Elixir Supplier - ตอนที่ 907 มาอีกครั้ง
907 มาอีกครั้ง
“ผมไม่ได้มีอํานาจขนาดนั้นหรอกนะ”หยางกวนเฟิงพูด“เขาจุดบุหรี่ภายในรถที่โยกไปมา
“อ้าว แล้วเฮลิคอปเตอร์คราวก่อนล่ะ?”
“มีคนติดต่อกองกําลังที่อยู่ใกล้และขอให้พวกเขามาช่วยยังไงล่ะ”
“ใครกันที่หน้าใหญ่จนขอความช่วยเหลือจากกองทัพได้?คงไม่ใช่ผู้ว่ากั๋วที่โดดเด่นและมีหน้ามีตาคนนั้นหรอกนะ?”หลู่ซิ่วเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม“จุดให้ผมมวนหนึ่งสิ”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้”หยางกวนเฟิงจุดบุหรี่อีกมวนและส่งมันให้กับหลู่ซิ่วเฟิง
“นี่ ช่วยขับรถดีดีหน่อยเถอะมีต้นไม้อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมดถ้าไม่ระวังขึ้นมาเดี๋ยวก็ชนเข้าสักต้นหรอก”
“คุณนี้ปากไม่เป็นมงคลเลย!”
รถจี๊บเคลื่อนตัวไปตามป่าและข้ามแม่น้ำในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นหมู่บ้าน
“เรามาถึงกันแล้ว” หยางกวนเฟิงพูด
“โอ้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว”
หลังจากการเดินทางที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง ร่างของคนทั้งสองก็แทบแหลก
“คราวหน้า ถ้าพวกเราต้องมาพื้นที่แบบนี้อีก เราคงต้องยื่นเรื่องขอรถที่ดีกว่านี้ รถคันนี้นั่งไม่ สบายเลยสักนิด!”
“พอเถอะน่า เลิกพูดมากได้แล้ว” หยางกวนเฟิงพูด “ไปกันเถอะ มีคนมารอรับพวกเราแล้ว”มีแม่น้ำสายใหญ่อยู่ด้านนอกหุบเขาและมีสะพานไม้แขวนเอาไว้รถจี๊บไม่สามารถข้ามไปได้
ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเดินด้วยเท้า
ในตอนที่พวกเขากําลังเดินอยู่สะพานไว้ก็ส่ายไปมาเล็กน้อยด้านล่างสะพานไม้ที่พวกเขายืนอยู่ก็คือแม่น้ำเชี่ยวกราดซึ่งมีความห่างประมาณ 15 เมตรเมื่อยืนอยู่บนสะพานไม้แบบนี้ก็จะสามารถมองเห็นภาพของหุบเขาได้มีทิวเขาเป็นพื้นหลังกําแพงที่ถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนหินประตูบานใหญ่บ้านที่ทําขึ้นมาจากไม้ไผ่และผู้คนที่กําลังเดินไปมา
หลังจากได้เห็น หลู่ซิ่วเฟิงก็พูดว่า“เป็นพื้นที่ที่อันตรายจริงๆ!”
“มันอันตรายจริงๆนั่นล่ะ”หยางกวนเฟิงถาม“แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลมันไม่ใช่ถนนที่ใช้สัญจรไปมาหรือสถานที่ที่มีไว้สําหรับการรบพุ่งมันไม่มีทรัพยากรและเดินทางไปมาไม่สะดวกแล้วใครมันจะมาที่นี่กันล่ะ?”
“พวกเราไงล่ะ” หลู่ซิ่วเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดูสิ มีคนออกมารับพวกเราแล้ว คุณบอกกับพวกเขาว่าเราจะมาเหรอ?”
“ไม่ได้บอก ผมกลัวว่าพวกเขาคงรู้แล้วว่าพวกเราจะมา” หยางกวนเฟิงพูดสถานการณ์เดียวกัน
นี้เกิดขึ้นในครั้งก่อนที่เขาเดินทางมาที่นี่มา?”
“ถ้าพวกเขารู้ว่าเรากําลังมาก่อนหน้านั้นแล้วทําไมผมถึงไม่รู้เลยล่ะว่ามีคนกําลังตามพวกเรา
“ถ้าคุณรู้สิแปลก”
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับครับ ผู้กองหยาง ผมไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่วันคุณก็กลับมาแล้ว!”ครั้งนี้เป็นเมี่ยวชิงเฟิงที่ออกมารับพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าสองมือที่อ้า
กว้างและการแสดงออกที่อบอุ่นเพื่อต้อนรับพวกเขา
“ขอบคุณครับ ผมคงต้องมารบกวนคุณอีกแล้ว ผมขอแนะนําพวกคุณให้ได้รู้จักกันไว้นี่คือเพื่อนร่วมงานของผมหลู่ซิ่วเฟิงและนี่คือ เมี่ยวชิงเฟิง”หยางกวนเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ” เมี่ยวชิงเฟิงทักทายผู้มาใหม่อย่างสุภาพ “ผู้กองหยาง คุณพูดแบบนั้นออกจะเกรงใจกันเกินไปผมเคยบอกคุณไปครั้งที่แล้วแล้วว่าคุณและเพื่อนของคุณสามารถมาที่หุบเขาได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเพราะเรื่องงานหรือมาเที่ยวก็ตามที”
คําพูดของเขาพูดได้อย่างคล่องปาก
“คุณกลับมาด้วยเรื่องเดียวกันกับครั้งก่อนเหรอครับ?”
“ใช่ครับ เราต้องมาดูที่นี่อีกครั้ง”
“ไปครับ เราเดินไปคุยไปดีกว่า”
“ดีครับ”
ภายใต้การนําทางของเมี่ยวชิงเฟิง ทั้งสองก็เดินเข้าไปในหุบเขาพันโอสถ
เพราะนี่เป็นครั้งแรกของหลู่ซิ่วเฟิง เขาจึงมองไปรอบๆในขณะที่เดินไปด้วย
“จุ๊ๆ ที่นี่สวยจริงๆ!” เขาอุทาน มันไม่ใช่แค่คําชมตามมารยาท แต่มันคือความจริงหมู่บ้านแห่งนี้ถูกล้อมรอบไว้ด้วยภูเขาและป่าไม้ มันมีทิวทัศน์ที่งดงามและเขียวชอุ่มตลอดทั้งปี
อาย
“มันสวยมากจริงๆ” หยางกวนเฟิงพูด
“ถ้าคุณชอบ จะอยู่สักสองสามวันก็ได้นะครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เราไม่ได้มีแค่ทิวทัศน์ที่สวยงามเท่านั้นนะครับ แต่เรายังมีอาหารอร่อยๆด้วย”
“หืมมม แล้วสาวๆสวยๆล่ะครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงโผล่งออกมา
“หา?” เมี่ยวชิงเฟิงตกใจ
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” หยางกวนเฟิงจ้องหน้าเขา
“เอ่อ ขอโทษขอโทษผมขอโทษด้วยครับ” หลู่ซิ่วเฟิงรีบเอ่ยปากขอโทษด้วยสีหน้ากระดาก
“ไม่เป็นไรครับ มีครับ มี มี มี!”เดี่ยวชิงเฟิงพูดคําว่า “มี” ติดกันสามครั้ง
“อย่าเก็บไปใส่ใจเลยครับ”หยางกวนเฟิงพูด“เขาแค่พูดเรื่องไร้สาระเท่านั้น”
“ไม่เป็นไรครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ในหมู่บ้านของพวกเรามีคนสวยๆอยู่บ้างแต่หมู่บ้านของพวก
เรามีกฎบางอย่างอยู่”
“เขาก็เป็นคนแบบนี้อย่าเอาคําพูดของเขามาคิดมากเลยครับ”
“ผู้กองหยางเราจะเริ่มจากตรงไหนดีครับ?”
“เอ่อ ผู้นําาเมี่ยวยุ่งอยู่รึเปล่าครับ? ผมอยากไปพบเขาก่อน”
“ได้สิครับรอสักครู่ผมจะไปบอกเขาเรื่องนี้ก่อน”เมี่ยวชิงเฟิงรับเข้าไปในหมู่บ้านและรายงาน
เรื่องนี้กับเมี่ยวซีเหอ
“เฮ้อ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่เป็นที่ที่สวยมาก”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
“ผมก็จะไปดูรอบๆน่ะสิ”
“รอก่อน เข้าไปพบผู้นําก่อน ผมคิดว่า เราคงต้องอยู่ที่นี่สักสองสามวัน คุณมีเวลาพอให้เดินดูรอบๆแน่”
“อืม ผมรอไม่ไหวแล้วน่ะสิโอ๊ะตรงนั้นเป็นทะเลสาบที่คุณพูดถึงใช่รึเปล่า?”หลู่ซิ่วเฟิงชี้ไปทางทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกล
“ใช่”
มีเพียงส่วนหนึ่งของทะเลสาบเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้จากภายในหมู่บ้านมันถูกภูเขา
บดบังเอาไว้และพื้นที่ส่วนใหญ่ของมันตั้งอยู่อีกด้านของภูเขา
“มันชื่อว่าอะไรนะ?”
“ทะเลสาบอันเฉิน”
“ทะเลสาบอันเฉิน?” หลู่ซิ่วเหิงทวนชื่อตาม
“ในนั้นมีปลาอร่อยๆให้กินไหม?” อยู่เขาก็เปลี่ยนหัวข้อคุย
“พวกมันอร่อย สดและเนื้อนุ่มมาก” หยางกวนเฟิงปรับตัวตามบทสนทนาที่กระโดดไปมาของหลู่ซิ่วเฟิงได้เป็นอย่างดีความจริงสองวันที่เขาเคยมาอยู่ที่นี่เขาก็ได้กินปลาไปไม่น้อยทันที
หลู่ซิ่วเฟิงเดินสํารวจรอบๆอย่างช้าๆ
“สวัสดีครับลุง!”เมื่อเขาเจอชายชราที่อยู่ในวัย 60-70 เขาก็รีบเอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
แต่ชายชรากลับพูดด้วยสําเนียงท้องถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ
“ลุงเอาบุหรี่สักหน่อยไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงยิ้มและหยิบบุหรี่ออกมา
“อ๋อ!” ชายชรายิ้มแล้วโบกมือ
“เฮ้อ การเชี่ยวชาญสําเนียงของแต่ละพื้นที่ก็ถือเป็นเรื่องสําคัญเหมือนกันผมไม่เข้าใจที่ลุงคน
นี้พูดเลยสักค่า!”หลู่ซิ่วเฟิงบ่น
“เขาทักทายพวกเรา และบอกไม่ให้พวกเราเดินไปมั่วๆถ้าไม่รู้จะไปที่ไหน”หยางกวนเฟิงพูด“หา?คุณเข้าใจที่เขาพูดเหรอ?”หลู่ซิ่วเฟิงถามอย่างประหลาดใจ
“นิดหน่อย”หยางกวนเฟิงตอบนอกจากจดจ่ออยู่กับคดีนี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เขาทําในช่วงนี้ก็คือการหาวิธีเรียนรู้สําเนียงการพูดของคนในหุบเขาภาษาพูดมีความคล้ายกับภาษาของเผ่าเมี่ยวใน ปัจจุบันเขาบังเอิญมีความเข้าใจภาษาเมี่ยวอยู่บ้างทําให้การเรียนรู้สําเนียงของคนในหุบเขาง่ายขึ้นไปด้วยเขาไม่สามารถคุยกับคนในหุบเขาได้แต่เขาสามารถทําความเข้าใจคําพูดส่วนใหญ่ของพวกเขาได้
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้เรื่องนี้ด้วย!”
“เราจะให้พวกเขารู้เรื่องนี้ไม่ได้”หยางกวนเฟิงพูด“ครั้งก่อนที่ผมมาที่นี่พวกเขาเก็บความลับบางอย่างเอาไว้ไม่ให้เรารู้และพูดคุยกันด้วยสําเนียงท้องถิ่นของพวกเขาเองผมคิดว่าการพูด
ภาษาจีนกลางไม่ใช่เรื่องยากสําหรับคนในหุบเขาถึงจะไม่ได้เหมือนเป๊ะก็ตาม”
“ก็ได้ ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน เมี่ยวชิงเฟิงก็กลับมา
“ผู้นําเชิญพวกคุณสองคนครับ”
“ครับ”
ทั้งสองเดินตามเขาเข้าไปในอาคารไม้ไผ่ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน”
หลู่ซิ่วเฟิงมองดูตัวอาคารและพูดว่า “อืมมันดูโอ่โถงอยู่นะ”
“มาเถอะ ไว้ค่อยดูทีหลังก็ได้”
“รู้แล้ว”
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ผู้นํากําลังจะมาพบพวกคุณแล้ว แต่ก็มีคนในหุบเขามาขอให้เขา
ไปรักษาให้ เขาก็เลยอาจจะมาช้าสักหน่อย”
“โอ๋ ผู้นําของคุณรักษาโรคเป็นด้วยเหรอครับ?”
“เป็นสิครับ ผู้นําก็คือคนที่มีฝีมือการรักษาที่สูงที่สุดในหุบเขา นั่นเป็นข้อกําหนดของหุบเขาที่มีมานานหลายร้อยปีแล้ว คนที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะอยู่ในตําแหน่งนี้ได้”เมี่ยวชิงเฟิงอธิบายกฎเกณฑ์ให้พวกเขาฟัง
“จริงเหรอครับ? แล้วไม่มีการออกเสียงหรือการเลือกตั้งเหรอครับ?”
“ฮาฮา” เดี่ยวชิงเฟิงหัวเราะเสียงดังลั่น
“เชิญเข้ามาข้างในเถอะครับ”
พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นเมี่ยวซีเหอกําลังรักษาชายคนหนึ่งที่อยู่ในวัยหกสิบ”
“เชิญนั่งก่อนครับ” เมื่อเขาเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามา เขาก็ยิ้มและพยักหน้าให้
“ตามสบายเถอะครับ”
เขาพูดกับชายชราสองสามประโยค ก่อนจะหันไปพูดกับชายในวัยสามสิบที่อยู่ข้างๆชายชราแล้วชายคนนั้นก็เดินออกไป
“สวัสดีครับ ผู้กองหยาง และเพื่อนใหม่ท่านนี้ ยินดีต้อนรับสู่หุบเขาครับ”
“สวัสดีครับ ผู้นําาเมี่ยว เราไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนคุณอีกครั้งเลยจริงๆนะครับ” “คุณเกรงใจเกินไปแล้วคุณเป็นที่ต้อนรับของที่นี่เสมอครับ”
ในตอนที่พวกเขากําลังคุยกันอยู่ ชายที่เดินออกไปเมื่อครู่ก็กลับเข้ามาพร้อมกับของในมือเขาส่งมันให้กับชายชราและพูดกับเขาสองสามประโยคชายชราก็กลับออกไปส่วนชายวัยสามสิบก็
ถอยออกไปยืนอยู่ด้านหลังเมี่ยวซีเหออย่างนอบน้อม
ครับ”
“คุณมาครั้งนี้เพราะเรื่องคดีเดิมเหรอครับ?”
“ใช่ครับ มีคดีคล้ายกันเกิดขึ้นอีกครั้ง เรามีบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ เราเลยต้องกลับมาที่นี่น่ะ
“อ่อ แล้วคุณต้องสืบเรื่องอะไรเหรอครับ? เราพร้อมให้ความร่วมมือกับพวกคุณเต็มที่ในเมื่อ
คุณกับชิงเฟิงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ก็ให้เขาคอยดูแลพวกคุณไป”
“ได้ครับ!” หยางกวนเฟิงยิ้ม
“ชิงเฟิง ให้ความร่วมมือกับผู้กองหยางและคอยดูแลพวกเขา ดูแลพวกเขาให้เหมือนกับสหายคนหนึ่ง”
“ครับ ผู้นํา”
“ถ้าต้องการให้ผมทําอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ”เมี่ยวซีเหอพูด
“ได้ครับขอบคุณสําหรับความร่วมมือครับ”