Elixir Supplier - ตอนที่ 901 โชคร้าย
901 โชคร้าย
“ทนหน่อยนะครับ!”
เกิดเสียงดังคลิก
“โอ๊ย!” เขาร้องออกมา
“ทนหน่อยนะครับ เจ็บเดี๋ยวเดียวก็หาย” หวังเย้าพูด
หลังจากที่จับกระดูกแขนของเขาให้เข้าที่แล้วหวังเย้าก็นวดในจุดที่กระดูกเคลื่อนด้วยวิธีการพิเศษเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทําให้การไหลเวียนโลหิตราบรื่นเพื่อลดอาการเลือดคั่ง, ปละอาการปวดบวมจากนั้นก็ใช้ผ้าพันแผลพันในบริเวณที่กระดูกเคลื่อนเพื่อให้อยู่กับที่หลังจากรักษาเสร็จหวังเย้าก็หันไปจัดการกับแผลถลอกตามตัวเขาบาดแผลไม่ได้ลึกมากผิวหนังบริเวณแขนและต้นขาเกิดการถลอกและมีเลือดไหลเพียงแค่การทาขี้ผึ้งก็เป็นอัน
เรียบร้อยแล้ว
“คราวหน้าคราวหลัง ลุงก็ขี่จักรยานช้าๆนะครับ” หวังเย้าพูด
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ” ชายวัยกลางคนพูดแล้วถอนหายใจ“ฉันไม่ได้ขี่เร็วเลยสักนิดแต่ตอนที่กําลังปั่นอยู่ในหมู่บ้านอยู่ๆก็มีเงากระโดดออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฉันตกใจก็เลยหักหลบจนไปชนเข้ากับก้อนหินน่าเสียดายทั้งๆที่ฉันเพิ่งซื้อจักรยานไฟฟ้ามาได้ไม่นานนี้เอง ฉันขี่ได้ยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ!”
“แค่ลุงไม่ได้เจ็บอะไรมากก็ถือว่าดีแล้วครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเอาไปซ่อมแล้ว
ลุงก็เอามันกลับมาขี่ได้อีก”
“เฮ้อเสี่ยวเย้าลองบอกฉันมาสิเธอคิดว่ามันแปลกไหมล่ะ?”เขาถาม“ก่อนที่ฉันจะล้มฉันเห็นเงาร่างหนึ่งวาบผ่านหน้าฉันไป พอลุกขึ้นมาฉันก็ไม่เห็นใครแล้ว”
“หรือลุงจะตาฝาดครับ?”
“อืม มันก็อาจจะเป็นไปได๋”ชายวัยกลางคนพูด“บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉันทํางานล่วงเวลาติดต่อกันหลายวันมันเลยทําให้ฉันเหนื่อยเกินไปแล้วมันก็มืดแล้วด้วยฉันเลยมองอะไรได้ไม่ชัดเจน บางทีฉันอาจจะมองผิดไปก็ได้”
ช่วงเวลานี้ของวัน ท้องฟ้าด้านนอกก็มือสนิทแล้ว
“เสร็จแล้วเหรอ?”
“เสร็จแล้วครับลุงไม่เป็นอะไรแล้ว”หวังเย้าพูด“กลับไปพักผ่อนสักหน่อยส่วนแขนข้างที่กระดูกเคลื่อนลุงไม่ควรใช้งานหนักเกินไปสักครึ่งเดือนนะครับ”เขาใช้วิธีการพิเศษในการรักษาแขนของอีกฝ่ายถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้
“หา ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายวัยกลางคนพูดนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถทํางานได้เป็นเวลาครึ่งเดือนหรอกเหรอ?ถ้ารวมจักรยานไฟฟ้าที่พังเข้าไปด้วยถือว่าการ
ล้มครั้งนี้ทําให้เขาเสียเงินไปนับพัน!
ในความเป็นจริง มันมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นข้อกระดูกของมนุษย์สามารถกลับ
สู่สภาพเดิมได้หลังจากที่เกิดการเคลื่อนหลุดจากจุดเดิม
“เฮ้อ ฉันเข้าใจแล้ว ทั้งหมดเท่าไหร่?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเรื่องก็เกิดขึ้นไปแล้วมันไร้ประโยชน์ที่จะมาหงุดหงิดหรือโมโหเขาแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีส่วนเรื่องงานเขาคง ต้องพักไว้ก่อนสัก 10 วัน
“เราอยู่หมู่บ้านเดียวกันไม่คิดเงินหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือปฏิเสธเขาเพียงแค่ใช้ขี้ผึ้งทั่วไปรักษาบาดแผลให้เท่านั้นมันไม่ได้มีราคาค่างวดมากมายอะไรชายวัยกลางคนยังเป็นคนจิตใจดี คนหนึ่งเมื่อเกิดไฟไหม้บนภูเขาเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปช่วยดับไฟหวังเย้าจดจ่าเอาไว้ในใจอยู่เสมอ
“อ้อ ขอบใจนะ”เขาลุกขึ้นและเดินออกไป
“ลุงรอก่อนครับ”อยู่ๆหวังเย้าก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายผิดปกติเขาจึงเรียกอีกฝ่าย
ให้หยุด
ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหวังเย้ารู้สึกได้ถึงความเย็นเขาคิดแค่ว่า มันเป็นอากาศเย็นที่พัดมาจากด้านนอกในตอนที่ชายวัยกลางคนเปิดประตูเดินเข้ามาแต่ตอนนี้เขารับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่อย่าง
ที่เขาคิด มันคือความเย็น
“ลุง ขอผมตรวจลุงอีกสักรอบนะครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรเหรอ?” ชายวัยกลางคนมีอาการตระหนก
“ไม่ได้มีอะไรครับ ผมแค่อยากยืนยันให้แน่ใจเท่านั้น” หวังเย้าตอบ
ในตอนที่เขาพูดสองมือของเขาประกบเข้าหากัน
พลังฉีของเขาแผ่กระจายออกมาและล้อมตัวชายวัยกลางคนเอาไว้ เพื่อหลอมละลายความ
เย็นออกจากร่างกายของเขา
ชายวัยกลางคนขยับตัวเล็กน้อย
“เสี่ยวเย้า เมื่อกี้นี้เธอทําอะไรเหรอ?”
“เปล่านี่ครับ ผมแค่ตรวจดูให้แน่ใจก็เท่านั้น” หวังเย้าพูด “ทําไมเหรอครับลุง?”
“อ่อ ไม่มีอะไรฉันแค่รู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมานิดหน่อย และรู้สึกสบายตัวขึ้นด้วย”ชายวัยกลางคนพูดเมื่อครู่เขารู้ได้ว่ามีความอบอุ่นโอบล้อมตัวของเขาเอาไว้มันเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทางเสื้อผ้ามันทําให้เขารู้สึกสบายมากความรู้สึกที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาไปแช่น้ำพุร้อนที่หมู่บ้านหลี่
“อาจเป็นเพราะลุงอยู่ในห้องนี้ก็ได้ครับพอเลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ร่างกายของลุงก็เลยอุ่นขึ้นเอง” หวังเย้าพูด“ดีครับทุกอย่างเรียบร้อยดีกลับบ้านดีดีนะครับ”
“โอ้ ได๋ได้ ขอบใจนะ” เขาพูด
เขาจับความรู้สึกภายในร่างกายของเขาอีกครั้งความรู้สึกอุ่นสบายเมื่อครู่หายไปแล้วแต่เขา
กลับรู้สึกดีกว่าตอนที่มาถึงมากเขาไม่รู้สึกหนาวหรือง่วงอีกต่อไป
“แล้วลุงรถล่มที่ทางแยกของหมู่บ้านเหรอครับ?”หวังเย้าถาม“ตรงนั้นใช่ที่มีสุสานอยู่ฝั่งตรง
ข้ามรึเปล่าครับ?”
“ใช่ ตรงนั้นแหละแถวนั้นเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยๆ ชาวบ้านเคยให้อาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาดูแล้วพวกเขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับสุสานที่อยู่บนเขาสุสานอยู่ตรงกับทางแยกพอดีเลยทําให้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นที่ตรงนั้นก็เลยมีการสร้างเจดีย์หินเอาไว้ข้างๆทางแยกนั้น”อยู่ๆชายวัยกลางคนก็เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมาและถามว่า“เสี่ยวเย้าเธอจะบอกว่าที่ฉันเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะฉันเจอบางอย่างที่ไม่ดีเข้าเหรอ?”
ในตอนแรก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่หลังจากที่หวังเย้าพูดขึ้นมา เขาก็เริ่มคิดตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาตรงทางแยกมันแปลกมากจริงๆมีเงาวิ่งผ่านหน้าเขาไปแต่เมื่อมองดูอีกครั้งกลับไม่มีใครอยู่เลยเมื่อคิดถึงเรื่องลึกลับเหล่านั้นเขาก็รู้สึกกลัวและหนาวสั่นขึ้นมา
“ลุงคิดมากเกินไปแล้วครับ”หวังเย้าพูด“ผมพูดไปแล้วว่าอาจเป็นเพราะลุงเหนื่อยจากการทํางานหนักเกินจนทําให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคราวหน้าก็ขี่จักรยานระวังๆถนนมันมืดไฟข้าง
ถนนก็ไม่ได้สว่างมากด้วย”
“นั่นสินะฉันกลับก่อนล่ะ”ชายวัยกลางคนพยักหน้าและเดินออกจากคลินิกไปหวังเย้าเดินออกไปส่งเขาที่หน้าประตูจากนั้นเขาก็หันกลับไปล็อกประตูและเดินกลับบ้านหรือเขาจะเจอของดีเข้าแล้วจริงๆ?
ในอดีต หวังเย้าไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่ตั้งแต่ที่เขาได้เดินทางไปทางใต้และเข้าไปในสุสานโบราณพร้อมกับเหล่านักพรตจากวัดหลงหู่ความเชื่อก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงใน
เมื่อสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคนเจอเข้ากับสิ่งชั่วร้ายพวกนั้นเข้าจริงๆ?
เขากลับไปที่บ้านและเลิกคิดเรื่องนั้นไปสักพัก
ชายวัยกลางคนที่เพิ่งไปคลินิกได้กลับมาถึงบ้านด้วยบาดแผลเต็มตัวมันทําให้ภรรยาของเขาตกใจกลัวเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีคราบเลือดติดอยู่ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ําอยู่ด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อย่าให้พูดเลย ฉันขี่จักรยานชนเจดีย์ที่ทางแยกหมู่บ้านเข้าน่ะสิ” ชายวัยกลางคนพูด“แล้วเป็นอะไรมากไหม?ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลรึเปล่า?”เธอถามด้วยความเป็นห่วงในครอบครัวของพวกเขามีคนแก่สองคนและเด็กเล็กที่ต้องเลี้ยงดูเธอไม่มีงานและได้แต่ทําสวนไม่กี่แปลงที่บ้านเท่านั้นชายวัยกลางคนจึงเป็นเสาหลักของบ้านและเขาจะล้มไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่เป็นไรหรอกฉันไปให้หวังเย้าดูที่คลินิกมาแล้วกระดูกแขนของฉันเคลื่อนเขาก็เอากลับเข้าที่ให้แล้วที่เหลือก็แค่แผลถลอก เขาเลยใส่ยาให้เขาบอกว่าหลังจากพักไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี”เมื่อได้ยินว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากเธอก็โล่งใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงๆเหรอ?”
“ไม่ต้องหรอกใช่ว่าเธอไม่รู้ความสามารถของเสี่ยวเย้า”เขาพูด“กี่คนแล้วที่รักษากับโรงพยาบาลไม่หายแต่มาหายที่เขาน่ะ”
“ก็ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมากินข้าวเถอะ” เธอพูด
แทนที่จะรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเขาก็พูดออกมาอย่างลังเลว่า “เอ่อพอฉันคิดดูดี
ดีแล้ว ฉันอาจจะเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”
“ของไม่ดี?” เธอหยุดสิ่งที่กําลังทําอยู่และหันไปมองสามี
จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ทางแยกแล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที“คงไม่ใช่ว่าไปเจอวิญญาณชั่วร้ายเข้าหรอกนะ?มีคนบอกไว้ว่าที่ทางแยกมีวิญญาณชั่วร้าย
อาศัยอยู่ แล้วสุสานก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นด้วยใช่ไหม?”
“อืม ฉันคิดว่าอุบัติเหตุวันนี้มันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”
“ตอนนี้คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนฉันจะไปหาป้าจางแล้วขอให้เธอมาดูสักหน่อย”เธอพูด
“ได้”
เธอเดินออกจากประตูบ้านไปไม่นานเธอก็กลับมาบ้านพร้อมกับหญิงวัยหกสิบคนหนึ่งหญิงชราไม่ได้สูงมากนักผมของเธอเป็นสีดอกเลาแต่เธอยังดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉงอยู่แต่ละ
ย่างก้าวล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ในทุกๆหมู่บ้านมักมีคนแบบเธออยู่หนึ่งหรือสองคนพวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องของการอัญเชิญ
สิ่งลี้ลับและมองเห็นอนาคตคนที่เจอสิ่งไม่ดีและตกใจกลัวก็มักจะมาหาคนเช่นเธอเพื่อให้ช่วยแก้ไขให้
“ป้าช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ”
“ได้สิ”หญิงชราพูดเธอหยิบถ้วยใส่น้ำมาใบหนึ่งและธูปอีกหนึ่งดอก แล้วจ้องมองดูน้ำในถ้วยหลังจากนั้นสักพักเธอก็พูดขึ้นมาว่า “อืมใช่เธอเจอของไม่ดีเข้าแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ มันอยู่ตรงมุมของหมู่บ้าน” เธอพูด
โอ๋! สองสามีภรรยามองหน้ากันเมื่อฝ่ายภรรยาเชิญเธอมาเธอพูดแค่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสามีของเธอนอกนั้นเธอก็ไม่ได้บอกอะไรเลย คิดไม่ว่าอีกฝ่ายจะรู้ในทันทีเธอมีของอยู่จริงๆด้วย
“ฟ้าช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าฉันต้องทํายังไงบ้าง?”
“ต้องเชิญวิญญาณออกไป”หญิงชราพูด
“แล้วฉันต้องทํายังไงเหรอป้า?”ฝ่ายภรรยาถาม“ช่วยบอกฉันทีฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”“ได้สิ”หญิงชราบอกสิ่งที่เธอต้องซื้อและวิธีที่เธอต้องท่ามันเต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย
“คืนนี้?”
“คืนนี้มันดึกเกินไป”หญิงชราพูด“เธอไปเตรียมของไว้พรุ่งนี้แล้วเย็นวันพรุ่งนี้ฉันจะมาช่วย”
“ได้ ขอบคุณนะคะป้า”เธอขอบคุณหญิงชราและเดินออกไปส่งอีกฝ่ายเขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า“ฉันเจอของไม่ดีเข้าแล้วสินะ”
“หรือจะไม่ใช่?”ภรรยาของเขาถาม“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ป้าจางท่าเรื่องพวกนี้หรือป้าจะดูผิด?แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะทําตามที่ป้าบอกแล้วเตรียมของให้เรียบร้อยภายในพรุ่งนี้เช้า”“ดี”เขาพูดตอนนี้ พอเขาคิดดูอีกทีแล้วเขาอดนึกถึงตอนที่หวังเย้าเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เขา
จะกลับขึ้นมาไม่ได้“หรือเขาก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน?”“พิมพาอะไรอยู่เหรอ?”ภรรยาของเขาถาม
“อ่อ เปล่าๆ” เขาตอบ