Elixir Supplier - ตอนที่ 832 พายุทราย
“ป้าเข้าใจแล้ว” ซงรุ่ยปิงพูด
“ฉันคงต้องรบกวนคุณป้าแล้ว” เธอพูด “ฉันกลับก่อนนะคะ”
“เธอมาที่นี่เองคนเดียวเหรอ?” ซงรุ่ยปิงถาม
“คนขับรออยู่ข้างนอกค่ะ” เธอพูด
“ดี เดินช้าๆล่ะ” ซงรุ่ยปิงพูด
หญิงตั้งครรภ์ลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างช้าๆ
“เฮ่อ เด็กคนนี้นี่!” ซงรุ่ยปิงถอนหายใจ
“คุณผู้หญิง ร่างกายของเธออาจมีเด็กไม่ได้ใช่ไหมคะ?” ชูเหลียนถามเสียงเบา
“ใช่ สุขภาพของเธอไม่ดีและหัวใจก็ยังมีปัญหาด้วย” ซงรุ่ยปิงพูด “เธอแท้งไปสองครั้งแล้วไม่ว่าเธอจะไปหาหมอกคนพวกเขาต่างก็บอกให้เธอเลิกคิดเรื่องมีลูกแต่ตอนนี้เธอดันท้องอีกครั้งแล้วดูสีหน้าของเธอสิ”
“เสี่ยวซวียังอยู่ที่เหลียนชานใช่รึเปล่าคะ?” ชูเหลียนถาม
“ใช่” ซงรุ่ยปิงพูด “ฉันจะโทรไปหา คงจะดีที่สุดถ้าหวังเข้ามาที่นี่ได้ ในเมื่อเธอมีลูกจนได้ถ้ารักษาเด็กเอาไว้ได้ก็จะดีที่สุด”หลังจากนั้นซงรุ่ยปิงก็โทรหาลูกสาว
“ได้ หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณแม่” หลังจากวางสาย ซูเลี้ยวซวีก็บอกเรื่องสถานการณ์ของผู้หญิงคนนั้นให้หวังเย้าฟัง
“สุขภาพแย่และหัวใจมีปัญหา?” หวังเย้าถาม
“ใช่ค่ะ ฉันจําที่ได้ยินมาจากคุณแม่ว่า ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของฉันเป็นโรคหัวใจเธอผ่าตัดหัวใจไปแล้วสองครั้งเลยทําให้สุขภาพของเธอแย่ลง”สําหรับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ซูเสียวซวีจําได้ว่าเธอป่วยมาตั้งแต่เด็กและไม่ค่อยร่าเริงนัก
“อ็ม แล้วเธอจะกลับเมื่อไหร่?” หวังเย้าถาม “ผมจะได้กลับไปด้วย”
“ดีเลยค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด
ไกลออกไปหลายพันไมล์ กําแพงเมืองจีนที่ตั้งตระหง่านต้านแรงลมอยู่ทางทิศเหนือพายุทรายกําลังเคลื่อนตัวเข้ามา
ทะเลทรายหมิงซาซาน คือสถานที่ที่มีถ้ําและพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงอยู่มากมายทุกปีจะเต็มไปด้วยเหล่าผู้ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือน มีฝุ่นควันลอยขึ้นมาจากทะเลทรายมันเป็นภาพที่ดูงดงามแต่กลับมีสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งลม,ทราย,และอากาศที่แห้งหากใช้เวลาท่องเที่ยวในที่แห่งนี้สักสองสามวันคงเป็นเรื่องที่ทนได้แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่มาอาศัยอยู่ที่นี่
พระอาทิตย์กําลังตกดิน ชายวัยกลางคนสวมหมวกเบสบอลเดินทางมาถึงเมืองนี้ใบหน้าของเขาดูคลําเล็กน้อย
ภายในบ้านธรรมดาหลังหนึ่ง
เขาเดินไปที่ประตูบ้านและกดกริ่ง
“ใคร?” เสียงแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังออกมาจากด้านในเสียงเปิดประตูดังกริกบานประตูถูกแง้มเปิดเพียงเล็กน้อยเมื่อมองผ่านช่องบานประตูจะเห็นใบหน้าเรียวเข้มดวงตาของชายหลังบานประตูออกเหลืองเล็กน้อยและเขามีคิ้วที่ดูรุงรัง
“อยู่ที่นี่จริงๆด้วย” ชายวัยกลางคนพูด
“เป็นนาย?” ชายอีกคนตกตะลึง
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายเข้ามา
หลังจากเดินเข้าไปในห้องและมองการตกแต่งภายในบ้านแล้ว เขาก็ถอดหมวกออก มันเป็นห้องเล็กๆที่ดูเหมือนจะมีพื้นที่แค่ไม่กี่ตารางเมตรด้านในมีสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งอยู่ภายในดูธรรมดาบางชิ้นก็ทั้งเก่าและฉีกขาดภายในบ้านมีกลิ่นพิเศษบางอย่างคล้ายกับกลิ่นของยาสมุนไพร
“บ้านทําไมเล็กแค่นี้เองล่ะ?” ชายวัยกลางคนถาม
“แค่นี้ก็เพียงพอสําหรับคนหนึ่งคนแล้ว” เจ้าของบ้านพูด
เขาไม่ได้ชงชา แต่กลับเอาน้ำเปล่ามาให้แขกแทน
“ฉันคิดว่า นายตายไปแล้วซะอีก” เขาพูด
“ฉันก็คิดว่าตัวเองจะตายแล้วเหมือนกัน แต่พระเจ้าไม่เอาฉัน ฉันก็เลยรอดมาได้” ชายวัยกลาง คนยกแก้วนขึ้นดื่ม“น้ำไม่เห็นอร่อยเลยสักนิด!”
“ในน้ำแร่มีแร่ธาตุสูง รสชาติก็เลยแปลกแบบนี้ยังไงล่ะ” ชายอีกคนพูด
“ทําไมถึงได้เลือกมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” ชายวัยกลางคนถาม “สภาพอากาศไม่ดี แล้วยังอยู่ห่างไกล ด้วย”
“ฉันชอบอากาศแบบนี้” เขาพูด “นายก็รู้ว่าร่างกายของฉันมีปัญหา สภาพอากาศของที่นี่เลย เหมาะกับสภาพร่างกายของฉัน”
“นายยังไม่หายอีกเหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม
“ฉันไม่หายหรอก” เขาพูด “ฉันทําได้แค่ยื้อเวลาชีวิตออกไปวันต่อวันก็เท่านั้น”
“ดูนี่สิ!” ชายวัยกลางคนหยิบถุงพลาสติกออกมาจากกระเป๋าของเขา ด้านในมีดอกไม้สีแดง ราวกับเลือดอยู่หนึ่งดอก
“นั่นมั่น..มันคือดอกกล้วยไม้สีเลือด!” เมื่อเจ้าของบ้านได้เห็นดอกไม้ เขาก็ผุดลุกขึ้นยืนใน ทันที
“เอาไปดูสิ” ชายวัยกลางคนพูด
เจ้าของบ้านเปิดถุงออกด้วยความระวัง เขาสูดดมกลิ่นของดอกไม้ จากนั้นก็เด็ดส่วนหนึ่งใส่ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลืนลงไป
“ของดี นี่มันของดี!” หลังจากผ่านไปนาน เขาก็ถอนหายใจพร้อมกับปรับอารมณ์ให้คงที่ “นาย ไปหามาจากที่ไหน?”
“เขตแดนลับในยูนนานใต้” ชายวัยกลางคนพูด
“ที่นายยังมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงวันนี้ก็เพราะดอกไม้นี่ใช่ไหม?” ชายอีกคนถาม
“ใช่ ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณมัน” ชายวัยกลางคนพูด
“สีหน้าของนายยังซีดและคล้ําอยู่ แสดงว่าพิษในร่างกายยังถูกขับออกไปไม่หมด” เขาพูด “ดอกไม้นี่อาจช่วยนายได้ชั่วคราว แต่มันไม่สามารถช่วยในระยะยาวได้!”
“ไม่สําคัญ ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนี้อยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนพูด
“อ้อ?”
“ดูนี่สิ” ชายวัยกลางคนยื่นมือไปให้อีกฝ่าย
เจ้าของบ้านวางมือลงบนข้อมือของเขา หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็เอามือออก
“ไม่น่าเชื่อ!” เจ้าของบ้านอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “พิษได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ร่างกายนายไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอันตราย แต่มันยังให้ประโยชน์กับนายด้วย!”
“ฉันทดลองดูแล้ว” ชายวัยกลางคนพูด “แมลงพิษกับพิษไม่มีผลกับฉัน ตอนนี้ฉันมีภูมิคุ้มกัน พิษทุกชนิดแล้ว”
“ฮาฮา ตอนนี้นายกลายเป็นมนุษย์พิษไปแล้ว” ชายอีกคนพูด “ถ้ามีอะไรมากัดนายเข้า มันอาจ เป็นฝ่ายที่ต้องตายแทน” แค่ก!แค่! ชายเจ้าของบ้านเริ่มไอออกมา
“ฉันเอามาได้แค่นี้เท่านั้น” ชายวัยกลางคนหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและวางลงบน โต๊ะ เขาเปิดฝากล่องออก ด้านในมีดอกกล้วยไม้ที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ทั้งหมดสิบสองดอก
ชายเจ้าของบ้านจ้องมองดอกไม้ทั้งสิบสองดอกนั้น หลังจากเงียบไปนาน เขาก็ถามขึ้นมาว่า “นายคิดอยากจะทําอะไร?”
เขาเดินทางมาไกลหลายพันไมล์พร้อมกับของล้ําค่าแบบนี้ เป้าหมายของเขาคงไม่ใช่แค่การมาเยี่ยมเพื่อนเก่าคนหนึ่งแน่ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้นับว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำต่างฝ่ายต่างก็ใช้ประ โยชน์กันและกัน
“ที่นี่มันลมแรงและฝุ่นเยอะเกินไป” ชายวัยกลางคนพูด “นายอยากไปอยู่ที่อื่นไหม?”
ชายวัยกลางคนมองอีกฝ่าย
“ฉันเหนื่อยแล้ว” ชายอีกคนพูด “ฉันไม่อยากวิ่งวุ่นอีกต่อไป”
ชายวัยกลางคนมองไปรอบห้องอีกครั้ง
“นายไม่อยากแค่แค้นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นแล้วเหรอ?” เขาถาม
“ฉันจะแก้แค้นได้ยังไง?” เขาถาม “ตอนนี้นายเป็นมนุษย์พิษไปแล้ว นายสู้พวกเขาได้รึเปล่าล่ะ? ถ้าไม่นับคนอื่น แค่เขาคนเดียวก็สามารถใช้หนึ่งนิ้วฆ่าพวกเราสองคนได้แล้ว”
“ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน” ชายวัยกลางคนพูด “ลองคิดดูก่อนก็ได้”
“เอานี่กลับไปซะ” เจ้าของบ้านผลักกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะคืนให้อีกฝ่าย
“เก็บไว้เถอะ” ชายวัยกลางคนพูด “เอาต้มกับน้ำแล้วดื่ม มันรสชาติดีมาก”
เขาลุกขึ้นและเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ลมด้านนอกยังคงพัดแรง
ภายในบ้าน เขานั่งจ้องดอกกล้วยไม้สีเลือดที่วางอยู่บนโต๊ะ
จ เฮ้อ ฉันเกือบตอบตกลงไปแล้ว!
วชชช! ลมด้านนอกพัดแรงคล้ายมีหินและทรายซัดเข้าใส่บานหน้าต่างจนเกิดเสียง
ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการไปจากที่นี่!
ชายวัยกลางคนสวมหมวกเบสบอลเดินลงไปชั้นล่างและเงยหน้าขึ้นไปมองชายที่อยู่ภายในบ้านกําลังมองดูเขาผ่านทางบานกระจกหน้าต่าง
สายลมพัดฝุ่นให้ลอยขึ้น
“คิดให้ดีดีล่ะ” เขาหมุนตัวเดินจากไป ด้านหลังของเขาดูโดดเดี่ยว
เขาที่เป็นเหมือนกับหมาป่าโดดเดี่ยว มีเพียงเงาเป็นเพื่อนเขา
ไกลออกไปหลายพันไมล์ในเหลียนชาน ท้องฟ้าสดใสและอากาศที่สดชื่น
“ทําไม? ลูกจะไปอีกแล้วเหรอ?” จางซิวหยิงถาม
“ครับ เสี่ยวซวีต้องกลับปักกิ่งแล้ว” หวังเย้าพูด “ผมจะพาเธอกลับไปส่ง แล้วรักษาคนไข้ระ หว่างนั้นด้วย”
“แบบนั้นก็ดี อยู่กับเสี่ยวซวีนานๆล่ะ ไม่ต้องรีบกลับหรอกนะจ๊ะ” จางซิวหยิงพูดด้วยรอยยิ้มลูกสาวของเธอแต่งออกไปแล้ว เรื่องนั้นก็ถือว่าเรียบร้อยตอนนี้เธอก็ได้แต่หวังว่าลูกชายของเธอจะได้แต่งงานโดยเร็วและมีหลายชานให้เธอสักคน
“ลูกไม่ต้องห่วงเรื่องทางบ้าน” เธอพูด “ยังไงก็มีพ่อกับแม่อยู่ที่นี่”
“ได้ครับ” หวังเย่าพูด
หลังจากต์หมิงหยางพาหวังรุ่ยไปเยี่ยมญาติที่บ้านของเขา หวังเย้ากับซูเสี่ยวซวีก็เดินทางไปปักกิ่ง
เครื่องบินร่อนลงจอดในตอนเที่ยงของวัน
“ฉันหิวแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด “เราไปหาอะไรกินกันดีไหมคะ?”
“เอาสิ” หวังเย้าพูด
“ไปค่ะ ฉันจะพาคุณไปเอง” ซูเลี้ยวซวีพูด
พวกเขานั่งแท็กซี่ไปที่เรือนสีประสานแบบโบราณหลังหนึ่ง ด้านนอกไม่มีป้ายติดอยู่แต่หลังจากที่เดินเข้าไปด้านในพวกเขาก็ได้รู้ได้ถึงความแตกต่างด้านในตกแต่งอย่างเรียบง่ายอาหารต้นตํารับถูกนําออกมาเสริฟ
พวกเขาสั่งอาหารมาสองสามจานและเหล้าหนึ่งขวด
“ฉันรู้ว่าเชียนเชิงไม่ชอบดื่ม แต่นี่เป็นเหล้าข้าวที่พวกเขาทําเอง” ซูเสี่ยวซวีพูด “ฉันได้ยินว่ามันรสชาติดีมากเชียนเชิงลองชิมดูนะคะ”
“ได้ ผมจะลองดู” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เหล้ามีรสหวานและแอลกอฮอลต่า มันอาจเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าหญิงสาว ตัวอย่างเช่นซูเสี่ยวซวีเธอในให้ตัวเองหนึ่งแก้วหลังจากจบไปสองครั้งใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงเรื่อ
“รสชาติดีไหมคะ?”
“อม รสชาติใช้ได้”
หลังจากมื้ออาหาร ทั้งสองก็พากันไปเดินเล่นในตรอกเก่าแห่งหนึ่ง