Elixir Supplier - ตอนที่ 925 บาดเจ็บเล็กน้อย
925 บาดเจ็บเล็กน้อย
นี่เป็นวิธีการคิดที่ไม่ปกติอย่างมาก
“ไม่ผิด”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม“ถ้าคุณจ่ายเงินให้ผมมากพอเพื่อรักษาโรคนี้ผมก็สามารถรักษาให้คุณได้”
“ดูสิ! ดูสิ! หมอยอมรับเองแล้วเผยหางจิ้งจอกออกมาแล้วสินะ สุดท้ายแล้วเป้าหมายของผมก็คือเงินสินะ?”ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างสีหน้าของเขาเหมือนกับจะพูดว่าเขารู้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้
“หมอต้องการเท่าไหร่? บอกผมมาได้เลย”
“หนึ่งพันล้าน” หวังเย้าพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“เท่าไหร่นะ?” เขาอึ้ง เขาคิดว่าหูของเขาผิดปกติและฟังผิดไป
“หนึ่งพันล้าน” หวังเย้าพูดอีกครั้ง
“รอเดี๋ยวนะหมอคิดเรื่องเงินจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?” เขาถาม “การรักษาแบบไหนกันที่ต้องใช้เงินมากขนาดนี้? หมอรู้ไหม ว่าเงินจํานวนนั้นเอาไปใช้สร้างโรงพยาบาลได้เลยนะ?”“ก็คุณรวยไม่ใช่เหรอ?”
“ผมรวยก็จริง แต่ผมก็ไม่ได่โง่” เขาพูด“ผมให้ค่ารักษาสัก 10,000 หยวนเป็นไง”
“ลืมมันไม่ซะ แล้วก็รีบออกไปได้แล้วส่วนเรื่องโรคของคุณมันไม่จําเป็นต้องรักษาหรอก”
หวังเย้าโบกมือไล่
“แค่พยายามให้มากก็พอแล้ว”
“เอ่อ ถ้าทําต่อไปแล้วมันจะดีเหรอ?”หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็อึ้งไปเขารู้สึกว่าช่วงนี้ร่างกายของเขาแย่ลงปัญหาไม่ใช่แค่ที่เขาไม่แข็งตัวแต่เขายังรู้สึกว่าร่างกายของเขาโหวงเหวง
แม้แต่เม็ดยาตี๋หวงและยาดีดีอีกหลายตัวก็ไม่ได้ผล
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกินยาที่มีฤทธิ์แรงและส่งผลเสียกับร่างกายของเขาในตอน
ที่แข็งตัวมันมีผลแค่ในช่วงสั้นๆเท่านั้นเขากลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่และเป็นชายที่แข็งแรงมีกําลังวังชาอีกครั้งแต่เมื่อเวลาผ่านไป ฤทธิ์ของยาก็มีประสิทธิภาพลดลงและระยะเวลาที่เขาแข็งตัวก็ลดลงไปด้วยสุขภาพของเขายังย่ำแย่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
“มันไม่ได้มีปัญหาอะไร” หวังเย้าพูด“ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปี”
“หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ร่างกายของผมก็จะกลับมาดีเหมือนเดิมใช่ไหม?”เขาถาม
“ไม่ใช่ ที่ผมหมายถึงก็คือ ตอนนั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพของคุณอีกต่อไปแล้ว”หวัง
เย้าพูด
“ทําไมล่ะ?”
“เพราะถึงตอนนั้น คุณก็ตายไปแล้ว” หวังเย้าพูด“หลังจากตายไปแล้ว คุณก็จะไม่รู้เรื่องอะไรอีกต่อไปคุณยังจะต้องกังวลเรื่องอะไรอีก?”
“หมอกําลังล้อเล่นกับผมอยู่ใช่ไหม?”เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็โมโหและอารมณ์พุ่งสูงขึ้น
เขาหายใจเร็วและถี่ มีเหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผากของเขา
“จุ๊ๆๆ ร่างกายของคุณไม่ใช่แค่แย่อย่างเดียวเท่านั้น คุณได้เลือกหลุมฝังศพเอาไว้แล้วรึยัง?ถ้ายังก็รีบๆเข้าล่ะ”หวังเข้าไม่ได้ไม่พอใจเขาไม่สนใจที่จะไปต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย
“แก ไอ้เวรเอ้ย!” เขาเงื้อมือออกไปเพื่อจะตบหน้าของหวังเย้า
“โอ้ นี่ใครกัน? กล้าดียังไงถึงคิดจะมาลงไม้ลงมือที่นี่!”เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังของเขาอยู่ๆเขาก็รู้สึกเข่าอ่อนและไม่ยอมเชื่อฟังคําสั่งของเขาแล้วเขาก็เข่าทรุดลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมฉันถึงมานั่งคุกเข่าได้?”เขางุนงงกับสภาพของตนเองในเวลานี้ “สวัสดีตอนกลางวันครับเชียนเชิง” ผู้มาใหม่ก็คือเจี๋ยจื้อจาย
“จื้อจาย ช่วยพาชายที่ป่วยหนักคนนี้ออกไปส่งข้างนอกที”หวังเย้าพูดเสียงเย็น “ได้ครับ”เจี๋ยจื้อจายพูด
“ไปกันได้แล้ว”
เจี๋ยจื้อจายเอื้อมมือไปจับแขนของอีกฝ่าย เขาพยายามสะบัดตัวให้หลุดแต่ก็พบว่าอีกฝ่ายจับแขนของเขาเอาไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก เขาไม่สามารถสะบัดให้หลุดได้เลยที่มากไปกว่านั้นก็คือเขารู้สึกปวดแปลบที่เอวในทุกครั้งที่ออกแรงจนทําให้เขาเหงื่อแตกพลั่กทั่วทั้งตัวเขาที่สูง 185 ซม.หนักกว่า 90 กิโลกรัม กลับถูกควบคุมตัวเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแล้วก็ถูกโยนออกไปราวกับไก่ตัวหนึ่ง
มีเสียงของหวังเย้าดังตามหลังมาเพื่อบอกกับเจี๋ยจื้อจายว่า “เบามือหน่อยร่างกายของเขาอ่อนแอมาก คุณอาจเผลอฆ่าเขาได้”
หลังจากได้ยินประโยคนั้น เขาก็โมโหจนกระอักเลือด
มันหมายความว่ายังไง ที่ว่าอาจเผลอฆ่าเขาตายได้?
ด้านนอกคลินิก เจี๋ยจื้อจายจับจ้องชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ฟังนะ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่อีกถ้าไม่อย่างนั้นแม้แต่ชีวิตก็จะไม่เหลือ!”เมื่อเขาพูดออกไปเขายังปล่อยจิตสังหารออกไปพร้อมกันด้วยจนทําให้อีกฝ่ายรู้สึกเย็นยะเยือก
“ได้ ได้ ได!” เขารีบผงกหัว
มันคือตัวอย่างของคนที่ดูแข็งกร้าวภายนอก แต่ภายในกลับอ่อนปวกเปียกเขาเอาตัวไว้เหนือคนอื่นแต่เมื่อถึงเวลาเจอของจริงเข้า เขากลับกลายเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายของเขาที่กลวงโบ๋ เมื่อสุขภาพร่างกายแย่ลง จิตใจก็จะแย่ตามไปด้วยเขาจะเริ่มหมดความมั่นใจไม่ว่าเขาจะทําอะไรเขาก็ไม่สามารถกลับมามีแรงฮึดได้และทําให้เขาหมดแรงใจ
เลย”
“แม่งเอ้ย”
เขาตะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วติดเครื่องและขับออกไปเหลือทิ้งไว้แค่ฝุ่นตามหลัง
“เชียนเชิง” เจี๋ยจื้อจายเดินกลับเข้าไปในคลินิก
“เขาไปแล้วเหรอ?”
“ครับ เขาไปแล้ว” เจี๋ยจื้อจายพูด “เชียนเชิง ผมไม่เห็นว่าเขาจะเหมือนคนใกล้ตายที่ตรงไหน
“อาการของเขาไม่ได้แย่ลงในช่วงเวลาสั้นๆหรอกในความคิดของผม ถ้าดูจากการใช้ชีวิตของเขาแล้วล่ะก็ เขาคงจะอยู่ต่อไปได้อีกแค่ปีหรือสองปีเท่านั้น”
“แล้วจากนั้นล่ะครับ?”
“เขาก็จะกลายเป็นคนที่ป่วยลึกไปจนถึงกระดูกและรักษาไม่ได้อีกต่อไปแม้แต่พระเจ้าก็ทําอะไรไม่ได้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“มาหาผมมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ไม่มีหรอกครับ” เจี๋ยจื้อจายพูด “ตอนที่เดินอยู่ข้างนอก ผมบังเอิญได้ยินเสียงดังออกมาจากคลินิกผมก็เลยเดินเข้ามาน่ะครับ”
เขาแค่เดินผ่านด้านหน้าคลินิกและได้ยินเสียงดังโหวกเหวกมาจากด้านในมันเป็นเสียงร้องของชายที่เขาเพิ่งลากตัวออกไปจากคลินิก หลังจากที่ได้ยินเสียงโวยวายเขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในแม้จะมีกําแพงและประตูอีกสองบานกั้นเอาไว้เขากลับยังได้ยินเสียงที่ดังออกมาได้ทําให้เขารู้ว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาพัฒนาขึ้นในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการฝึกฝนของเขา
“แง่! แง่! แม่! แม่!”
อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กคนหนึ่งที่ด้านนอก
จากนั้น พวกเขาก็เห็นผู้หญิงในวัยประมาณ 50 รีบร้อนเข้ามาพร้อมกับอุ้มเด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบมาด้วย
“เสี่ยวเย้า รีบรักษานีนีให้ที!”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ คุณป้า?” เมื่อหวังเย้ามองไปทางเธอ เขาก็เห็นเด็กหญิงที่เธออุ้มมาเหยียดแขนข้างหนึ่งอยู่มันทั้งแดงและมีแผลพุพอง
“เธอโดนน้าร้อนลวกมาเหรอครับ?”
“ใช่ มันเป็นความผิดของฉันเอง” เธอพูด “ฉันไม่ได้สนใจดูเด็ก พอหันกลับไปอีกทีเธอก็โดนกระติกน้ำร้อนคว่ำใส่และโดนน้ำร้อนลวกไปแล้วช่วยรักษาเธอทีนะ”
พ่อแม่ทั้งสองของเด็กต่างก็ไปทํางานทั้งคู่ เด็กจึงอยู่ที่บ้านโดยมีย่าเป็นผู้ดูแลผู้เป็นย่าไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สิ่งแรกที่เธอคิดได้ก็คือการมาที่คลินิกของหวังเย้า
“ผมขอดูก่อนนะครับ” หวังเข้าสํารวจดูบาดแผล
“อืม ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
หวังเย้านําผงซ่อมแซมกล้ามเนื้อไปละลายกับน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ฉีดพ่นลงไปที่บาดแผลบนแขนของเด็ก ก่อนจะใส่ยาชาลงไปเล็กน้อย จากนั้น เขาก็ฝังเข็มลงไปที่บริเวณแขนของเด็กและดึงเข็มออก หลังจากผ่านไปได้ 30 นาที เด็กก็ค่อยๆหยุดร้อง
“ยังเจ็บอยู่ไหม?” หวังเย้าถามอย่างอ่อนโยน
“ไม่เจ็บแล้ว” เด็กตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“ดี คุณป้า อีกสองวันให้กลับมาอีกครั้งนะครับ แล้วผมจะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอ”หลังจากที่พันแผลเสร็จแล้ว หวังเย้าก็พูดขึ้นมา
“คอยระวังด้วยนะครับ อย่าไปจับแผลมากเกินไป”
“ได้ ขอบคุณนะ เสี่ยวเย้า” “ไม่เป็นไรครับ” หวังเย้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมันจะเป็นแผลเป็นไหม?” เธอถาม
“ไม่เป็นหรอกครับ” หวังเย้าตอบ
ผงซ่อมแซมกล้ามเนื้อสามารถลอกเอาเนื้อที่ตายแล้วออกไป, รักษาแผล,บรรเทาอาการเจ็บปวด, และสร้างเนื้อใหม่ขึ้นมา ซูเสี่ยวซวีที่เมื่อก่อนเคยเป็นแผลเน่าเปื่อยทั้งตัวเขาก็พึ่งยาตัวนี้ในการรักษาแผลเหล่านั้นเช่นกันไม่เพียงแต่จะทําให้ผิวหนังของเธอฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่าแต่ผิวพรรณของเธอยังดูอ่อนนุ่มและขาวขึ้นด้วยดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าแผลเล็กน้อยบนตัวเด็กจะไม่มี การทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้อย่างแน่นอนใช่แล้ว! หวังเย้าคิดว่า บาดแผลแบบนี้ถือว่าอยู่ในหมวดของอาการบาดเจ็บที่เล็กน้อย
“ดี ดี” หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็โล่งอกถ้าเด็กเกิดมีแผลเป็นขึ้นมาเธอคงไม่มีทางรู้สึกสบายใจได้
“เท่าไหร่เหรอ ?” “ไม่คิดเงินครับ” หวังเย้ายิ้มและโบกมือปฏิเสธ
“อ่อ ขอบใจมากนะ”เธอพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากพูดกับหวังเข้าสองสามประโยคเธอก็พาเด็กน้อยที่หยุดร้องแล้วออกไปจากคลินิก
“นีนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?”หลังจากออกมาจากคลินิกแล้ว เธอก็หันไปถามหลานสาว
“มันยังเจ็บอยู่นิดหน่อย” เด็กตอบ
เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้เก่งนัก ความจริง เมื่อเมื่อเทียบกับความรู้สึกตอนที่ถูกน้ำร้อนลวกแล้วตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากเธอแค่รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นมันเป็นความเจ็บปวดที่เด็กคนหนึ่งสามารถทนได้
“เขียนเชิง ผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม” หวังเย้าพูด
เจี๋ยจื้อจายเดินกลับไปที่บ้าน แล้วก็เห็นชายชราวัยหกสิบเดินลงมาจากเขาด้วยท่าทางอารมณ์ดี