Elixir Supplier - ตอนที่ 884 วันนี้มีความสุข
884 วันนี้มีความสุข
“แก…แก…แก…” ผู้อํานวยการเจิ้งกระอักเลือด เขาโมโหจนพูดไม่ออก
“โอ้ ถึงขั้นกระอักเลือดเลยเหรอเนี้ย นั่นมันร้ายแรงมากเลยนะ แกโทรเรียกรถพยาบาลรึยัง?หรือต้องให้ฉันบอกเบอร์ติดต่อรถพยาบาล?”เจี้ยจื้อจายยังคงพึงพอใจกับสาถนการณ์ในตอนนี้
เขาได้เปลี่ยนแปลงความคิดของตนเองแล้วหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงทําให้ชายคนนี้พูดไม่ได้อีกต่อไปเขาอาจอวยพรให้อีกฝ่ายได้ขึ้นไปดื่มชากับเทพบนสวรรค์ด้วยซ้ํา
“ฉันไม่คุยกับแกแล้ว บ้ายบาย”
เจี้ยจื้อจายกลับขึ้นไปบนรถและขับออกไปเขาเหยียบคันเร่งจนฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
ฝุ่นผงปลิวไปทางชายที่นอนอยู่บนพื้น
“แก! ฉันจะแก้แค้น! แกรอก่อนเถอะ!”ผู้อํานวยการเฉิงตะโกน
“มือถือของฉันอยู่ไหน?” เมื่อเขาคิดจะโทรเรียกรถพยาบาล เขาก็หามือถือของตัวเองไม่พบแล้ว
บ้าเอ้ย! มันไปอยู่ที่ไหนแล้ว?
เขาอดทนกับความเจ็บปวดและอาการหน้ามืดคล่าหาตามพื้น แต่ก็หามือถือของตัวเองไม่เจอ
“เอ๋ นี่อะไรน่ะ? ทําไมมือถือถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ในตอนที่เจี้ยจื้อจายกําลังขับรถอยู่นั้นเขาก็เห็นมือถือเครื่องหนึ่งเขาเหลือบมองมันก่อนจะเลื่อนกระจกลงแล้วโยนมันลงไปในแม่น้ำที่อยู่ข้างทาง
เกิดเสียงน้ำกระจายตามแรงที่มันตกลงไป มือถือดําดิ่งลงไปในแม่น้ำ เจี้ยจื้อจายหยุดรถและคิด โอ้ นั่นมันเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมนี่นา ช่างเถอะ ตอนนี้คงหาไม่เจอแล้ว ต่อจากนี้ฉันจะใส่ใจให้มากขึ้นก็แล้วกัน หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เหยียบคันเร่งและขับออกไป
ผู้อํานวยการเจิ้งทําอะไรไม่ได้ จําต้องอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วออกเดินหาความช่วยเหลือ เขาอยากไปที่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลเพื่อขอความช่วยเหลือ โชคดีที่โชคของเขาค่อนข้างดี เขามอง เห็นรถคันหนึ่งกําลังขับมาทางเขา เขาจึงโบกมือเรียกรถคันนั้น แต่คนขับกลับเร่งเครื่องผ่านหน้า เขาไป
“ทําไมต้องขับเร็วขนาดนั้นด้วย?
“ไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหรอ? เขาอาจเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ้นก็ได้ ใครมันจะไปรู้”
แล้วพวกเขาก็ขับมาถึงจุดที่รถชนอยู่
“มีรถชนอยู่ตรงนี้ หรือเขาจะเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือจากเรา?”
“เรากลับรถไปหาเขาดีไหม? นี่มันรถบีเอ็มเลยนะ คนที่เป็นเจ้าของรถแบบนี้ได้ต้องรวยแน่ๆ”
“พอได้แล้ว เรายังมีเรื่องต้องกลับไปจัดการที่บ้านอยู่นะ!”
“บ้าเอ๊ย! คนพวกนี้มันตาบอดหรือยังไง?” แล้วผู้อ่านวยการเพิ่งยิ้มขึ้นได้อีกครั้ง
เสียงดังของรถไถกําลังเข้ามาใกล้
“ลุง!ลุง!”
“มีอะไรเหรอ?” ชายชราถามอย่างใจดี เขามองไปทางชายที่อยู่ในสภาพมอมแมม
“ลุงมีมือถือไหม?”
“เธอกําลังพูดถึงอะไรเหรอ?”
“มือถือน่ะ! มือถือ!” ผู้อ่านวยการเจิ้งตะโกน
“อะไรนะ?” “ฉัน…” ผู้อํานวยการเพิ่งทรุดลงกับพื้น
มวายร้ายที่เพิ่งจากไป แล้วจากนั้นก็มีคนแปลกๆผ่านมา ทําไมวันนี้ฉันโชคร้ายแบบนี้ด้วย? หรือฉันจะลืมดูปฏิทินก่อนออกมา?
ฉันไม่เคยต้องลําบากแบบนี้มาก่อน! ไม่เคยเลยสักครั้ง! ในตอนที่ผู้อ่านวยการเพิ่งคิดอยู่นั้น น้ำตาก็เริ่มไหลลงมาที่แก้มของเขา
ชายชราดับเครื่องรถไถแล้วเดินเข้าไปถามเขา “เธอเป็นผู้ใหญ่วัยสี่สิบแล้วนะ ยังจะร้องไห้ ทําไม? เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ?”
“เธอร้องไห้ทําไม? บริษัทของเธอล้มละลายหรือว่าเมียนายทิ้งนายและหนีไปแล้ว?”
“ลุง ถ้าไม่ได้แก่ขนาดนี้แล้ว ฉันต่อยลงคว่าแน่!” ผู้อํานวยการเจิ้งอดกลั้นความโกรธของเขา เอาไว้ในตอนที่ได้ยินคําถามจากอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าตัวเองกําลังจะโกรธจนตายได้
“อะไรกัน ฉันคุยกับเธอดีดีแท้ๆ แต่เธอกลับอยากต่อยฉันเสียอย่างนั้น! เธอนี่มันไม่สํานึกบุญ คุณกันเลย!”
“เฮ้ย ลุงไม่หูหนวกแล้วเหรอ?” ผู้อ่านวยการเจิ้งปืนงง
“เธออยากจะต่อยฉันจริงๆ ใช่ไหม? ใครมันหูหนวกกัน?” ชายชราไม่พอใจ
“ที่เธอเจอเรื่องไม่ดีก็สมควรแล้ว!” เขากลับขึ้นไปนั่งบนรถไถ เสียงดังของรถไถค่อยๆเคลื่อน ตัวออกไป
“ไม่นะ ลุง!ลุง!” ชายชราถ่มน้ำลายมาทางเขา
“ถุย!”
แค่ก! ผู้อํานวยการเจ๋งกระอักเลือดอีกครั้ง
“ฉันอยากจะตายวันนี้ไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยซวยขนาดนี้มาก่อน
“ฉันไม่น่ามาที่หมู่บ้านนี้เลย ฉันไม่น่าไปหาไอ้หมอหวังนั่นเลย” ผู้อํานวยการเจิ้งนั่งยองอยู่ข้าง ถนน และพึมพําร่ําไห้กับตัวเอง
ถ้าฉันไม่มาที่นี่ ฉันก็คงไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้ บ้าเอ้ย!”
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความคิดของไอ้หมอนั่น กลับไปแล้วฉันจะต้องไล่มันออก! เขาโทษคนอื่นในเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาไม่ได้คิดเลยว่า การกระทําของตัวเองคือสิ่งที่ส่งผลให้เกิด เรื่องเหล่านี้
มีเสียงเบรกดังขึ้น รถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดใกล้ๆ
มีคนมาเหรอ?
เขาเงยหน้าขึ้นและมองเห็นใบหน้าที่เขาเกลียดชังที่สุดในเวลานี้ “ทําไมยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ? หรือไม่มีรถพยาบาลคันไหนอยากมาช่วยแก?”
“แกอีกแล้ว!”
“หึม แกกําลังพูดอะไรอยู่? หรือแกโง่? ฉันจะให้โอกาสแกได้ทบทวนภาษาของตัวเองใหม่เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”
ผู้อํานวยการเจิ้งเลือกที่จะหุบปาก
ฉันจะเสี่ยงไม่ได้อีก แต่ฉันหลบมันได้ เขาไม่ยอมพูด เขานั่งอยู่ข้างทางและจ้องมองพื้น
“ทําไมแกไม่พูดแล้วล่ะ? ทําไมถึงไม่โทรเรียกรถพยาบาล? หรือว่าแกไม่รู้เบอร์ฉุกเฉิน? โถถถ!”
ฟืดฟาด! ผู้อํานวยการเจิ้งพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เขาคันตามกระเป๋าของตัวเองอยู่นานแล้วในที่สุดเขาก็พบซองบุหรี่ เขาจึงดึงออกมามวนหนึ่ง
“นี่มันคนเสียสติชัดๆ ฉันจะเถียงกับมันไม่ได้ นี่มันคนเสียสติ ฉันจะเถียงกับมันไม่ได้” ผู้อํานวยการเพิ่งพิมพ์
“แกกําลังพึมพําอะไรอยู่? แกโง่ไปแล้วเหรอ? แกต้องไปที่โรงพยาบาล อย่าเป็นประสาทหรือเป็นบ้าไปก่อนนะ!”
“แกสิเป็นประสาท! ทั้งบ้านแกที่เป็นประสาท!”
“โอ้ น่าสงสารจริงๆ ไปล่ะ!”
รถส่งเสียงคํารามแล้วเคลื่อนตัวออกไป
“โอ้สวรรค์ ทําไมถึงไม่เอาคนแบบนั้นไปให้ไกลๆด้วย?” ผู้อ่านวยการเฉิงตะโกน “ท่านปล่อยให้คนน่ารังเกียจแบบนั้นอยู่บนโลกใบนี้ได้ยังไง!”
ฮาฮา อยู่ๆเจี้ยจื้อจายที่นั่งอยู่ในรถก็หัวเราะออกมา เขาอารมณ์ดีมาก เขายิ้มกริ่มและเดินเข้าบ้านไป“มีเรื่องอะไรเหรอถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้?”หูเหมยถาม“วันนี้ฉันไปเจอคนที่น่าสนใจมาน่ะสิ” เจียจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม“จริงเหรอ?เจอที่ไหนล่ะ?”
“ในหมู่บ้าน โอ๊ะ ฉันมีความสุขจังเลย!”
หูเหมยจ้องมองเขาอยู่สักพัก
“มีอะไรเหรอ?”
“นายสร้างเรื่องให้ตัวเองอีกแล้วใช่ไหม?”
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?” เจี้ยจื้อจายพูด “ทําไมฉันต้องหาเรื่องให้ตัวเองด้วย?แค่ไม่มีใครมาทําให้ฉันโกรธก็ถือว่าดีแล้ว”
“เอาเถอะ ฉันได้เนื้อแกะ, ปลา, กับเนื้อลูกแกะมาด้วย” หูเหมยพูด “เชียนเชิงชอบกินอะไร?นายรู้รึเปล่า?”
“ฉันไม่รู้ ทําอาหารมาสักสองสามจานก็พอแล้ว” เจียจื้อจายพูด “ได้ทําไมนายไม่มาช่วยฉันล่ะ?”
ทั้งสองเริ่มเตรียมอาหารเย็นที่แสนหรูหราเต็มไปด้วยเนื้อ
บนถนนด้านนอกหมู่บ้าน ในที่สุด ผู้อํานวยการเจ๋งก็สามารถเรียกรถพยาบาลและออกไปจากที่นี่ได้
“แล้วฉันจะกลับมา ฉันจะให้แกต้องเสียใจ!”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของผู้อ่านวยการเจิ้ง เจ้าหน้าที่พยาบลคิด คนคนนี้ต้องเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้างถึงได้แสดงออกรุนแรงขนาดนี้
หรือจะเป็นความโกรธเกลียดจากการที่พ่อถูกฆ่า หรือเพราะโดนขโมยเมียไป?
เมื่อหน้าหนาวเริ่มมาเยือน เวลากลางวันจึงสั้นลง เวลา 17.30 น. ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
ภายในบ้านของเจี้ยจื้อจาย เขากับภรรยาได้เตรียมอาหารมื้อใหญ่เอาไว้
“นี่มันเยอะมาก!” หวังเย้าพูด
“ไฮ้ แค่ไม่เลวเท่านั้นแหละครับ เชียนเชิง” เจียจื้อจายพูด
“เรามาดื่มสักหน่อยไหมครับ?”หวังเย้าหัวเราะแค่นี้เขาไม่มีธุระที่ไหนอยู่แล้ว
ลมพัดอยู่ด้านนอก อากาศเย็นมาก ภายในห้องกลับอบอุ่นเพราะนั่งที่โต๊ะกันหลายคนพวกเขาพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน มื้ออาหารจึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
แขกกลับไปตอนสองทุ่มครึ่ง
หวังเย้ากลับไปหาพ่อแม่ของเขาที่บ้าน เขานวดให้คนทั้งสอง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน
กริ้ง! ม็ด!
มือถือของเขาส่งเสียงดังขึ้นในตอนที่เดินไปได้ครึ่งทาง มันเป็นสายจากซูเสี่ยวซวี
“เชียนเชิงอยู่ไหนคะ?”
“กําลังกลับขึ้นไปบนเขาครับ เธออยู่ที่บ้านเหรอ?” “ค่ะฉันอยู่ในห้อง เพิ่งอาบน้ำเสร็จ”ซูเสี่ยวซวีพูด“ช่วงนี้ยังเรียนหนักอยู่รึเปล่า?” “ไม่หนักเท่าไหร่แล้วค่ะ”ซูเสี่ยวซวีพูด
“ทางนั้นคงหนาวมาก ใส่เสื้อให้หนาเข้าไว้ด้วยนะ”
“ฉันรู้ค่ะ” ซเสี่ยวซวีพูด “ความจริง ตั้งแต่ได้เรียนวิธีการบ่มเพาะพลังฉีจากเชียนเชิงมาแล้วฉันก็ไม่รู้สึกหนาวอีกเลย แล้วยังทําให้พลังฉีไหลเวียนภายในร่างกายฉันอยู่ตลอดเลยล่ะค่ะถึงฉันจะใส่แค่เสื้อตัวเดียวฉันก็ไม่รู้สึกหนาว”
“อืม ถึงยังไงเธอก็ต้องใส่เสื้อเพิ่ม
หวังเย้าเคยสอนวิธีการบ่มเพาะพลังฉีให้กับซูเสี่ยวซวีซึ่งเป็นวิธีที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่เขาสอนให้กับจงหลิวชวนเจี้ยจื้อจายและหูเหมย พรสวรรค์ของซูเสี่ยวซวีถือว่าสูงมากเธอประสบความสําเร็จในการฝึกฝนจากคําพูดของเขาแค่ไม่กี่คําได้มันเป็นสิ่งที่หวังเย้าคาดไม่ถึง