Elixir Supplier - ตอนที่ 931 ใคร?
931 ใคร?
“ผู้นํา หรือจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่สองคนที่มาครั้งก่อนครับ?”
“น่าจะไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราหรอก” เมี่ยวซีเหอพูด “เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่รูปแบบวิธีการในการจัดการเรื่องราวของพวกเขา ชิงชานยังเป็นผู้ต้องสงสัยที่ทางการตามตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ? ในเวลาแบบนี้ เขาคงไม่เข้าไปยุ่งกับพวกตํารวจหรอก เอาล่ะ จัดการกับศพของสองคนนี้ แล้วไปอธิบายให้ครอบครัวของพวกเขาได้เข้าใจด้วย”
“ได้ครับ”
“ส่วนเรื่องถ้า แค่ปิดให้สนิทก็พอ”
“ครับ”
คนรอบตัวเขาต่างแยกย้ายกันไปทําหน้าที่ของตัวเอง เหลือเพียงเขากับชายวัยกลางคนที่ติดตามเขายืนอยู่ด้วยกันแค่สองคนเท่านั้น
“จาง น นายคิดว่าเป็นใคร?”
เดี่ยวจางชุ่นใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พูดยากครับ”
“มีคนในหุบเขาที่อยู่ไม่สุขบ้างไหม?”
“มีครับ แต่ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าฆ่าคนหรอกครับ” “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นความคิดภายในใจคน โดยการตัดสินจากแค่หน้าตาของพวกเขา เท่านั้น” เมี่ยวซีเหอพูด “ในช่วงวิกฤตแบบนี้ ต้องไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องโดยเด็ดขาด”
“ครับ”
ห่างจากหุบเขาพันโอสถไปหลายร้อยไมล์ ชายสองคนยืนอยู่บนเขาลูกหนึ่ง
“นายไม่ควรฆ่าคนพวกนั้นเลย” เมี่ยวชิงชานที่หนีออกมาจากหุบเขาพันโอสถพูด
“ชิงชาน นายมันใจอ่อนเกินไป” ชายสวมหมวกเบสบอลพูด “นายคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมื่อคืนพวกเราถูกจับได้? เราจะตายจากแมลงพิษหรือว่าพิษ?”
“ผู้นําคงไม่ร้ายกาจและใจแข็งขนาดนั้นหรอก” คําพูดของเมี่ยวชิงชานเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
“ลองฟังคําพูดของตัวเองดูสิ แม้แต่นายก็ยังไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา นายรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง แต่นายแค่ไม่อยากเผชิญหน้าและยอมรับมันก็เท่านั้น!”
เมี้ยวชิงชานเงียบไป อีกฝ่ายหนีออกไปจากหุบเขาและอาศัยอยู่ข้างนอกมานานเกือบสามสิบปี และยังได้ฆ่าชายสองคนที่อาจเคยเป็นเพื่อนในวัยเด็กของตนเองไปเมื่อคืนก่อน ถ้าเป็นเขา หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายจริงๆ เขาก็คงไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ความจริง สิ่งที่เกี่ยวเทียนชวนพูดนั้นผิด เขาไม่ได้คิดว่า เมี่ยวซีเหอเป็นคนไม่ดี เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิด และตอนนี้เขาก็ยังแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น เขายังไม่เชื่อเต็มที่ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในหุบเขา เมี่ยวซีเหอดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้อาวุโสที่ใจดีมีเมตตา และสั่งสอนหลายสิ่งให้กับเขา เขาไม่อยากเชื่อว่าชายชราจะเป็นคนอย่างที่ชายตรงหน้าเขาบอก
“พวกเขากําลังทําการทดลองกันอยู่” ชายที่เตี้ยกว่าเขาครึ่งศีรษะพูด
“การทดลองอะไร?” เดี่ยวชิงชานถาม
“การทดลองกับมนุษย์ ฉันเห็นศพอยู่ด้วย เป็นไปได้มากว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการทดลองกล้วยไม้สีเลือด” เขาจุดบุหรี่ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขาสูบบุหรี่ เขาเคยชื่นชอบการสูบบุหรี่อย่างมาก แต่หลังจากนั้น เขาก็เลิกสูบไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ลืมไม่ลงขึ้นกับตัวเอง ตอนนี้อยู่ๆเขาก็อยากสูบบุหรี่ขึ้นมา ดังนั้น เขาจึงหยิบขึ้นมาสูบมวนหนึ่ง
“แค่กินกล้วยไม้สีเลือดเข้าไปตรงๆไม่ได้เหรอ?” เมี่ยวชิงชานถาม
“ได้สิ” เขาพ่นควันบุหรี่ มันเป็นรสชาติที่ทั้งคุ้นเคยและแปลก
เขาเคยกินกล้วยไม้สีเลือดแล้ว ในเวลานั้น เขาใกล้ตายและกินกล้วยไม้สีเลือดเข้าไปจํานวนมาก กล้วยไม้เหล่านั้นทําให้สุขภาพของเขากลับมาดีขึ้นและพ้นจากอันตรายมาได้ นอกจากพิษในร่างกายของเขาจะไม่ออกฤทธิ์เท่านั้น แต่ร่างกายของเขายังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นด้วย เขาแข็งแกร่งขึ้น การมองเห็นของเขาดีขึ้นและได้ยินชัดขึ้น พูดอีกอย่างก็คือ เขาแข็งแกร่ง
“แล้วทําไมพวกเขาถึงยังทําการทดลองอยู่อีกล่ะ?”
“บางทีอาจจะเพื่อการทํายาก็ได้ ในหุบเขามีความลับอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเมี่ยวซีเหอ เขามีความลับอยู่กับตัวนับไม่ถ้วน
“แล้วเราจะหายังไงกันต่อ?”
“เราจะรออีกสักพัก” เขาตอบ
ในตอนนี้ สถานะของคนทั้งสองค่อนข้างพิเศษ พวกเขาเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวของทางการ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล ผู้คนไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองและไม่ได้ให้ความ
สนใจในเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับต่างออกไป หลังจากรับรู้ถึงคดีที่เกิดขึ้นใน เขตเหอ ทางจังหวัดก็เริ่มตื่นตัว ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของใครและไม่มีใครต้องการกลายเป็นเหยื่อ ในเหตุการณ์นี้ หลายวันที่ผ่านมา จึงมีการลาดตระเวนของตํารวจตามจุดต่างๆถี่ขึ้น ทั้งสองไม่เคยอยู่ที่เดิมนานเกินสามวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพบตัวภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเหอ
เมี่ยวชิงเฟิงและเมี่ยวฉางหงนั่งอยู่ตรงข้ามกันและกัน
“มีคนเข้าไปในหุบเขาเมื่อคืน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ผู้บุกรุกเหรอ?”
“ใช่ พวกเขาฆ่าคนในหุบเขาไปสองคน”
“พวกเขาฆ่าคนของเรา!” เมี่ยวฉางหงขมวดคิ้ว สีหน้าของเขากลายเป็นหน้าเกลียด เป็นเวลานานมากแล้วที่มีคนในหุบเขาได้เสียชีวิตด้วยน้ํามีของผู้บุกรุก
“มันเป็นคนที่ถูกฝึกมา” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “เขาลงมือฆ่าได้ด้วยกระสุนปืนนัดเดียว ทั้งยังคุ้นเคยกับสภาพภายในป่าเป็นอย่างดี หนึ่งในนั้นเป็นเมี่ยวชิงชาน!”
“เดี่ยวชิงชาน? เขายังกล้ากลับมาอีกงั้นเหรอ!” เมี่ยวฉางหงตกตะลึง
“ไม่ผิดแน่ ผู้นําเป็นคนยืนยันด้วยตัวเอง” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ยังมีอีกคนหนึ่ง แต่พวกเขาไม่มั่นใจว่าเป็นใคร”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ผิด แล้วเรายังจําเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกเหรอ?”
“ตอนนี้ เราจะยังอยู่ที่นี่กันก่อน” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “พวกเขากําลังวาดรูปผู้ต้องสงสัยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? อีกไม่นานพวกเขาก็คงวาดเสร็จ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าฉันอาจจะรู้จักคนคนนี้ในเขตเหอ
หยางกวนเฟิงมองดูรูปภาพในมือของเขา มันเป็นรูปวาดที่ร่างออกมาจากใบหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่ให้เห็นในกล้องวงจรปิด
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ยื่นภาพไปให้หลู่ซิ่วเฟิง “ลองดูสิ คุณเคยเห็นหน้า
เขามาก่อนรึเปล่า?”
“ขอผมดูก่อน” หลู่ซิ่วเฟิงมองดูรูปวาด ภายนอกของเขาดูว่างเปล่าและภายในจิตใจของเขากําลังล่องลอยออกไป ความจริงมีหลายภาพไหลผ่านไปในจิตใจของเขาคล้ายกับหนังรายเรื่อง พวกมันประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายรูปแบบ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ พวกเขาทั้งหมดคืออาชญากร
“ใช่แล้ว!” อยู่ๆเขาก็ตะโกนออกมา
“ใคร?”
“ลองค้นดูชื่อผู้ต้องหาหลบหนีที่จังหวัดฉีในปีนี้ดูสิ”
“ได้”
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆต่างเริ่มลงมือกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็พบคนคนหนึ่ง
“จางเหว่ย?”
“ใช่ เป็นเขา”
รูปภาพถูกพิมพ์ออกมาเพื่อใช้เทียบกับรูปวาด
“มันไม่ได้คล้ายกันเท่าไหร่!” หยางกวนเฟิงมองดูอย่างละเอียดและพบว่า ความคล้ายกันของสองคนนี้มีไม่ถึง 50% นั่นอาจฟังดูไม่สูงนัก แต่ก็ไม่นับว่าต่ํา เพราะมันเป็นเพียงแค่ภาพวาดที่แกะออกมาจากใบหน้าเพียงครึ่งเดียวที่ไม่ชัดเจน
“ดูตรงนี้สิ ดวงตา, สันจมูก, แล้วก็หน้าผาก” หลู่ซิ่วเฟิงชี้ไปที่สามจุดบนใบหน้าที่มีความคล้ายกันอยู่
“แล้วทําไมคนจากทางเหนือต้องถ่อมาวางยาพิษและฆ่าคนถึงที่ยูนนานใต้ด้วย? เขาทําไปเพื่ออะไร?” หยางกวนเฟิงไม่คุ้นเคยกับคนในภาพ เพราะไม่ใช่คดีที่เขาทําและอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง เขาจึงแทบไม่ให้ความสนใจกับคดี
“อ่อ ใช่ บอกให้สองคนนั้นมาดูรูปเขาดูสิ” หลู่ซิ่วเฟิงพูด “ลองดูว่าเขาจะเป็นคนจากหุบเขาของพวกเขารึเปล่า”
“คนจากหุบเขาของพวกเขา?”
“ไม่ใช่ว่ามีคนหนีออกไปจากหุบเขา เพราะไม่พอใจเมี่ยวซีเหอหรอกเหรอ?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม
“ได้ ลองให้พวกเขามาดูก่อนแล้วกัน”
หลังจากวางสาย เดี่ยวชิงเฟิงกับเมี่ยวฉางหงก็รีบเดินทางไปที่สถานีตํารวจ หลังจากที่ได้เห็นรูปภาพ พวกเขาก็มีสีหน้าตกตะลึง
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา หลู่ซิ่วเฟิงก็ถาม “คุณรู้จักผู้ชายคนนี้เหรอ?”
“ผมไม่มั่นใจครับ” เมี้ยวชิงเฟิงพูด “นายคิดว่ายังไง ฉางหง?”
“ขอโทษด้วย ผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน” เมี้ยวฉางหงส่ายหน้า
“แล้วที่ว่าไม่มั่นใจ หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” หยางกวนเฟิงถาม
“ผมดูเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลา แต่ก็ยังไม่มั่นใจ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการสื่อ เอาแบบนี้ดีไหมครับ ผมจะถ่ายรูปส่งไปให้ผู้นําที่หุบเขาดู ได้ไหมครับ?”
“ได้สิ รีบท่าเลย”
“ได้ครับ”
หลังจากถ่ายรูปแล้ว เมี่ยวชิงเฟิงก็ส่งรูปไปให้ทางหุบเขา จากนั้น เขาก็กลับออกไปพร้อมกับเมี่ยวฉางหงและไปที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล พวกเขาเลือกนั่งในห้องส่วนตัว มันเป็นเวลาทานอาหารพอดี พวกเขาจึงทานอาหารไปด้วยและคุยไปด้วย
“นั่นไม่ใช่เมี่ยวเทียนชวนเหรอ?” เมี่ยวฉางหงถาม
“ฉันคิดว่ามีความคล้ายอยู่ 50%” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วเหรอ?”
“เขาสมควรจะตายไปแล้ว” เมี้ยวชิงเฟิงพูด “เขามีพิษร้ายอยู่ในตัว แล้วฉันยังเห็นเขาร่วงลงจากหน้าผาและจมลงไปในแม่น้ําด้วย น้ําทั้งเชี่ยวและแรงขนาดนั้น เขาไม่มีทางรอดหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เขางั้นเหรอ?”
“มันเป็นไปได้ยากมาก” เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“แต่ถ้าเป็นเขา มันก็สมเหตุสมผลกับการที่ชิงชานจะไปอยู่กับเขา” เมี่ยวฉางหงพูด