Elixir Supplier - ตอนที่ 892 กลับบ้าน
892 กลับบ้าน
ไม่มีใครต้องการให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ภายใต้การปกครองของพวกเขานี่นับได้ว่าเป็นคดีใหญ่เจ้าหน้าที่ตํารวจรู้ว่าถึงทางเขตเหอจะรู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้วแต่เขาก็หนีไปได้ส่วนเรื่องที่ว่าเขาหนีไปไหนนั้นไม่มีใครรู้มันอาจจะเป็นพื้นที่ที่พวกเขาดูแลอยู่ก็เป็นได้ ถึงยังไงพื้นที่ของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเขตเหอมากนัก
“คนพวกนี้จะอยู่กันสงบๆหน่อยไม่ได้เหรอไง?”
ไม่มีใครต้องการสร้างปัญหาในช่วงเวลาแบบนี้ เพราะมันคือการก่ออาชญากรรมในขณะที่ทางการกําลังรณรงค์กันอยู่
เกิดการค้นหาครั้งใหญ่ขึ้นในทันที
เจ้าหน้าที่ตํารวจถึงภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวที่อยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาได้ภาพผู้ต้องสงสัยและเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จากนั้นจึงรีบแจ้งปรากาศจับได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“เฮ้อ ใครมันวาดภาพฉันออกมาแบบนี้? มันอัปลักษณ์เกินไปแล้ว!” เมี่ยวชิงเฟิงที่มองดูประกาศจับบ่นพึมพัมกับตัวเอง
เมื่อมาถึง เขาใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เขาไม่ใช่เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่แต่ในหุบเขาพันโอสถตลอดเวลาและไม่เคยออกไปไหนเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในหนึ่งปีเขาเดินทางออกจากหุบเขาอยู่หลายครั้งเขาจึงรู้เรื่องโลกภายนอกเป็นอย่างดีหุบเขาจําเป็นต้องมีคนที่ติดต่อกับโลกภายนอกอยู่ด้วยและต้องเป็นคนที่เชื่อใจได้ เขาได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆจากโลกภายนอกโดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่เห็นได้ทุกที่เกือบทุกมุมถนนและร้านค้ารวมไปถึงบ้านช่องล้วนมีกล้องวงจรปิดติดอยู่อาชญากรบางคนอาจทิ้งร่องรอยเบาะแสเอาไว้แม้มันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตามกล้องวงจรปิดจะเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้สามารถไขคดีต่างๆได้ในหลายปีที่ผ่านมานี้
ก่อนเดี๋ยวชิงเฟิงจะออกจากหุบเขาเขาได้พรางตัวและปรับเปลี่ยนหน้าตาตัวเองเพื่อป้องกันการถูกพบตัวเข้า
“ยุ่งยากจริงๆ! แถมฉันยังต้องแบกอีกคนไปด้วย!”
จากการสืบสวนและค้นหาอย่างละเอียดทางเจ้าหน้าที่ตํารวจกลับไม่พบอะไรเลยคนคนนั้นเหมือนหายตัวไปเสียเฉยๆสิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือคนที่ถูกพาตัวไปไม่มีญาติพี่น้องให้ติดต่อได้เลย อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่ได้จากเอกสารของเขาและคนที่แจ้งเรื่องนี้ไปก็คือเพื่อน บ้านของเขา
“บางทีเขาอาจจะกลับบ้านก็ได้”
“บ้าน? แล้วบ้านของเขาอยู่ที่ไหน?” “ผมจะไปรู้ได้ยังไงครับ หัวหน้า?”
เมื่อไม่สามารถติดต่อใครได้และสืบต่อไม่ได้แล้ว เรื่องจึงถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
“โชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไรอีก”
เขตนี้ค่อนข้างเงียบสงบเบื้องหน้าผู้คนที่อยู่อาศัยและทํางานกันอย่างพอใจซึ่งต่างจากเขตเพื่อนบ้านที่เกิดคดีใหญ่ติดต่อกันถึงสามคดีภายในเวลาแค่ครึ่งเดือนเรื่องนี้ทําให้ผู้คนหวาดกลัวและผู้ที่รับผิดชอบต้องพากันปวดหัว
กั่วเจิ้งเหอโมโหอย่างมากและกําลังปวดหัวอยู่
“คุณชาย หนึ่งในคนของพวกเขาหายไปครับผมพบว่ามีคนรายงานว่าเขาหายตัวไปเพราะเขาไม่มีญาติให้ติดต่อสอบถามคดีเลยถูกปล่อยทิ้งไว้แล้วก็เพราะรายงานเรื่องนี้ทําให้ทางเขตหลิน เซียนทําการสืบสวนครั้งใหญ่”เสวี่ยซินหยวนได้รับข้อมูลมาอย่างละเอียดและได้แจ้งถั่วเจิ้งเหอทันที
“เป็นคนจากหุบเขาพันโอสถเหรอครับ?”
“ใช่ครับ คนที่หายตัวไปคือหนึ่งในคนที่หนีออกมาจากหุบเขาพันโอสถผมตรวจสอบข้อมูลของเขาแล้วเขาอาศัยอยู่ที่เขตหลินเซียนมาเก้าปีในเก้าปีนี้ไม่มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นเลยครับ”
“สําหรับคนอย่างพวกเขา ถึงจะเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น คนธรรมดาก็อาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้จริงไหมครับ?”
“อืม จริงครับ” เสวี่ยซินหยวนตอบ
ถึงยังไงอีกฝ่ายก็มีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้พิษ
“ถูกลักพาตัว?”
“ใช่ครับ”
“เวลาสุนัขมันกัดกัน สิ่งที่ได้ก็คือปากที่เต็มไปด้วยขนและต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บทั้งคู่”ถั่วเจิ้งเหอพูด
เขาไม่สนใจว่าพวกเขาจะกัดกันยังไง เขาแค่ไม่ต้องการให้เรื่องมันเกิดขึ้นในเขตการดูแลของเขาเท่านั้น
“แล้วคนที่เหลือล่ะครับ?”
“ผมรู้จักอีกสองคนที่ติดต่อผ่านทางคนคนนั้น”
“แล้วผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนครับ?”
“ผมบอกให้เขาเดินทางออกจากยูนนานใต้และเดินทางไปจังหวัดเหอเป่ยแล้วครับ”เสวียซินหยวนพูด
“อืม คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนที่เขาไปที่นั่นใช่ไหมครับ?”
“ไม่ครับ ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่นสองสามคน พวกเขาไว้ใจได้ ตัวเขาเองก็อยากไปจากที่นี้อยู่แล้วเขาขาดแค่เงินเท่านั้น”
“เขาต้องการเท่าไหร่?”กั่วเจิ้งเหอถาม
“เขาบอกมาว่า 2 ล้านครับ”
“ได้ ไม่มีปัญหา ผมต้องการรู้ทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับหุบเขาพันโอสถ”
“เข้าใจแล้วครับ คุณชาย” “แล้วเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเขตเหอเปล่า?” กั่วเจิ้งเหอถาม
“ผมพูดเรื่องนี้กับเขาแล้ว เขาบอกว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขา”เสวี่ยซินหยวนพูด“พวกเขาไม่มีความสามารถนั้นแต่คนที่ก่อเหตุอาจเป็นคนจากหุบเขาพันโอสถ”
“เพราะอะไรครับ?”
“คนในหุบเขาพันโอสถมีการศึกษาตัวยาอย่างลับๆ รวมไปถึงพิษทุกชนิดด้วย”
“พวกเขาทําไปเพื่ออะไรครับ?” “พวกเขาหาทางเพิ่มศักยภาพของร่างกายมนุษย์หนึ่งในวิธีเหล่านั้นก็คือการใช้ยากระตุ้น”
เมื่อถั่วเจิ้งเหอได้ฟังเนื้อหาส่วนนี้ เขาก็รู้สึกว่าจําเป็นต้องไปพบเสวี่ยซินหยวนเป็นการส่วนตัว“ลุงอยู่ที่ไหนครับ?เรานัดเจอกันดีกว่า”
ไม่นาน ทั้งสองก็มาเจอกันที่ร้านน้ำชา
“เล่ารายเรื่องให้ผมฟังอย่างละเอียดที่ครับ”
“เขาบอกกับผมว่า มีธรรมเนียมหนึ่งที่สืบต่อกันในหุบเขาของพวกเขา” เสวี่ยซินหยวนพูด“การกินยาสําหรับภายในและแช่ยา
ภายนอกสามารถบํารุงสุขภาพและส่งผลให้หายจากโรคภัย เสริม ความแข็งแกร่งให้ร่างกายและยืดอายุเหล่าคนที่มีอายุเกินร้อยปีขึ้นไปต่างดึงดันที่จะทําวิธีนี้เพราะมันไม่รุนแรงและให้ผลดีแต่ใน 10 ปีที่ผ่านมาผู้นําคนใหม่ของหมู่บ้านได้คิดวิธีการใหม่ขึ้นมาและอยู่ๆก็พัฒนาวิธีการที่มาแต่เดิมผลการทดสอบกับมนุษย์กลับยังไม่สมบูรณ์วิธีการนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะมีส่วนผสมของยาพิษอยู่ในตัวยาที่เขาใช้ด้วย”
“ทดลองกับมนุษย์?กับใคร?คนในหุบเขาหรือคนนอก?”กั่วเจิ้งเหอถาม
“ทั้งสองครับ”
“ทั้งสอง?”
“ใช่ครับ คนในหุบเขาของพวกเขาค่อนข้างมีความต้านทานพิษสูง พวกเขาจึงทนการทดลองได้มากกว่า”เสวี่ยซินหยวนพูด“แต่คนจากข้างนอกไม่ใช่และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาหนีออกมาจากหุบเขา”
“มีหลักฐานอะไรมายืนยันเรื่องที่เขาพูดไหมครับ?”
“ไม่มีครับมีรูปที่ถูกถ่ายเอาไว้แต่มันถูกพวกเขาค้นพบและทําลายไปแล้ว”เสวี่ยซินหยวนพูด
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ถั่วเจิ้งเหอก็เงียบไป
“ผู้นําเมี่ยวซีเหอน่าจะทําสําเร็จ”
“หา?”
“ผมได้ยินจากผู้ชายคนนั้นมาว่า ร่างกายของผู้นําเมี่ยวสามารถป้องกันอาวุธและพิษได้ทุกชนิดอีกทั้งยังแข็งแกร่งมากด้วย”
“โอ้ หรือเขาจะฆ่าไม่ตาย?” “เขาน่าจะมีการป้องกันที่ดีมากครับ” “อืมผมเข้าใจแล้ว”
หุบเขาพันโอสถ? เมี่ยวซีเหอ? ถั่วเจิ้งเหอพิงพนักเก้าอี้และเลยหน้าขึ้นมองเพดาน
หรือจะเป็นเขา?
ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
ที่นี่คือที่ไหน?
เมื่อชายวัยกลางคนฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองกําลังนอนอยู่บนเตียงไม้ไผ่รอบด้านเป็นผนังทําขึ้นมาจากไม้ที่ดูคุ้นตา ท้องฟ้ามืดลงแล้ว
“นายตื่นแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เมี่ยวชิงเฟิงที่นี่คือที่ไหน?”
“นายคิดว่ายังไงล่ะ? นายไม่คิดว่ามันคุ้นๆเหรอ?” เมี่ยวชิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินแบบนั้นชายวัยกลางคนก็สังเกตรอบด้านอย่างละเอียด
“นี่…นี่มันบ้านหลังเก่าของฉัน!”สีเลือดหายไปจากใบหน้าของเขาราวกับคนเห็นผี
“บิงโก! เป็นคําตอบที่ถูกต้อง ขอต้อนรับการกลับมา”
ไม่ ไม่ ไม่!
ร่างกายของเขาสันสะท้าน เขาหลบซ่อนตัวอยู่ด้านนอกมานานหลายปีตอนแรกเขาคิดอยากจะกลับมาแต่หลังจากนั้นก็มีบางอย่างทําให้เขาละทิ้งความคิดนั้นไป
“ทําไม? ทําไม?”
“ทําไมอะไร? ทําไมนายถึงทําหน้าน่าเกลียดแบบนั้นล่ะ?นายไม่อยากกลับบ้านเหรอ?นายอยู่ข้างนอกตามล่าพังไม่มีญาติพี่น้องอยู่กับนายข้างนอกนั่นเลย”เมี่ยวชิงเฟิงจุดบุหรี่
“เอาสักมวนไหม”
“ฉันไม่ได้อยากกลับมา” เขาพูด “ฉันไม่อยากกลับมาเลยสักนิด
“ทําไม?” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลังจากได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของเขาก็ยิ่งน่าเกลียดขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งร่างกายที่สั่นสะท้านเสียงเปิดประตูดังขึ้นเมี่ยวซีเหอเดินเข้ามาจากด้านนอก
“อาจารย์”
“ผู้นํา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหวเขาไม่กล้าเงยหน้ามองชายตรงหน้ามันเหมือนกับเขากําลังยืนอยู่ต่อหน้าปีศาจไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง
“ทําไมนายถึงไม่อยากกลับมา?นี่คือบ้านของนายหรือเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน?” น้ำเสียงของเมี่ยวซีเหอไม่มีอารมณ์โกรธปะปนอยู่เลย
“เฮ้อ!” อยู่ๆเขาก็ถอนหายใจและหยุดพูด
“เรื่องที่เขตเหอเป็นฝีมือของพวกนายรึเปล่า?” เมี่ยวซีเหอถาม
“เราซ่อนตัวอยู่ข้างนอกนั่น”ชายวัยกลางคนพูด“เราไม่ได้บ้าพอที่จะไปฆ่าคนโดยเฉพาะกับคนจํานวนมากขนาดนั้น”
“ทําไมฉันถึงรู้สึกว่ามีความหมายอื่นซ่อนอยู่ในคําพูดของนายด้วยล่ะ?”เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“พี่หมายความว่ายังไง?”
“นายไม่ได้ทํา แล้วคนอื่นล่ะ?”
“หลานชานตายในอุบัติเหตุรถชน หลานซีไปอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีแค่ซินเหอกับฉันเท่านั้นที่ยังอยู่ในยูนนานใต้”เขาพูด
“พวกนายไม่ได้ติดต่อกันเลยเหรอ?”
“เรายังติดต่อกันอยู่บ้าง” เขาตอบ “ตั้งแต่ที่ฉันออกไปอยู่ข้างนอก ฉันก็อยากมีชีวิตอีกแบบ
หนึ่ง”
“นายไม่คิดจะกลับมาฆ่าฉันบ้างเหรอ?”
“ตอนแรกฉันก็คิดแต่หลังจากคิดดูดีดีแล้วการฆ่านายก็เหมือนกับการส่งตัวเองไปตายถ้านายอยู่ตรงหน้าเราเราก็คงฆ่านายไม่ได้อยู่ดีถึงนายจะออกไปข้างนอกนั้นเราก็ยังคงฆ่านายไม่ได้มีแค่ความตายเท่านั้นที่รอเราอยู่ดังนั้นการใช้ชีวิตให้ดีคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”
“ถ้าพวกนายไม่สามารถฆ่าฉันได้ พวกนายก็ยืมมือคนอื่นฆ่าฉันได้” เมี่ยวซีเหอพูด
“ยืมมือคนอื่นฆ่านาย? หมายถึงตํารวจน่ะเหรอ?” เขาถาม
“ไม่นานมานี้ มีเจ้าหน้าที่สืบสวนสองนายจากจังหวัดมาที่หุบเขาเพื่อสืบคดีฆาตกรรมในเขตเหอ”เมี่ยวซีเหอพูด“มีคนบอกเรื่องของที่นี่กับพวกเขาถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ต้องเดินทางมาในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้นายคิดว่าจะเป็นฝีมือของใครได้บ้างล่ะ?”
“นายฆ่าพวกเขาเหรอ?” เขาถาม
“นายล้อเล่นรึเปล่า?” เมี่ยวซึ่งเพิ่งถาม “พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนจากจังหวัดนะเราเป็นคนดีที่ปฏิบัติอยู่ภายใต้กฎหมาย!”
“เราให้ความร่วมมือเท่าที่จะทําได้”เมี่ยวซีเหอพูด“ไม่กี่วันพวกเขาก็กลับไป”
“แล้วใครที่กลายเป็นแพะรับบาปสําหรับเรื่องนี้ล่ะ?” เขาถาม
“นายคิดว่าใครล่ะ?”
เขาเงียบไป
“ลองคิดดู ฉันจะกลับมาก่อนมื้อเย็น” เมี่ยวซีเหอเดินออกไป
“คิดให้ดีดีล่ะ” เมี่ยวชิงเฟิงก็จากไปเช่นกัน
“อาจารย์?”
“บอกความจริงกับเขาไป เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา”“แล้วเราจะทํายังไงกับเขาดีครับ?”เมียวชิงเฟิงถาม
“ฝังศพเทพเจ้า”
“เข้าใจแล้วครับ”
ตอนเย็น มีคนเตรียมอาหารมากมายไว้สําหรับชายวัยกลางคน มีปลาตัวใหญ่ที่ถูกนํามาขึ้นโต๊ะและวางตรงหน้าเขา
ตะเกียบในมือของเขาร่วงลงจากโต๊ะร่างกายของเขาสันสะท้านราวกับใบไม้ที่ถูกลมฝน
“ไม่ ไม่ ไม่!”