Elixir Supplier - ตอนที่ 804 ภูเขากําลังเติบโต
“โว้ เกิดอะไรขึ้นเนี้ย?” ตํารวจสองนายเดินทางมาถึงจุดที่ได้รับรายงานก็เห็นแกะตายหนึ่งตัวและคนทั้งห้าที่นอนกองรวมกันอยู่ที่พื้น
“คุณตํารวจ แกะของพวกเราโดยขโมยมา”ชายหนึ่งในห้าคนพูด “พวกเราไล่ตามพวกเขามาแต่กลับโดนทําร้ายและมาเรียกพวกเราว่าโจรส่วนอีกคนก็โทรแจ้งตํารวจ!”
เจ้าหน้าที่ตํารวจนายหนึ่งใช้ไฟฉายส่องหน้าพวกเขา เขาจดจําใบหน้าคนหนึ่งได้ “จ้าวเต๋อหานใช่ไหม? ตัวนายเชื่อคําพูดที่เพิ่งพูดออกมาของตัวเองบ้างไหม? บ้านนายอยู่ที่ไหน? มันห่างจากที่นี่ไปยังไม่ถึง 10 กิโลเมตรด้วยซ้ำ ดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้ผู้ชายตัวโตห้าคนพากันไล่จับคน ขโมยแกะมาจนถึงที่นี่ฉันว่าพวกนายนั่นแหละที่ขโมยแกะมา แล้วรอให้มีคนผ่านมาและทําให้พวกเขากลายเป็นแพะรับบาปแทนเร็วลุกขึ้นได้แล้ว!”
“คุณตํารวจ พวกเราลุกไม่ได้!” จ้าวเต๋อหานพูด
“ทําไมลุกไม่ได้?” ตํารวจนายหนึ่งถาม
“ถ้าพวกเราลุกและวิ่งได้ เราจะรอให้พวกคุณตํารวจมาจับพวกเราแบบนี้เหรอ?” ชายคนหนึ่งพึมพัมเสียงเบา
“นั่นก็จริง” ตารวจนายหนึ่งพูด “รอที่นี่ก่อนแล้วกัน!”
มีโจรห้าคนและตํารวจแค่สองนายรถตํารวจจึงจุพวกเขาทั้งหมดไม่ได้หลังจากนั้นสักพักรถตํารวจอีกคันก็มาถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจอีกสองนายพวกเขารู้สึกขบขันเมื่อได้เห็นสภาพของคนทั้งห้า
หลังจากได้ฟังค่าอธิบายจากเพื่อนร่วมงานพวกเขาก็คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้น่าสนใจมากเห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้พยายามโยนโทษให้คนอื่นแต่กลับโดนย้อนศรเข้าให้
“พาพวกเขาไปที่สถานีตํารวจกันเถอะ” ตํารวจนายหนึ่งพูด
“ขอโทษที คุณต่ารวจ พวกเราคงไม่ต้องเข้าคุกใช่รึเปล่า?” ชายคนหนึ่งถาม
ตัวเขาสั่นกลัวไม่หยุด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับต่ารวจใกล้ชิดขนาดนี้
“มันก็ขึ้นอยู่กับการกระทําของนายด้วย” ตํารวจนายหนึ่งพูด “ไปได้แล้วอย่ามัวแต่ชักช้า”
ร่างกายของคนทั้งห้าล้วนไร้เรี่ยวแรง พวกเขาตัวอ่อนราวกับกุ้ง พวกเขาโดนลากถูพาขึ้นไปนั่งบนรถต่ารวจ และถูกพาตัวไปที่สถานีตํารวจ
“ดูสภาพทุเรศของแกสิ” จ้าวเต๋อหานพูด
“ก็ฉันกลัว” หนึ่งในนั้นพูด
“จะกลัวอะไร?” จ้าวเต๋อหานถาม“แกก็แค่ขโมยแกะ ไม่ใช่คนสักหน่อย”
“คราวหน้า ฉันไม่ขอร่วมด้วยแล้ว” เขาพูด
“อะไร? ไม่ใช่ว่าพวกเราตกลงร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันเหรอ?” จ้าวเต๋อหานถาม “เจอเรื่องแค่นี้นายก็คิดจะถอยแล้วเหรอ? นายยังอยากประสบความสําเร็จอยู่อีกไหม?”
“พี่..พี่ชาย พวก…พวกเราจะประสบความสําเร็จทั้งๆที่อยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง?” เขาถาม
“ดูแลลิ้นของแกให้ดีก่อนจะพูดเถอะ!” จ้าวเต๋อหานตะคอก “เราอยู่ที่สถานีตํารวจแล้วถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเราโดนสั่งขังแน่!”
“ฉันขอไม่เกี่ยว” ชายคนหนึ่งพูด
ภายในช่วงเวลาสั้นๆ สองคนในกลุ่มของจาวเต๋อหานก็ขอถอนตัว กลุ่มที่เพิ่งสร้างขึ้นมาได้ไม่นานใกล้จะล่มแล้ว
“จ้าวเต๋อหาน ออกมา” ตํารวจนายหนึ่งพูด
ใช่เวลาไม่ถึงห้าชั่วโมง คนในกลุ่มที่ยังพอมีความมั่นใจอยู่บ้างก็ได้พ่นทุกอย่างออกมาจนหมดภายใต้แสงไฟพวกเขาไม่ใช่พวกก่ออาชญากรรมร้ายแรงแต่คอยทําเรื่องผิดกฎหมายเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอดพวกเขาคือผู้ร้ายที่สร้างความลําบากและความรําคาญให้แก่ตํารวจและศาล
พวกเขาถูกเรียกไปที่ละคน ไม่มีใครทนได้นานเกินสองชั่วโมงก่อนจะพ่นทุกอย่างออกมาความผิดของพวกเขาแต่ละคนคือการลักเล็กขโมยน้อยและทําร้ายคนเรื่องเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นคดีใหญ่ที่ต้องรับโทษหนักดังนั้นตํารวจจึงยังพวกเขาไม่กี่วันและปรับเงิน
“หัวหน้า ทําไมถึงได้สารภาษล่ะ?” ชายคนหนึ่งถามไม่ชัดถ้อยชัดคํา
“ดูแลลิ้นของแกให้ดีก่อน” จ้าวเต๋อหานพูด “ฉันถอนค่าสั่งล่วงหน้าแล้วแกนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”
“หัวหน้า พวกเราแค่แอบเข้าบ้านคนอื่นและขโมยของ”ชายอีกคนพูด“เราไม่ได้ไปฆ่าใครหรือเผาบ้านคนสักหน่อยถ้ารับมือการสอบสวนไม่ได้ก็ช่างมันเถอะไม่เห็นต้องอายเลยตํารวจบอกว่า พวกเราไม่โดนโทษตายหรอก!”
“แกโง่รึเปล่า?” จาวเต๋อหานโมโหขึ้นมา “แกมีความรู้เรื่องกฎหมายทั่วไปบ้างรึเปล่า? ถ้าพวกเราโดนโทษตายเพราะแค่ขโมยแกะตัวเดียวมันคงเป็นแกะทองคําแล้ว!”
ตํารวจนายหนึ่งตะคอก “โวยวายอะไรกัน? ทุกคนเงียบได้แล้ว!”
ทุกคนจึงเงียบเสียงลง
ในหมู่บ้านกลางเขา หวังเข้าจอดรถและเดินเข้าบ้าน เขาทักทายพ่อแม่ของเขาก่อนจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน หลังอ่านคัมภีร์ได้สักพักเขาก็ปิดไปแล้วเข้านอน
กลางดึกคืนนั้น ซานเซียนที่นอนอยู่ในบ้านสุนัขอยู่ๆก็ลุกขึ้น มันเดินกลับไปกลับมาด้วยท่าทีวิตกกังวลอยู่ที่แปลงสมุนไพร
ต้าเซี่ยเกาะอยู่บนยอดต้นไม้กระพือปีกด้วยท่าทางตื่นตัว
ไหม?
หวังเย้าที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาและลุกขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น?”
เขารู้สึกถึงพลังงานที่เปลี่ยนไปกะทันหัน พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
แผ่นดินไหว
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเฮาไม่หยุด
ต้าเซี่ยกางปีกขึ้นขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด
แผ่นดินสั่นอย่างรุนแรงนานกว่าหนึ่งนาที
แผ่นดินไหวสามารถสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้ในเวลาไม่กี่วินาที ยังไม่พูดถึงหากเกิดขึ้นนานถึงหนึ่งนาทีในนาทีนี้ดูเหมือนบนเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เห็นได้ชัดเจนต้นไม้ยังคงเดิมและกระท่อมก็ยังอยู่ที่เดิมซานเซียนเงียบเสียงลงและต้าเซียก็บินไปรอบเนินเขาหนานชานหลายครั้งก่อนจะบินกลับลงมา
ที่ตีนเขาจะเป็นยังไงบ้าง? หวังเย้าคิด
เขากังวลเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเขา ดังนั้น เขาจึงรีบลงจากเขา ในค่ําคืนที่มืดมิดเขาพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว เขาก็มาถึงที่ตีนเขาและทางเข้าหมู่บ้าน
หมู่บ้านเงียบสงัด แม้แต่เสียงเห่าของสุนัขก็ไม่มีให้ได้ยิน เขาสํารวจดหมู่บ้านโดยเฉพาะด้านนอกตัวบ้านของเขาเอง
ทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหมู่บ้าน บางที่อาจไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่หมู่บ้านไม่อย่างนั้นคนในหมู่บ้านก็ต้องมีปฏิกิริยากันบ้างแล้วสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นแค่บนเนินเขาหนานชานเท่านั้น
หวังเย้าคิด หรือภูเขาจะโตขึ้นอีกแล้ว?
เมื่อเขามาถึงจุดเชื่อมระหว่างเนินเขาหนานชานและตงชาน เขาก็พบว่าความสูงของเนินเขาหนานชานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 เมตร
“แปลก!ไ
หวังเย้าจ้องมองเนินเขาหนานชาน ก่อนที่เขาจะกลับไปที่กระท่อม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกในคืนนั้น
เช้าวันต่อมา ตอนเช้ามืด หวังเย้าได้สํารวจดูเนินเขาหนานชาน
“มันโตไวมาก!” หวังเย้าพูด
ซานเซียนส่ายหางไปมา
“ซานเซียน เมื่อคืนนายรู้สึกอะไรไหม?” หวังเย้าถาม
โฮ่ง! โฮ่ง!
“เนินเขาหนานชานโตขึ้นอีกแล้ว” หวังเย้าพูด “ความเร็วในการเติบโตของมันมากกว่านายด้วยซ้ำ!”
โฮ่ง!
“ถ้ายังโตด้วยความเร็วขนาดนี้ต่อไปละก็ ปีนี้ความสูงของมันจะต้องเพิ่มอีกหลายเมตรแน่”หวังเย้าพูด
เขามองดูจุดเชื่อมระหว่างเนินเขาตงชานและหนานชานในเวลาไม่ถึงครึ่งปีเขาลูกนี้ก็สูงขึ้นมากกว่าหนึ่งเมตรเขาคิดเขาลูกนี้มีจิตวิญญาณ!ฉันคงต้องปลูกต้นไม้เพิ่มอีก!
พื้นดินทั้งบนและล่างของเขายังคงมีพื้นที่รกร้างอยู่ ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็พอใจแค่ได้ปลูกพืชผักให้พอกินเท่านั้นไม่มีใครคิดลงแรงปลูกอย่างอื่นบนเขาถึงพวกเขาคิดจะทําแต่ปัญหาในการขนส่งในช่วงเก็บเกี่ยวก็ยังมีมันไม่มีเครื่องมือที่ช่วยทุ่นแรงถึงจะสามารถขับรถขึ้นมาบนเขาได้มันก็ต้องใช้เงินจํานวนมากถ้าพวกเขาเพาะปลูกในพื้นที่บนเขาก็ยังไม่แน่ว่าจะทํากําไรได้ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านต่างก็พอใจกับการหาเงินให้เพียงพอกับที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละวันเท่านั้น
ตอนกลางวัน หวังเข้าไปหาจงหลิวชวน “อยากช่วยงานผมไหมครับ?”
“เชียนเชิง สั่งมาได้เลยครับ” จงหลิวชวนพูด
“เราจะปลูกต้นไม้กัน” หวังเย้าพูด
“ยังจะปลูกอีกเหรอครับ?” จงหลิวชวนถาม
“ใช่” หวังเผ่าพูด
“ไม่มีปัญหาครับ” จงหลิวชวนพูด
หลังจากได้รับคําสั่งซื้อ หลี่ซื่อหยูก็รีบขับรถบรรทุกต้นไม้ทั้งหมดสามคันมาที่ตนเขาหวังเย้ากับจงหลิวชวนช่วยกันขุดหลุมและปลูกต้นไม้ทั้งสองทํางานอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะหวังเย้าใช้ มือขุดหลุมในครั้งเดียวก็กว้างพอสําหรับปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วไม่ว่าตรงพื้นดินจะมีอะไรอยู่เขาก็ขุดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
นี่ก็ถือเป็นการฝึกฝนเหมือนกัน! จงหลิวชวนคิด เขาจําได้ ครั้งหนึ่งหวังเย้าเคยพูดเอาไว้ว่า“การกิน, การใช้ชีวิต, การนั่ง, และการนอน ล้วนเป็นการฝึกฝน”
ช่วงบ่าย หลังจากอาจารย์และลูกศิษย์พากันเดินมาที่จุดเชื่อมระหว่างเนินเขาตงชานและหนานชาน จงหลิวชวนก็พูดขึ้นมาว่า “เชียนเชิงผมคิดว่าเป็นเขาหนานชานแปลกไปนะครับ”
“โอ้ คุณคิดว่ามันแปลกไปตรงไหนเหรอ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม
“มันดูเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย” จงหลิวชวนตอบ
“สายตาของคุณแม่นยํามาก” หวังเย้าพูด “มันสูงขึ้นจริงๆ เขาลูกนี้กําลังเติบโต
“จริงเหรอครับ?” จงหลิวชวนตกตะลึง
“จริงสิ” หวังเย้าตอบ “เรามาฝึกกันเถอะ”