Elixir Supplier - ตอนที่ 935 ญาติที่ไร้ความน่าเชื่อถือ
935 ญาติที่ไร้ความน่าเชื่อถือ
โลภ, ขี้เกียจ,และหมกมุ่นอยู่แต่กับบุหรี่,เหล้า,และผู้หญิงเขาเป็นชายวัยสี่สิบที่ดูไม่ต่างจากคนอายุ 50 เลยสักนิดจุ๊ๆๆ หวังเย้าพูดไม่ออก
“ฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น”หวังเฟิงฮวาพู“ฉันให้ได้แค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น”
“หา? หนึ่งหมื่น? แค่นั้นน่ะเหรอ?”อาสามของหวังเย้าคิดว่าจะได้เงินเยอะมากกว่านั้น“ใช่ได้แค่นั้น”
อาสามของหวังเย้าหันไปทางหวังเย้าเขารู้ดีว่าหลานชายของเขามีชื่อเสียงชายหนุ่มเป็นหมอที่มีชื่อเสียงอยู่ในเขตเหลียนชานแห่งนี้หลายคนเดินทางเพื่อมารักษากับเขาในหมู่คนเหล่านั้นมีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงและคนมีเงินรวมอยู่ด้วยเขามีชื่อเสียงถึงขนาดที่คนจากเมืองอื่นยังต้อง
เดินทางมาเพื่อรักษากับเขาทั้งยังต้องขอบคุณหลานคนนี้ของเขาที่ทําให้เขาได้งานทําในปัจจุบันนี้การมีคลินิกเป็นของตนเองทําให้สร้างกําไรอย่างงามยิ่งหมอมีชื่อเสียงด้วยแล้วก็ยิ่งได้กําไรมากขึ้น เป็นไปได้มากว่าหวังเย้าจะทําเงินได้เป็นจํานวนมาก
แต่ถึงหวังเย้าจะรู้ว่าสายตาที่อาสามมองมาที่เขาหมายความว่าอะไรเขาก็ยังคงทานอาหารของเขาต่อไปอย่างที่หวังเย้าเคยคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้เขายินดีบริจาคเงินให้กับเด็กยากจนในสลัมดีกว่าให้ญาติที่ไร้ความน่าเชื่อถือแบบนี้ยืมเงิน
“เอ่อ เธอพอจะมีสักหน่อยไหม?”อาของเขาถามเขายังน่าไม่อายมากพอที่จะถามเรื่องนี้กับเขา!ในตอนนี้เองที่หวังเย้าคิดว่าตัวเองประเมินความหน้าไม่อายของอีกฝ่ายต่ำเกินไปเขาไม่คิดเลยว่าอาสามของเขาจะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้
มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่มีญาติแบบนี้อยู่ในครอบครัว
“ไม่มีครับ ผมเอาเงินไปบริจาคให้เด็กในสลัมหมดแล้ว”หวังเย้าตอบ
“อะไรนะ!” อาสามของเขามึนงง
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ผมพูดว่า ผมเอาเงินที่หามาได้บริจาคให้กับเด็กยากไร้ในสลัมไปหมดแล้ว” หวังเย้าพูดทวนอีกครั้ง
“เดี๋ยวนะ” อาสามของเขาพูด“พระเจ้า นายจะปล่อยให้คนพวกนั้นโกงเธอแบบนี้ไม่ได้เธอเอาเงินที่หามาอย่างยากเย็นไปบริจาคง่ายๆแบบนั้นได้ยังไง?”
ถึงมันจะเป็นคําพูดที่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ก็ตาม หวังเข้าจึงได้แต่คิดในใจว่ามันก็ยังดี
กว่าเอาเงินให้คนอย่างอายืม
อาสามของเขาเงียบไปก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มมันเป็นเหล้าอย่างดีทําให้มีรสชาติที่ดีแต่เขากลับรู้สึกว่ามันไร้รสชาติขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ฉันขอแค่หนึ่งหมื่นก็ได้”ในที่สุดเขาก็พูดออกมา
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นหวังเฟิงฮวาก็เงียบไปสักพัก
“รอเดี๋ยวนะ”เขาพูด“เสี่ยวเย้ากับฉันจะไปเอาเงินก่อน”สองพ่อลูกพากันเดินออกไป
“พ่อ ถ้าพ่อยังให้เขายืมเงินอยู่แบบนี้พ่อก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่าจะไม่มีทางได้มันคืนมานะครับ”หวังเย้าพูดหลังจากที่พวกเขาขึ้นนั่งบนรถแล้ว
“พ่อรู้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อทํา” หวังเฟิงฮวาพูด
พวกเขาเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันที่เขาช่วยก็เพราะเห็นว่าเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันหวัง
เฟิงฮวาไม่สามารถปล่อยพี่น้องของเขาไปตามยะถากรรมได้
“ครับ แล้วแต่พ่อเถอะ”หวังเย้าพูดเขาไม่สนเรื่องที่เขาต้องเสียเงินหนึ่งหมื่นไปแต่เขาแค่รู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดี่ยว
“อืม เข้าไปในเมืองกันเถอะ”
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงในเมืองและทําการถอนเงินออกมาหลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่บ้านในทันทีอาสามของหวังเย้ารับเงินมาแล้วก็ไม่อยู่ต่อนานนัก
“ดื่มกับพ่อสักหน่อยสิ”หวังเฟิงฮวาที่อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดพูดกับหวังเย้า
“ได้สิครับ” หวังเย้านั่งดื่มกับพ่อของเขา
“ลองสืบดูทีนะว่าอาสามของลูกไปท่าเรื่องไม่ดีไว้รึเปล่า”
“ได้ครับ บ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอก”หวังเย้าพูด
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้”
“เฮ้อ อายุก็สี่สิบกว่าแล้วยังจะทําตัวแบบนี้อยู่อีก!”หวังเฟิงฮวาอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องของน้องชาย เขาจึงดื่มเหล้าเข้าอีกอึกหนึ่ง
หวังเย้าไม่ได้กลับไปที่คลินิกแต่ขับรถเข้าไปในเมืองแทนเทียนหยวนถูอยู่ที่บ้านพอดีเทียนหยวนถูยิ้มและพูดว่า“โอ๋โหฉันไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งนานนึกยังไงถึงมาที่นี่เหรอ?”พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากันได้สักพักแล้ว
“ผมมีเรื่องอยกจะคุยกับพี่สักหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องอะไรล่ะ?”เทียนหยวนถูเชิญหวังเย้าเข้าไปในห้องทํางานของเขาและชงชาอย่างดีเพื่อน่ามาต้อนรับแขก
“ดื่มชาสักหน่อยสิ”เขาพูด
“ฉันเพิ่งซื้อมาจากทางใต้น่ะ”
“อืม กลิ่นดีมากครับ”หวังเย้าดมกลิ่นก่อนขะจิบชาเข้าไป
“ชาดี”
“ฉันรู้ว่านายต้องชอบเดี๋ยวเอากลับไปด้วยนะ”
“ขอบคุณครับแต่ผมขอผ่านดีกว่าที่บ้านยังมีอีกเยอะเลยเยอะจนผมดื่มไม่ทันเลยล่ะครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนของเขามาหาพวกเขาก็มักนําชาติดมาด้วยเสมอเขาจึงมีชาที่ได้รับมาอยู่ที่บ้านเป็นจํานวนมากทําให้ที่บ้านมีแต่ชาและเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มหมดเลย
“แล้วนายมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ?”เทียนหยวนถูถาม
“ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับพี่ครับ”หวังเย้าพูด
“เรื่องอะไรเหรอ?พูดมาได้เลย”
หวังเย้าเงียบไปครู่หนึ่งเรื่องนี้มันยากที่จะพูดออกไป
เทียนหยวนถูยิ้มและพูดว่า“ฟังนะแค่พูดมาว่านายต้องการอะไรจากฉันระหว่างเราไม่มีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้จริงไหม?”
“อาสามของผมทํางานอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม “เขาได้สร้างเรื่องอะไรเอาไวเปล่า? ผมอยากรู้ความจริงครับ”
เทียนหยวนถูไม่ได้ตอบในทันทีและยกชาขึ้นมาจิบแทน
“เอ่อ…”
นั่นเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ อาสามของเขาทําตัวไม่ได้เรื่องแม้แต่นิดเดียวและไม่ได้มีความสามารถเลยที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงบางคนในที่ทํางานถ้าเป็นคนอื่นและมีคนพูดเรื่องนี้กับเขาล่ะก็เขาคงไล่คนคนนั้นออกไปนานแล้ว แต่เทียนหยวนถูไม่ทํา
แบบนั้นก็เพราะเขาเป็นอาของหวังเย้าที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คืออาสามของหวังเย้ายังหน้าไม่อายถึงขึ้นมาขอเลื่อนตําแหน่ง ซึ่งมันทําให้เขาตกตะลึงหวังเย้ากับอาของเขามีสายเลือดเดียวกัน เทียนหยวนถูเคยพบกับพ่อของหวังเข้ามาก่อนและพ่อของหวังเย้าก็เป็นผู้อาวุโสที่ ซื่อตรงคนหนึ่งส่วนหวังเย้าเทียนหยวนถูรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายดีเขาจึงคิดไม่ถึงว่าอาสามของหวังเย้าจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าอากับสามทําไมถึงได้มีนิสัยต่างกันขนาดนี้
“บอกความจริงมาเถอะครับ”
“ได้ ความจริงก็ความจริง เขาทํางานไม่ได้เรื่องเลย แล้วยังไม่มีความสามารถอะไรเลยด้ว ที่แย่ไปกว่านั้นชีวิตส่วนตัวของเขายังยุ่งเหยิงมากด้วย”เทียนหยวนถูตอบเขาพยายามพูดให้ฟังดูเบาที่สุดแล้วแต่หวังเย้าก็ยังฟังออกอยู่ดีว่าเรื่องราวมันเลวร้ายขนาดไหน
“เฮ้อ ผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะครับที่สร้างปัญหาให้กับพี่มากขนาดนี้”หวังเยาลุกขึ้นยืนแล้วพูดเขาไม่คิดเลยว่าอาของเขาจะทําลายโอกาสดีดีที่ได้รับมาแบบนี้อาของเขาไม่ได้ยากจนและต้อง
ก้มหัวเมื่อมาถึงประตูบ้านของเขาเหมือนอย่างแต่ก่อนอีกต่อไป
“ไม่จําเป็นต้องทําตัวเป็นคนแปลกหน้ากับฉันแบบนี้หรอก” เทียนหยวนถูพูด “มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไรฉันมีบริษัทใหญ่ มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก
ความจริงเทียนหยวนถูรับคนไร้ความสามารถมาทํางานอยู่ไม่น้อย บางคนเป็นญาติหรือมีความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เขาจึงจําเป็นต้องรับคนเหล่านั้นเข้ามาทํางานอย่างช่วยไม่ได้“ถ้าอย่างนั้น ก็หาข้ออ้างอะไรก็ได้มาไล่เขาออกไปเถอะครับ”หวังเย้าพูดขึ้นมาหลังจากที่คิดอยู่สักพัก
“ไม่จําเป็นต้องถึงขั้นนั้นหรอก” เทียนหยวนถูรีบพูด
เรื่องอาของหวังเย้าไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับเขา เขาไม่มีความคิดที่จะทําลายความสัมพันธ์
ระหว่างเขากับหวังเย้าด้วยเรื่องแบบนี้เลย ถึงเขาจะรู้ว่าหวังเย้าไม่ใช่คนแบบนั้นแต่มันก็อาจจะกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“เขายังสร้างเรื่องอะไรอีกไหมครับ”
“ฉันรู้มาแค่นิดหน่อยเท่านั้น” เทียนหยวนถูพูด “ให้ฉันเรียกหัวหน้าของเขามาดีกว่าไหม?”
“แบบนั้นก็ได้ครับ”
“รอเดี๋ยวนะ” เทียนหยวนถูกดโทรออก ใช้เวลาไม่นาน ชายวัยสี่สิบคนหนึ่งก็เข้ามาให้ห้องทํางาน
“มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ?”
“มีเรื่องที่ผมอยากถามคุณสักหน่อยน่ะ” เทียนหยวนถูถามถึงเรื่องการทํางานของคนใต้บังคับ
บัญชาของเขา ก่อนจะเข้าเรื่องอาสามของหวังเย้า
หัวหน้าของอาสามมีความประทับที่เลวร้ายกับเขามากเขายังบอกได้ว่า อีกฝ่ายยังมีเรื่องที่ไม่
ได้บอกออกมาอีก
“นอกจากเรื่องนั้นแล้วคุณพอจะรู้เรื่องอะไรของเขาอีกไหม?” เทียนหยวนถูถาม
“เอ่อ ผมได้ยินมาว่าเขาเล่นการพนันด้วยครับ”
“การพนัน?” หวังเย้าคิ้วขมวดเมื่อได้ยินแบบนั้นนี่มันเป็นเรื่องที่แย่มาก ตอนนี้เอง ที่หวังเย้าไม่แปลกใจแล้วว่าทําไมอาของเขาถึงมาที่บ้านเพื่อยืมเงิน
“ผมแค่ได้ยินมาเท่านั้น”ผู้จัดการเหลือบมองไปทางหวังเย้าเขาสงสัยว่าหวังเย้าเป็นใครและทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“เอ่อ เหล้า, บุหรี่, แล้วก็…”
“บอกมาเถอะ”เทียนหยวนถูพูด
“เขายังมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงในบริษัทของเขาหลายคนเลยครับ”
หลังจากได้ค่าตอบที่ต้องการแล้วเทียนหยวนถูก็ให้อีกฝ่ายออกไป
“อย่าไปพูดเรื่องนี้กับใครล่ะ” เทียนหยวนถูดพูดก่อนที่จะให้อีกฝ่ายกลับไป
“ครับท่าน”ผู้จัดการพูด
“ทําไมอยู่ๆถึงมาถามเรื่องนี้เหรอ?”
“เขามาที่บ้านแล้วยืมเงินไปหมื่นหนึ่งครับพ่อของผมเป็นกังวล ผมก็เลยมาที่นี่เพื่อดูว่าเรื่องราวเป็นมายังไงเฮ้อเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะทําเรื่องไม่ดีเอาไปเยอะขนาดนี้อาคนนี้ทําเกินไปจริงๆ!” หวังเย้าถอนหายใจ
“เฮ้อ ฉันว่านายเอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่นะ”เทียนหยวนถูพูด“นายไม่เห็นจําเป็นต้องไปกังวลกับเรื่องพักนั้นเลยสักนิด”
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นหรอกครับแต่เป็นพ่อของผมต่างหากที่เอาแต่กังวลถึงยังไงก็เป็นน้องชายของเขาถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อาของผมคงไม่ต่างจากขยะดีดีนี่เองแล้วครอบครัวของเขาก็มีแต่จะพัง”