื่นหู แต่มันก็เป็นความจริงการเข้าสู่สนามรบด้วยสภาพนี้มีแต่จะดึงรั้งเพื่อนร่วมทีมคนอื่น
“รักษาตัวอยู่ที่นี่ให้หาย แล้วก็อย่าคิดมาก” หัวหน้าของเขาพูด
ซูจือจึงพยักหน้ารับอย่างไม่ยินยอม“ในเมื่อฉันไปเองไม่ได้ฉันจะพยายามดึงน้องเขยในอนาคตที่มากความสามารถมาช่วยพวกเราเอง!”
รถขับเคลื่อนไปตามถนนที่ไร้แสงไฟ
“เชียนเชิง มียาอะไรไหมครับ ที่จะช่วยไม่ใช่เราเมาหลังดื่มเหล้าไปหลายพันแก้วแล้ว?”จงหลีวชวนที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับเอ่ยถาม
“มีสิ แต่มันไม่ได้วิเศษอะไรขนาดนั้นหรอก พูดง่ายๆ มันก็คือยาต้านฤทธิ์แอลกอฮอล”หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ
ค่ําวันนั้น อีกสามคนต่างเมาเล็กน้อย ถึงจงหลิวชวนจะดื่มไปมาก แต่เพราะการฝึกฝนช่วยให้ เขาไม่เป็นอะไร ตอนนี้เขายังฝึกการบ่มเพาะที่ได้รับมาจากหวังเย้า ดังนั้น ร่างกายของเขาจึง ทนทานมากขึ้นกว่าเดิม
หวังเย้าเห็นเงาร่างใครบางคนอยู่ในทุ่งนาที่ข้างถนน
ตุบ! บางอย่างถูกโยนออกมาและตกลงมาจนดังตบ
หวังเย้าเหยียบเบรกทันที รถหยุดลงหลังเคลื่อนตัวออกไปอีกหลายเมตรมีแกะตายอยู่กลาง
ถนน
คนกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากข้างถนน พวกเขาต่างถืออาวุธอยู่ในมือ
“เฮ้ย! ดูแกขับรถสิ! จ่ายเงินชดเชยมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้!” ชายคนหนึ่งตะคอก
“คิดจะแบล็กเมลหรือว่าปล้นพวกเราล่ะ?” จงหลิวชวนพูดกลั้วหัวเราะ
“เฮอะ เขาเข้าใจดีนี่นา” เขาพูด “ดี งั้นก็รีบเอาเงินทั้งหมดของพวกแกมาให้เราพวกฉันจะได้ไม่ต้องลงมือทําร้ายคน!”
“เชียนเชิง ปล่อยให้ผมจัดการเองครับ” จงหลิวชวนพูด
“ได้ แต่อย่าฆ่าใครเข้าล่ะ” หวังเย้าพูด
“อะไร? คิดจะฆ่าใครเหรอ?” ชายคนนั้นหัวเราะ
จงหลิวชวนลงจากรถและไปโผล่ตรงหน้าของชายคนนั้นในพริบตาเดียวเขาใช้วิชาต่อสู้ที่หวังเย้าสอนต่อยออกไป
ตุบ! ชายคนนั้นถูกแรงชกจนตัวปลิว
“โอ้ ทําไมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้?” จงหลิวชวนอึ้ง
แล้วเขาก็คิดได้ว่าไม่ใช่ชายคนนั้นที่อ่อนแอแต่เป็นพละกําลังของเขาที่เพิ่มขึ้นต่างหากเมื่อรวมเข้ากับวิชาต่อสู้ที่เรียนมาพลังหมัดที่ชกออกไปจึงมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้เขาจึง พยายามควบคุมการออกแรงของตัวเองเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาชายอีกคนจึงร่วงลงไป กองกับพื้น
“ยังอยากได้เงินอยู่อีกไหม?” จงหลิวชวนถาม
“ไม่ ไม่แล้ว!” ทั้งหมดร่ำร้อง
“แกะนมาได้ยังไง?” จงหลิวชวนถาม
“มันถูกขโมยมา” หนึ่งในนั้นตอบ
“โทรเรียกตํารวจและปล่อยให้พวกเขาจัดการที่เหลือเอง เวลาสั้นๆแค่นี้พวกเขาคงยังหนีไปไหนไม่ได้หรอก”หวังเย้าโบกมือไปในอากาศและพูด
หวังเย้าและจงหลิวชวนกลับเข้าไปนั่งในรถและจากไป ชายทั้งห้าถูกทิ้งให้นอนอยู่ที่พื้น
“รีบหนีเร็วเข้า” หนึ่งในพวกเขาพูด “ไม่ได้ยินเหรอ ว่าพวกเขาโทรหาตํารวจน่ะ?”
“ฉัน…ฉันปวดท้องมากเลย รีบพาฉันไปโรงพยาบาลเร็ว”
“ฉัน..ฉันก็ไม่มีแรงเลย!”
พวกเขาอยากจะหนี แต่กลับเจ็บปวดและไม่มีเรี่ยวแรงพวกเขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นเพื่อหนีไปได้และทําได้เพียงนอนอยู่ที่พื้นหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงหวอของรถตํารวจและเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆแต่ร่างกายของพวกเขากลับไม่ยอมทําตามคําสั่ง
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?”
“ฉัน…ฉันไม่อยากเข้าคุก!”