Elixir Supplier - ตอนที่ 860 ออทิสติก
เป็นไปได้ไหมที่คนที่ส่งข้อมูลมาจะเป็นคนจากหุบเขาพันโอสถ แล้วคนที่ก่อเหตุก็เป็นคนจากที่นั่นเช่นกัน?ผู้กองหยางยังคงสูบบุหรี่ต่อ
ปังปัง! มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีทาง หรือเขาจะมาอีกครั้ง! ผู้กองหยางเอื้อมมือไปหยิบปืนขึ้นมา
“เข้ามาได้”
แกร็ก! ประตูถูกผลักเปิดจากด้านนอก คนที่เข้ามาเป็นชายวัยสามสิบ
“ผู้กอง คุณยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”
“ยัง ผมกําลังคิดเรื่องคดีนี้อยู่” ผู้กองหยางพูด
“คุณกินข้าวรึยังครับ?”
“ยังหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราออกไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมเลี้ยงเอง”
“เอาสิ” ผู้กองหยางเก็บปืนใส่ในซองที่ติดอยู่ตรงเอวของเขา เขาเก็บเอกสารทั้งหมดและออกไปจากห้อง
“ผู้กองอย่ากังวลไปเลยครับ ไม่เห็นจะต้องกดดันขนาดนั้นเลย!”
“จะไม่ให้ผมกดดันได้ยังไง?” ผู้กองหยางพูด “มีคนตายตั้ง 16 คนเลยนะ!”
“ผู้กอง ผมไม่ได้จะเสียมารยาทนะ แต่อย่าเอาไปคิดมากล่ะ”
“พูดมาสิ!”
“ผมได้ยินมาว่า เลขาคิ้วมีเบื้องหลังที่มีอานาจคอยหนุนอยู่”
“คุณคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
“เฮ้อ เป็นไปได้ไหมที่จะมีคนไม่ชอบเขาขึ้นมา ก็เลยคิดสร้างปัญหาให้กับเขาน่ะ?”
“ถ้าแค่ไม่ชอบเขา ฆ่าเขาก็จบแล้วนี่ ทําไมจะต้องฆ่าคนไปตั้งมากมายด้วย? มันไม่ยุ่งยากกว่าการฆ่าเขาแค่คนเดียวเหรอ?”
“เอ่อ ก็จริง”
“แต่ความคิดนี้ของคุณก็ทําให้ผมคิดอะไรได้เหมือนกัน” ผู้กองหยางพูด “บางที มันอาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาก็เป็นได้
ก่อนที่เขาจะรับคําสั่งมาให้มาที่นี่ หัวหน้าของเขายังได้บอกกับเขาเกี่ยวกับเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาของเลขาคิ้ว เขาถูกสั่งให้อดกลั้นและพยายามอย่าแสดงอาการไม่พอใจออกไป
พวกใช้อํานาจของที่บ้านอีกคนแล้วสินะ ผู้กองหยางคิด เขาไม่ชอบคนประเภทนี้เป็นอย่างมาก
“แล้วเรื่องฆาตกรล่ะครับ?”
“ผมยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” เขาพูด “ไม่สิ ผมอาจจะได้เบาะแสเล็กๆแล้วต่างหาก”
“จริงเหรอครับ?”
“ใช่ แต่ผมคงต้องยืนยันความถูกต้องก่อน ถึงจะบอกคุณได้”
“ที่นี่เป็นร้านอาหารเสฉวน ผมรู้ว่าคุณชอบอาหารรสจัด”
“เข้าไปกันเถอะ”
คืนนั้น หลายคนในเมืองที่นอนไม่หลับ
วันต่อมา พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า
“เลขาคิ้ว ขอโทษที่มารบกวนนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผู้กองหยาง”
ทั้งสองอยู่ภายในห้องทํางานของถั่วเจิ้งเหอ
“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”
“เอ่อ มีเรื่องอยู่นิดหน่อยน่ะครับ” ผู้กองหยางหัวเราะอย่างประหม่า
“เชิญพูดมาได้เลยครับ”
“หุบเขาพันโอสถ คุณรู้จักที่นั่นไหมครับ?”
“หบเขาพันโอสถ?” เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของถั่วเจิ้งเหอก็เปลี่ยนไปทันที
“โอ้ ดูเหมือนคุณจะรู้จักสินะครับ” ผู้กองหยางพูด
“ผมรู้จักครับ แต่ก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น” กั่วเจิ้งเหอตอบ “ผมได้ยินมาว่าคนของที่นั่นเชียวชาญเรื่องพิษและเลี้ยงแมลงพิษเอาไว้ด้วย”
“ยังมีอย่างอื่นอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้วครับ แต่ผมพอจะรู้ว่าผู้กองหยางมาที่นี่ทําไม คดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับพวกเขานี่คือสิ่งที่คุณต้องการจะบอกใช่ไหมครับ?”
“สัญชาตญาณของคุณแม่นย่ามาก” ผู้กองหยางพูด “มันมีความเป็นไปได้มากจริงๆ แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจนัก”
“แล้วผู้กองมาที่นี่ทําไมเหรอครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม
“คุณพอจะรู้ที่อยู่ที่แน่นอนของหุบเขาพันโอสถไหมครับ?” ผู้กองหยางถาม
“ผมไม่รู้ครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ผมได้ยินมาว่า มันค่อนข้างตัดขาดจากโลกภายนอก คนที่อยู่ด้านในแทบจะไม่ติดต่อกับคนข้างนอกเลยที่นั่นเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง”
“ถ้าพวกเขาไม่ชอบติดต่อกับคนภายนอก แล้วพวกเขาทําแบบนี้ทําไมล่ะครับ?”
“ผมไม่รู้ ผมคงต้องพึ่งพาคุณในการหาคําตอบข้อนี้แล้วล่ะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
“ได้ครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว เลขาถั่ว” ผู้กองหยางพูด “ถ้าคุณได้ข่าวใหม่เกี่ยวกับหุบเขาแห่งนั้นเมื่อไหร่ ช่วยบอกพวกเราด้วยนะครับ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ”
“ขอบคุณครับ
“ยินดีครับ”
กั่วเจิ้งเหอเดินไปส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนจากจังหวัดที่หน้าประตูห้องทํางานของเขา จากนั้น เขาก็กลับเข้าไปในห้องและจุดบุหรี่สูบ
เขารู้บางอย่างเกี่ยวกับหุบเขาพันโอสถ แล้วเขาก็ยังรู้ว่าฉันอาจจะเกี่ยวข้องกับที่นั่นด้วย
กัวเจิ้งเหอโทรหาใครบางคนและถามสองสามค่าถาม
“ผมไม่ได้ทํา”
“แต่พวกเขารู้เรื่องนี้แล้ว”
“พวกเขารู้ได้ยังไงครับ?”
“ไว้เราค่อยพูดเรื่องนี้ตอนที่เจอคราวหน้าแล้วกันนะครับ”
“ได้ครับ”
ในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์ มีแขกพิเศษคนหนึ่งมาพบหวังเย้า
“หมอซาง ทําไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ” ซางกุ้งื่อไม่ได้มาแค่คนเดียว เขายังพาชายวัยกลางคนและชายหนุ่มผอมแห้งใบหน้าออกเหลืองอายุประมาณ 17-18 ปีมาด้วย
“มีเรื่องที่ฉันจําเป็นต้องมารบกวนเธอน่ะสิ” ซางกู้ซื่อพูด
“เชิญว่ามาได้เลยครับ” หวังเฝ้ารีบพูด เขาให้ความเคารพอีกฝ่ายมาโดยตลอดและถือว่าตนเองเป็นเพียงผู้เยาว์เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย
“เด็กคนนี้ไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่ เธอช่วยตรวจเขาให้หน่อยได้ไหม?”
“ได้สิครับ เขาเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม
“เขาเป็นแบบนี้มาได้ปีกว่าแล้วครับ” ชายวัยกลางคนพูด
หวังเข้าตรวจร่างกายของเด็กหนุ่มอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบความผิดปกติอะไรนอกเสียจากร่างกายที่อ่อนแอของเขา ถ้าหากไม่ใช่เพราะปัญหาทางร่างกายมันก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องของจิตใจ
“มีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นแบบนี้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“ตั้งแต่แม่ของเขาตาย เขาก็กลายเป็นคนเงียบแบบนี้ไปเลยครับ” ชายวัยกลางคนพูด
หืมมม…มันเป็นอย่างนี้นี่เอง หวังเย้าเงียบไปนาน อาการแบบนี้รักษาไม่ได้ง่ายๆ
“ผมจะจ่ายยาให้เขาลองกินดูก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด
“ได้ครับ”
ยาที่เขาจ่ายให้เป็นตัวยาที่ช่วยลดความตึงเครียดของเส้นประสาท เด็กหนุ่มคนนี้อาจได้รับความกระทบกระเทือนใจจากการเสียชีวิตของผู้เป็นแม่ แม้จะผ่านไปเป็นปีแล้วแต่เขาก็ยังไม่ดีขึ้น
“รอเดี๋ยวนะครับ” หวังเย้าชงชาให้ซางกุ้งื่อหนึ่งกา
“ผมจะไปต้มยามาให้
“ได้”
ครั้งนี้ หวังเย้าเลือกใช้แค่สมุนไพรแสงจันทร์ที่เป็นสมุนไพรวิเศษแค่ตัวเดียวเท่านั้นรวมกับสมุนไพรทั่วไปที่เก็บจากแปลงสมุนไพรบนเนินเขาหนานชาน
“หมอซาง คนคนนี้น่ะเหรอครับที่หมอเคยพูดถึง?” ชายวัยกลางคนถาม
“ถูกแล้วล่ะ”
“เขาจะสามารถรักษาอาการของเสี่ยวหนานได้ไหมครับ?” ชายวัยกลางคนถาม
“นี่เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเราแล้ว” ซางกู้ซื่อพูด “อย่างน้อย เท่าที่ฉันรู้มายังไม่เคยมีโรคไหนที่เขารักษาไม่หาย
“ผมก็ขอให้เป็นอย่างนั้น”
หวังเย้าเตรียมยาเสร็จและนําออกมา เขายื่นถ้วยใส่ยาใบเล็กให้ชายหนุ่มและบอกให้เขาดื่ม
“เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถามอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเขาทําเพียงนั่งมองหน้าเขานิ่ง
“ดูเหมือนว่ายายังไม่เห็นผลที่ชัดเจน” ชายวัยกลางคนพูด
“มันได้ผล” อยู่ๆเด็กหนุ่มก็พูดขึ้นมา
“อะไรนะ? เสี่ยวหนาน เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไรนะ?” ชายวัยกลางคนประหลาดใจ
มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว? เขาไม่ได้ยินเสียงลูกชายพูดคุยกับคนแปลกหน้ามานานมากแล้ว
“มันได้ผล แต่ผลของยามีอยู่อย่างจํากัด” หวังเย้าพูด
แล้วเขาก็ยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของเด็กหนุ่มเบาๆ
“เธอรู้สึกยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นนิดหน่อย” เด็กหนุ่มพูด
หวังเย้าพยักหน้าและยิ้ม “เธอรู้สึกเย็นไหม?”
“เอาล่ะ วันนี้เราพอเท่านี้ก่อน”
“แค่นี้เหรอ?”
“เธอกลับไปได้แล้ว” ซางคู่จื้อพูด “ฉันจะอยู่คุยกับเพื่อนของฉันก่อน”
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่อยู่รบกวนพวกคุณแล้ว” ชายวัยกลางคนเดินออกไปจากคลินิก
“เด็กคนนี้เป็นหลานของเพื่อนฉันน่ะ” ซางลื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “เขามาขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันไม่มีทางเลือก ก็เลยต้องมาหาเธอที่นี่”
“ผมเคยเจอคนไข้ที่อาการคล้ายแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาได้ไหม”หวังเย้าพูด
คนไข้ที่มีอาการทางจิตรายล่าสุดที่เขาเคยเจอ เป็นชายหนุ่มที่ต้องการกลายเป็นเซียนชาย หนุ่มดึงดันที่จะเชื่อว่าความคิดของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องส่วนรายนี้เด็กหนุ่มปิดกั้นตัวเองและไม่ดีที่จะแลกเปลี่ยนหรือสื่อสารกับโลกภายนอกเขาดูเหมือนจะรู้เรื่องรอบตัวทุกอย่างแต่เขาไม่ดีที่จะพูดหรือเข้าไปมีส่วนร่วม อาการเหล่านี้ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะมันเป็นรูปแบบหนึ่งของกลุ่มอาการออทิสติกหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษาแต่เนิ่นๆอาการก็อาจจะแย่ลงได้ และเขาอาจจะต้องอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดกาล