Elixir Supplier - ตอนที่ 845 พูดคุย ร้าลึกความหลัง
เธอมองดูโปสเตอร์หนังที่ติดอยู่ด้านนอก แล้วอยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “เราเข้าไปดูหนังกันดีไหม?”
“ได้สิ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เราไม่ได้ดูหนังด้วยกันมานานแล้ว”
เพราะสุขภาพที่แย่ลงของเธอและอาการปวดศีรษะที่เป็นอยู่บ่อยครั้ง ทําให้พวกเขาไม่สามารถไปในที่ที่คนเยอะได้ ถ้าไม่อย่างนั้น มันอาจไปกระตุ้นอาการปวดศีรษะและทําให้ร่างกายของเธอแย่ลงได้
ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงหนัง แทนที่จะเลือกหนังแอคชั่นที่กําลังดัง พวกเขากลับเลือกหนังที่เนื้อหาเบาและตลกขบขันแทน ถึงจะมีคนอยู่เต็มโรงแต่ภายในโรงหนังเล็กๆแห่งนี้กลับเงียบและคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาดูกันเป็นคู่
ไม่นานหนังก็เริ่มฉาย นักแสดงเป็นหน้าใหม่ แต่เนื้อเรื่องกลับเดิมๆมันเป็นหนังที่ใครหลายคนสามารถคาดเดาตอนจบได้หลังจากที่ดูไปได้แค่ 10 นาทีแต่ทั้งสองก็ยังคงสนุกไปกับหนังการดูหนังเป็นเรื่องรองเรื่องสําคัญคือบรรยากาศที่ดีในเวลาดูหนัง
ทั้งสองกุมมือกัน เธอเอียงศีรษะพิ่งไหล่เขา พวกเขาดูรักใคร่กันมาก
ที่โรงแรม ชายที่แก่กว่าที่เดินทางมาด้วยกันกับพวกเขากําาลังสูบบุหรี่อย่างหนักเขาดูไม่มีความสุขนัก
“ฉันไปซื้อของดีกว่า!” เขาทิ้งก้นบุหรี่ไปที่พื้นและใช้เท้าเหยียบเพื่อดับไฟจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปจากห้องไป
หลังจากเดินไปรอบตัวเมืองเขาก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้ “ท่าไมเมืองถึงได้เล็กขนาดนี้?ไม่เห็นจะมีที่ไหนดีสักที่เลย!” เมื่อเทียบกับเมืองที่เขาอาศัยอยู่แล้วตัวเมืองเหลียนชานก็ทั้งเล็กและล้าสมัย
แต่เมืองเล็กแบบนี้ก็ยังมีข้อดีของมันอยู่
จังหวะชีวิตที่ช้ากว่า และความกดดันที่น้อยกว่าในเมืองใหญ่
ในหมู่บ้านกลางเขา หวังเย้าต้อนรับแขกพิเศษคนหนึ่งอยู่
เธอก็คือ ถั่วซื้อหรง
“ผมไม่ได้เจอคุณมาสักพักแล้ว ช่วงนี้คุณทําอะไรอยู่เหรอ?” หวังเย้าในชาให้เธอ เธอน้ำหนักหายไปหลายกิโล แต่ยังคงความสวยไว้เหมือนเดิม
“ส่วนใหญ่ฉันจะเดินทางไปต่างประเทศ ฉันไปทั่วเลยล่ะ ทั้งยุโรป แอฟริกา อเมริกา”
“ฟังดูสนุกนะครับ” หวังเย้าพูด
“ใช่ ฉันได้เห็นอะไรมากมาย มีเพื่อนเพิ่มขึ้นหลายคน และได้คิดอะไรได้หลายอย่าง” กัวซื้อหรงพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณผอมลง แต่กลับดูกระฉับกระเฉงขึ้นนะครับ” หวังเย้าทัก
อย่างที่พูดกันว่า อ่านหนังสือ 10,000 เล่ม ก็ไม่เท่าเดินได้ไกล 10,000 ลี้ประสบการณ์สามารถหาได้จากการเดินทาง มันให้โอกาสเราได้พบเจอผู้คนมากขึ้นและนําไปสู่การค้นพบสถานที่ใหม่ๆคนที่ออกเดินทางมักได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นต่างจากคนที่อยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน
“ร่างกายของเชียนเชิงเหมือนจะมีอะไรเพิ่มขึ้นมานะ” กั่วซื้อหรงพูด
“โอ้ มันคืออะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม มันเป็นพลังงานลึกลับ พลังงานของทางโลก” สองสิ่งที่กัวซื้อหรงพูดออกมาดูเหมือนจะไม่เข้ากันสักนิด
“สายตาของคุณเฉียบแหลมและมองอะไรได้ชัดเจน” หวังเย้าพูด“เป็นความจริงครับช่วงนี้ผมได้ไปมาหลายที่เหมือนกัน”
“เรื่องของเชียนเชิงกับเสี่ยวซวีแน่นอนแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ถือว่าแน่นอนแล้ว หลังจากที่เธอเรียนจบ เราก็จะแต่งงานกัน”
“แต่งเมื่อไหร่บอกฉันด้วยนะ!”
“แน่นอนครับ”
กั่วซื้อหรงนั้นต่างจากน้องชายจอมวางแผนของเธอ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาจะสามารถมองเห็นความสบายใจและความมั่นใจที่หาได้ยากในคนทั่วไปจากตัวเธอถ้าเธอเป็นผู้หญิงเธอต้องทําได้ดีกว่าน้องชายที่เอาแต่สร้างปัญหาของเธอมากมายหลายเท่า
“อืมมม ชาดี!” กั่วซื้อหรงพูด
“นี่เป็นชาต้าหงเผาจากเขาหวยใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ” หวังเย้าตอบ
“เชียนเชิงมีของดีอยู่เยอะจริงๆ!”
“มันเป็นของขวัญที่ได้มาน่ะครับ”
ทั้งสองเป็นเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันนาน พวกเขาพูดคุยเรื่องราวต่างๆไม่จบไม่สิ้น หวังเฝ้ามองออกว่า ถั่วซื้อหรงไม่ค่อยมีความสุขนักมีบางอย่างที่ดึงรั้งความสุขของเธอเอาไว้อยู่
“คุณมีเรื่องอะไรกวนใจอยู่รึเปล่า?”
“ใช่ เรื่องแต่งงานน่ะ”
“โอ้ คุณมีคนที่ชอบแล้วเหรอ?” หวังเย้าถาม
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ที่บ้านจัดการเรื่องการแต่งงานไว้ให้ฉันแล้ว” กั่วซื้อหรงพูดการแต่งงานนี้ถูกเตรียมเอาไว้นานแล้วในเวลานั้นเธอยังเด็กและไม่รู้ว่าการแต่งงานคืออะไรเธอจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนักแต่ตอนนี้ถึงวัยที่ต้องพูดเรื่องการแต่งงานของเธอแล้วทางบ้านจึงเริ่มพูดเรื่องนี้กับเธอถึงแม้ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลที่ได้พูดคุยตกลงเรื่องแต่งงานของเธอจะไม่อยู่แล้วแต่เรื่องการแต่งงานก็ยังคงต้องจัดอยู่ดี
ปัญหาก็คือถั่วซื้อหรงไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“คุณไม่ชอบเขา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแต่ง รอไปก่อน” หวังเย้าพูด
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ที่บ้านของฉันไม่เห็นด้วยน่ะสิ” กั่วซื้อหรงพูด
เธอถือกําเนิดในตระกูลร่ำรวยและมีชีวิตที่คนธรรมดาไม่สามารถมีได้ดังนั้นเธอจึงต้องแลกบางอย่างเพื่อสิ่งที่เธอได้รับมา
การแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูล ถือเป็นเรื่องปกติในหลายๆตระกูล
มันไม่สาคัญว่าต้องมีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวหรือไม่ เรื่องนั้นสามารถค่อยเป็นค่อยไปหลังแต่งงานก็ยังทัน
ความรักเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
นี่คือความคิดของผู้ใหญ่พวกเขามักจะพูดเรื่องนี้กับเหล่าคนหนุ่มสาวในตระกูลโดยเฉพาะคนที่มีความคิดในเรื่องรักใคร่รวมไปถึงบอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ฟังด้วย
“แบบนั้นดูเหมือนจะยุ่งยากมากขึ้น” หวังเย้าพูด
สถานการณ์ของคิ้วซื้อหรงกับซูเสี่ยวซวีนั้นต่างกัน พ่อแม่ของซูเสี่ยวซวีเพียงต้องการให้ลูกสาวของพวกเขามีความสุขส่วนเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับใครนั้นพวกเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่มย่ามถ้าพวกเขาพอใจและตรวจสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ลูกสาวของพวกเขาแต่งงานกับคนที่ไว้ใจไม่ได้
“คุณได้พูดเรื่องนี้กับพ่อแม่รึยัง?”
“ฉันบอกพวกเขาไปแล้ว” กัวซื้อหรงพูด“มันน่ารําคาญมากเลยล่ะพ่อแม่ของฉันใช้เรื่องการแต่งงานเป็นพ่อแม่จัดการให้” มากดดันฉันแทน”และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ท่าไมเธอถึงเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเธออยากเลี่ยงการแต่งงานและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเธอคิดยังไง
“แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไงเหรอ?” หวังเย้าถาม
“เขาก็ดี ชื่อเสียงของเขาดีทีเดียว” กั่วซื้อหรงพูด
เธอได้สอบถามเกี่ยวกับผู้ชายที่เธอจะต้องแต่งงานด้วยมาแล้วเขาเป็นคนถ่อมตัวและไม่ใช่คนชอบวางแผนเล่นเล่ห์ คุณสมบัติของเขาถือว่าดีทีเดียว
“คุณก็ลองทําความรู้จักกับเขาก่อนก็ได้นะครับ” หวังเย้าแนะนํา
“อืมมม” กั่วซื้อหรงจิบชา
“ฉันกลับล่ะ”
“ทําไมกลับเร็วล่ะ?” หวังเย้าถาม “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่แวะมาดูมาคุยกับเชียนเชิงเท่านั้น”
กั่วซื้อหรงยิ้มเธอและหวังเข้าไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นเธอไม่รู้ว่าทําไมแต่หลังกลับมาถึงที่บ้านเธอก็เดินทางมาที่หมู่บ้านกลางเขาเพื่อพูดคุยกับหวังเย้าเสียอย่างนั้นแถมเธอยังบอกเล่าเรื่องราวภายในใจออกไปราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกับมาแรมปี
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“อม กลับเข้าไปเถอะ”
“ถ้ามีเวลาก็แวะมาเยี่ยมอีกนะ”
“ได้ใ”
“โอ้ รอเดี๋ยวครับ”
หวังเย้าหยุดยั่วซื้อหรงเอาไว้ เขากลับเข้าไปในห้องและหยิบถุงออกมาใบหนึ่ง
“นี่เป็นผลไม้ที่ผมปลูกไว้บนเขามันอร่อยมาก แล้วนี่ก็เป็นถุงใส่ใบชามันเป็นชาที่ผมปลูกเองเหมือนกันเอากลับไปด้วยนะครับ”
“ได้ ขอบคุณนะ”
หวังเย้ายืนอยู่ทางทิศใต้สุดของหมู่บ้าน และเฝ้ามองกั่วซื้อหรงที่จากไป
“จ…โอ้ ดผู้หญิงคนนั้นสิ! สวยมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“นายกําลังคิดอะไรอยู่?”
“ก็เธอมาที่คลินิกของเชียนเชิง แล้วเชียนเชิงยังออกมาส่งเธอด้วยตัวเองเธอคิดว่าเชียนเชิง…” เจี่ยจื้อจายผิงกําแพงและเชิดค้างขึ้นด้วยท่าทางใช้ความคิด
“เจี้ยจื้อจาย!” หูเหมยบิดหูของเขา
“โอ๊ย โอ๊ย เจ็บนะ ภรรยา เบาๆหน่อยสิ”
“นายเบื่อหรือไง? นายถึงได้เอาแต่คิดเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องของเชียนเชิงน่ะ”
“ไม่ใช่นะ ฉันก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง!”
“รีบไปจัดการกับร่างของหมอพิษกันได้แล้ว”
“รับทราบ”
คืนนั้น รถคันหนึ่งใช้ประโยชน์จากความมืดขับออกไปจากหมู่บ้านจุดหมายปลายทางนั้นไม่อาจรู้ได้
ตอนเช้า พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนอย่างทุกวัน
พันจวินไม่ได้ไปทํางาน เขาจึงมาช่วยงานที่คลินิกของหวังเย้าหวังเย้าเริ่มสอนวิธีการแยกแยะชนิดของสมุนไพรจีน เขาเริ่มจากสมุนไพรชนิดที่ธรรมดาที่สุดก่อนมันเป็นเรื่องยากสําหรับพันจวินที่ร่าเรียนแพทย์แผนตะวันตกมาก่อนและไม่มีความรู้ในเรื่องยาสมุนไพรอยู่เลย
“ไม่ต้องกังวลครับ สมุนไพรแต่ละชนิดมีลักษณะพิเศษของมันอยู่ พวกเขามีความแตกต่างทั้งจากรูปทรง, สี,และรสชาติ”น้ำเสียงของหวังเย้าฟังดูสงบ มันทําให้คนฟังรู้สึกผ่อนคลายได้โดยไม่รู้ตัว
“มาจาสมุนไพรธรรมดากันก่อนนะครับ”
สมุนไพรจําเป็นต้องจดจําได้อย่างแม่นย่า ถ้าพวกเขาใช้สมุนไพรผิดไม่เพียงแต่จะไม่สามารถรักษาโรคได้เท่านั้นแต่มันอาจทําให้อาการร้ายแรงขึ้นหรือถึงตายได้
เวลาประมาณบ่ายโมง พันจวินก็รู้สึกราวกับหัวของเขากําลังจะระเบิดเพราะความรู้
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
ระหว่างที่เดินไปทานข้าว พวกเขาได้โทรเรียกจงหลิวชวน และยังชวนเจียจ๋อจายกับหูเหมยด้วย แต่ทั้งสองไม่อยู่บ้าน