Elixir Supplier - ตอนที่ 877 เปรียบเทียบ
“เธอเป็นใครเหรอ?”
“หนูก็เป็นลูกสาวของพ่อยังไงล่ะคะ” เธอตอบ
“อ้อ ดูเหมือนหน้าตาจะคล้ายกับลูกสาวของฉันอยู่นิดหน่อย”
“คลายลูกสาวของพ่ออยู่นิดหน่อยงั้นเหรอ?ไปเถอะค่ะกลับบ้านกัน”รอยยิ้มของเธอบิดเบี้ยวด้วยรู้ว่าพ่อของเธอนั้นป่วยหนักแค่ไหน
“เที่ยงนี้ ฉันอยากกินเนื้อแกะ” ชายชราพูด
“ได้ค่ะ แล้วหนูจะทําให้พ่อกิน” เธอพูดอย่างหมดหนทาง
ตั้งแต่ที่พ่อของเธอป่วยเป็นโรคนี้เขาก็ทําตัวเหมือนเด็กขึ้นเรื่อยๆ เขาทั้งดื้อรั้นและอารมณ์ขึ้นๆลงๆที่สําคัญไปกว่านั้นก็คือเขากลายเป็นคนหลงๆลืมๆเวลาที่เขาทานข้าวพอหลังจากทานเสร็จไปได้สักพักเขาก็จะพูดขึ้นมาว่าเขาหิวและอยากหาอะไรทาน
เฮ้อ ถ้าอยากจะมารักษาที่นี่จริงๆ ฉันคงต้องกลับไปปรึกษากับพี่สาวและพี่รองก่อน”
พอคิดถึงเรื่องเงินหนึ่งแสนหยวน มันก็ทําให้เธอรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา
ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวย และไม่ได้มีเงินมากมาย แถมที่นี่ยังเป็นแค่คลินิกเล็กๆแต่กลับกล้าเรียกเงินสูงขนาดนั้นในความคิดของพวกเขามีแค่โรงพยาบาลใหญ่ๆเท่านั้นที่สามารถเรียกร้องเงินจํานวนนั้นได้
ภายในคลินิก หวังเย้าไล่เรียงอาการของชายชรา และจดบันทึกลงไปในสมุดบันทึกที่มีไว้สําหรับโรคที่รักษาได้ยากสําหรับโรคนี้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาสามารถรักษาให้หายได้เขามีสมุนไพรวิเศษหลายตัวที่สามารถใช้รักษาอาการของโรคนี้
กลับไปคิดดูก่อนเหรอ? เขามองดูถ้วยชาที่ชายชราไม่ได้ดื่ม
คงต้องขึ้นอยู่กับความคิดลูกๆของชายชราแล้ว
เวลาใกล้ค่ํา ลมเย็นเริ่มพัดแรงขึ้น
ภายในหมู่บ้านกลางเขานั้นหนาวเย็นแต่ในยูนนานใต้ที่ห่างออกไปไกลหลายพันไมล์ยังสามารถสวมใส่เสื้อผ้าตัวบางได้อยู่ อุณหภูมิอยู่ที่ 20กว่าองศาซึ่งถือว่าอากาศกําลังดี
ภายในโรงแรมที่เขตเหอถั่วเจิ้งเหอจัดงานเลี้ยงให้หยางกวนเพิ่งที่กลับมาจากหุบเขาพันโอสถพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธงานนี้ได้ จึงต้องเข้าร่วมงานแต่โดยดี
“ผู้กองหยาง ยินดีด้วยกับการกลับมาพร้อมชัยชนะ” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้มคําพูดของเขาเป็นการยกยออีกฝ่าย
“เลขากั่วชมเกินไปแล้ว” หยางกวนเพิ่งพูด “ในระหว่างการเดินทางไปหุบเขาพันโอสถเกิดเรื่องคาดไม่ถึงขึ้นหลายเรื่องคดีนี้ถือได้ว่ายังไม่ถูกคลี่คลายเพราะเดี๋ยวชิงชานที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้ต้องหายังตามจับตัวเขามาไม่ได้กลับมาพร้อมชัยชนะงั้นเหรอ? เราไม่สมควรได้รับคําคํานี้หรอกครับ!”เขาแค่พูดออกไปตามจริงเท่านั้น
“ผู้กองหยาง คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว” กั่วเจิ้งเหอพูด “อย่างน้อยคุณก็ยืนยันตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?ส่วนเรื่องการจับกุมก็คือขั้นตอนต่อจากนี้แบบนี้จะเรียกว่าคดีที่ยังไม่ถูกคลี่คลายไม่ได้หรอกนะครับในความคิดของผมหลายส่วนถือว่าประสบความสําเร็จไปแล้วและมันคุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่สําคัญในครั้งนี้ก็คือระยะเวลาที่สั้นมากๆมันเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าผู้กองหยางกับคนของคุณสมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการสืบสวนพวกคุณมีความเป็นมืออาชีพและทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วผมก็ชื่นชมพวกคุณอย่างมาก”
“มาครับ ผมขอเป็นตัวแทนเขตในการดื่มให้พวกคุณ” กั่วเจิ้งเหอพูดก่อนจะยกแก้วเหล้าของตัวเองมาดื่มจนหมด
“ขอบคุณครับ เลขากัว” หยางกวนเฟิงและลูกน้องของเขาดื่มเหล้าในแก้วของพวกเขาตามจนหมดการดื่มอวยพรนี้มาจากผู้ว่าเขตอายุน้อยในฐานะที่เขาเป็นผู้ดูแลเขตเหอพวกเขาก็ควรต้องไว้หน้าอีกฝ่ายยังไม่พูดเรื่องที่เขามีอานาจของตระกูลคอยหนุนหลังอยู่ด้วย
“ผมได้ยินมาว่า พวกคุณพบเจออันตรายตอนที่อยู่ในหุบเขาพันโอสถด้วย”
“เราเจอเรื่องอันตรายจริงครับ”
มันเป็นอันตรายที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน นั่นก็คือพิษ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเดี๋ยวเหอและคนอื่นให้ความช่วยเหลือเขาไม่รู้เลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบไหน
“มาครับ ได้เวลาสําหรับแก้วที่สองแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและความนับถือจากผมขอบคุณนะครับ”กั่วเจิ้งเหอดื่มเหล้าในแก้วของเขาจนหมด
ทั้งสองจึงต้องทําตามเขาและดื่มเหล้าในแก้วของแต่ละคนจนหมด
หลังจากดื่มกันไปสองสามแก้วแล้ว บรรยากาศบนโต๊ะก็มีชีวิตชีวามากขึ้น คนที่สามารถเข้าร่วมงานได้ต่างก็เป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น พวกเขารู้ว่าควรพูดอะไรและแต่ละคําก็ล้วนแล้วแต่น่าฟัง
หยางกวนเพิ่งถือว่าปกติดี เขาเคยเข้าร่วมงานแบบนี้อยู่หลายครั้ง จึงถือว่ามีประสบการณ์พอตัวเขารู้ว่าคนพวกนี้พูดชมไปตามมารยาทเท่านั้นเขารู้ว่าควรดื่มเครื่องดื่มแบบไหนและแบบไหนที่ควรดื่มให้น้อยหรือไม่ควรดื่มเลยแต่ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้างเขานั้นต่างกันเขาคงยังไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้บ่อยนักในงานเลี้ยงครั้งนี้เขาได้มีโอกาสดื่มร่วมกับผู้ว่าเขต,ผู้อํานวยการ,และอีกหลายคน โอกาสแบบนี้นั้นห่างไกลและหาได้ยากสําหรับเขามันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่เขาทําได้แค่คิดเท่านั้นเขาจึงลืมตัวดื่มเหล้าจนเมาเมื่อเขาเมาเขาก็เริ่มพูดมากขึ้น
ในท้ายที่สุด เขาก็ยังเป็นแค่คนหนุ่มคนหนึ่งและไม่สามารถควบคุมปากตัวเองเวลาที่พูดได้เขาพูดทั้งเรื่องที่ควรและไม่ควรออกไปโชคดีที่เรื่องที่เขาพูดออกไปทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดี และหุบเขาพันโอสถ
“ผมต้องขอโทษเลขากั่วและทุกท่านด้วยนะครับ เขาเมาแล้ว” หยางกวนเพิ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”ผู้อ่านวยการคนหนึ่งพูด“เขาไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาเลยจริงไหมครับเลขาทั่ว?”
“จริงครับ” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาได้รู้เรื่องบางอย่างจากสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา
เขาอยู่ในช่วงวัยยี่สิบ การเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนของจังหวัดถือว่าไม่เลวเลยเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่แถมเขายังติดตามหยางกวนเฟิงผู้ที่มีชื่อเสียงดังไปไกลถึงในปักกิ่งตราบใดที่เขายังคง ติดตามหยางกวนเฟิงเขาก็ต้องได้รับความเชื่อถืออยู่บ้างความน่าเชื่อถือเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อการเติบโตอนาคตของเขาได้เป็นอย่างดีแต่เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วเขาก็ไม่ได้ถือว่าดีเท่าไหร่ เขาโดดเด่นแต่กั่วเจิ้งเหอที่นั่งอยู่ในที่นั่งเจ้าภาพกลับยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเขากลายเป็นผู้ว่าเขตได้ก่อนอายุ 30 ปีแม้จะมีคําว่า“ตัวแทน” วางอยู่ด้านหน้าตําแหน่งของเขาแต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่ามันเป็นแค่สัญลักษณ์เท่านั้นเมื่อถึงเวลามีความเป็นไปได้ถึง 99% ที่คําคํานั้นจะถูกลบออกไป
บางครั้งเรื่องของภูมิหลังถือเป็นสิ่งสําคัญ แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป บางคนมีภูมิหลังที่ทําให้คนต้องเงยหน้าขึ้นมองแต่พวกเขากลับกลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ที่รู้จักแต่กินเที่ยวใช้ทรัพยากรคุณภาพสูงไปอย่างเสียเปล่าทั้งที่เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการแต่กลับไม่ได้มันมาในขณะที่บางคนมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่และพยายามเพื่อความสําเร็จเมื่อสองสิ่งมารวมกันพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งยวดยกตัวอย่างเช่นถั่วเจิ้งเหอ
เขาทําตัวเรียบง่ายน่าเข้าหา วิธีการพูดของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความสุภาพเขามีบุคลิกที่น่าดึงดูดและประสบความสําเร็จในหลายๆด้านช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างหาได้ ยากอีกทั้งยังมีอํานาจของตระกูลคอยหนุนหลังอยู่เขาจึงนับได้ว่า เป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นข้าราชการอย่างแท้จริง
“เลขาถั่ว ผมขอดื่มให้คุณครับ” ชายหนุ่มพูด
“ได้สิครับ” กั่วเจิ้งเหอดื่มจนหมดแก้วทั้งที่เขาสามารถดื่มพอเป็นพิธีแค่เล็กน้อยก็ได้
“ขอบคุณสําหรับการต้อนรับนะครับ”
“ยินดีครับ คุณสามารถมาที่เขตเหอได้ทุกเวลา เรายินดีต้อนรับเสมอ จริงไหมครับ?
“ใช่!” หลายคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกัน
แขกและเจ้าภาพจัดงานต่างมีความสุขกับมื้ออาหาร
หลังจบมื้ออาหาร ถั่วเจิ้งเหอได้จัดให้มีคนขับรถไปส่งทั้งสองที่ที่พักของพวกเขา
เฮ้อ!
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่กําลังนอนกรนอยู่บนเตียงแล้ว หยางกวนเฟิงก็ได้แต่ถอนหายใจ
เป็นคนหนุ่มนี่มันดีจริงๆ!
เขาไม่คิดโทษอีกฝ่ายเขาอายุยังน้อยจึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ทําอะไรหุนหันพลันแล่นแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่ผิดหลักการออกไปด้วย
คืนนั้น เขตเหอเงียบสงัด
เฮ้อ!
กั่วเจิ้งเหอกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียงนอน เขานอนไม่หลับ
เขาดื่มเหล้าไปเยอะมากนานมากแล้วที่เขาดื่มหนักขนาดนี้ มันมากจนเขาทนแทบไม่ไหว
หบเขาพันโอสถเป็นปัญหาใหญ่อย่างแท้จริง เขากําลังคิดเรื่องที่ชายหนุ่มเผลอพูดออกมา
หวังว่าลงเสวี่ยจะได้เรื่องที่มีประโยชน์กลับมา
ถึงแม้เขาจะพูดออกไปว่าคดีได้คลี่คลายลงแล้ว แต่เขานั้นหวาดกลัวหุบเขาพันโอสถพวกเขาสามารถสังหารคนนับสิบได้โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลยเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าคนโดยที่ไม่มีใครรู้เห็น คนพวกนั้นสามารถฆ่าชาวบ้านได้อย่างง่ายดายและสามารถจบชีวิตตนเองได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกันหากคดีนี้เกิดขึ้นที่อื่น แล้วรู้มาถึงหูของเขา เขาก็คงไม่คิดอะไรมากปัญหาก็คือเรื่องมันดันมาเกิดในพื้นที่ที่เขาดูแลอยู่หุบเขาพันโอสถอยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์มันไม่ถือว่าไกลแต่ก็ไม่นับว่าใกล้
มันเป็นความรู้สึกเหมือนมีงูพิษเลื่อยอยู่บนโซฟา แค่คิดมันก็ทําให้ผู้คนต้องตัวสั่นด้วยความกลัว
ทําไมยูนนานใต้ถึงได้ปล่อยให้สถานที่แบบนั้นอยู่มาถึงตอนนี้ได้?
เขาคิดถึงปัญหานี้มาหลายวันแล้ว
เขาจะจัดการกับมันยังไงดี? เขาคงไม่สามารถจัดการเองได้ทั้งหมด
วิธีที่ดีที่สุดคือให้เบื้องบนเป็นคนจัดการ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน เสี่ยวเหลียงปวดหัวอย่างหนัก
โอ๊ย ฉันปวดหัวไปหมดแล้ว!
เมื่อคืนฉันดื่มไปกี่แก้วกันแน่? เขาจําไม่ได้แล้วว่าเขาดื่มเหล้าไปทั้งหมดกี่แก้วในตอนท้ายใครส่งแก้วเหล้ามาเขาก็รับมาดื่มจนหมด แล้วภาพก็ตัดไป
ฉันคงไม่ได้ทําเรื่องขายหน้าออกไปหรอกนะ? ฉันพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปรึเปล่า?
หลังจากตื่นนอน เขาก็ลุกไปล้างหน้าล้างตาและออกไปหาหยางกวนเพิ่ง
“หัวหน้า”
“ตื่นแล้วเหรอ?” หยางกวนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ ผมขอโทษ เมื่อคืนผมดื่มเยอะไปหน่อย ผมคงไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปใช่ไหมครับ? เสี่ยวเหลียงถาม เขาตื่นเต้นมาก มีเจ้าหน้าที่หลายคนเข้ามาชนแก้วกับเขาซึ่งไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขามาก่อนมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตื่นเต้น
“ไม่หรอก แต่ต่อไปต้องระวังให้มากกว่านี้ ถึงยังไงคุณก็อยู่ข้างนอก”หยางกวนเพิ่งพูด
“อ้อ ดี ดี ผมเข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องห่วง จะไม่มีครั้งต่อไปแล้วครับ” เสี่ยวเหลียงตบอกเป็นการให้สัญญา
“เอาเถอะ ส่วนเรื่องคดีนี้ คุณคิดให้ถี่ถ้วนแล้วเขียนรายงานให้ผม” หยางกวนเฟิงพูด
“ครับ”
ดูเหมือนเรื่องนี้จะจบลงแล้ว
ภายในอาคารทําการของเขตเหอ ถั่วเจิ้งเหอได้รับสายที่ทําให้เขาต้องวิตกกังวล
“แค่ก แค่ก แค่ก คุณชาย ผมเจอปัญหาที่นี่ครับ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ลุงเสวี่ย?”กั่วเจิ้งเหอถามอย่างร้อนใจเขารู้ได้เลยว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูแหบแห้งและอ่อนแรงซึ่งต่างจากครั้งก่อนที่อีกฝ่ายโทรมา
“ผมอาจจะถูกพิษเข้าแล้วครับ”
“อะไรนะ?” กั่วเจิ้งเหอผุดลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา เสวี่ยซินหยวนเพิ่งออกมาจากหุบเขาพันโอสถพวกเขายังได้พบหน้ากันหลังจากนั้นด้วยในตอนนั้นเขายังเอ่ยถามออกไปว่าอีกฝ่ายถูกพิษหรือไม่ ในตอนนั้นเสวี่ยซินหยวนบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเขายังได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว