Elixir Supplier - ตอนที่ 913 ปรารถนาอายุยืนไม่แก่เฒ่า
913 ปรารถนาอายุยืนไม่แก่เฒ่า
“อืม มันคงยังไม่ถึงเวลาถ้าถึงตอนนั้นผมคงจะรู้ได้เอง”หยางกวนเฟิงพูด “ถึงพวกเขาจะดูไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากนักแต่ระดับการรักษาความลับของที่นี่กลับดูเข้มงวดกว่าครั้งก่อนมากมีคนคอยจับตามองพวกเราอยู่ไม่น้อยเลย”ถึงยังไงเขาก็ทํางานในสายงานนี้มามากกว่า 10 ปี สําหรับเรื่องที่มีคนคอยจับตามองว่าในหมู่พวกเขามีใครเป็นสายลับแฝงตัวมาหรือไม่นั้นเขามีประสบการณ์ในด้านนี้มานับไม่ถ้วน
“ใช่ เมี่ยวชิงเฟิงตามติดพวกเราตลอดทั้งวัน เห็นได้ชัดว่าเขาก็คือคนที่ถูกส่งมาให้คอยจับตามองพวกเราเอาไว้คุณคิดว่าการที่เขาคอยติดตามพวกเราอยู่ตลอดแบบนี้เราจะได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์กลับไปได้บ้างไหม?”หลู่ซิ่วเฟิงนอนอยู่บนเตียงแล้วจุดบุหรี่สูบในขณะที่พูดอยู่“อ๋อเล่าเรื่องเลขากั๋วให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ทำไมอยู่ๆถึงได้สนใจเรื่องของเขาขึ้นมาล่ะ?” หยางกวนเฟิงถาม
“ไฮ้ ก็เขายังหนุ่มแน่นคนอื่นก็ต้องสนใจเรื่องของเขาเป็นธรรมดา บางที วันใดวันหนึ่งเขาอาจจะขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชาของผมก็ได้”
“เขาน่ะเหรอ?”
“นี่ คงไม่ใช่ว่าคุณดูถูกเขาอยู่หรอกนะ?”
“ผมไม่กล้าหรอก!”หยางกวนเฟิงอุทาน
“ถึงเขาจะมีอํานาจของตระกูลเป็นตัวช่วยให้เขามาถึงตําแหน่งนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ความสามารถของเขาก็มีส่วนสําคัญในการเลื่อนตําแหน่งเช่นกัน”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“บางทีผมควรจะพูดว่า
มันคือปัจจัยสําคัญที่สุดโดยเฉพาะในตอนที่ตําแหน่งของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ”
“กับเลขากั๋วคนนี้ผมเคยพูดคุยด้วยสองสามครั้งเขาอายุยังน้อยและมีความเป็นผู้ใหญ่สูงแต่เขาก็เจ้าแผนการมาก!”หลังจากที่ใช้ความคิดเล็กน้อยหยางกวนเฟิงใช้คํานั้นในการประเมณอีกฝ่าย
“เจ้าแผนการ?”
“ใช่ มากๆ”
พวกเขาคือใคร?พวกเขาคือตํารวจปราบอาชญากรรมพวกเขาเคยเผชิญหน้าและรับมือกับอาชญากรมาหลายคดีและหลากหลายรูปแบบทําให้ความสามารถในการประเมินคนของพวกเขาถูกลับจนคมกริบเพียงแวบเดียวพวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าคนคนนั้นมีลักษณะนิสัยยังไงและคนคนนั้นประสงค์ร้ายหรือดีและสิ่งที่พวกเขาประเมินก็ไม่ต่างจากความเป็นจริงมากนัก
“บอกกับผมมาตามตรง ทําไมอยู่ๆคุณถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”หยางกวนเฟิงถาม
“ก็ไม่มีอะไร ผมแค่รู้สึกสงสัยเฉยๆ”หลู่ซิ่วเฟิงตอบ
“ช่างเถอะ ถ้าคุณไม่อยากพูดผมก็จะไม่ถาม
ทั้งสองพูดคุยกันเสียงเบาหลักๆก็เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องคดี ก่อนที่จะผล่อยหลับไป
มีเสียงดังกริ๊งกลางดึกคืนนั้นมีเสียงบางอย่างดังขึ้นให้ได้ยิน
“เสียงอะไร?”
ทั้งสองผุดลุกขึ้นจากเตียงแทบจะในเวลาเดียวกันพวกเขาจับปืนที่อยู่ตรงเอว
หลังจากผ่านไปนาน…
ภายในห้องมืดสนิทไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากนั้นด้านนอกก็มืดสนิทเช่นกัน
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่”
“รออีกหน่อย”
หยางกวนเฟิงไม่ได้เปิดไฟเขาคลำไปรอบๆในความมืดและคลำไปตามพื้นเขาพบเหล็กก้อนเล็กๆที่มีขนาดพอๆกับลูกแก้วมันไม่ได้สะดุดตาเลยสักนิด
“ข้อมูลมาถึงแล้ว”
ด้วยความช่วยเหลือของแสงจากมือถือพวกเขาก็พบกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในลูกเหล็กนั้นมันมีประโยคหนึ่งถูกเขียนไว้
[เมี่ยวซีเหอต้องการเป็นอมตะและไม่แก่เฒ่า!]
“แม่งเอ้ย!”หลู่ซิ่วเฟิงสบถออกมาทันทีที่เขาได้อ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้น
มันดูเป็นข้อความธรรมดาๆแต่ความจริงแล้วข้อมูลของมันกลับมีความสําคัญอย่างมากตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ความคิดที่ต้องการเป็นหนุ่มตลอดกาลและเป็นอมตะล้วนมีอยู่ในความคิดของทุกคนไม่ว่าจะแก่หรือเด็กอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศคนส่วนใหญ่ล้วนคิดและใฝ่ฝันถึงมันพวกเขาแค่คิดจินตนาการเท่านั้นบางคนลงมือทําจริงๆเช่นเหล่าจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้,ฟาโรห์แห่งอียิปต์เป็นต้นแต่คนเหล่านั้นล้วนอยู่ในสมัยโบราณหลังจากเข้าสู่ยุคสมัย ใหม่ ผู้คนไม่ได้สนใจเรื่องนั้นกันแล้วแน่นอนว่ามีองค์กรลับบางแห่งที่มักทําการค้นคว้าความเป็นไปได้ที่จะเป็นอมตะแต่พวกเขามีการเปิดเผยสู่สาธารณะน้อยมาก
แล้วตอนนี้อยู่ๆพวกเขาก็ได้ข้อความแบบนี้ในหมู่บ้านที่ห่างไกล มันหมายความว่ายังไงกัน?
เมี่ยวซีเหอต้องการเป็นหนุ่มตลอดกาลและกลายเป็นอมตะเรื่องนั้นพอจะเข้าใจได้แต่มันต้องไม่ธรรมดาเหมือนข้อความที่ถูกส่งมาอย่างแน่นอนเขาไม่เพียงแต่คิดจะกลายเป็นอมตะแต่เขา
ยังลงมือทําด้วยมันได้เกิดคำถามตามมาถึงการกระทําของเขา เขาท่าอะไรและเขาทําได้ยังไง?
ฮ่องเต้พระองค์แรกของราชวงศ์ฉินได้ส่งคนออกไปตามหาน้ำอมฤตมันคือข่าวลือที่ถูกส่งต่อ
มาตั้งแต่โบราณ ฮ่องเต้บางพระองค์ได้มีการเชิญนักพรตเต๋าจากสถานที่ต่างๆมาเพื่อสร้างยาวิเศษเหล่าผู้ที่ฝึกฝนทางเต๋าและฝึกกังฟูทํามันโดยการบ่มเพาะและกินยาจนถึงตอนนี้สิ่งเหล่านั้นคือวิธีการที่รับรู้กันทั่วไปมีอยู่สองวิธีการที่จะกลายเป็นอมตะได้หนึ่งคือการบ่มเพาะและอีกหนึ่งคือตัวช่วยภายนอกเช่นการกินยาแล้วเมี่ยวซีเหอใช้วิธีไหน?เมื่อรวมเข้ากับข้อมูลที่พวกเขารู้มาหุบเขาพันโอสถแห่งนี้ได้รับการสืบทอดมาจากราชาโอสถและถือได้ว่ามีความรู้ในเรื่องการรักษามรดกตกทอดจากหลายร้อยปีก่อนไม่ใช่เรื่องธรรมดาเขาอาจจะใช้ยาเพื่อช่วยในเรื่องนี้หากเป็นการใช้ยาช่วย มันก็ต้องมีการทดลองยาบางตัวสําเร็จในการทดลองครั้งแรก พวกเขาต้องทําการทดลองหลายๆแบบรวมไปถึงการทดลองกับสัตว์และมนุษย์แล้วพวกเขาทํามันยังไง?ทั้งสองมองหน้ากัน ชัดเจนว่าพวกเขามีความคิดไปในทางเดียวกัน
“ผู้นําาเมี่ยวคนนี้มีความทะเยอทะยานจริงๆ!”หลู่ซิ่วเฟิงอุทาน
“อํานาจและเงินทองจะเทียบกับความเป็นอมตะได้ยังไง?สิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ค่า!”
“เราจะเชื่อทั้งหมดนี้ไม่ได้เหมือนกัน”หยางกวนเฟิงกระซิบ
“หม?”
“เราจะตัดความเป็นไปได้เรื่องที่มีคนในหุบเขาไม่พอใจเขาและคิดหาโอกาสในการใส่ร้ายป้ายสีเขาอยู่”
“ใช่ แต่ก็มีหลายวิธีในการใส่ร้ายเขา”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้รู้วิธีการพิเศษแบบนี้นี่ผมจําได้ว่าคุณบอกว่ามีข่าวลือเรื่องที่มีคนอายุมากกว่า 200 ปีอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ด้วย”ดวงตาของเขาเป็นประกายเขาไม่ได้ดูเมามายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ใช่ มันเป็นข่าวลือ”
“ข่าวลืออาจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก” หลู่ซิ่วเฟิงพูด“เราลองมาตั้งสมมติฐานกันดีกว่าหุบเขาพันโอสถแห่งนี้ที่มีอยู่มานานหลายร้อยปีและได้รับสืบทอดความรู้มาจากราชาโอสถเริ่มแรกพวกเขาศึกษาเรื่องยาคิดหาวิธีการรักษาโรคและช่วยเหลือผู้คน และ
ค่อยๆพัฒนาความรู้ของพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายมนุษย์ได้โดยมุ่งไปที่เรื่องของการป้องกันแล้วอยู่ๆพวกเขาก็พบว่าการกินยาบางตัวสามารถทําให้คน มีอายุยืนได้พวกเขาก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องนั้นต่อในเมื่อมันถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาในแต่ละปีก็มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆความรู้ถูกสั่งสมและพอกพูนขึ้นเรื่อยๆส่วนคนที่มีชีวิตมามากกว่า 200 ปีก็อาจจะเป็นเคสที่ประสบผลสําเร็จในการค้นคว้าตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา
และผู้นําาเมี่ยวก็ต้องการที่จะพัฒนาไปให้ไกลกว่านี้”
“ถึงยังไงความเป็นอมตะก็ถือเป็นสิ่งดึงดูดใจสําหรับทุกผู้ทุกคนอยู่แล้ว!”
“อืม สมมติฐานนี้ดูสมเหตุสมผลแต่มันพิสูจน์ได้ยากมาก”หยางกวนเฟิงพูดพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อสืบเรื่องการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างจากที่นี่ไปหลายร้อยไมล์ไม่ใช่มาเพื่อสืบเรื่องความเป็นอมตะถึงเรื่องแบบนั้นจะมีอยู่จริงมันก็เป็นความลับของหุบเขาพันโอสถมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“อืม ผมขอคิดดูก่อน”
“อย่าหุนหันพลันแล่น เรื่องนี้จะพูดซี้ซั่วไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง ผมรู้ความร้ายแรงของมันดี”หลู่ซิ่วเฟิงพูด
ท้องฟ้าเริมสว่าง
อากาศภายในหุบเขาพันโอสถให้ความรู้สึกสดชื่นและหายใจได้สะดวก
“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทําให้ไม่มีมลพิษอยู่เลย”หลู่ซิ่วเฟิงพูด “ผู้คนทํางานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและพักผ่อนเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ความสงบของการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างเชื่องช้า
และไม่มีความกดดันเพื่อเอาชีวิตรอดไม่แปลกที่คนที่นี่จะมีสุขภาพดีและอายุยืน”
เมื่อคนคนหนึ่งป่วย มันก็หมายความได้ว่าร่างกายของคนคนนั้นอ่อนแอปัจจุบันมีโรคหลายชนิดโผล่ออกมาเรื่อยๆและบางโรคก็เป็นกันในหมู่คนหนุ่มสาวมันมักเกิดจากมลพิษการใช้ชีวิต
ที่เร่งรีบ และความกดดันที่สูง
“วันนี้เราจะไปที่ไหนกันดีครับ?”เมี่ยวชิงเฟิงถาม
“อืม วันอากาศไม่เลว ในทะเลสาบอันเฉินมีอะไรน่าสนใจบ้างไหมครับ?” “ผู้กองหลู่หมายความว่ายังไงครับ?”เมี่ยวชิงเฟิงตกใจเมื่อได้ยินคําาถามนั้น
“เอ่อ เราไปตกปลาที่นั่นได้ใช่ไหมครับ?”
“ตกปลาได้สิครับคุณตกปลาที่นั่นได๋”เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมจะให้คนไปเตรียม
อุปกรณ์ตกปลาเดี๋ยวนี้เลย”
“เราคงต้องรบกวนคุณแล้ว”
“ตกปลา! เป็นความคิดที่ดี!”
“ผมคิดว่าสองวันมานี้เราไปสํารวจมาแล้วหลายที่”หลู่ซิ่วเฟิงพูด “เมื่อคืนผมคิดดูแล้วผมจะจัดการกับข้อมูลที่เราได้มาก่อนแล้วค่อยดําเนินการขั้นต่อไปกันคุณคิดว่ายังไง?”
“ก็ดี”หยางกวนเฟิงเห็นด้วย
ทั้งสามเดินไปที่ทะเลสาบพวกเขามองดูความงามของทะเลสาบและอาบแดดไปด้วยในตอนที่ตกปลา
ฮ้าว! หลู่ซิ่วเฟิงหาวออกมา
“นี่คือความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง!”
“ฮาฮา ผู้กองหลู่ ถ้าคุณชอบก็กลับมาที่นี่ได้เสมอนะครับ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ทําไมแบบนั้นไม่ได้หรอกครับมันผิดกฎ”หลู่ซิ่วเฟิงหยิบบุหรี่ออกมา
“เอ่อ ผมสูบที่นี่ได้ไหมครับ?”
“ได้ครับ”
“ผมขอถามหน่อยได้ไหมทําไมที่นี่ถึงถูกเรียกว่าทะเลสาบอันเฉิน เหรอ?”
“ครับเท่าที่รู้มาจากคนรุ่นก่อนทะเลสาบแห่งนี้สามารถมอบความสงบให้กับผู้ที่จากไปในหุบเขาแห่งนี้ครับ”