Elixir Supplier - ตอนที่ 954 ประณีต
954 ประณีต
“รอเดี๋ยวนะครับ”เจิ้งเหว่ยจวินโทรหาหวังเย้าต่อหน้าประธานพันทันที
“ฮัลโหลเชียนเชิงผมเองครับเหว่ยจวิน” วิธีการเรียกขานอีกฝ่ายของเจิ้งเหว่ยจวินทําให้ประธานพันรู้สึกสนใจขึ้นมาการพูดอย่างเคารพแบบนี้มักเป็นการพูดระหว่างผู้เยาว์และผู้อาวุโส
หรือไม่ก็คนที่อยู่ในระดับต่ำกว่ากับผู้ที่อยู่เหนือกว่าการแสดงท่าทีแบบนี้ในสถานการณ์อื่นนั้นมีอยู่น้อย
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“ช่วงบ่ายเชียนเชิงว่างไหมครับ?หลังกินข้าวกลางวันเสร็จแล้วเราเข้าไปหาที่คลินิกของเชียนเชิงได้ไหมครับ?”
“ได้ครับ”
ประธานพันยิ้ม เขาอยากเห็นหน้าคนที่ทําให้คนจากตระกูลเจิ้งที่ถือตนว่าสูงกว่าคนอื่นถึงกับต้องทําตัวเคารพนอบน้อมและเรียกอีกฝ่ายอย่างยกย่องแบบนี้เขาอยากรู้ว่าหมอคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่
ประธานพันยิ้มและพูดว่า “ผมอยากเห็นจริงๆว่าคนที่คุณพูดจานอบน้อมด้วยขนาดนี้จะเป็นคนแบบไหน”
“ได้เจอเขาแล้วก็จะรู้เองครับ”เจิ้งเหว่ยจวินพูด
พวกเขานั่งพักดื่มชาหลังจากที่ทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขารอจนกระทั่งกลิ่นอาหารและ
กลิ่นควันบุหรี่จางลงแล้ว ถึงค่อยพากันนั่งรถเพื่อเดินทางไปที่หมู่บ้าน
“ที่นี่น่ะเหรอ?” หลังจากที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านแล้วประธานพันก็ต้องประหลาดใจ“ที่นี่แหละครับ”เจิ้งเหว่ยจวินพูดด้วยรอยยิ้ม“ทุกคนที่มาที่นี่และได้พบกับเชียนเชิงเป็นครั้งแรกต่างก็ประหลาดใจแบบนี้กันทั้งนั้น”
พวกเขาจอดรถที่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านบ้านที่ดูโดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นในหมู่บ้านตั้งอยู่ตรงหน้าของพวกเขามันมีหลังคาสีดําและกําแพงสีขาวเป็นรูปแบบการก่อสร้างของทางภาคใต้
“มันเป็นบ้านที่สวยมาก”
“นี่คือคลินิกของเชียนเชิงครับ”
สายตาของประธานพันหันไปเห็นป้ายไม้ที่อยู่ตรงประตู
“น่าสนใจจริงๆ”
เจิ้งเหว่ยจวินเคาะประตู รอจนกระทั่งมีเสียงพูดว่า“เข้ามาได้ครับ” พวกเขาถึงได้พากันเดินเข้าไป
พวกเขาเดินเข้าไปในคลินิก แม้จะอยู่ในฤดูหนาวด้านในกลับไม่ได้ดูแห้งเหี่ยวเลยต้นไผ่เขียวสดตั้งตรงทักทายแขกที่เข้ามา
“สวนดูประณีตมาก”ประธานพันพูดเขาประทับใจกับภาพที่เห็น
เพียงแค่ดูจากตัวบ้านและสวนก็สามารถบอกได้แล้วว่าผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
มันไม่ใช่ความหรูหราฟู่ฟ่าที่ใช้เงินถ่มลงไปแต่มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสง่างามชายทั้งสองเดินเข้าไปภายในตัวบ้าน พวกเขาเห็นหวังเย้านั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่งเขากําลังถือหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ
“เชียนเชิง”
“เข้ามานั่งก่อนสิครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ประธานพันอึ้งไปในทันทีเขาจ้องมองหวังเย้าด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันไปมองเจิ้งเหว่ยจวิน
“เป็นผู้ชายคนนี้เหรอครับ?”
“เขาก็คือเชียนเชิงที่ผมพูดถึงครับ”เจิ้งเหว่ยจวินพูดอย่างยิ้มแย้ม
เขาคิดอยู่ลึกๆในใจ เขายังเด็กมาก!
“เชียนเชิง นี่คือประธานพันครับ”
“สวัสดีครับ เนียนเชิง ผมชื่อว่า พันเจียโหย่ว”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ หวังเย้าผมเป็นแพทย์ปรุงยา”
“แพทย์ปรุงยา?” พันเจียโหย่วมึนงงเมื่อได้ยินแบบนั้นมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนที่ใช้คํานี้ เรียกขานตัวเองมันทําให้เขานึกไปถึงตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่งของกิมย้งที่ชื่อว่าหวงเหยาซือ(อึ้งเอี๊ยะซือ)
“ช่วยบอกอาการป่วยของคุณแม่คุณให้ผมฟังทีครับ”หวังเย้าพูด
“อ๋อ ได้ครับ”
พันเจียโหยวบอกรายละเอียดอาการป่วยของแม่เขากับหวังเย้า เขาพยายามนึกถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆเท่าที่เขาพอจะนึกออก มันยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเขาใส่ใจแม่ของเขามากแค่ไหน “ผมพอจะเข้าใจอาการของเธอแล้วครับ”หวังเย้าพูด“ผมสามารถรักษาเธอได้ คุณพาเธอมาหาผมได้เลยครับ”
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”พันเจียโหย่วพูด
พวกเขาอยู่ที่คลินิกได้ไม่นานก็ออกมา
“หมอหวังเก่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ฮาฮา ผมรู้ได้เลยว่าคุณยังสงสัยอยู่เป็นเรื่องธรรมดาครับเมื่อไหร่ที่คุณพาคุณแม่ของคุณมารักษาที่นี่ผมรับประกันได้เลยว่าความสงสัยทุกอย่างจะถูกโยนออกไปนอกหน้าต่างในทันทีคุณจะรู้ว่าที่ผมพูดไปเป็นความจริง จริงสิอย่าลืมนัดไว้ก่อนล่วงหน้าด้วยนะครับ บางทีเชียนเชิงอาจจะออกไปทําธุระข้างนอกได๋”
“ได้ครับ”
เจิ้งเหว่ยจวินมองออกไปนอกหน้าต่างและพูดว่า“ความจริงแล้วมีคนจากปักกิ่งหลายคนเลยล่ะครับที่เดินทางมารักษาถึงที่นี่”
“คนจากปักกิ่งถึงกับเดินทางมารักษาถึงที่นี่เลยอย่างนั้นเหรอครับ?”
“จริงครับ” เจิ้งเหว่ยจวินตอบ
“แล้วเขาก็เป็นคนที่รักษาโรคร้ายทั้งหมดในตัวผมด้วย”เจิ้งเหว่ยจวินพูด“เมื่อไหร่ที่คุณได้เจอกับตัวเองแล้วคุณก็จะรู้ได้ว่าเขาเก่งแค่ไหน”
“ดี ผมคงต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว ผมจะพาแม่ของผมมาหาเขาก่อนสิ้นปีนี้”
“ดีครับ ผมรับประกันได้เลยว่าเธอจะต้องหายแน่นอน!”
พันเจียโหย่วยิ้มเล็กน้อย เขารู้สึกว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาดูคล้ายกับคนที่ถูกล้างสมองเพราะดูได้จากที่อีกฝ่ายยกย่องและเชื่อถือหมอหวังอย่างหน้ามืดตามัวได้ขนาดนี้
ในตอนที่พวกเขากําลังทานอาหารเย็นกันอยู่นั้นหวังเฟิงฮวาก็พูดขึ้นมาว่า “ใกล้จะถึงปีใหม่แล้วลูกน่าจะไปหาเสี่ยวซวีที่ปักกิ่งสักหน่อยนะ”
“ครับ ผมตั้งใจว่าอีกสักสองวันก็จะไปปักกิ่งอยู่พอดี”หวังเย้าพูด
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ดี”หวังเฟิงฮวาพูด
“ปีใหม่นี้ เสี่ยวซวีจะมาที่บ้านเราไหมจ๊ะ?”จางซิวหยิงถาม
“เธอคงไม่มาตอนวันก่อนสิ้นปีแต่น่าจะมาช่วงปีใหม่เลยครับ”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดี ดี ดี!” จางซิวหยิงดีใจที่ได้ยินแบบนั้น
หวังเย้าได้พูดเรื่องนี้กับซูเสี่ยวซวีไปเมื่อสองวันที่แล้ว มหาวิทยาลัยของเธอกําลังจะหยุดเรียนและเธอตั้งใจจะมาหาหวังเย้าตั้งแต่ก่อนปีใหม่แต่หวังเย้าไม่เห็นด้วยและบอกให้เธอไม่ต้องมาก่อนถึงปีใหม่ทุกอย่างและทุกคนต่างดูรีบร้อนไปหมดมีแต่คนเดินทางกลับบ้านเกิดกันถ้ามาหลังจากนี้เธอก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องตั๋วการรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
นั่นเป็นความคิดที่เขากับพ่อแม่ของเขาเห็นไปในทางเดียวกัน
เขตหนานเหอที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว แต่คดีกลับยังไม่คืบหน้าเลยสักนิด”หลู่ซิ่วเฟิงพูด “เห็นทีพวกเราคงจะต้องอยู่กับคดีนี้ไปอีกนาน”
“สองวันมานี้ผมคิดเรื่องคดีดูแล้ว”หยางกวนเฟิงพูด“ทุกอย่างที่เมี่ยวเทียนชวนท่าก็เพื่อจัดการกับเมี่ยวซีเหอเขาไม่มีทางที่จะระบายความแค้นของเขาที่หุบเขาพันโอสถได้เขาทําได้เพียงแค่ยืมมือจากคนนอกเท่านั้นหรือพูดให้ชัดก็คือใช้อํานาจของรัฐจัดการกับเมี่ยวซีเหอพอ
คิดแบบนี้ดูแล้ว ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าเราสามารถใช้เดี่ยวซีเหอเป็นเหยื่อล่ออีกฝ่ายได้
“ใช้เดี่ยวซีเหอเป็นเหยื่อล่อ?หมายความว่ายังไง?”หลู่ซิ่วเฟิงมึนงง แต่แล้วแววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
“ทําไมเราถึงไม่คิดเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกนะ?”เขาตบหน้าขาของตัวเอง
“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากคู่หูเยี่ยมจริงๆ”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปก่อนสิ”หยางกวนเฟิงพูด“ความคิดนั้นมันยากกว่าที่เห็น เรื่องแรกเราจําเป็นต้องได้รับความยินยอมในการร่วมมือของเมี่ยวซีเหอซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเรื่องที่สองยากยิ่งกว่าเราจะใช้วิธีไหนในการล่อเมี่ยวเทียนชวนออกมา?ยิ่งไปกว่านั้นเรายังไม่สามารถทําร้ายผู้ บริสุทธิ์คนอื่นๆด้วยสามคดีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าะเมี่ยวเทียนชวนนั้นโหดเหี้ยมและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเขาเป็นคนที่ทําได้ทุกอย่างจากฐานข้อมูลที่เรามีเขายังมีอีกตัวตนหนึ่งด้วย
เขาคืออาชญากรที่ทางจังหวัดฉีต้องการตัวผู้ชายคนนี้น่าจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้อาวุธ
ปืนและระเบิดสูงมากมันสามารถทําให้เกิดความเสียหายในวงกว้างได้”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องคิดกันให้รอบคอบ”หลู่ซิ่วเฟิงพูด“ผมคิดว่าเรื่องแรกไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเมี่ยวซีเทอน่าจะยอมให้ความร่วมมือแล้วเขาก็อาจจะกระตือรือร้นเรื่องการจับเคี่ยว
เทียนชวนมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำถึงเมี่ยวเทียนชวนจะไม่สามารถทําอันตรายเดี่ยวซีเหอได้ แต่ เขาก็สามารถสาดโคลนใส่อีกฝ่ายได้ เรื่องนั้นต้องทําให้เมี่ยวซีเหอลําบากไม่น้อย ส่วนเรื่องพิษ ถ้าเมี่ยวซีเหอร่วมมือกับเรา มันก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะเขาเชี่ยวชาญเรื่องพิษอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่สองนั้นจําเป็นต้องคิดให้ดี ถ้าเมี่ยวเทียนชวนใช้พิษฆ่าเมี่ยวซีเหอไม่ได้ เขาก็ต้องคิด
หาวิธีอื่นแทน เช่นการระเบิดเป็นต้น”
ด้วย”
“เรื่องนั้นคุณพูดถูก”
“อีกเรื่องหนึ่ง เดี่ยวเฉิงถางเป็นยังไงบ้าง?”
“เขาสบายดี เขามีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่เทียนจิน แล้วหลังจากผ่านปีใหม่ไป เขาก็คิดจะหางานทํา
“แบบนั้นก็ดี เราไปเยี่ยมเขากันดีไหม?”
“ได้สิ”
เรื่องทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี่ยวชิงเฟิงกับเมี่ยวฉางหงก็มาบอกลากับพวกเขาพวกเขากําลังจะกลับหุบเขาเพราะใกล้จะสิ้นปีแล้วทางหุบเขาให้ความสําคัญกับการจัดงานอย่างมาก เพราะมันเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมานานหลายร้อยปีแล้ว
“ครับ ขอบคุณสําหรับที่ผ่านมานะครับ”
“เกรงใจเกินไปแล้วครับ ครั้งนี้เราแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่เลยครับคุณช่วยพวกเราได้มากเลยต่างหาก!”หยางกวนเฟิงรีบพูด“แค่ช่วยชีวิตเหยื่อ
แต่ละคนไว้ได้ก็ถือว่าได้ช่วยพวกเราเยอะแล้ว”
“เรากําลังคิดว่าจะเดินทางไปที่หุบเขาเพื่อแสดงความขอบคุณของเราช่วยบอกทางนั้นไว้ให้ด้วยนะครับ”
“ได้ครับ หุบเขาของเรายินดีต้อนรับพวกคุณเสมอ”เคี่ยวชิงเฟิงพูด
ทั้งสองเดินทางออกจากเขตเหอในวันนั้น
บนถนน เดี่ยวชิงเฟิงพูดกับเมี้ยวฉางหงว่า“พวกเขาอาจจะเดินทางไปที่เทียนจินถึงตอนนั้น
เราก็จะรู้ที่อยู่ของเมี่ยนเฉิงถาง”
“อืม เราจะปล่อยให้เขามีความสุขไม่ได้
เทียนจินที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
สองวันที่ผ่านมา เดี่ยวเฉิงถางนอนหลับได้อย่างสบายใจเขาดูดีกว่าตอนที่อยู่ในเขตเทอมาก