Elixir Supplier - ตอนที่ 951 ผู้ขาย
951 ผู้ขาย
เจิ้งเหว่ยจวินถูกผู้ช่วยและคนขับพาตัวกลับไปเขาเมาจนหมดสภาพ
หวังเย้าไม่ลืมบอกกับพวกเขาว่า“ดูแลเขาด้วยนะครับ”
“วางใจได้เลยครับ คุณหวัง”
หวังเย้าขึ้นรถแท็กซี่และออกจากโรงแรมไปเมื่อกลับไปถึงที่บ้าน เขาก็ขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานทันทีหนึ่งบนเขาเงียบสงัด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในค่ําคืนนั้น
เช้าวันต่อมา พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน
เขตเหอที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์เดี๋ยวชิงเฟิงและเมี่ยวฉางหงนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่ง
“เขาอาจจะไปวันนี้”
“แล้วนายจะรู้ที่อยู่ของเขาได้เหรอ?”
“ได้สิ มันน่าจะเป็นเทียนจิน”
“แล้วพวกเราจะไปกันเมื่อไหร่?”
“เราจะรอไปก่อน ตอนนี้เราจะทําอะไรกระโตกกระตากไม่ได้
“เทียนจินกว้างมาก ระวังอย่าให้เขาหลุดมือไปล่ะ”เมี่ยวฉางหงพูด
“มาคราวนี้เราเอาของดีมาด้วยตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอ?”
“แมลงเหรอ?”
“ใช่”
“แล้วเราจะเอาไปติดเขาได้ยังไง?การเข้าหาเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”
“ไม่จําเป็นต้องเอาไปติดเขาก็ได้นี่เขาไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อย หยางกวนเฟิงหรือหลู่ซิ่วเฟิงอาจจะไปกับเขาด้วยเราติดแมลงไว้กับพวกเขาคนใดคนหนึ่งและตามพวกเขาแทนก็ได้”“งั้นก็รีบเลย!”
“ฉันเอาติดไว้ที่ตัวพวกเขาเรียบร้อยแล้วล่ะ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
ตอนกลางวันรถคันหนึ่งเดินทางออกจากเขตเหอ
“พวกเขาออกจากเขตไปแล้ว”
“เป็นหลู่ซิ่วเฟิงใช่ไหม?”
“ใช่”
“นายวางแผนไว้หมดแล้วสินะ”เมี่ยวฉางหงยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แล้วใครที่เป็นคนตามเขาไป?” ในเวลานี้มันจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเขาสองคนไม่หายตัวไปถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกได้
“เป็นคนจากหุบเขาที่ติดตามพวกเขาไป”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“พอพวกเขาไปถึงที่พักและยืนยันตําแหน่งได้แล้ว เราก็จะเริ่มลงมือกัน
“ถ้าเกิดเรื่องขึ้นในที่ที่ห่างจากที่นี่ไปหลายพันไมล์พวกเขาก็คงจะโยงมาไม่ถึงพวกเรา” “ใช่ ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวด”
ภายใต้ฉากหน้าที่เงียบสงบของเขตเหอทั้งที่ความจริงนั้นสถานการณ์กําลังเลวร้ายอย่างที่สุด
“หมายความว่ายังไง?”
“เราได้เบาะแสของเมี่ยวเทียนชวนแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นตอนที่หนึ่งในคนของเราติดตามเขาไป” “เกิดอะไรขึ้น? ใจเย็นๆ แล้วเล่าทุกอย่างให้เราฟัง”
“เขาตาย”
“ตาย?”
มันเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่เพราะคดีนี้
“เวรเอ้ย!” เจ้าหน้าที่อีกคนสบถออกมา
คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆเลยแล้วตอนนี้หนึ่งในพวกเขายังมาเสียชีวิตไปอีก มันมีแต่จะยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ได้รู้ข่าวหลู่ซิ่วเฟิงและหยางกวนเฟิงต่างก็เงียบกันไปทั้งคู่ ทั้งสองสูบบุหรี่ไม่หยุด“จะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ได้”หยางกวนเฟิงพูด“เมี่ยวเทียนชวนไม่ใช่คนธรรมดา เขา
อันตรายเกินไป”
“ใช่ เราไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรแบบเขามาก่อน”หลู่ซิ่วเฟิงพูดเขาคืออาชญากรที่แม้แต่ตํารวจก็ยังทําอะไรเขาไม่ได้
“ยิงทันทีที่เจอตัว?” หลู่ซิ่วเฟิงถาม
หยางกวนเฟิงก้มหน้าลง เขาจ้องมองขี้บุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่
“เราทําได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่ที่คนอยู่เยอะใครจะรู้ว่าเขามีอะไรอยู่กับตัวบ้างถ้ามีคนตายเพิ่มก็มีแต่จะทําให้เรื่องยิ่งยุ่งไปกว่าเดิม”
“ก็จริงเราต้องคิดให้รอบคอบ”
ในเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างจากเขตเหอไปประมาณ 200 เมตร
“นายฆ่าคนอีกแล้วเหรอ?คราวนี้ยังเป็นตํารวจด้วย!” เดี่ยวชิงชานอ่านข่าวในมือถือเขาเงย
หน้าขึ้นมองเมี่ยวเทียนชวนที่ทําตัวนิ่งเฉยด้วยความประหลาดใจ
“พวกเขาน่ารําคาญเกินไปต้องทําให้พวกเขาได้เห็นบ้าง” เมี่ยวเทียนชวนพูด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขาในตอนที่เขาตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อนานมาแล้วมือของเขาต้องแปดเปื้อนนับครั้งไม่ถ้วนในเวลานั้นเขาเป็นมือปืนรับจ้างและตอนนี้สิ่งที่เขาท่าก็เพื่อสลัดให้หลุดจากคนที่ติดตามเขาอยู่
“พวกเขาอาจจะมีเบาะแสของพวกเราอยู่แล้วอีกไม่นานคนในหุบเขาก็จะตามหาเราเจอ”
เดี่ยวเทียนชวนพูด“ดูเหมือนว่านายคงจะยังไม่รู้เรื่องนอกจากเบี้ยวซีเหอแล้วในหุบเขาก็ยังมีคนอื่นที่จัดการได้ยากอยู่อีกหลายคนพวกเขาเป็นพวกผู้อาวุโสแต่เพราะเมี่ยวซีเหอห่วงหน้าตาชื่อ เสียงตัวเองถ้าไม่ใช่เรื่องจําเป็นจริงๆเขาก็จะไม่สั่งการให้คนพวกนั้นเคลื่อนไหวแต่ตอนนี้มันไม่ เหมือนเดิมแล้วฉันคิดว่าอีกไม่นานพวกเขาคงจะออกมาจากหุบเขาแน่ถ้าพวกเขาหาพวกเรา
เจอมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากที่แท้จริง”
เขารู้ความลับของหุบเขามากกว่าเมี่ยวชิงชานนอกจากอีกฝ่ายจะเป็นหลานของอดีตผู้นําแล้ว
เขาก็ยังได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นตัวของอดีตผู้นําหรือลูกชายของเขาต่างก็ไม่มี
ใครบอกเล่าถึงความเป็นจริงที่เลวร้ายของหุบเขาให้เคี่ยวชิงชานได้รับรู้พวกเขาอาจทําไปเพื่อป้องกันไม่ให้เขาต้องได้รับความบอบช้ำทางจิตใจรวมไปถึงดึงเขาให้ออกห่างจากการต่อสู้ เดี่ยวชิงชานไม่ได้พูดอะไรเขาได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นเท่านั้น ภายในใจของเขากําลังดิ้นรนเขาเต็มไปด้วยความสงสัยกับเหตุการณ์ทั้งหมดรอบตัวเขา
สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือสถานการณ์อยู่ในสภาวะที่เลวร้ายอย่างยิ่งทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดเลยไม่ว่าจะอยู่ในหุบเขาหรือว่าที่อื่นเขาก็ไม่เคยลงมือฆ่าคนสักครั้งเขาไม่ได้ทําร้ายใครแต่เขากลับต้องมากลายเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัวที่แย่ไปกว่านั้นมันยังเป็นโทษที่ร้ายแรงมากด้วยเขาติดตามเมี่ยวเทียนชวนและจบลงด้วยการต้องแบกรับความผิดของอีกฝ่ายไว้บนบ่าของตัวเองตอนนี้เขาไม่สามารถสลัดความผิดเหล่านั้นออกไปจากตัวได้แล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได
ความคิดที่อยากจะแยกตัวออกไปจากเดี่ยวเทียนชวนเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายกําลังคิดอะไรอยู่?”เดี่ยวเทียนชวนหันไปถามเมี่ยวชิงชาน
“ไม่มีอะไร”
“นายกําลังคิดว่า ฉันทําเกินไปใช่รึเปล่า?”
“อืม”
“เหอะชิงชานสมแล้วที่นายเป็นหลานของอดีตผู้นําแต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่นายไม่รู้”เกี่ยวเทียนชวนพูด“ไม่ว่าจะอยู่ในหุบเขาหรือด้านนอก มันก็ไม่ได้สงบสุขเหมือนอย่างที่เห็นหรอกนะด้านมืดมีอยู่ทุกหนแห่งไม่ว่าที่ไหนก็มีการต่อสู้มีอยู่เสมอ”
“สูบบุหรี่หน่อยไหม?”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ”
ด้านนอกเริ่มมืดลง
หลังจากที่เดินทางมาตลอดทั้งวันในที่สุดเมี่ยวเฉิงถางก็มาถึงเทียนจิน มันเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงภายในเมืองดูคึกคักยิ่งกว่าหมู่บ้านหลายร้อยเท่าคนที่พาเขามาได้จัดหาที่พัก ชั่วคราวให้กับเขาหลู่ซิ่วเฟิงควรจะมากับเขาด้วยแต่มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเขาเลยต้องกลับไปก่อนเหลือเพียงตํารวจนายหนึ่งที่คอยดูแลเขาแค่คนเดียว
เมื่อเขาเดินทางมาถึงเมี่ยวเฉิงถางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ที่นี่น่าจะปลอดภัยแล้วขอบคุณนะครับ”
เมี่ยวชิงเฟิงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์มีสีหน้ามืดครึ้มเพราะเขาทําเป้าหมายหลุดมือ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“หลังออกไปจากเมืองแล้ว หลู่ซิ่วเฟิงก็เลยย้อนกลับมา ทางนี้น่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นเขาเลยส่งคนอื่นไปทําหน้าที่แทน”
“หา?” เมี่ยวฉางหงอึ้ง “แล้วทีนี้เราจะทํายังไงกันต่อดี?”
“เราจะรอไปก่อน”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ไม่ช้าก็เร็วสองคนนั้นต้องไปที่นั่นแน่พวกเขาจะปล่อย
เมี่ยวเฉิงถางไว้ตามลําพังแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“มันมีของที่เรียกว่าจีพีเอสหรืออะไรสักอย่างอยู่ไม่ใช่เหรอ?เราตามหารถของเขาและตามไป
จัดการไม่ได้เหรอ?”
“เราไม่ได้คิดเรื่องนั้นไว้ตั้งแต่แรกน่ะสิ”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“มาพูดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง เขาไม่หนีไปไหนหรอก”
เมี่ยวเฉิงถางไม่ได้พูดอะไรอีก
พูดนั้นง่ายกว่าลงมือทําการตามหาคนในเขตเล็กๆที่พวกเขาอยู่ก็เป็นเรื่องยากแล้วยิ่งเป็นเมืองใหญ่อย่างเทียนจินก็ยิ่งยากเข้าไปอีกในเทียนจินที่ห่างออกไปหลายพันไมล์เมี้ยวเฉิงถางปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่และไป
เจอหน้าเมี่ยวชิงหยวนที่ครั้งหนึ่งเคยสนิทสนมกับตั้งแต่ตอนอยู่ที่หุบเขาเมื่อทั้งสองได้เจอหน้ากันพวกเขาต่างก็ดูมีความสุขการได้พบหน้ากับคนที่คุ้นเคยในต่างถิ่นเป็นเรื่องสมควรแก่การฉลอง เดี่ยวชิงหยวนแนะนําให้เขาได้รู้จักกับคนคนหนึ่งและอีกฝ่ายก็ได้นําเงินมาให้เขาด้วย“นายคิดว่าเทียนจินเป็นยังไงบ้าง?”เสวี่ยซินหยวนถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลวเลยครับ” เมี่ยวเฉิงถางตอบ
นี่เป็นโลกที่ต่างไปจากหุบเขาอย่างสิ้นเชิงรวมไปถึงเขตเหอด้วยสถานที่เหล่านั้นเป็นแค่พื้นที่เล็กๆในขณะที่เทียนจินนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายผู้คนและยานพาหนะขับเคลื่อนอยู่เต็มท้องถนนเขากําลังพยายามปรับตัวกับมันอยู่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ “ดี”
“นี่เป็นเรื่องที่เราเคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้”เสวี่ยซินหยวนส่งบัตรเครดิตให้กับเขามีเงินจํานวน 100,000 หยวนอยู่ในบันชีนั้น
“ขอบคุณครับ”เมี่ยวเฉิงถางลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะรับบัตรเครดิตมา มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขากําลังทําธุรกิจร่วมกันอยู่
นะ”
“เอาล่ะสั่งอาหารกันเถอะ”เสวี่ยซินหยวนพูดอย่างอารมณ์ดี“เรากินไปด้วยคุยไปด้วยดีกว่า
ไม่นาน อาหารหน้าตาน่าทานก็ถูกนํามาวางจนเต็มโต๊ะ
“มาดื่มเพื่อความร่วมมือและมิตรภาพของเราชน”
“ชน”
เมี่ยวเฉิงถางกับเมี่ยวชิงหยวนต่างดื่มจนหมดแก้ว
“มา กินกันเถอะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอหน้ากันเสวี่ยซินหยวนไม่ได้รีบร้อนเอ่ยปากถามเรื่องหุบเขาพัน
โอสถออกไป พวกเขาเพียงพูดคุยกันเรื่องทั่วๆไปเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลักการสาวเชือกยาวเพื่อจับปลาใหญ่เป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบหน้ากันดังนั้นทั้งเจ้าภาพและแขกต่างดื่มกันอย่างมีความสุข
“ถ้านายมีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้เลยนะ”เสวี่ยซินหยวนพูด
“ขอบคุณครับ”
เสวี่ยซินหยวนบอกลาและขอตัวกลับอีกสองคนที่เหลือก็พากันไปที่ร้านน้ำชาและเลือกนั่งใน
ห้องส่วนตัว
“ผู้ชายคนนั้นเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่?”