Elixir Supplier - ตอนที่ 881 ปลอดภัยจากพิษ
นิยาย Elixir Supplier 881 ปลอดภัยจากพิษ
“รถติดป้ายทะเบียนเมืองเต่ํา?”
“เคยได้ยินเรื่องหุบเขาพันโอสถไหมครับ?” หวังเย้าถาม ตอนนี้เขากําลังให้ความสนใจชื่อนั้นที่ถูกพูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ” เจี้ยจื้อจายพูด
“ฉันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน” หูเหมยส่ายหน้า
“เราไม่ได้รับภารกิจให้ไปทําในยูนนานใต้เลย ถ้าพวกเราไปทางนั้นก็แค่เป็นทางผ่านเท่านั้น”
“ถ้าเชียนเชิงอยากรู้เรื่องอะไร ผมหาคนที่ช่วยเรื่องนี้ได้นะครับ”
พวกเขาไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ในยูนนานใต้ แต่มีบางคนที่รู้เรื่องนี้ดี พวกเขาสามารถถามข้อมูลเหล่านั้นผ่านช่องทางติดต่อก่อนหน้านั้นของพวกเขาได้
“มันจะสร้างปัญหาให้เปล่าครับ?”
“ไม่เลยครับ”
“ดีครับ อย่างนั้นช่วยถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ผมด้วย”
“ได้ครับ”
ในตอนที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนไข้อีกคนเข้ามาในคลินิกเจี้ยจื้อจายกับหูเหมยจึงขอตัวกลับ
ทันทีที่ออกมาจากหมู่บ้านบนเขา เสวี่ยซินหยวนก็รีบเดินทางไปเมืองเต๋เขาขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปที่ยูนนานใต้เขาเดินทางไปถึงเขตเหอในคืนนั้นและเข้าพักผ่อนในที่พักชั่วคราววันต่อมาเขาจึงไปพบกับกั่วเจิ้งเหอ
“ลุงเสวี่ย ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมครับ?” เมื่อเห็นว่าเสวี่ยซินหยวนดูปกติดีกั่วเจิ้งเหอจึงโล่งใจ
“เรียบร้อยดีครับ หมอที่คุณชายแนะนําให้ผมไปฝีมือดีมาก ยาของเขารักษาผมจนหายดี”
“ใช่ครับ ฝีมือการรักษาของเขาสุดยอดมาก แทบจะหาไม่ได้ในโลกนี้เลยด้วยซ้ำ” กั่วเจิ้งเหอพูด“น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”
“โอ” ท่าทางของเขาไม่ได้บอกอะไรมาก ถึงยังไงเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรมากได้เขาได้แต่คิดว่าน่าเสียดาย!
เขาควรคิดหาทางสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอย่างหมอหวังเอาไว้
ไม่มีใครรับประกันได้ว่า เขาจะไม่ป่วยหรือพบเจอเรื่องร้ายในอนาคต
“ลุงเสวี่ยพักผ่อนก่อนนะครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลเรื่องของหุบเขาพันโอสถเลย”
“ครับ ได้” เสวี่ยซินหยวนตอบ
สภาพของเขาในเวลานี้ เขาไม่สามารถทําอย่างที่เขาต้องการได้ มันจะเป็นการดีกว่าหากเขาพักรักษาตัวสักระยะ
“ลุงเสวี่ยถูกพิษมาได้ยังไงครับ?” กั่วเจิ้งเหอถาม
นั่นเป็นเรื่องที่เขากังวล เขาจําเป็นต้องรู้รายละเอียดและความสามารถของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะลงมือทําอะไรต่อไป
“ตอนเข้าไปในหุบเขาพันโอสถ ผมถูกยิงด้วยธนูผมได้รับบาดเจ็บไม่มากและมีเลือดออกแค่เล็กน้อยเท่านั้นตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่เลยทําแผลง่ายๆเท่านั้นผมคิดว่ามันจะหายได้เองแต่กลับกลายเป็นว่าผมถูกพิษเข้า”
“อืม” กั่วเจิ้งเหอพยักหน้า
“ถูกพิษตอนที่มีแผลเลือดออกสินะครับ?”
“ใช่ครับ แต่ผมได้ยินมาว่า วิธีการของพวกเขามีมากกว่านั้น” เสวี่ยซินหยวนพูด “มีแม้กระทั่งพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นพวกเขาสามารถวางยาได้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวและเครื่องมือในโรงพยาบาลก็ไม่สามารถตรวจจับได้”
“พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล” กั่วเจิ้งเหอพูด “แล้วทําไมพวกเขาถึงได้ศึกษาเรื่องพวกนี้?”
“เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด บางทีอาจจะเป็นการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นก็ได้ครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด
“ต้องล่าบากลุงเสวี่ยแล้วล่ะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมยินดีครับ คุณชาย”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งทําอะไรเลยนะครับ พักผ่อนให้ดีก็พอ” กั่วเจิ้งเหอพูดแล้วส่งบัตรเครดิตให้เขา
“พาสเวิร์ดเป็นวันเกิดของคุณลุงเหมือนเดิมนะครับ”
“คุณชาย ไม่จําเป็นหรอกครับ ครั้งก่อนที่ได้มายังไม่หมดเลยครับ”
“ถือว่าเป็นค่าชดเชยสําหรับความยุ่งยากของคุณลุงเถอะนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูดเขาคิดหาวิธีการขอบคุณที่ดีกว่านี้ไม่ได้เงินและสาวงามคือสิ่งที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจคน แต่จากที่เขารู้มาเสวี่ยซินหยวนนั้นไม่ชอบผู้หญิง
“ก็ได้ครับ ขอบคุณมาก” “หวังว่าเรื่องจะจบลงได้แล้ว” กั่วเจิ้งเหอที่มองออกไปนอกหน้าต่างพูดพึมพํากับตัวเองห่างออกไปหลายร้อยไมล์หุบเขาพันโอสถที่ถูกรายล้อมไว้ด้วยป่าเขา
ภายในอาคารไม้หลังใหญ่
“อาจารย์เรียกผมเหรอครับ?”
“จับคนนอกได้ไหม?”
“ไม่ได้ครับ แต่เขาน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เขาถูกธนูพิษของเราไปแล้ว”
“อืม” เมี่ยวซีเหอที่นั่งขัดสมาธิพยักหน้าเล็กน้อย
“หาชิงชานเจอรึยัง?”
“ยังครับ”
“ตามหาเขาอีกครั้ง”เมี่ยวซีเหอพูด“พยายามตามหาเขาให้เจอให้เร็วที่สุดเขาเป็นสายเลือดคนสุดท้ายของอดีตผู้นําหมู่บ้านเขาจะตายไม่ได้”
“ครับ อาจารย์” เมียวซึ่งเพิ่งพูด
“อีกเรื่อง ให้คนด้านนอกคอยติดตามข่าวของผู้กองหยางและดูว่าเขาได้พูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกไปรึเปล่า”
“ได้ครับ อาจารย์” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เราต้องแจ้งไปทางนั้นไหมครับ?”
“ไม่ เราได้รับความสนใจมากเกินไปแล้ว” เมี่ยวซีเหอพูด
“พวกเราเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆที่ปลีกตัวจากโลกภายนอก เราจะดึงดูดความสนใจมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“ได้ครัย ผมเข้าใจแล้ว เขาคงตรวจสอบไม่พบข้อมูลที่มีประโยชน์ได้แน่ครับ”
“นั่นจะเป็นการดีที่สุด”
“เราอยู่ในจุดวิกฤตแล้ว ดังนั้น จะเกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
“ครับ อาจารย์”
เมี่ยวชิงเฟิงเดินออกมาจากอาคารไม้
“อาจารย์เปลี่ยนไปแล้ว” เขาพูดพึมพําในตอนที่เขาเดินออกมา
หลังคนจากด้านนอกกลับไปกันหมดแล้ว หมู่บ้านก็กลับคืนสู่ความสงบเหมือนเดิม
กลางทะเลสาบเงียบสงบ
“ซูม!” อยู่ๆก็เกิดคลื่นมัวนตัว เงาสีดําว่ายผ่านไป
ในหมู่บ้านกลางเขาที่ห่างออกไปไกลหลายพันไมล์
หวังเย้าเรียกจงหลิวชวน เจี้ยจื้อจาย และหูเหมยมาที่คลินิก “เชียนเชิง เรียกพวกเรามามีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ
“มาครับ ทุกคนเอาไปดื่มได้เลย” หวังเย้าเทยาให้พวกเขาแต่ละคน
“นี่คืออะไรเหรอครับ?” เจี้ยจื้อจายรับรู้ได้ว่าเป็นกลิ่นยา มันไม่ได้มีกลิ่นฉุนแต่เมื่อนําเข้ามาใกล้ใบหน้าเขาก็ได้กลิ่นเฉพาะของสมุนไพรลอยมา
“มันเป็นยาครับ” หวังเย้าพูดออกที่อๆ
“ยา? ยาอะไร? ผมไม่ได้ป่วยสักหน่อย”
“ฮาฮา..มันไม่ได้มีไว้รักษา แต่เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันพิษต่างหากล่ะครับ”หวังเย้าหัวเราะ
“ผมทํายาตัวนี้ขึ้นมา และมันสามารถป้องกันพิษได้ถึง 100 ชนิด” หวังเย้าพูด “หลังจากที่พวกคุณกินยาเข้าไป ภูมิคุ้มกันภายในร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไป มันจะค่อยๆสร้างภูมิต้านทานพิษขึ้นมา”
“จริงเหรอครับ?” เจี้ยจื้อจายประหลาดใจ
การมีภูมิต้านทานพิษแบบนี้มีแค่ในหนังกับนิยายเท่านั้น เขาไม่คิดว่า จะมีคนไปถึงขั้นนั้นในชีวิตจริงได้
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงครับ”
อย่าความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในวันที่หวังเข้ารักษาคนไข้ที่ได้รับพิษเมื่อไม่กี่วันก่อนในเวลานั้นเขาคิดขึ้นมาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจงหลิวชวนถูกพิษในตอนที่เขาไม่สามารถไปช่วยได้ทันเวลาหรือเขาควรสั่งให้อีกฝ่ายพกยาแก้พิษไว้ตลอดเวลาหรือแก้ไขที่รากฐานไปเลย? เขาเลือกอย่างหลังและใช้เวลาใคร่ครวญตลอดทั้งบ่ายไปจนถึงค่าเขาคิดวิธีการหนึ่งขึ้นมาได้ซึ่งก็คือการปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกันร่างกายของพวกเขาให้ต้านทานพิษได้เหมือนอย่างในนิยายหรือในหนัง
เขาจึงทํายาที่ใช้ส่วนผสมแค่ไม่กี่ตัว นั่นก็คือชานจึงกับหญ้าพิษที่ต่างก็เป็นสมุนไพรวิเศษทั้ง
“ขอบคุณครับ เชียนเชิง” จงหลิวชวนยกถ้วยยาขึ้นดื่ม
“มันขมหรือเปล่าศิษย์พี่?” เจี้ยจื้อจายถาม เขายกยาขึ้นดื่มแล้วจึงได้รู้คําตอบ
มันไม่ได้ขมอย่างที่เขาคิด หากสังเกตดีดีก็จะรู้สึกได้ถึงความพิเศษของตัวยา
หูเหมยดื่มตามอย่างพวกเขา “รู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม
“อืม มันแปลกๆ” เจียจื้อจายพูด
หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เขารู้สึกอุ่นในกระเพาะ และไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นอีก
“ฝึกการหายใจไปด้วยเลยครับ” หวังเย้าพูด
หลังจากฟังคําพูดของเขาแล้ว ทั้งสามก็ไม่มีข้อสงสัยหรือลังเล พวกเขานั่งขัดสมาธิที่พื้นและเริ่มฝึกการหายใจ ไม่นานร่างกายของพวกเขาก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงความอบอุ่นภายในกระเพาะแปรเปลี่ยนแตกกิ่งก้านสาขานับพันนับหมื่นอยู่ภายในร่างกายของพวกเขามันกระจายไปตามแขนขาและกระดูกทั่วร่างพวกเขารู้สึกสบายราวกับมีลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านพวกเขาไป
“ฮ่า สบายสุดๆไปเลย!”
การฝึกการหายใจเพื่อบ่มเพาะพลังฉี ทําให้พลังฉีภายในร่างกายไหลเวียนราวกับสายน้ำ
ความรู้สึกอุ่นเริ่มจางหายไป การฝึกของทั้งสามจึงสิ้นสุดลง
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
จงหลิวชวนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ผมรู้สึกสบายเหมือนได้กินยาบํารุงกําลังเลยครับ”
ใช่ มันมียาบํารุงอยู่ในนั้นด้วย “แล้วคุณล่ะ? หลังจากดื่มยาไปแล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ?”
“เอ่อ ผมรู้สึกเหมือนได้ดื่มซุปที่ทําจากโสมและน้ำสต๊อกไก่เลยครับ” เจี้ยจื้อจายพูด“มันเหมือนมื้ออาหารฉบับย่อเลยครับ”
“หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว ฉันรู้สึกสบายตัวมากเลยค่ะ” หูเหมยพูดกลั้วหัวเราะเธอไม่สามารถอธิบายความรู้สึกมากกว่านี้ได้เธอแค่รู้สึกสบายและอบอุ่นไปทั่วร่างกาย
“ดีครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” หวังเย้าพูด “เราจะฝึกกันต่อวันพรุ่งนี้ เจ็ดวันหลังจากนี้เราจะมาดูผลกัน”
ชานจิงกับหญ้าพิษเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์อ่อนโยน พวกมันไม่มีพิษตกค้างหรือผลข้างเคียงหลังจากที่กินเข้าไป ดังนั้น มันจึงไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเมื่อต้องกินติดต่อกันเป็นเวลานาน
“ขอบคุณครับ เชียนเชิง”
ทั้งสามออกมาจากคลินิก “ศิษย์พี่ เชียนเชิงเคยให้ยาศิษย์พี่มาก่อนรึเปล่า?”เจี้ยจื้อจายถามอย่างสงสัย
“ไม่เคย แต่เขาให้ป้ายไม้มาอันหนึ่ง” จงหลิวชวนพูด
“มันเป็นป้ายไม้แบบไหนเหรอ?”
“แบบนี้” จงหลิวชวนหยิบป้ายใบสั่งแพทย์ปรุงยาที่หวังเย้าให้ไว้ออกมา