Elixir Supplier - ตอนที่ 836 มันแปลกเกินไป
“จริงเหรอ? จิตใจของพวกเขาอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ บอกตามตรง สําหรับนักศึกษาทั่วไป ความกดดันจากการเรียนก็มากพอสําหรับพวกเขาแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด “ลองคิดดูสิคะ ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่พวกเขาต่างก็เป็นหัวกะทิจากทั่วทั้ง ประเทศทุกคนคือนักเรียนนักเรียนชั้นยอดแต่หลังจากพวกเขามาถึงที่นี่พวกเขาก็ได้รู้ว่าพวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ฉลาดพอๆกับตัวเอง ข้อได้เปรียบที่พวกเขาเคยมีหมดไปโดยเฉพาะนักศึกษาที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นช่องว่างของพวกเขามากเกินไปพวกเขารู้แค่เรื่องเรียนบรรยากาศในการเรียนก็เปลี่ยนไป และนักศึกษาบางคนก็บอบช้ำภายใน
เธอนั้นต่างออกไป จิตใจของเธอเข้มแข็งเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาถึงสองปีและยังต้องทนทรมานจากโรคร้ายพลังใจและจิตวิญญาณของเธอจึงแข็งแกร่ง
“ฉันหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร”ซูเสี่ยวซวีพูด เธอยังคงเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีอยู่เสมอ
เรื่องที่หลี่หมุนเหลือราดกางเกงตัวเองอีกครั้ง ได้กระจายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
“เขาอราดกางเกงอีกแล้วเหรอ?”
“ใช่ เมื่อกลางวันนี้เอง”
“หึม แบบนี้มันแปลกๆนะ คนอื่นเวลาที่เห็นสาวสวยก็จะเดินไม่ไหว แล้วเขาเป็นอะไรถึงได้วาดกางเกงเวลาที่ได้เห็นหน้าเทพธิดา?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีเขาอาจจะตื่นเต้นเกินไปก็ได้”
“นายว่า เขาจะมีอาการทางจิตรึเปล่า?”
“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้นะ หรือเขาจะมีอาการทางจิตจริงๆ?”
“เจ้าสามไม่เป็นไรใช่ไหม?” เมื่อมองดูหลี่หลุนเหอที่นอนจ้องเพดานนิ่งรูมเมทของเขาต่างก็พากันเป็นห่วง
สาเหตุก็มาจาก การที่เขาไม่ควรจะอราดกางเกงตัวเองในวัยนี้แล้ว แต่มันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยถ้าเพราะเขามีอาการท้องเสียอยู่ก่อนแล้วถ้ามีใครราดกางเกงตัวเองสองครั้งในเวลาสามวันและด้วยสาเหตุเดียวกันเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย
เฮ้อ! หลี่หลุนเหอที่นอนอยู่บนเตียงถอนหายใจ
ครั้งนี้ ชื่อเสียงของเขาป่นปี้ มันเหม็นโฉไปหมดแล้ว
เขาอราดกางเกงตัวเองสองครั้งในเวลาไม่ถึงสามวัน ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนทําแบบนั้นกับเขาถึงขั้นคิดเรื่องอยากตายขึ้นมาแล้วด้วยซ้ํา
เขาถอนหายใจอีกครั้ง
“แล้วฉันจะไปเจอหน้าผู้คนได้ยังไง?”
ระหว่างทางจากตึกเรียนกลับมาที่หอพัก มีหลายคนชี้ไม้ชี้มือและนินทาเขา เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาแพร่กระจายไปเร็วแค่ไหนกัน?
“เจ้าสาม เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น อย่าไปคิดมากอีกเลยมันก็แค่ส่งผลกับชื่อเสียงของนายนิดหน่อยก็เท่านั้นหลังจากผ่านไปสักพัก ทุกคนก็จะลืม”
“ใช่ ถูกแล้ว ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”
“พวกนายพูดง่ายนี่ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกนายบ้างจะรู้สึกยังไง?” หลี่หมุนเหอพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งปนสะอื้น
“เอ่อ…”
รมเมทต่างก็เห็นใจเขา ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับใคร คงไม่มีใครรับได้ทั้งนั้น
“เอ่อ เจ้าสาม ฟังนะ บ่ายนี้เรายังมีเรียน นายจะไปไหม? ถ้านายไม่ไปก็รีบลาไว้ก่อนเถอะ!”
“นายคิดว่าเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว ฉันยังจะไปเรียนได้อีกเหรอ?”
ถ้าเขาไปเข้าเรียนตอนนี้ ไม่ใช่ต้องกลายเป็นตัวตลกให้นักศึกษาคนอื่นหัวเราะกันเหรอ?
“ก็ได้ เราจะลาให้นายเอง ส่วนพรุ่งนี้ เราจะลาให้นายอีกก็คงไม่ได้ใช่ไหม?”
ตารางเรียนของมหาวิทยาลัยเย็นจึงแน่นเอียด ในแต่ละวัน พวกเขามีคลาสเรียนจํานวนมาก
อยู่ๆหลี่หลนเหอก็ลุกขึ้นและพูดว่า “นายไม่ต้องลาให้ฉัน ฉันจะไปเรียนบ่ายนี้!”
“เจ้าสาม นายโอเคไหม?”
“อืม ฉันสบายดีมาก!”
“ดี ฉันรู้จักจิตแพทย์คนหนึ่ง ฉันได้ยินมาว่าเขาเก่งแถมยังไว้ใจได้ด้วย นายอยากให้ฉันพาไป หาเขาไหม?”
“พี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ป่วย จริงๆนะ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตั้งแต่เช้า ฉันก็ท้องเสียและ เจ็บท้องมาก มันเหมือนกับว่าฉันควบคุมมันไม่ได้เลย!”
“หรือเป็นเพราะท้องไสไม่ดี?”
“ใช่ น่าจะเป็นแบบนั้น”
“ถ้านายเจอหน้าเทพธิดาในอนาคต ก็พยายามเลี่ยงเธอเอาไว้ โลกนี้ไม่ขาดดอกไม้งามห รอก!”
“ใช่”
ตอนบ่าย หลี่หลุนเหอกลายเป็นจุดสนใจอย่างที่คาด
“เห็นเขาไหม? นั่นล่ะหลี่หลุนเหอ”
“คนที่อราดตัวเองน่ะเหรอ?”
“ใช่”
“คนอื่นถ้าไม่ยืนนิ่งอยู่กับที่ก็ดวงตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นคนสวย บางครั้งก็อาจจะมีปฏิกิรยา อย่างอื่น แต่ทําไมเขาต้องราดกางเกงตัวเองด้วย?”
“บางทีอาจจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากอาการทางจิตที่นายพูดไว้ก็ได้นะ แต่ของเขาอาจจะ แปลกอยู่สักหน่อย”
“แบบนั้นก็แย่เลย ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ เขาก็จะอราดกางเกงตลอดน่ะสิ คิดภาพไม่ออกเลยจ ริงๆ!”
เสียงพูดคุยราวกับเสียงแมลงวันนับไม่ถ้วนบินอยู่รอบตัวหลี่หลุนเหอ
ใบหน้าของเขาแดงก๋า เขาตัวสั่นเทาและกําาหมัดแน่น
“หลี่หมุนเหอ นายต้องอดทนเอาไว้ พวกเขาไม่ได้มีคนเดียว มันก็แค่หมากับแมลงวันเท่านั้น ที่พวกเขาพูดมันไร้สาระ!”
“เจ้าสาม อดทนเอาไว้!” พี่ใหญ่ของห้องที่อยู่ข้างๆตบไหล่เขา
“ไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่ ฉันเข้าใจ”
หนึ่งคลาสเรียนเป็นเรื่องทรมานสําหรับเขาอย่างมาก มันเป็นความทรมานที่แสนเจ็บปวด
แต่เขาก็ผ่านมันมาได้
“ออกไปสูบบุหรี่กันดีกว่า!”
เพื่อนนักศึกษาเดินมาหาหลีหมุนเหอและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “นี่ เรามาทําความรู้จักกัน หน่อยสิ!”
“เดี๋ยวนะ มีอะไรให้ต้องรู้จักกัน?” หลี่หลุนเหอไม่ได้พูด และรูมเมทของเขาก็ไม่พอใจมาก
เขาหมายความว่ายังไง? การกระท่าของเขาไม่ใช่ว่าเป็นการโรยเกลือลงบนแผลของคนอื่นเห รอ? มันจะมากเกินไปแล้ว
เมื่อนักศึกษาคนนั้นเห็นท่าทีของพวกเขา เขาก็รีบอธิบายขึ้นมาว่า “โอ้ ไม่ใช่นะ อย่าเพิ่งเข้า ใจฉันผิด!”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“คือว่า ฉันก็ชอบซูเสียวซวีเหมือนหัน ฉันอยากสารภาพรักต่อหน้าเธอ แต่ฉันกลัวว่าจะเกิด เรื่องแบบนั้นกับฉันเหมือนกันน่ะสิ ฉันเลยอยากมาถามเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อที่ฉันจะได้ระวังเอาไว้ ก่อน” นักศึกษาชายคนนั้นพูดออกมาตรงๆ
“ตอนนั้น ฉันแค่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาก็เท่านั้น” หลี่หมุนเหอพูด “จริงๆนะ มันไม่ได้มีอะไร มากไปกว่านั้นเลย อย่าคิดมาก มันไม่เป็นไรหรอก”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ จริงแท้ยิ่งกว่าท้องคํา” หลี่หลุนเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจแล้ว ขอบคุณนะเพื่อน ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนาย” นักศึกษา คนนั้นเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวนะ เจ้าสาม เรื่องที่นายเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“จริงสิ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเคยมีคนสารภาพรักกับเธอมาก่อนหรอกเหรอ? เราก็ไม่เคยเห็นใคร ราดกางเกงตอนที่สารภาพรักกับเธอเลยสักคน จริงไหม?”
“นั่นก็จริง”
ที่แห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยเย็นจึง
“เป็นยังไง? นายคิดได้รึยัง?”
“อม ไม่มีปัญหา ฉันจะลงมือพรุ่งนี้ แล้วฉันก็ซื้อยาแก้ท้องเสียมาแล้วด้วย”
“ดี สมกับที่เป็นเพื่อนของฉัน ฉันเลี้ยงนายทั้งเดือนเลย”
“โอ้ แบบนั้นฉันชอบ!”
เช้าวันต่อมา ภายในเรือนหลังน้อย
เพิ่งเจียเหอกับหลิวเจิ้งเพิ่งมาถึงที่เรือนเล็กตอนแปดโมงกว่า เพิ่งเจียเหอมีอาการดีขึ้น มากกว่าที่หวังเย้าคิดเอาไว้ ผ่านมาสองวัน หน้าของเธอเริ่มมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย และสภาพจิตใจ ของเธอก็ดีขึ้นมากด้วย ดูจากชีพจรของเธอแล้ว ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้น ตอนนี้ถือว่าเด็กใน ท้องของเธอปลอดภัยดี
“ผมจะทํายาเอาไว้ให้” หวังเย้าพูด “พรุ่งนี้ให้คุณกลับมาเอานะครับ”
“ได้ ขอบคุณครับหมอหวัง” หลิวเจิ้งเฟิงรีบรับคํา
“ยินดีครับ”
“เที่ยงนี้ หมอว่างรึเปล่าครับ? ผมอยากจะเลี้ยงข้าวหมอสักมื้อ”
“ไม่จําเป็นหรอกครับ ผมนัดกินข้าวกับเสี่ยวซวีที่มหาลัยเอาไว้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นไว้วันหลังก็ได้ครับ”
“ไว้ค่อยว่ากันครับ”
เมื่อสองสามีภรรยาเดินอกไปจากเรือนหลังน้อย สภาพจิตใจของทั้งสองก็เปลี่ยนไป พวกเขา ดูผ่อนคลายมากกว่าครั้งก่อนมาก
เมื่อพวกเขากลับไปแล้ว หวังเย้าก็ไปพบกับซูเสี่ยวซวีที่มหาวิทยาลัยเย็นจึง เมื่อเลิกคาบเรียน ทั้งสองก็เดินจับมือไปตามถนนในมหาวิทยาลัย
“ซูเสี่ยวซวี ผมรักคุณ!”
พลุบ! มีคนกระโดดออกมาจากพุ่มไม้
ไปตายซะ!
หวังเย้าเตะคนคนนั้นออกไปทันที
อ้าก! เขาร้องโหยหวน
“เชียนเชิง”
“ไม่เป็นไร ผมจงคิดเอาไว้แล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วตบหลังมือของซูเสี่ยวซวี
“นี่มันอะไรกัน? ทําไมนายถึงได้เตะคนอื่นแบบนี้?”
ชายคนนั้นกระโดดออกมาจากด้านหลังต้นไม้ ในสภาพที่หัวเต็มไปด้วยใบหญ้า
“ผมต้องขอโทษด้วย แต่ผมคิดว่าผมเจอคนโรคจิตเข้าน่ะ คุณเป็นอะไรรึเปล่า?” หวังเย้าถาม ด้วยรอยยิ้ม
“แก…นายหมายความว่ายังไง? ฉันแค่ต้องการสารภาพรักกับเทพธิดาก็เท่านั้น จําเป็นต้องทํา กันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ผมไม่เห็น ผมคิดว่าเป็นคนที่คิดไม่ดีจะเข้ามาทําร้าย!”
“เทพธิดา ผม…”
โอ้ ไม่นะ ฉันปวดท้องไม่ไหวแล้ว!
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ท้องไส้ของเขาก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา
“โอ้ ไม่นะ ฉันต้องไปห้องน้ำแล้ว!”
เจารีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำในตึกที่อยู่ใกล้ที่สุด
“เป็นไปไม่ได้!”
คนที่เฝ้ารอดูเรื่องที่เกิดขึ้นต่างก็ตกใจ
ปัด! เสียงผายลมดังขึ้นพร้อมกับเรื่องน่าเศร้า หลังจากเสียงผายลมเขาก็อราดกางเกงตัวเอง
อีกคนแล้ว!
เรื่องซุบซิบเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มันกลายเป็นข่าวใหญ่ในมหาวิทยาลัยภายในระยะเวลาเพียงสามวันชายสองคนที่สารภาพรักกับเทพธิดาซในตอนสุดท้ายพวกเขาทั้งสองกลับอราดกาง เกงตัวเองโพสบนบอร์ดของเว็บไซต์มหาวิทยาลัยกําลังลุกเป็นไฟ