Elixir Supplier - ตอนที่ 950 ไม่มีความหมาย
950 ไม่มีความหมาย
หวังเย้าได้เตรียมสูตรยาเอาไว้แล้วเขามีสมุนไพรตัวหลักทั้งหมดอยู่ในแปลงสมุนไพรมันมากพอที่จะทํายาล็อตแรกออกมาและสามารถรับประกันคุณภาพของวัตถุดิบได้ด้วย“เชียนเชิงต้องการสมุนไพรตัวไหนบ้างครับ?”เจิ้งเหว่ยจวินถาม“ผมจะได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้พร้อม”
หวังเย้าบอกรายการสมุนไพรที่เขาต้องการกับเจิ้งเหว่ยจวิน
“ความต้องการของผมก็อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้”หวังเย้าพูด “ผมต้องการสมุนไพรป่าและต้องเป็นของคุณภาพดี”
“วางใจได้เลยครับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งที่แล้วผมก็ประกาศเอาไว้ชัดเจน ว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครั้งผมจะไล่คนที่เกี่ยวข้องออกทั้งหมด”เจิ้งเหว่ยจวินพูด
“ดีครับ” หวังเย้าพูดเขากังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนจะกลับมาเกิดขึ้นอีกรอบ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาพบความผิดปกติในครั้งนั้น ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นสมุนไพรกองนั้นก็อาจจะถูกนําไปทําเป็นยาขึ้นมาถึงประสิทธิภาพของตัวยาจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักแต่มันจะสร้างมาตรฐานที่ไม่ดีขึ้นมาถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการจัดการ คนในโรงงานก็จะยังคงทําเรื่องผิดพลาดต่อไปเรื่อยๆ เขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นถ้าความผิดพลาดเหล่านั้นกลายมาเป็นสวนหนึ่งของความเคยชินสิ่งเหล่านั้นก็จะส่งผลให้บริษัทค่อยๆตกต่ำลงไป
เมื่อเริ่มต้นได้ไม่ดี มันก็สามารถนําไปสู่การล่มสลายได้
“เชียนเชิง คืนนี้ว่างไหมครับ?”
“อืม มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
“การขายยาของเราเริ่มต้นไปในทิศทางที่ดี”เจิ้งเหว่ยจวินพูด “บอกตามตรงเรื่องการขายยาทําผมปวดหัวมาได้หลายวันแล้ว ดังนั้น ผมคิดว่าเราต้องฉลอง”
“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด
“เป็นอันตกลงแล้วนะครับงั้นคืนนี้เราเจอกัน”
“ได้”
เจิ้งเหว่ยจวินอยู่ที่คลินิกประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อมีคนไข้เข้ามา เขาก็ขอตัวกลับและเดินทางไปที่โรงงานต่อ
ยาล็อตที่สามถูกผลิตและจัดเก็บไว้ในโกดังเรียบร้อยเขาบังเอิญไปถึงตอนที่กําลังมีการขนยาขึ้นรถพอดีมันเป็นรถบรรทุกจากเมืองเต๋า
“สวัสดีครับ คุณเจิ้ง”พนักงานที่ทํางานอยู่ทักทายเขาอย่างยินดี เริ่มแรกยาถูกกองอยู่เต็มโกดังตอนนี้ในที่สุดก็มีคนมาเอาพวกมันไปถึงมันจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็ทําให้เขากังวลอยู่ดีเขาจึงยินดีมาก ที่ตัวยาคิดตลาดแล้วมันทําให้เขาตั้งใจทํางานมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อยอดขายเพิ่มขึ้นรายรับของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“การผลิตเป็นยังไงบ้าง?”
“ปกติดีครับ ตอนนี้กําลังผลิตยาล็อตที่สี่กันอยู่”
“ดูแลเรื่องวัตถุดิบให้ดี”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมจะจัดการคุณเป็นคนแรก”“ไม่มีปัญหาครับ”
“เอาล่ะ ทํางานต่อเถอะ ผมจะไปดูรอบๆสักหน่อย”
“ครับ ครับ”
คนที่รับผิดชอบงานก็รีบเดินเข้าไปในโรงงานและพูดกําชับกับคนที่รับผิดชอบหน้าที่ต่างๆ
ภายในโรงงานเจิ้งเหว่ยจวินพึงพอใจที่ได้เห็นความคึกคักที่เกิดขึ้นภายในโรงงานเพื่อทํากําไร
โรงงาจําเป็นต้องมีการผลิตสินค้าและขายออกไปอย่างสม่ำเสมอ เมื่อครั้งที่โรงงานหยุดการผลิตไปสองอาทิตย์เขาได้เข้าไปดูมาครั้งหนึ่งเขาพบว่ามันดูไร้ชีวิตชีวาคนที่มาให้เห็นมีเพียงช่างซ่อมบํารุงเครื่องจักรเท่านั้นภาพนั้นทําให้โรงงานที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ดูคล้ายกับบริษัทที่กําลังจะปิดตัวลง
ห่างออกไปหลายพันไมล์ ในเขตเหอที่ตั้งอยู่ในยูนนานใต้
“อะไรนะ นายอยากไปเทียนจินอย่างนั้นเหรอ?”หยางกวนเฟิงและหลู่ซิ่วเฟิงต่างประหลาดใจ
เมื่อได้ยินความต้องการของเมี่ยวเฉิงถาง
“ท่าไมอยู่ๆถึงอยากไปที่นั่นล่ะ?”
“ที่นั่นอาจมีคนจากหุบเขาอยู่ก็ได้ครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูด“เป็นคนที่หนีออกมาจากหุบเขาเมื่อ10 กว่าปีที่แล้ว”
“แล้วนายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”
“ตอนที่ผมยังอยู่ในหุบเขาผมได้ติดต่อกับคนที่หนีออกไปด้านนอกและเป็นคนที่ผมค่อนข้างสนิทด้วยผมได้ยินหนึ่งในพวกเขาพูดว่า พวกเขาจะไปอยู่ที่เทียนจิน”
“เขามีชื่อว่าอะไร?”
“ตอนนั้น เขามีชื่อว่าเมี่ยวชิงหยวน” เมี่ยวเฉิงถางตอบ “แต่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาใช้ชื่อว่าอะไร” “แล้วพวกนายสองคนติดต่อกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่?”
“เรื่องนั้นผมก็จําไม่ได้ น่าจะหลายปีแล้วเหมือนกัน”
“อืม แล้วนายยังติดต่อเขาได้รึเปล่า?”
เดี่ยวเฉิงถางส่ายหน้า
“นายลองคิดให้ดีก่อนก็แล้วกันแล้วมีที่ไหนที่นายอยากไปอีกไหม?” หลู่ซิ่วเฟิงถามพวกเขาได้เลือกสถานที่ไว้ให้เขาแล้ว มันเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงวิถีชีวิตของคนในเมืองนั้นไม่ต่างจากเมืองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้มากนักที่สําคัญไปกว่านั้น สภาพความเป็นอยู่ของที่นั่นก็คล้ายกันและราคาสินค้าก็ไม่แพงมากถึงหัวหน้าของพวกเขาจะเห็นด้วยกับความคิดนี้แต่งบประมาณของพวกเขาก็มีอยู่อย่างจํากัดซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาจําเป็นต้องคํานึงถึงความปลอดภัยของเมี่ยวเฉิงถางในขณะที่ต้องใช้จ่ายเงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย
“ไม่มีอื่นครับผมอยากไปเทียนจินแค่ที่เดียว”เมี่ยวเฉิงถางพูด
“ขอบอกตามตรงเลยนะงบที่เราสามารถมอบให้นายนําไปใช้ในชีวิตประจําวันนั้นมีจํากัดถ้านายไปอยู่ที่เทียนจิน นายอาจจะมีเงินไม่พอใช้ได๋”หยางกวนเฟิงเลือกที่จะบอกเขาไปตามตรง
ด้วยหวังว่าจะสามารถทําให้เขาเปลี่ยนใจได้
“ยังไงผมก็อยากไปอยู่ที่เทียนจินครับผมจะได้อยู่ให้ไกลจากที่นี่
“แล้วทําไมไม่เลือกสามจังหวัดที่อยู่ทางทิศตะวันออกล่ะ?”หลู่ซิ่วเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม“สามจังหวัดนั้นไกลกว่านี้ด้วยซ้ำ”
“ทางนั้นมันหนาวเกินไปครับและสภาพแวดล้อมก็ไม่ค่อยดีด้วย ผมเคยไปปักกิ่งมาก่อนที่นั่นมีแต่ความวุ่นวายผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
“แล้วนายเคยไปเทียนจินมาก่อนเหรอ?”
“ผมไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนหรอกครับแต่ไม่ว่ายังไงผมก็อยากไปอยู่ที่นั่น”
หลังจากที่ได้ยินคําพูดที่แน่วแน่ของเมี่ยวเฉิงถางแล้วพวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
“ถ้านายตัดสินใจดีแล้ว เราก็จะส่งนายไปที่เทียนจิน”หยางกวนเฟิงพูด
“ขอบคุณครับ”
“นายอยากไปเมื่อไหร่?”
“เร็วที่สุดครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นพรุ่งนี้แล้วกันเป็นอันตกลงนะ”
“ครับ”
“คืนนี้เราจะไปส่งนายเอง”
“ไม่ต้องหรอกครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูด
เขาอยากออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดส่วนเหตุผลที่เขาใช้ยืนยันเพื่อไปเทียนจินก็เป็นแค่แนะนําที่เขาได้รับมาจากเสวี่ยซินหยวน ข้อมูลที่เขาบอกกับตํารวจก็ไม่ใช่เรื่องโกหกทั้งหมด
เมี่ยวชิงหยวนเป็นคนที่มีตัวตนอยู่จริงๆถ้าต้องการพวกเขาก็สามารถตรวจสอบข้อมูลดูได้แล้ว
เขาก็อยู่ที่เทียนจินโดยมีเสวี่ยซินหยวนเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดให้
เทียนจินนั้นอยู่ใกล้กับปักกิ่งตระกั่วกูลถือว่ามีอิทธิพลในพื้นที่นั้น มันทําให้หลายๆง่ายขึ้นมาก
“นายยังกลัวอยู่เหรอ?”
“ถ้าผมบอกว่าไม่กลัวก็คงเป็นเรื่องโกหก”
“อืม เราจะรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าของพวกเรานายก็เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม ถ้าทุกอย่างราบรื่นเราก็จะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เลย”
น้อย
“ครับ ขอบคุณมาก
“อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่เราพอจะทําให้ได้ล่ะนะ”
เมี้ยวเฉิงถางนอนเงียบๆอยู่บนเตียงตามลําพังเขากําลังคิดถึงเรื่องของอนาคต
ห่างออกไปหลายพันไมล์ภายในโรงแรมที่ดีที่สุดของเขตเหลียนชาน เจิ้งเหว่ยจวินดื่มไปไม่
เขาอยู่ภายใต้ความกดดันมานานมันยังส่งผลไปถึงความอยากอาหารและการนอนของเขา
ด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเขาไม่สามารถขายยาที่โรงงานของเขาผลิตออกมาได้แล้วในที่สุดเขาก็สามารถหายใจหายคอได้คล่องขึ้น มันเป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเขาจึงปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มที่
“เขียนเชิง ชนแก้ว!
นี่เป็นครั้งที่สี่แล้วที่เขาชนแก้วกับหวังเย้า
หวังเย้ายิ้มและยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสําหรับเขาเหล้าก็ไม่ต่างจากน้ำเปล่าแต่กับเจิ้งเหว่ยจวิน
นั้นไม่ใช่เขาเริ่มพูดจนลิ้นพันกันไปหมด
“ขอบคุณนะครับเขียนเชิงที่โรงงานมาได้ขนาดนี้ก็ต้องขอบคุณเชียนเชิงถ้าไม่ใช่เพราะเชียนเชิงผมก็คงเป็นได้แค่คนที่แพ้ให้กับการต่อสู่ในตระกูลแล้วก็คงเอาแต่หลบมุมดื่มเหล้าโทษนั่นโทษนี่อยู่!”
หวังเย้ายิ้ม
คนเราเมื่อเมาก็มักจะพูดความจริงออกมาคําพูดของเจิ้งเหว่ยจวินล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่เขาเก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอด