Elixir Supplier - ตอนที่ 955 จงพอใจ
955 จงพอใจ
เมื่ออยู่ในเทียนจินเขาไม่ต้องคอยกังวลตลอดทั้งวันว่าคนจากหุบเขาจะมาตามหาและสร้างปัญหาให้กับเขาเขาสามารถกินและนอนได้อย่างสบายใจสีหน้าของเขาจึงดูดีขึ้นมาก
ด้วยความช่วยเหลือจากเสวี่ยซินหยวนทําให้เขาได้งานทําแล้วถึงเงินเดือนจะไม่มากแต่ก็ไม่ใช่งานที่เหนื่อยตัวเขาเองก็ไม่มีประวัติการณ์ศึกษาการที่ได้งานทําก็ถือว่าดีมากแล้วเขาพอใจแล้วสุข
ฉันก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ!เขามองเห็นความหวังที่เขาจะได้มีชีวิตที่สงบ
ถ้าเมี่ยวเทียนชวนทําสําเร็จก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก!
เขาหวังว่า เดี่ยวเทียนชวนจะสามารถแก้แค้นและฆ่าเมี่ยวซีเหอได้สําเร็จนั่นเป็นวิธีเดียวที่
พวกเขาจะสามารถกําจัดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตได้
เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณความช่วยเหลือเขาจึงได้บอกข้อมูลบางอย่างกับเสวี่ยซินหยวน
มันเป็นความลับของหุบเขาพันโอสถมา
“ใช้ยากลั่นและฝึกฝนร่างกายอย่างนั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินเรื่องนี้เสวี่ยซินหยวนก็รู้สึกสงสัยขึ้น
“แล้วท่ากันยังไงเหรอ?”
เมี่ยวเฉิงถางไม่รู้ค่าตอบในเรื่องนี้เรื่องที่เขารู้นั้นมีอยู่อย่างจํากัด และเขาก็ไม่สามารถบอกทุกอย่างออกไปในครั้งเดียวได้ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะหมดค่าและถูกโยนทิ้ง
เขาได้แอบปรึกษาเรื่องนี้กับเมี่ยวชิงหยวนแล้วพวกเขามีความคิดเหมือนกันพวกเขาไม่สามารถบอกเรื่องที่พวกเขารู้ออกไปจนหมด พวกเขาต้องเก็บความลับบางส่วนเอาไว้ด้วยพวกเขาต้องรอราคาที่เหมาะสมหรือขายให้ได้ราคาที่สูงที่สุดพวกเขาไม่มีพรสวรรค์และพวกเขาก็ไม่ได้มีความรู้หรือความสามารถพิเศษอะไรทั้งหมดที่พวกเขาสามารถพึ่งพาได้ก็คือความลับของหุบเขาซึ่งมีอยู่อย่างจํากัดข้อมูลที่เปิดเผยออกไปล้วนหมายถึงการสูญเสีย
พวกเขายังมีความรู้เรื่องการรักษาอยู่บ้างเล็กน้อยในหุบเขาทุกคนล้วนมีความรู้ในเรื่องนี้ถึงเขาจะมีความสามารถนี้อยู่แต่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยคอนกรีตนั้นมันกลับไม่มีความสําคัญมาก
เท่าที่ควร เขาได้คิดถึงสถานการณ์ของตัวเองในเวลานี้ดูแล้วเขาจะรอดูว่าเรื่องราวจะไปในทิศทางไหนถ้าภายในหนึ่งหรือสองปีต่อจากนี้คนในหุบเขาไม่ได้มาตามหาเขาหรือเลิกคิดเรื่องการแก้แค้นเขาไปแล้วเขาก็จะหาทางเปิดร้านค้าเล็กๆขึ้นมาสักร้านหนึ่งและเรียนรู้เรื่องการรักษา
ไปด้วยถึงเขาจะไม่สามารถรักษาโรคร้ายแรงได้แต่เขาก็สามารถรักษาอาการป่วยเล็กๆน้อยๆอย่างปวดหัวและเป็นหวัดได้
คืนนั้น เดี่ยวชิงหยวนชวนเขาไปทานข้าวข้างนอกด้วยกัน
หลังจากดื่มเหล้าไปได้หลายแก้วพวกเขาก็เริ่มพูดมากขึ้น
“ความจริง ในใจของฉันหวังไว้ว่าเมี่ยวซีเหอจะตายและก็ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานด้วย”เดี่ยวชิงหยวนพูดเขาพูดด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
มีไม่กี่คนที่ยินดีจากบ้านเกิดมาทั้งที่รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถกลับไปได้อีกยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน
ที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกมา หลังจากที่หนีออกมาแล้ว พวกเขายังต้องหวาดวิตกและระแวดระวัง
อยู่นานนับปี ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่กาลเวลาไม่ สามารถลบล้างมันให้จางหายไปได้ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาก เท่านั้น เขามักจะตื่นขึ้นมากลางดึก นอนหลับไม่สนิท และในหัวก็เอาแต่คิดหลายเรื่องปนเปกันไป
หมด
“น่าเสียดาย ที่หาได้แค่คิดเท่านั้น!”
เมี่ยวเฉิงถางไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและดื่มจนหมด
“ฉันคงแก้แค้นด้วยตัวเองไม่ได้ และทําได้แค่ยืมมือคนนอกเท่านั้น”
“ยืมมือ? เดี่ยวเทียนชวนน่ะเหรอ? เขาทําไม่ได้หรอก” เดี่ยวชิงหยวนส่ายหน้า
“เขาเป็นอาชญากรและยังเป็นคนคลั่งที่ไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น” เมี่ยวชิงหยวนพูด “เขา สามารถทําเรื่องบ้าๆได้ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ทําอะไรเมี่ยวซีเหอไม่ได้อยู่ดี เขาคงไม่ทําแบบนั้นหรอก”
“แล้วนายมีความคิดดีดีบ้างไหม?”
“ความช่วยเหลือจากภายนอกก็อยู่ตรงหน้าของนายแล้วยังไงล่ะ”
“ตรงหน้าฉัน? นายหมายถึงเสวี่ยซินหยวนน่ะเหรอ?” เมี่ยวเฉิงถางถาม
“แค่เขาไม่พอหรอก” เมี่ยวชิงหยวนพูด “ฉันหมายถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหากล่ะ”
“เบื้องหลังเขา?”
จากนั้น เมี่ยวชิงหยวนก็บอกกับเมี่ยวเฉิงถางถึงสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเสวี่ยซินหยวน
ถึงเขาจะอยู่แต่ในหุบเขาและแทบไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกเลย แต่มันก็ไม่ได้หมายความ ว่า เขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย หลังจากที่ได้ฟังคําพูดจากปากเดี่ยวชิงหยวนแล้ว เขาก็เข้าใจได้ว่า
เบื้องหลังของเสวี่ยซินหยวนก็คือตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ที่มีอํานาจและอิทธิพลอย่างล้นเหลือ “แล้วเราจะเอาอํานาจของพวกเขามาใช้ได้ยังไง?”
“มีสองทางที่จะทําให้พวกเขาหันมาสนใจได้” เมี่ยวชิงหยวนพูด “หนึ่งคือต้องมีผลประโยชน์
และกําไรมากพอสําหรับพวกเขา อีกหนึ่งคือ ต้องเป็นเรื่องที่คุกคามพวกเขาอย่างร้ายแรง” “คุกคาม? เรื่องที่เกิดขึ้นในเขตเหอก็คุกคามอนาคตของเขามากพอแล้ว นั่นยังไม่ใหญ่พออีก เหรอ? ส่วนเรื่องของผลประโยชน์และกําไร เราจะเอาอะไรไปเสนอพวกเขาได้กันล่ะ?” “สําหรับเรื่องคุกคามอนาคตการงานของเขานั้น ตอนนี้ เรื่องเลวร้ายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเขตเหอ แค่ที่เดียวแล้ว” เดี่ยวชิงหยวนพูด “ที่เขตอู่ซานก็มีเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ใช่ไหม? มันเลยไม่ใช่ เรื่องของคนคนเดียวอีกต่อไป ตอนนี้ เขายังหนุ่มแน่น ผ่านไปอีกหลายปี คนก็อาจจะลืมเรื่องนี้ไป แล้วก็ได้ มันจึงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่คุกคามอนาคตของเขาอีกต่อไป”
“ถ้านั่นยังไม่ร้ายแรงพอ แล้วต้องเป็นแบบไหนล่ะถึงจะเรียกว่าร้ายแรง?” เมี่ยวเฉิงถางหน้า
เปลี่ยนสี
“ชีวิตของเขา!”
“ใช่ แบบนั้นแหละถึงจะร้ายแรงของจริง” เดี่ยวชิงหยวนพยักหน้า ในเวลาเดียวกัน หัวใจของ เขาก็เต้นระรัว
“แต่เขารู้เรื่องราวทุกอย่างเป็นอย่างดี ตอนนี้ ทุกคนต่างก็รู้กันแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของ เดี่ยวเทียนชวน ที่ต้องการสาดโคลนให้คนอื่น แล้วทีนี้จะมีใครที่เป็นภัยกับเขาได้อีก?” “เรื่องนี้ต้องจัดการและวางแผนให้รอบคอบ เดี่ยวชิงหยวนพูด
“ชิงหยวน นายมีลูกเมียแล้ว และคนในหุบเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับนายมาก” เมี่ยวเฉิงถาง พูด “พูดง่ายๆก็คือ นายไม่ได้มีความสําคัญในสายตาของเมี่ยวซีเหอเลย ไม่เหมือนกับฉัน เขา ต้องการกําจัดฉันให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในอนาคต นายสามารถมีชีวิตแบบนี้ต่อ ไปได้ คิดดูให้ดีดี ถ้านายคิดทําอะไรพวกเขาและถ้าเกิดพวกเขาจับได้ขึ้นมา นายคงรับความโกรธ นั้นไม่ไหวแน่”
“เฮ้อ ฉันทําใจยอมรับทั้งๆแบบนี้ไม่ได้จริงๆ!” เมี่ยวชิงหยวนพูด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้สงบอย่างที่เห็น
“ฉันว่า ตอนนี้นายก็มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว” เมี่ยวเฉิงถางพูด “จริงๆนะ นายอิจฉานายมาก” “การแก้แค้นคือการล้างแค้นแทนคนตาย แต่จะให้มันมากระทบคนเป็นไม่ได้เด็ดขาด” เขาพูด “นายต่างจากฉันและเมี่ยวเทียนชวน พวกเราไม่ได้มีครอบครัวและไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ เรา ไม่มีใครที่คอยอยู่ข้างหลัง เราสามารแก้แค้นโดยทุ่มสุดตัวและบ้าคลั่งได้เท่าที่ต้องการ แต่นายยัง ต้องคอยคิดถึงคนที่บ้านอยู่”
เขาไม่ใช่คนดีหรือคนที่น่าเชื่อถือ ถ้าเขามีโอกาส เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อ ฆ่าเมี่ยวซีเหอ และกําจัดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตอย่างถาวร แต่เมื่อไม่มีโอกาสนั้น ก็ยังมี โอกาสอื่นเข้ามา นั่นก็คือโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเอง และมีชีวิตอยู่ต่อไป เขา คิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดสําหรับตัวเอง แต่อยู่ๆเมี่ยวชิงหยวนก็ย้ําเตือนเรื่องนี้กับเขา ด้วยลักษณะนิสัย ของอีกฝ่าย มันแสดงให้เห็นว่า เขาคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว ในความคิดของเมี่ยวเฉิงถาง นี่คือ ความคิดที่แย่มาก มันเป็นความคิดที่อันตรายและอาจทําลายความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีของเขาลง ได้ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะชักจูงความคิดของอีกฝ่ายให้ไปอีกทาง จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นไม่ใช่ เพื่ออีกฝ่าย แต่เพื่อตัวเขาเองต่างหาก
นี่เป็นการวางแผนตลบหลังผู้มีพระคุณของตัวเอง
ถ้าพวกเขาท่าแบบนั้น ผลจะออกมาเป็นยังไง? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
ถ้าเขาคิดให้ดี เขาก็จะสามารถรู้ถึงผลลัพธ์ได้ไม่ยาก ยังไม่ต้องคิดถึงความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น เมื่อทําตามแผนการที่ว่านี้
“อืม ฉันดื่มเยอะเกินไป คิดซะว่าเป็นคําพูดของคนเมาก็แล้วกันนะ” เมี่ยวชิงหยวนพูด “ได้ นายต้องห้ามไปพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเสวี่ยซินหยวนเด็ดขาดเลยนะ” “ขนาดกับคนที่บ้าน ฉันก็ยังไม่เคยพูดเรื่องอดีตของฉันให้ฟังเลย” เมี่ยวชิงหยวนพูด
“มา ดื่ม” เมี่ยวเฉิงถางพูด
พวกเขายกแก้วขึ้นชนกัน ทั้งสองดื่มเหล้าในแก้วจนหมด
พวกเขาอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แปลกประหลาด หากคนหนึ่งเจริญรุ่งเรือง อีกคนก็มีแต่ความ
ก้าวหน้า หากอีกคนประสบภัย อีกคนก็จะตกอยู่ในอันตราย
พวกเขาต่างคนต่างก็มาจากหุบเขาเหมือนกัน ทั้งยังสนิทสนมกันมานานและยังมาอยู่ต่างถิ่น เหมือนกัน เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เรื่องก็สามารถไปกระทบถึงอีกคนได้เช่นเดียวกัน
หลังจากดื่มเหล้ากันแล้ว พวกเขาก็แยกกันกลับบ้านของตัวเอง
คนหนึ่งมีลูกเมียคอยอุ่นเตียง ส่วนอีกคนอยู่ในบ้านเช่าเพียงลําพัง
ในความเป็นจริง เมี่ยวเฉิงถางอิจฉาเมี่ยวชิงหยวน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีบ้านให้อยู่ บ้านคือที่
ยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งต่างจากเขาในตอนนี้ เขารู้สึกอยู่เสมอว่า ตัวเองเป็นเหมือนดอกหญ้าที่ลอยอยู่ ในอากาศ เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะลอยไปถึงไหนหรือที่ไหนที่เขาจะสามารถลงหลักปักฐานได้
ฉันควรจะพอใจได้แล้ว!
ถ้าเขาสามารถลงหลักปักฐานได้ที่ไหนสักที่ เขาก็คงจะพอใจมาก ส่วนเรื่องการแก้แค้น มันไม่
ได้สําคัญอีกต่อไป สิ่งสําคัญก็คือการได้อยู่กับครอบครัวของเขา
เขายังคงไม่พอใจกับชีวิตในตอนนี้ของตัวเอง
ชีวิตในหนึ่งวันของเขาก็ได้ผ่านพ้นไป
ในตอนเช้า รถสองคันได้ขับเข้ามาในหมู่บ้าน คันหนึ่งเป็นรถหรูที่พบเห็นได้ยาก คนที่มาที่หมู่บ้านก็คือพันเจียโหย่ว เขาพาแม่ของเขาเดินทางมาจากเจียงซู เพื่อมารักษากับหวังเย้า
เขาเปิดประตูและช่วยพยุงหญิงชราลงจากรถ จากนั้น เขาก็ให้เธอนั่งบนรถเข็นและเข็นรถเข็นเข้าไปในคลินิก
หญิงชราดูผอมแห้งและมีอายุ สีหน้าของเธอดูซีดเซียวและไร้สีสัน แววตาของเขาดูไร้ชีวิตชีวา
การไหลเวียนของฉีและโลหิตของเธอนั้นไม่ราบรื่น เห็นได้ชัดว่าเธอขาดพลังฉีในร่างกาย ปัญหาของหญิงชราอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของเธอ ขาทั้งสองข้างของเธอเย็นลงไปจนถึงเท้า ยิ่ง อายุเพิ่มมากขึ้น อาการป่วยก็ยิ่งแย่ลง หลายปีที่ผ่านมา พันเจียโหย่วได้พยายามรักษาแม่ของเขา มาโดยตลอด ทั้งรักษากับหมอที่มีชื่อเสียงและใช้จ่ายเงินไปเป็นจํานวนมาก แต่ผลที่ได้รับกลับไม่ชัดเจน
“หมอหวัง ผมต้องรบกวนด้วยนะครับ”
“ได้ครับ ไม่ต้องห่วง” ขาของหญิงชราผอมแห้งราวกับท่อนไม้ กล้ามเนื้อเล็กลีบ เธอไม่สามารถลงแรงที่ไปขาทั้ง สองข้างได้ เมื่อเธอไม่ขยับตัว มันก็ทําให้การไหลเวียนโลหิตและฉีแย่ลงไปด้วย ส่งผลให้สุขภาพ ร่างกายของเธอย่ําแย่ลง กลายเป็นวังวนที่เลวร้าย
“อาการป่วยของคุณแม่คุณสามารถรักษาได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ทันที” หวังเย้าพูด “การรักษานั้นสามารถแบ่งออกเป็นหลายขั้น ขั้นแรก เราจําเป็นต้องกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และฉี เพื่อให้สุขภาพของเธอดีขึ้น ขั้นที่สอง คือการฝังเข็มและกินยาเพื่อที่จะช่วยให้เธอสามารถ ลุกขึ้นเดินได้ ขั้นที่สาม คือการปรับสภาพร่างกายของเธอทั้งหมดให้เหมาะสมกับสุขภาพในช่วง วัยของเธอ คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“ตกลงครับ ผมไม่มีปัญหา” พันเจียโหย่วพูด
“ดีครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไร คุณแม่ของคุณคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับการรักษาเป็น เวลาสามวัน หลังจากผ่านไปสามวันแล้ว ผมมีเรื่องที่ต้องไปจัดการที่ปักกิ่ง ผมคงไม่สามารถ รักษาคุณแม่ของคุณต่อได้ แต่ผมจะจ่ายยาให้ คุณสามารถนํากลับไปกินที่บ้าน หลังจากผ่านช่วง
ปีใหม่ไปแล้ว คุณค่อยพาเธอกลับมารักษาต่อนะครับ”
“ตกลงครับ”
“งั้นก็มาเริ่มกันเลยครับ”
อันดับแรก มีเรื่องที่หวังเย้าจําเป็นต้องอธิบายให้พันเจียโหย่วเข้าใจไว้ก่อน นั่นก็คือสมุนไพร วิเศษที่ใช้ในการรักษาแม่ของอีกฝ่าย สมุนไพรเหล่านั้นมีราคาแพง ดังนั้น เขาจึงต้องบอกอีกฝ่าย ให้ชัดเจน ทางตระกูลพันแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ตราบใดที่สามารถรักษาโรคของหญิงชราได้
พวกเขาก็ยินดีจ่ายไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม
เขาให้หญิงชราดื่มซุปเป่ยหยวน ส่วนยาตัวอื่น เขาก็ได้เตรียมเอาไว้แล้ว