Elixir Supplier - ตอนที่ 818 ถูกแมลงกลืนกิน
หวังเย้านั่งยอง หลังจากดูสภาพของชายคนนี้อย่างละเอียดแล้ว เขาก็พูดว่า “มาช่วยให้เขาไม่ทรมานอีกต่อไปเถอะครับ”
ชายคนนี้อยู่ในสภาพทุรนทุราย เขายอมตายยังจะดีซะกว่าแมลงนับไม่ถ้วนกําลังกัดแทะเขา,กลืนกินอวัยวะภายใน,เลือด,สมอง, และไขกระดูกของเขามันเป็นการลงโทษที่เลวร้ายและน่า สยดสยองแม้แต่การจบชีวิตด้วยตัวเองก็ยังเป็นเรื่องยากสําหรับเขา เขาทําได้เพียงตายไปอย่างทุกข์ทรมานเท่านั้นการตายอย่างรวดเร็วคือความปรารถนาที่สุดของเขา
“ฉันจะทําเอง!” ซูจือจึงหยิบปืนพกขึ้นมา
เกิดเสียงดังปัง เป็นการจบความทุกข์ทรมานของชายคนนี้
“แล้วร่างของเขาล่ะ?” ซูจือจึงถาม
“เผาครับ” หวังเข้าตอบ “แมลงพวกนี้อาจไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ตลอดก็จริงแต่จาเป็นระวัง เอาไว้ก่อน”
ทหารนายหนึ่งทําหน้าที่เผาร่าง
“หัวหน้า การตายของผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ประหลาดมาก” เพิ่งหรูชวงพูด
“แปลกยังไง?” ซูจอฉิงพูด
“เท่าที่บอกได้ ดูเหมือนหัวของเขาถูกกระชากออกจากคอ” เพิ่งหรูชวงตอบ
“กระชากออก? ด้วยมือเปล่าน่ะเหรอ?” ซูจีแงถาม
“มันก็ไม่แน่ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น” เพิ่งหรูชวงพูด
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”ซูจือฉิงถาม
ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มีกองกําลังอื่นนอกเหนือจากกองกําลังของชาวต่างชาติอยู่ภายในป่าแห่งนี้ด้วยอีกกองกําลังหนึ่งเพิ่งเข้าสู้และยิงปืนกับกองกําลังต่างชาติกลุ่มนี้และสังหารพวกเขาทั้งหมด
“หรือจะเป็นกองกําลังของพวกเรา?” เมิ่งหวชวงถาม
“กองกําลังของเรา?” ซูจือจึงคิดอยู่สักพักและพูดว่า “ไม่ใช่ ฉันยังไม่ได้รับแจ้งจากทางเบื้องบนเกี่ยวกับกองกําลังของเราถ้าพวกเขาเป็นกองกําลังของเราภารกิจของเราก็ต้องหยุดลง”
“ถ้าอย่างนั้น คนพวกนั้นเป็นใคร?” เมิ่งหวชวงถาม
“ติดต่อกับทีมให้ฉัน” ซูจือฉิงพูด
โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมทําการเชื่อมต่อ ซูจือจึงสื่อสารกับศูนย์บัญชาการเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาหลังจากวางสายเขาก็พูดว่า“เราจะพักกันที่นี้”
“มาตรงนี้ที่ครับ” หวังเย้าพูด และนําซูจือฉิงเดินไปอีกทาง “ทําไมเราถึงไม่ไล่ตามพวกเขาต่อครับ? ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้วอีกกลุ่มเพิ่งไปได้ไม่ไกลถ้าพวกเราตามไปตอนนี้ก็ยังไล่ตามพวกเขาทันถ้าพวกเรารอเราอาจจับพวกเขาไม่ได้”
“ใจเย็นๆ” ซูจือฉิงพูด “อย่ารีบลงมือท่าอะไร อย่าเพิ่งใจร้อน เบื้องบนก่าลังปรึกษากันอยู่”
“เรื่องแบบนี้ก็ต้องปรึกษากันด้วยเหรอครับ?” หวังเย้าตกตะลึง
“มันเป็นเรื่องของกระบวนการน่ะ” ซูจือจึงพูด
“ตกลงครับ งั้นเราก็รอไปก่อน” หวังเย้าพูด
ในเวลาไม่ถึง 10 นาที ข่าวก็ส่งมาถึง พวกเขาถูกสั่งให้ติดตามร่องรอยของกองกําลังอีกกลุ่มหนึ่งและสืบค้นตัวตนของพวกเขา
ทีมเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พบศีรษะของชายผิวขาวในระหว่างทาง
เพิ่งหรูชวงสรวจดูอย่างละเอียดสักพัก แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าหัวนี่ถูกกระชากออกจริงๆด้วย”
“อะไรนะ?” ซุจือฉิงตกตะลึง
“ดูตรงนี้สิ ยังมีรอยนิ้วมือติดอยู่ตรงนี้” เมิ่งหรูชวงพูด
เขาชี้ไปที่บริเวณคาง กระดูกถูกบีบจนแตก แต่ก็ยังพอเห็นรอยนิ้วมืออยู่
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?” ซูจือจึงถาม
“เขาต้องแข็งแกร่งขนาดไหนถึงทําแบบนั้นได้?” เพิ่งหรูชวงพูด “เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?”
“หรือจะเป็นวิชากังฟู?” ซูจีอฉิงหันไปมองหวังเย้าที่อยู่ด้านข้างเขาและกําลังมองดูศีรษะนั้นอยู่เช่นกัน
“ผมไม่รู้ครับ” หวังเย้าส่ายหน้า
เมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของหวังเย้า ซูจือจิงก็รู้สึกประหลาดใจและถามว่า “เดี๋ยวนะนายไม่กลัวสักนิดเลยเหรอ?”
ตลอดการเดินทาง พวกเขาพบเจอคนตายมามากกว่าหนึ่งคน ตั้งแต่เริ่มแรกหวังเฝ้าดูสงบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อยนี่นับเป็นเรื่องผิดแปลกเพราะเมื่อคนปกติทั่วไปได้มาเห็นร่างคนตายเป็นครั้งแรกพวกเขามักจะรู้สึกกลัวซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากไม่รู้สึกกลัวเลยนั้นเป็นเรื่องแปลกเกินไป
“ผมเคยเห็นคนตายมาหลายครั้งแล้วครับ” หวังเย้าพูด
“หรือหมอทุกคนจะเป็นพวกเลือดเย็นมาตั้งแต่เกิด?” ซูจือจึงถาม
“ก็อาจจะ” หวังเย้ายักไหล่
ป่าที่มืดมิดไร้เสียง ทีมของซูจือจึงติดตามอีกกองกําาลังหนึ่งต่อไป ครั้งนี้ พวกเขาเคลื่อนไหวเชื่องช้ากว่าเดิมเพราะกองกําลังกลุ่มนี้ทิ้งร่องรอยเอาไว้น้อยมากยิ่งเป็นช่วงเวลากลางคืนแบบนี้ถึงอีกฝ่ายจะทิ้งรอยเท้าหรือร่องรอยอื่นเอาไว้มันก็ยังเป็นเรื่องยากมากในการเสาะหา
เป็นอย่างที่หวังเย้าพูดเอาไว้ถ้าพวกเขาติดตามไปตั้งแต่แรกมันจะง่ายกว่านี้มากเวลาเพียงแค่ 10 นาทีไม่อาจดูถูกได้เลยพวกเขาอยู่ในป่าใหญ่ ดังนั้นร่องรอยของอีกฝ่ายอาจหายไปได้ทุกเมื่อ
กลิ่นในอากาศเบาบางมาก หวังเย้ายืนสูดกลิ่นอยู่ใต้ต้นไม้ ในตอนแรกที่เขาเสนอให้รีบติดตามคนกลุ่มนั้นไปทันทีเป็นเพราะเขาสามารถติดตามกลิ่นเฉพาะตัวของคนเหล่านั้นที่หลง เหลืออยู่ในอากาศได้แต่หลังจากความล่าช้าที่เกิดขึ้น ถึงตัวเขาจะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่าคนอื่นมันก็ยังเทียบไม่ได้กับหมาป่า,สุนัข,และสัตว์ชนิดอื่นประสาทการดมกลิ่นของพวกมันเหนือกว่ามนุษย์นับพันเท่า
“พักที่นี่กันเถอะ” ซูจือจึงพูด
หลังจากเร่งรีบกันมาทั้งคืน มันจะดีกว่าถ้าระมัดระวังเอาไว้ก่อนการจดจ่ออยู่กับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลาจําเป็นต้องใช้พลังงานจํานวนมาก
ทหารทุกนายหยุดเพื่อพักฟื้นก่าลัง หวังเย้านั่งลงใต้ต้นไม้และกินอะไรบางอย่างอยู่การออกแรงเท่านี้ไม่นับเป็นอะไรสําหรับเขา
ซูจือจึงเดินมานั่งกับเขา เขาพูดเสียงเบา “เรายังตามทันได้อยู่รึเปล่า?”
“มันคงลําบากสักหน่อยครับ” หวังเย้าส่ายหน้าเบาๆ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ยังมีอีกวิธีหนึ่งในเราลอง”
“แผนอะไร?” ซูจือจึงถาม
“ผมจะไปดูด้วยตัวเอง” หวังเย้าพูด
เขาสามารถเดินทางไปทั่วป่าเพียงลําพังได้ ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วกว่าเหล่าทหารหลาย สิบเท่า และเขาอาจจะสามารถติดตามคนพวกนั้นไปจนทันได้
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป!” ซูจองรีบปฏิเสธขึ้นมาโดยไม่ลังเล
“ความจริง ป่านี้ไม่ได้อันตรายสําหรับผมเลยด้วยซ้ํา” หวังเย้าพูด
“แล้วคนพวกนั้นล่ะ?” ซจือจึงถาม “ถึงยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยกับแผนนี้”
“งั้นก็ช่างเถอะครับ” หวังเข้าไม่ได้ดึงดันต่อ เขารู้ว่าซูจือฉิงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา “ถ้าเป็นแบบนั้น ภารกิจนี้คงจะยืดออกไปอีกนาน”
การค้นหาใครสักคนในป่านี้ก็เหมือนกับการค้นหาเข็มในกองหญ้าแห้ง
ที่แห่งหนึ่งภายในป่า ชายนับสิบคนในชุดที่คล้ายกันยืนอยู่บนยอดเขาและมองลงไปด้านล่างพวกเขามองเห็นเพียงต้นไม้เท่านั้น
“ศิษย์พี่” ชายคนหนึ่งพูด
“กําจัดคนพวกนั้นไปรึยัง?” ชายอีกคนถาม
“ครับ พวกเขาถูกจํากัดจนหมดแล้ว” ชายคนแรกพูด “ยังมีอีกกลุ่มนอกจากพวกเขาอยู่ด้วย”
“พวกเขาเป็นใคร?” ชายอีกคนถาม
“เป็นทหารจากกองทัพ” ชายคนแรกพูด
“เราถูกพวกเขาค้นพบรึยัง?” ชายอีกคนถาม
“ยังครับ พวกเขากําลังติดตามกองกําลังต่างถิ่นพวกนั้น” ชายคนแรกพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ชายอีกคนพูด “อย่าสู้กับพวกเขา มันไม่ง่ายสําหรับพวกเขาที่จะปกป้องบ้านเกิดของพวกเราเอาไว้”
“เข้าใจแล้วครับ” ชายคนแรกพูด
“เข้าไปเอาของข้างในแล้วไปจากที่นี่กัน” ชายอีกคนพูด
“ครับ ผมจะอยู่ตรงนี้” ชายคนแรกพูด “ศิษย์พี่กลับไปก่อนก็ได้นะ
“ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรให้บอกฉันด้วย” ชายอีกคนพูด
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุด ท้องฟ้าก็เริ่มสว่าง
“ฟ้ว ในที่สุด กลางคืนก็ผ่านไปสักที!” ซูจือจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ภายในป่า แค่เดินทางตอนกลางวันก็นับว่าอันตรายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนกลางคืนเลย จนถึงตอนนี้ทีมของพวกเขาไม่เสียใครไปแม้แต่คนเดียวถึงจะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้นแต่พวกเขาก็พบเจอกับดักมากมายกองกําลังต่างถิ่นที่บุกรุกเข้ามาถูกตัดสินให้ต้องถูกกําจัด เป้าหมายในการมาที่นี่ของพวกเขาจึงถือว่าสําเร็จแล้วพวกเขามาด้วยกันเก้าคนผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการกลับไปทั้งเก้าคน
วันก่อน พวกเขาเดินทางภายในป่าเป็นระยะทางเกือบยี่สิบกิโลเมตรและได้พักเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น พวกเขาจึงอยู่ในสภาพเหนื่อยล้า
“พี่ใหญ่ พวกเขาจําเป็นต้องได้พักสักหน่อยนะครับ” หวังเย้ากระซิบคุยกับซูจือจิ้ง
เขาเป็นหมอ การบอกโรคผ่านทางการมองและดมกลิ่นเป็นเรื่องพื้นฐานและลึกซึ่งที่สุดเมื่อมองดูสีหน้าและฟังเสียงของพวกเขาแล้วมันแสดงให้รู้ว่าพวกเขาเหนื่อยล้าอย่างมากถ้าพวกเขาพบเจอกับศัตรมันคงไม่ใช่เรื่องดีพวกเขาอาจไม่สามารถดึงก่าลังออกมาต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
ซูจือจึงมองดูลูกทีมของเขา และคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนออกค่าสั่งให้พวกเขาได้พัก“พักที่นี่หนึ่งชั่วโมง!”
“เราเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว?” ทหารนายหนึ่งถาม
“เกือบสองกิโลเมตร และตลอดทางก็ไม่มีร่องรอยของพวกเขาเลย” ทหารอีกคนพูด