Elixir Supplier - ตอนที่ 853 ให้ความสําคัญกับการทานอาหาร
“ฉันไม่รู้” เจี่ยจื้อจายพูด “มันดูน่าขยะแขยงมาก เชียนเชิงบอกว่าอย่าได้ดูถูกพวกมันเพราะถ้าเกิดถูกพวกมันกัดขึ้นมาแล้วรักษาไม่ทันก็อาจตายได้เลย”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?” หูเหมยถาม
“มีคนตายเพราะพวกมันมาหลายคนแล้ว” เจี้ยจื้อจายพูด “มันยังอาจเกี่ยวข้องกับความลับเรื่องพิษร้ายในน้ำพุร้อนด้วย”
“ไม่แปลกใจเลย ที่เชียนเชิงไม่ให้พวกเราแช่น้ำพุร้อนนาน”
เพิ่งจะเป็นตอนนี้เอง ที่พวกเขาเข้าใจความหมายในคําพูดของหวังเย้า
“แล้วเขารู้ได้ยังไง?” หูเหมยถาม
“เขาได้กลิ่นสาปจากในน้ำพุร้อนน่ะสิ” เจียจื้อจายตอบ
หวังเข้าขับรถอยู่ด้านหน้าเพื่อนําทางไปร้านอาหารที่พวกเขาไปบ่อยครั้ง
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับๆ” เจ้าของร้านที่เห็นพวกเขาก็รีบเดินออกมารับด้วยตัวเอง
มีลูกค้าหลายคนเข้ามาทานอาหารเย็นที่ร้าน ทําให้เหลือโต๊ะว่างอยู่แค่ห้าโต๊ะเท่านั้น
“อาหารจานพิเศษของทางร้านเป็น ปลาตันในหม้อ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา” เจ้าของร้านพูด “พวกคุณอยากลองชิม แล้วให้ค่าติชมกับทางร้านรึเปล่าครับ?”
“ได้สิครับ” หวังเฝ้าตอบ
อาหารทั้งหมดถูกนําออกมาเสริฟอย่างรวดเร็ว โดยที่จานสุดท้ายเป็นอาหารจานปลาที่มาพร้อมกับน้ำซุปสีขาวและกลิ่นหอมน่าทาน
“ดูน่าอร่อยมาก”
“เราได้ปลาตะเพียนสดๆจากเขื่อนเลยนะครับ” เจ้าของร้านพูด “ปลาทุกตัวเราคัดมาแต่ตัวที่หนักกิโลครึ่งทั้งหมดเรายังใส่ตังกุย,โสม,และสมุนไพรลงไปในตอนที่ทําอาหารเพื่อความอร่อยและบํารุงสุขภาพด้วย”
“ได้เวลาชิมแล้ว” หวังเฝ้ารีบพูดขึ้นมา เมื่อเขาได้ยินว่ามีสมุนไพรใส่ลงไปในอาหารด้วย
“ได้ครับ เชิญชมได้เลย” เจ้าของร้านพูด “หวังว่าทุกท่านจะชอบมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“คุณไม่ต้องเลี้ยงหรอกครับ” หวังเย้าพูด “คุณใจดีเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่ปัญหาเลย” เจ้าของร้านพูด “เป็นอันตกลงนะครับ เชิญทานกันได้เลยถ้าต้องการอะไรก็เรียกได้เลยนะครับ”
“ได้ครับ”
“มา ลองชิมปลาด”
“ใช่ กินๆ”
น้ำซุปมีรสชาติดี และตัวปลาก็ถูกปรุงสุกได้ที่
“โอ้ อร่อย!”
“มันอร่อยมาก ผมไม่ได้กินปลาที่อร่อยแบบนี้มานานแล้ว” เจี่ยจื้อจายพูด
หวังเย้าดื่มซุปและลิ้มรสชาติของอาหารอย่างช้าๆ
“เชียนเชิงคิดว่ายังไงครับ?”
“ไม่เลวเลย” หวังเย้ายิ้ม
เพียงแค่ชิม เขาก็สามารถเดาได้แล้วว่ามีอะไรใส่ลงไปบ้างมีทั้งโสม,เก๋ากี้,ฮวงจึง,และสมุนไพรอีกหลายตัว แต่แน่นอนว่าสมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้คุณภาพดีเท่ากับที่เขาปลูกไว้บนเนินเขาหนานชานความจริงพวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรเกรดต่ำถึงยังไงการทําธุรกิจก็ต้องคิดถึงกําไรเป็นหลักและพวกเขาก็ไม่ได้ทําเพื่อการกุศล
“เชียนเชิงดื่มเหล้าครับ” เจี่ยจื้อจายพูดในขณะที่ถือแก้วเอาไว้
“ขอบคุณครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนปลาน อย่ากินเยอะจะดีกว่านะครับ” หวังเย้าคีบเนื้อปลาขึ้นมาชิม
“ทําไม? มันมีปัญหาเหรอ?!” เจี้ยจื้อจายคายเนื้อปลาที่กาลังเคี้ยวอยู่ทันที
“มันไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรหรอก” หวังเย้ายิ้มแล้วพูดว่า “มันก็แค่สมุนไพรที่ใส่ลงไปสองตัวมีฤทธิ์ขัดแย้งกัน ร้ายแรงที่สุดก็อาจจะท้องเสียได้เท่านั้น”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร” เจียจื้อจายพด หลังจากนั้น เขาก็คีบเนื้อปลาอีกชิ้นเข้าปาก
“อืม มันอร่อย เชียนเชิงรู้ว่ามีสมุนไพรที่ใส่ด้วยกันไม่ได้เพราะแค่ชิมไปค่าเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“สมุนไพรตัวหนึ่งที่ชื่อว่า กานเฉา” หวังเย้าพูด “มันเป็นสมุนไพรทั่วไปที่มักถูกนำมาใช้ทํายารักษามันมีหน้าที่ประสานฤทธิ์สมุนไพรเข้าด้วยกันแต่ฤทธิ์ของมันกลับไม่ เหมาะที่จะนํามาใช้กับปลาตะเพียนและนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมบอกว่ามันไม่เหมาะที่จะนํามาใช้
“ยังมีอะไรอีกไหม? แล้วสมุนไพรตัวอื่นล่ะ?”
“สมุนไพรตัวอื่นไม่เหมาะจะใช้กับไก่”
“ไก่? มีไก่อยู่บนโต๊ะไหม?”
“มีการใส่น้ำสต๊อกไก่ลงไปด้วย” หวังเย้าพูด “ปลาตะเพียนกับน้ำสต๊อกไก่จะทําให้มีกลิ่นเล็กน้อย”
“ไม่ใช่ว่ามีอาหารที่มีชื่อเสียงที่ชื่อว่า ป่าหวางเบี้ยจี(ตันไก่ตะพาบน้ำเครื่องยาจีน) ที่ใช้ไก่กับปลาตะเพียนอยู่ด้วยเหรอ?”
“ก็อย่างที่ผมบอกไป ถ้ากินน้อยก็ไม่เป็นอะไร” หวังเย้าพูด “มันอาจทําให้ไม่สบายท้องแต่ก็ไม่ถึงกับร้ายแรงมาก”
“ผมไม่คิดว่า แค่การกินข้าวกับเชียนเชิงก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาด้วย”เจี้ยจื้อจายพูด
นอกจากปลาตันแล้ว ก็ยังมีอาหารจานพิเศษไก่ทอดรสเผ็ดอีกหนึ่งจาน
“อืม ทั้งสองจานรสชาติดีมาก” พันจวินพูด “ฉันรู้ได้เลยว่าทําไมคนถึงพากันมากินอาหารที่นี่ขนาดคนจากในเมืองก็ยังอยากลองชิมอาหารพวกนี้เหมือนกัน”
หลังจากกินเสร็จ หวังเย้าก็กลับไปที่หมู่บ้าน
“พวกเราไปดื่มชากันดีไหม?”
“หลังกินปลาเสร็จ อย่าเพิ่งรีบดื่มชา” หวังเย้าพูด “ต้องรอสักพักก่อนแล้วค่อยดื่ม
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเล่นไพ่กันดีกว่า เชียนเชิงเล่นด้วยกันไหม?”
“ไม่ครับ ขอบคุณ ผมจะกลับไปศึกษาแมลงพวกนี้ที่คลินิกพวกคุณตามสบายเลยนะครับ”
“งั้นก็ได้”
“ขอบคุณนะครับ เขียนเชิง”
“ยินดีครับ” หวังเย้าตอบ
เขาเดินกลับไปที่คลินิกและน่าขวดที่บรรจุแมลงพิษออกมาด้านในมีแมลงพิษหลายตัวกําลังไต่ไปมา
หวังเย้าเปิดฝาขวนอย่างเบามือ ในตอนแรก แมลงมีอาการบ้าคลั่งพวกมันพยายามกระโดดออกมาเขาไม่รู้ว่าทําไมแต่อยู่ๆเหล่าแมลงก็นอนกองอยู่รวมกันที่ก้นขวด ราวกับว่าพวกมันกําลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่น่าหวาดกลัว เช่นสิ่งมีชีวิตที่พวกมันหวาดกลัวอย่างที่สุด
“ทําไมตอนอยู่ที่น้ำพุร้อน พวกมันถึงไม่ได้มีปฏิกิริยาแบบนี้ล่ะ?”หวังเย้าถามกับตัวเอง “หรือพวกมันไม่ทันได้ตั้งตัว?”
เขากลับไปที่บ้าน แล้วนํากระต่ายตัวหนึ่งออกมาจากกรง
“ลูกจะเอากระต่ายไปทําอะไรเหรอจ๊ะ?” จางซิ่วหยิ่งถาม
“ผมจําเป็นต้องใช้มันสําหรับการทดลองครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาใส่กระต่ายเอาไว้ในกล่อง จากนั้น เขาก็ปล่อยแมลงตัวหนึ่งตามลงไปแมลงไม่ได้ทําอะไรในตอนแรกแต่แล้วอยู่ๆมันก็กระโดดเข้าใส่กระต่ายหลังจากนั้นไม่นาน กระต่ายก็เริ่มชักกระตุกเห็นได้ชัดว่ามันถูกพิษ
“เมื่อกี้นี่ มันดุร้ายมาก!”
หวังเย้าหยิบแมลงกลับไปใส่ไว้ในขวดแก้ว เขากรอกยาแก้พิษใส่ปากกระต่ายและรอให้ยาออกฤทธิ์อยู่เงียบๆ ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงกระต่ายก็เริ่มอาการดีขึ้นอาการผิดปกติเริ่มหายไปหวังเย้าน่าใบไม้และหญ้าใส่ลงไปในกล่องแล้วกระต่ายก็เริ่มกิน
“มันมีพิษรุนแรงมาก”
หวังเข้าทําการทดลองหลายครั้ง เพื่อทําความเข้าใจลักษณะของแมลงพิษชนิดนี้
เขาคิด แมลงพิษชนิดนี้เติบโตอยู่ในสภาพพื้นที่ที่ความร้อนสูงพิษของมันมีความเกี่ยวข้องกับพิษร้อน มันน่าจะนํามาทํายารักษาได้แต่มันเป็นพิษดังนั้นมันจําเป็นต้อ งความคุมปริมาณในการใช้
ไกลออกไปหลายพันไมล์ ในยูนนานใต้
ภายในโรงแรมที่มีการตกแต่งสวยงามแห่งหนึ่ง ด้านในห้องส่วนตัวกั่วเจิ้งเหอได้พบกับชายวัยสี่สิบเขารูปร่างผอมและสีผมออกเหลืองเล็กน้อยเขาดูไร้ชีวิตชีวาอย่าง มาก
“ลุงเสวี่ย ผมคงต้องฝากความหวังไว้กับลุงแล้ว” กั่วเจิ้งเหอพูด
“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว” เขาพูด “คุณชายสามารถสั่งให้ผมทําตามที่คุณชายต้องการได้ทุกอย่างเลยครับ”
“ลุงเสวี่ย เรียกผมว่าเจิ้งเหอก็พอครับ เวลาได้ยินคุณลุงเรียกผมว่าคุณชายแล้วผมรู้สึกเขินน่ะครับ”กั่วเจิ้งเหอเทเหล้าให้อีกฝ่าย
“เวลาไม่มีใครอยู่ด้วยผมจะเรียกคุณว่าคุณชาย แต่เวลาที่อยู่ข้างนอกผมจะเรียกคุณว่าเลขาคิ้วแบบนี้ดีไหมครับ?”
“แบบนี้ก็ได้ครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
“แล้วมีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ผมทําเหรอครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“กินข้าวก่อนเถอะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “เราค่อยคุยกันหลังกินเสร็จก็ได้”
“แบบนั้นก็ดี”
หลังจากดื่มเหล้าไปสามแก้วทานอาหารไปห้าจาน ถั่วเจิ้งเหอก็ส่งซองเอกสารที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในห้องทํางานของเขาให้อีกฝ่าย
“ลองอ่านดูก่อนครับ”
ชายวัยกลางคนเปิดซองเอกสาร เขาอ่านข้อมูลในหน้าแรก และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเขาจึงเริ่มอ่านอย่างตั้งใจ
กั่วเจิ้งเหออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด รวมไปถึงเอกสารที่อยู่ๆก็วางอยู่บนโต๊ะของเขาโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งสิ้น
“เขาได้มีการติดต่อกับคนแปลกๆพวกนี้เหรอครับ?” เขาถาม
“เท่าที่รู้ ไม่มีครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
ชายวัยกลางคนเงียบไปพักหนึ่ง
“ผมเห็นข่าวก่อนจะมาที่นี่” ในที่สุดชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นมา“เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นในพื้นที่ที่คุณชายดูแลอยู่ในหมู่บ้านหนึ่งมีคนตายถึง 11 คนภายในเวลาแค่สามวัน ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ เรื่องนี้แหละ” กั่วเจิ้งเหอพูด “เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษจากจังหวัดได้เดินทางมาสืบเรื่องนี้แล้ว”
“ผมขอดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ได้ไหมครับ?”
“ไม่มีปัญหา” กั่วเจิ้งเหอพูดเขาหยิบซองเอกสารอีกซองหนึ่งที่ดูเหมือนจะเตรียมเอาไว้อย่างดียื่นให้อีกฝ่าย
ชายวัยกลางคนอ่านอย่างละเอียด มันมีข้อมูลเยอะมาก มันจึงต้องใช้เวลาในการอ่านสักพักถั่วเจิ้งเหอไม่ได้รีบและรอคอยอยู่เงียบๆ
“ผมไม่มีหลักฐานอะไรเลย แต่จากประสบการณ์และความรู้สึกที่สั่งสมมาหลายปีการตายของคนพวกนี้ไม่ปกติพวกเขาถูกฆ่า”ชายวัยกลางคนพูด
“แต่ก็ไม่มีหลักฐานการฆาตกรรมบนตัวคนตาย” กั่วเจิ้งเหอพูดเขาเชื่อว่าคนพวกนี้ตายผิดธรรมชาติแต่ทุกอย่างจําเป็นต้องมีหลักฐานมายืนยันและสิ่งที่เขาขาดที่สุดก็ คือหลักฐาน
“แล้วก็มีคนส่งข้อมูลพวกนี้มาให้คุณชายสินะครับ” ชายวัยกลางคนพูด