Elixir Supplier - ตอนที่ 917 ติดต่อ
917 ติดต่อ
“เรื่องนั้นมีความเป็นไปได้ แล้วยังเป็นไปได้สูงมากด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นก็รอไปก่อน” หยางกวนเฟิงจุดบุหรี่
“เรากําลังรออะไรอยู่เหรอ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“เรารอคนคนนั้นอยู่”
เมื่อมีคนส่งข้อความลับให้พวกเขาในตอนกลางคืน มันก็เป็นไปได้ว่า คนคนนั้นจะส่งข้อความมาให้พวกเขาอีก
“โอ้ คนนั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่ คนนั้นนั้นล่ะ”
ค่ําคืนเงียบสงบ ทั่วทั้งหุบเขาเงียบสงัด คนส่วนใหญ่ต่างอยู่ในความฝัน แต่ก็ มีบางคนที่เป็นข้อยกเว้น เช่น หลู่ซิ่วเฟิงและหยางกวนเฟิง พวกเขากําลังนอนคุย กันอยู่บนเตียงและรอคอยผู้ที่เคยส่งข้อความให้พวกเขาในครั้งก่อน
“ผมไม่คิดว่าเขาจะส่งข้อความให้ตอนนี้หรอก” หยางกวนเฟิงพูด “ผมจะนอนก่อน คุณคอยจับตามองเอาไว้นะ”
“อ้าว แบบนี้มันไม่ถูกต้อง” หลู่ซิ่วเฟิงพูด “ผมควรเป็นคนพูดคํานั้นมากกว่านะ”
“ผมเห็นว่าคุณออกจะกระปรี้กระเปร่าดี แล้วผมก็เหนื่อยด้วย”
“ก็ได้ คุณนอนก่อนเถอะ”
หลังจากผ่านไปไม่นาน หยางกวนเฟิงก็เริ่มส่งเสียงกรนออกมา เขาหลับไป
แล้ว ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจรู้ได้ เขารู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้า วันทั้งวันเขาคิดแต่อยากจะนอน
“ทําไมถึงยังไม่มาอีก? ถ้าไม่มาฉันจะนอนแล้วนะ” หลู่ซิ่วเฟิงนอนอยู่บนเตียง เขาเริ่มรู้สึกเบื่อ จากนั้น เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดอ่านนิยาย
หลังจากเลยเวลาสี่ทุ่มไปเล็กน้อย ลูกเหล็กก็ถูกขว้างมาจากด้านนอกและ ตกลงที่พื้นห้องดังกริ๊ง เขาจึงรีบลุกออกจากเตียงแล้วหยิบลูกบอกเหล็กขึ้นมาและพบว่ามีกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งอยู่ด้านในนั้น
“นี่มันหมายความว่ายังไง?”
“เขียนเบอร์ติดต่อของเราลงไป” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเขา
“แม่ง เหล่าหยาง คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่? อย่างน้อยก็ช่วยส่งเสียงสักหน่อยไม่ ได้หรือไง? คุณทําให้ผมตกใจ! นี่มันทําให้คนตกใจตายได้เลยนะ!” หลู่ซิ่วเฟิง ตกใจมากจริงๆ
“ผมเพิ่งตื่น”
“เห็นคุณหลับลึกขนาดนั้นแล้ว ผมไม่คิดว่าเสียงเล็กๆน้อยๆจะทําให้คุณตื่นได้ด้วย”
“เลิกพูดมากได้แล้ว” หยางกวนเฟิงพูด “รีบเขียนลงไปในกระดาษ แล้วโยน ออกไป อีกฝ่ายคงกําลังรออยู่ข้างนอกนั่น
เมื่อกี้นี้ เขาหลับไปแล้วจริงๆ แต่ด้วยความเคยชินจากการทํางานมาตลอด ระยะเวลาหลายปี ไม่ว่าเขาจะหลับลึกแค่ไหน แค่เสียงเบาๆก็สามารถทําให้เขา ตื่นขึ้นมาได้แล้ว
หลู่ซิ่วเฟิงไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เขารีบเขียนเบอร์โทรลงไปสองเบอร์ และใส่มันกลับลงไปในลูกบอลเหล็ก จากนั้นก็ขว้างมันออกไปทางหน้าต่างและคอยฟังเสียงอยู่สักพัก
“แปลก ทําไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย?”
“เขาไปแล้ว” หยางกวนเฟิงกลับไปที่เตียงนอน
“นอนได้แล้ว”
“เฮ้อ เหล่าหยาง คุณนี่มันเหลือเกินจริงๆ” หลู่ซิ่วเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เราทําขั้นตอนสําคัญไปแล้ว จากนี้ ก็รอดูว่าอีกฝ่ายจะให้ข้อมูลอะไรที่มี ประโยชน์กับพวกเราบ้าง” หยางกวนเฟิงพูด หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เริ่มกรนอีกครั้ง
“นั่นสินะ” หลังจากนั้นไม่นาน หลู่ซิ่วเฟิงก็หลับไป
ข้อความแรกถูกส่งมาในตอนเช้าตรู่ของวันถัดมา ซึ่งยังเป็นเวลาที่ใครหลายคนยังคงหลับอยู่ หลู่ซิ่วเฟิงถูกแรงสั่นของมือถือปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา เขาหยิบมือ ถือขึ้นมากดดูข้อความ
[หุบเขากําลังศึกษาน้ําอมฤตแห่งชีวิต โดยการนําของเมี่ยวซีเหอ มีหลายคนที่ เข้าร่วม พวกเขากําลังทําการทดลองกับมนุษย์]
ทดลองกับมนุษย์? หลู่ซิ่วเฟิงใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันไปมองหยางกวน เฟิงที่ยังคงนอนหลับอยู่
เขาส่งเสียงเรียกเบาๆ “เหล่าหยาง?”
“มีอะไร?” หยางกวนเฟิงลืมตาในทันทีและย้ายมือไปจับที่ช่วงเอวของตัวเอง
“ดูนี่สิ” เขาส่งมือถือของตัวเองให้อีกฝ่าย
“การทดลอง?”
“ใช่”
“แล้วหลักฐานกับสถานที่ทดลองอยู่ที่ไหน?”
หลู่ซิ่วเฟิงส่งคําถามเหล่านั้นกลับไปทางข้อความ หลังจากนั้นสักพัก อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
[ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาโฮ่วชาน]
“ไม่ใช่ในหุบเขา?”
ทั้งสองมองหน้ากัน
“ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาโฮ่วชานออกจะคลุมเครือเกินไป” หลู่ซิ่วเฟิง
ขมวดคิ้วอย่างหาได้ยาก
มันไม่สําคัญว่าตําแหน่งที่ตั้งจะคลุมเครือ เพราะมันก็คือเขาแค่ลูกหนึ่งเท่านั้น ถ้าพวกเขาต้องการหามัน พวกเขาก็หาได้ ถ้าพวกเขาหาไม่เจอในวันเดียว พวก เขาก็จะหามันให้เจอในสองวัน ปัญหาใหญ่ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะค้นหาเขาลูก นั้นให้เจอหรือไม่ แต่มันคือ คนอื่นจะยอมให้พวกเขาหามันเจอหรือไม่ต่างหาก เช่น เมี่ยวชิงเฟิงที่ตามติดพวกเขาตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ยกเว้นก็แค่เวลา ที่พวกเขาเข้าห้องน้ําและนอนหลับ นอกนั้น เขาจะคอยติดตามพวกเขาไม่ไป ไหน พวกเขาจึงไม่สามารถออกไปสืบหาสถานที่แห่งนั้นได้ตามลําพัง
“เราจะหายังไงกันดี?”
“ไปดูกัน” หยางกวนเฟิงพูด มันไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ในการไขคดี และตอนนี้ พวกเขาก็กําลังอยู่ในอาณาเขตของผู้อื่น
“แล้วจะใช้เหตุผลอะไร?”
“คุณเก่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว คุณก็คิดสิ” หยางกวนเฟิงพูด
ตอนเช้า เหมือนเช่นทุกวัน เมี่ยวชิงเฟิงมารอพวกเขาแต่เช้า
“วันนี้ พวกคุณสองคนมีแผนจะทําอะไรไหมครับ?” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
“อืม บนเขามีสัตว์ป่าอยู่เยอะไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถูสองมือเข้าด้วยกัน
“สัตว์ป่า? ผู้กองหลู่อยากขึ้นไปล่าสัตว์บนเขาเหรอครับ?”
“โอ้ ใช่ครับ ผมหมายความแบบนั้นล่ะ” หลู่ซิ่วเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยม! หยางกวนเฟิงคิดในใจ สองสามวันที่ผ่านมา หลู่ซิ่วเฟิงได้ทิ้งความ ประทับใจให้พวกเขารู้สึกว่า เขาเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้ นอกจากความจริงที่ ว่าเขาชื่นชอบอาหารและเหล้า ในสถานที่อื่นเขาก็ได้ทิ้งความประทับใจแบบนี้ เอาไว้เช่นเดียวกัน และเพราะเรื่องนั้น ทําให้หลายคนส่งเรื่องไปทางจังหวัดว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่หาประโยชน์เข้าตัวเอง โชคดีที่เบื้องบนหลายคนของจังหวัดรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขาและไม่ฟังข่าวลือพวกนั้น ดังนั้น ถึงทางหุบเขาจะหาข้อมูลของเขาจากข้างนอก สิ่งที่พวกเขาได้ก็จะเหมือนๆกัน
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาเตรียมธนูและลูกธนู
“เราจะล่าด้วยสิ่งนี้เหรอครับ?” เมื่อมองไปที่ธนูและลูกธนูในมือ หลู่ซิ่วเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ครับ ที่นี่เราใช้ธนูในการล่า”
“อ่อ ดี คุณช่วยสอนวิธีใช้กับพวกเราก่อนได้ไหมครับ?”
“ได้สิครับ”
ทั้งสองเรียนรู้วิธีการใช้ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น พวกเขาก็ขึ้นเขาไปพร้อมกับธนูและลูกธนู
“บนเขามีสัตว์ป่าอะไรอยู่บ้างเหรอครับ?”
“มีกวาง, กระต่ายป่า, หมู่ป่า, ไก่ป่า, แล้วก็อีกหลายอย่างเลยครับ” เมี่ยวชิง
เฟิงพูด
“แล้วไม่มีสัตว์ดุร้ายอย่างหมาป่ากับเสือบ้างเหรอครับ?”
“มีเสือดาวกับหมาป่าอยู่ครับ แต่ไม่มีเสือ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ไม่จริงน่า! แล้วพวกมันกินคนรึเปล่าครับ?”
“ในสถานการณ์ปกติ พวกมันจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีมนุษย์ก่อน โดยเฉพาะพวก เราที่มาเป็นกลุ่มสามคนแบบนี้” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์พิเศษ เช่น เวลาที่พวกเราเข้าไปใกล่โพรงของพวกมันและมีลูกของพวกมันอยู่ข้างใน นั้น พวกเขาก็จะดุร้ายขึ้นมาทันที ถ้าเราเข้าไปใกล้ พวกมันก็จะโจมตีพวกเรา ก่อนทันที”
“แล้วคุณจัดการมันได้ไหมครับ?”
เมี่ยวชิงเฟิงใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมน่ะเหรอ? ได้สิ ครับ แล้วถึงผมจะจัดการมันไม่ได้ ก็ยังมีพวกคุณอีกสองคนไม่ใช่เหรอครับ? ไม่ ว่าพวกมันจะดุร้ายแค่ไหน พวกมันก็สู้ปืนไม่ได้ ความจริง สัตว์ที่เห็นกันไม่ถือว่า เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดหรอกนะครับ สิ่งที่อันตรายร้ายแรงที่สุดในป่า ก็คือพวก สัตว์ตัวเล็กๆที่เล็ดรอดสายตาไปได้ง่ายต่างหาก”
“เช่นอะไรบ้างครับ?”
“เช่น แมงมุมพิษ, ตะขาบ, งูพิษ, และสัตว์พิษอีกหลายอย่างเลยล่ะครับ พวก มันบางชนิดมีพิษร้ายแรงมาก ถ้าคุณเผลอถูกพวกมันกัดเข้า ก็อาจเป็นอันตราย ถึงตายได้เลยล่ะครับ”
“พอได้ยินแบบนี้แล้ว ผมก็รู้สึกว่าพวกเราไม่น่ามาที่นี่เลย” หลู่ซิ่วเฟิงพูด ใน ตอนที่พูดอยู่นั้น เขาก็เดินไปตามเส้นทางบนเขา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยู่ที่นี่ทั้งคน พวกคุณไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ” เมี่ยว ชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ซวบ…ซาบ…ซวบ…อยู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล
“ชู่ๆๆ” หลู่ซิ่วเฟิงทําท่าให้ทุกคนเงียบ เขามองไปตามเสียงและเห็นหมูป่าตัวหนึ่ง มันกําลังค่ารามและทําอะไรบางอย่างอยู่
“หมูป่า!”
“ธนูของเราจะใช้ได้ผลกับมันไหมครับ?” หลู่ซิ่วเฟิงถามเสียงเบา
“ไม่ครับ หนังของหมูป่าทั้งหนาและหยาบ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ถึงธนูที่เราเอามา ด้วยจะสามารถเฉือนเนื้อของมันได้ แต่มันก็ไม่สามารถโจมตีมันให้ถึงตายได้นอกจากว่า มันจะยิงถูกดวงตาหรือจุดอ่อนของมันได้ นอกนั้นก็มีแต่จะทําให้มันคลั่งกว่าเดิม”
“แล้วเราควรทํายังไงเวลาที่เจอหมูป่าในตอนที่กําลังล่าอยู่ครับ?”
“เรามักจะทาพิษชนิดพิเศษลงไปบนลูกธนูครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “พอยิงถูกตัวมัน มันก็จะหมดสติ แล้วนั่นก็คือตอนที่เราจะฆ่ามันได้ แต่วันนี้ผมไม่ได้เอาพิษนั้นมาด้วย”
“หรือเราจะใช้ปืนยิงมันเลยดีไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงหยิบปืนของเขาขึ้นมา
“เก็บเดี๋ยวนี้เลย!” หยางกวนเฟิงมองเขา
“ก็แค่พูดเล่นน่ะ” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่ก็น่าเสียดาย หมูป่าอร่อยไหมครับ?”
“อร่อยสิครับ คุณก็เคยกินไปแล้ว” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“จริงเหรอครับ? ใช้จานที่กินไปเมื่อคืนก่อนรึเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ”
“ช่างเถอะ ไปกันได้แล้ว มันจะไม่เข้ามาโจมตีพวกเราใช่ไหม?”
“เป็นไปได้ครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เวลาที่ตกใจกลัว หมูป่าจะดุร้ายขึ้น เราต้องทําเสียงให้เบาที่สุด อย่ารบกวนมัน ถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะมีปัญหาได้ ทั้งสามจากไปอย่างเงียบๆ พวกเขาค้นหาเหยื่อต่อไป ไม่นาน พวกเขาก็เจอเข้ากับไก่ป่า
“อย่าขยับ” หลู่ซิ่วเฟิงพูด “ให้ผมจัดการเอง!”
เขาหยิบธนูขึ้นมาและขึ้นสายธนู จากนั้นเขาก็ยิงออกไปแต่ก็พลาดเป้า ไก่ป่า กระพือปีกของมันเพื่อบินหนี แต่แล้วลูกธนูก็ยิงถูกตัวมัน หลังจากกระตุกอยู่สองสามครั้ง มันก็หยุดนิ่ง
“ยิงได้ดี!” หลู่ซิ่วเฟิงยกนิ้วโป้ง
“ชมเกินไป ผมฝึกยิงธนูมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะครับ” เมี่ยวชิงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม