Elixir Supplier - ตอนที่ 934 ไม้คัง แช่น้ำยา
934 ไม้คัง แช่น้ำยา
“เฮ้อช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่มีแรงเลยแล้วหัวก็ทื่อไปหมด”ชายชราพูด “ตอนหน้าร้อนที่แล้วฉันป่วยหนักครั้งหนึ่งตั้งแต่นั้นมาสุขภาพร่างกายของฉันก็แย่ลงเพื่อนที่ทํางานคนหนึ่งที่ไปเดินเล่นด้วยกันบ่อยๆพูดถึงยาตัวนี้ให้ฉันฟังเขาบอกว่าเขาลองกินดูแล้วได้ผลดีมากเขาก็เลยแนะนําให้ฉันลองกินดูแต่พอลองไปถามตามร้านขายยาหลายๆที่ก็ไม่เจอเลยสักที่”
เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณนี้หลังจากที่ได้ฟังคําแนะนําจากเพื่อนของเขา เขาจึงไปถามตามร้านขายยาใกล้บ้านดูเขาไปมาสองสามร้านแต่ก็ไม่มีขายเลยสักร้านเดียวเขาจึงต้องนั่งแท็กซี่เพื่อมาซื้อที่คลินิก
พันเหมยคิด ไม่แปลกที่จะไม่คุ้นหน้าเขาเลย
โดยปกติคนที่มาคลินิกของเธอมักจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงมีบ้างที่มาจากที่อื่นแต่ก็นับว่าน้อย
“รอเดี๋ยวนะคะฉันจะไปเอามาให้
พันเหมยหยิบยาสองขวดออกมาให้กับชายชรา
“ยานี่มันได้ผลดีจริงเหรอ?” ชายชราถาม
“สรรพคุณหลักของมันคือบํารุงร่างกาย” พันเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ มีคนมีอายุหลายคนซื้อยาตัวนี้ไปกินกันพวกเขาต่างก็บอกว่า หลังจากที่กินยาตัวนี้ไปแล้วมันได้ผลดีมากเลยค่ะ”เธอบอกไปตามความจริงหลายวันที่ผ่านมามีผู้สูงอายุหกถึงเจ็ดคนที่มาซื้อยาตัวนี้ไปกิน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ในเมื่อมีหลายคนพูดถึงยาตัวนี้ไปในทางที่ดีชายชราก็รู้สึกวางใจมันเป็นแค่ยาบําารุงอย่างหนึ่งเท่านั้น
ยาตัวนี้ขายดีขึ้น ฉันควรจะสั่งมาเพิ่มดีไหมนะ?
เธอมีความคิดเหล่านั้น แต่เจิ้งเหว่ยจวินที่เพิ่งกลับมาจากการเดินทางที่ยาวนานกลับไม่คิดแบบนั้นเขาไม่ใช้ความสัมพันธ์ที่มีในการขายยาชุดแรกออกไป ตั้งแต่ที่กลับมาเขาได้ปรึกษากับหวังเย้าก่อนที่จะดําเนินการผลิตยาล็อตที่สองออกมาในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้พวกมันกองกันอยู่ภายในโกดังสินค้าในเมื่อไม่มีลูกค้าสั่งของเข้ามามันก็หมายความได้ว่ายาล็อตแรกยังขายไม่หมดเขารู้ดีว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน
เขาถอนหายใจเบาๆและคิดคนพวกนี้!
เขาไม่มีทางเลือก สถานการณ์นี้จําเป็นต้องมีเรื่องของอํานาจเข้าช่วย
ตอนนี้ เขาไม่ใช้คนที่มีอํานาจนั้นอยู่ในมืออีกต่อไป
แต่เมืองเต๋าได้สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับเขาการขายสินค้าที่นั่นเป็นไปด้วยดีและพวกเขายังมีการถามถึงสินค้าล็อตต่อไป ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความพยายามของคนตระกูลซุนความจริง พวกเขาแค่พูดไม่กี่คําก็ได้แล้วเพราะพวกเขาถือเป็นผู้มีอํานาจในเมืองเต๋าเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาส่งข้อความไปถึงโรงพยาบาลหลายๆแห่งคนเหล่านั้นก็ยินดีจ่ายเงินเพื่อสร้าง
ความพอใจให้แก่พวกเขาอยู่แล้ว เราจะทํายังไงกันต่อ?
เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่างและใช้ความคิดจนกระทั่งเที่ยงคืนเขาถึงปิดไฟเพื่อเข้านอน
วันต่อมา พระอาทิตย์สว่างสดใส
มีหลายคนอยู่ภายในคลินิกคลื่นความเย็นทําให้หลายคนเป็นหวัดและมีไข้ มีหลายคนที่เป็นคนในหมู่บ้านพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ภูมิกันในร่างกายต่ำมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะรักษา
แค่ยาไม่กี่โดสก็สามารถรักษาพวกเขาให้หายได้แล้ว
จนกระทั่งถึงช่วงกลางวัน หลังจากที่รักษาคนไข้คนสุดท้ายไป หวังเย้าก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง
[โฮสต์สามารถอัพเกรดระบบได้แล้วต้องการอัพเกรดหรือไม่?] เสียงที่ห่างหายไปเนิ่นนานดังขึ้นอีกครั้ง
[อัพเกรด]
[ระดับ : ระดับ 10]
[ระดับความเชี่ยวชาญ:แพทย์ปรุงยา(คุณได้มาถึงระดับของ “อาจารย์”แล้ว)]รางวัลในครั้งนี้ไม่ใช่ถุงเมล็ดพันธุ์แต่มันคือต้นกล้าต้นหนึ่งต้นคัง
มันคือสมุนไพรวิเศษระดับสูง
มันคือต้นไม้ที่มีใบสีม่วงและมีเส้นขนสีเงินเล็กๆแซมอยู่ ใน 10 ปีมันจะสูงขึ้น 1 ฟุตและสูงขึ้น 10 ฟุตเมื่อมันอายุได้ 30 ปี ผลของมันมีความคล้ายกับลูกพืชและลูกพลัมผสมกันมันมีสรรพคุณในการปกป้องอวัยวะสําคัญทั้งห้าและทําให้อ่อนเยาว์ลงใบของมันสามารถกําจัดโรคร้ายและรักษาโรคทางลำไส้กับกระเพาะวัตถุดิบชั้นยอด!
หวังเย้าประหลาดใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมุนไพรวิเศษระดับสูงเพียงแค่สรรพคุณที่ทําให้อ่อนเยาว์ก็น่าเหลือเชื่อมากแล้ว
ยังมีอีกเรื่อง ครั้งนี้ เขาได้เลือกหัวข้อเกี่ยวกับการรักษา เขาได้รับทักษะการรักษามาหนึ่งอย่างการแช่นํ้ายา!
กลไกของการแช่น้ำยาก็คือการให้ตัวยาแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังของทั้งร่างหรือบางส่วนของร่างกายเพื่อรักษาในจุดที่ต้องการ ตัวยาจะถูกร่างกายดูดซึมและเข้าไปไหล
เวียนอยู่ตามเส้นเลือดใหญ่และเล็กไปจนถึงส่วนของอวัยวะภายในจากภายนอกสู่ภายในและท่าการรักษาส่วนนั้นๆ การแช่น้ำยารักษาสามารถรักษาอาการอุดตันของเส้นเลือด,กระตุ้นการ ไหลเวียนโลหิต,ลดภาวะเลือดคั่ง,ขับความเย็น,ขับพิษร้อน,ปรับสมดุลหยินหยาง,กระตุ้นการทํางานของอวัยวะภายใน,ช่วยให้การไหลเวียนของพลังฉีราบรื่นขึ้น,และส่งผลในเรื่องของสุขภาพอีกหลายๆเรื่อง
การกินยาเป็นการรักษาจากภายในสู่ภายนอก ส่วนการแช่น้ำยาเป็นการรักษาจากภายนอกสู่ภายใน
แน่นอนว่าเทคนิคการรักษาไม่ได้เรียบง่ายอย่างการรักษาที่มีอยู่ทั่วไปมันมีความลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่การรักษาทั้งจากภายนอกและภายนอกผสมรวมกันเป็นการรักษาที่ให้ผลดีขึ้นไม่เลวไม่เลว! หวังเย้าหลับตาอยู่พักหนึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับความรู้เข้าสู่จิตใจเขาชินแล้ว
เมื่อเขากลับไปถึงที่บ้านแม่ของเขาก็ได้เตรียมอาหารเอาไว้มากมาย
“โอ้โห อาหารตั้งเยอะ”หวังเย้าพูด“วันนี้เรามีแขกเหรอครับ?”
“อาสามของลูกบอกว่าจะมาหาน่ะจ๊ะ”แม่ของเขาพูด
“เขามีเรื่องจะขอให้พวกเราช่วยใช่ไหมครับ?” หวังเย้าถาม
อาทั้งสองคนของเขาไม่มีคนไหนเลยที่อยู่อย่างสงบพวกเขาต่างสร้างเรื่องได้ตลอดพวกเขา
เลือกทิ้งงานดีดีและจนใจแต่เรื่องทํากําไร
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”จางซิ่วหยิงพูด
เมื่ออาหารพร้อมแล้วหวังเย้าก็เปิดขวดเหล้าหลังจากที่รออยู่นานจนอาหารเกือบเย็นแล้ว
เมื่อนั้นอาสามของเขาก็มาถึง
“ทําไมถึงมาสายแบบนี้ล่ะ?” พ่อของหวังเย้าไม่พอใจเล็กน้อยเขาเป็นพี่ชายคนโตและการที่ผู้อาวุโสกว่าต้องรอผู้น้อยไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม
“เอ่อ มีเรื่องก่อนมาที่นี่นิดหน่อยน่ะ”อาสามของหวังเย้าตอบ
“กินข้าวกันเถอะ”
เมื่อนั่งลงแล้วหวังเย้าก็เทเหล้าใส่แก้วให้กับเขา ทั้งครอบครัวจึงเริ่มทานอาหารกัน
ในขณะที่ทานอาหารกันอยู่นั้นพ่อของหวังเย้าก็ถามน้องชายของตัวเองว่ากําลังทําอะไรอยู่บ้างแล้วอีกฝ่ายก็เริ่มพร่ำบ่นออกมาเขาไม่มีเงินมากพอบ้านที่เขาเพิ่งซื้อและต้องผ่อนต่อยังต้องตกแต่งเพิ่มเติมในที่สุดเขาก็เผยความตั้งใจที่มาในวันนี้นั่นก็คือการยืมเงิน
“จะยืมเท่าไหร่?”หวังเฟิงฮวาถาม
“สักแสนหนึ่ง”
“แสนหนึ่ง?” จางซิวหยิงไม่พอใจขึ้นมาเมื่อได้ยินจํานวนเงินที่อีกฝ่ายต้องการ
เขากล้ามากที่มาขอเงินจํานวนนี้จากพวกเขา!
เขาทิ้งงานดีดีและลาออกมา เขากลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ที่ไม่คิดจะทํางานลูกชายของเขาได้ช่วยหางานที่แทบไม่ต้องทําอะไรเลยให้กับเขา เธอยังเคยถามเรื่องเงินเดือนกับลูกชายมันเป็นจํานวนถึง 4,000 หยวนมันถือว่าเป็นเงินเดือนที่สูงสําหรับคนที่ทํางานอยู่ในเขตเล็กๆอย่างพวกเขาคนที่ทํางานหนักตลอดทั้งวันอยู่ในโรงงานยังได้เงินน้อยกว่านี้มากบริษัทให้งานเขาทําเพราะเห็นแก่หน้าของหวังเย้าตอนนี้เขากลับมาร่ำไห้ถึงความลําบากในชีวิตอีกครั้งเธอจึงรู้สึกอดโมโหขึ้นมาไม่ได้
“มันยังต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างน่ะสิ”“บ้านอะไรกันถึงต้องใช้เงินปรับปรุงเป็นแสน?”หวังเฟิงฮวาถาม
เขตเล็กๆของพวกเขาต่างจากเมืองใหญ่ระดับหนึ่งและระดับสอง ความจริงค่าตกแต่งและปรับปรุงยังไม่ถึง 50,000 หยวนด้วยซ้ำ หวังเย้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักในขณะที่เขาทานอาหารอยู่ถึงอาสามจะเป็นญาติของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายนักเขายังรู้สึกเบื่อหน่ายและรําคาญอีกฝ่ายด้วยซ้ำเขาไม่เคยทําตัวเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งเลย อายุของเขาก็สี่สิบกว่าปีแล้วแต่กลับไม่มีความรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อยเขาเอาแต่โทษคนอื่นและโทษสวรรค์ทั้งวันทั้งที่มันเป็นช่วงชีวิตที่ชายคนหนึ่งควรจะมีทั้งเงินและอํานาจอยู่ในมือ โดยทั่วไปเขาควรมีหน้าที่การงานที่ดีและเข้าสังคมที่ดีหากทําได้ เขาก็จะมีช่วงชีวิตที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งน่าเสียดายที่อาสามของเขากลับไม่ใช่คนแบบนั้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่บ้านของพวกเขาเพื่อยืมเงินสองเดือนก่อนเขามายืมไปแล้ว 50,00 หยวนเขารับปากว่าจะคืนเงินก่อนปีใหม่แต่ตอนนี้เขากลับมายืมเงินเพิ่มอีก และไม่มีทีท่าว่าจะคืนเงินที่เคยยืมไป
เลย แถมยังเพิ่มจํานวนเงินที่ต้องการยืมเป็นหนึ่งแสนหยวนหวังเย้ามีเงินเงินหนึ่งล้านหยวนเขาก็มีดังนั้นเงินหนึ่งแสนหยวนจึงไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขาเลยถึงมันจะเป็นความคิดที่น่าเกลียดไปสักหน่อยแต่เขาเลือกที่จะเอาเงินไปทําการกุศลและบริจาคให้กับคนยากจนดีกว่าที่จะเอาเงินมาให้กับญาติแบบนี้อย่างน้อยๆเด็กยากจนในพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้นก็ยังรู้จักขอบคุณและตอบแทนกับสิ่งที่พวกเขาได้รับมาส่วนญาติของเขาก็เป็นได้แค่หมาป่าตาขาวที่ไม่รู้จักคําว่าพอ
“ตอนเดือนกรกฎาเราก็ให้ยืมไปห้าหมื่นแล้วไม่ใช่เหรอ?”หวังเฟิงฮวาถาม “ตอนนั้นนายก็บอกกับเราว่านายจะเอาเงินไปปรับปรุงบ้านเหมือนตอนนี้”
“มันไม่พอน่ะสิ” อาสามของหวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่พอ แถมยังต้องใช้เงินอีกเป็นแสน นายอยากให้บ้านของนายออกมาเป็นแบบไหนกันแน่?”
หวังเฟิงฮวาไม่สนใจสีหน้าอับอายของน้องชาย เขาทําเหมือนไม่เห็นมันผ่านไปสักพักอาสามของหวังเย้าก็ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไง
“นายไปทําเรื่องไม่ดีอะไรมารึเปล่า?”หวังเฟิงฮวาถาม
“ไม่มีแน่นอน”
“หัวใจของอาเต้นแรง และตากระพริบถี่จนผิดปกติ อาไม่กล้าสบตาผม แสดงว่าต้องมีปัญหาบางอย่าง” เพียงแค่มอง หวังเย้าก็รู้ว่าอาของเขากําลังโกหกอยู่
“อาไปทําเรื่องไม่ดีจริงๆสินะ”หวังเย้าสังเกตดูอาการอาของเขาอย่างละเอียด
เมื่อมองหน้าอีกฝ่ายสีหน้าของเขาดูไม่สดใสเขาดื่มเหล้าหนักและอาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงด้วยหวังเย้าได้กลิ่นผู้หญิงติดตัวเขาลมหายใจของเขาร้อนและมีกลิ่นเหม็นเขาสูบหนักมาก