Elixir Supplier - ตอนที่ 961 เดินทางพ้นเพื่อพบหมอ
961 เดินทางพ้นเพื่อพบหมอ
พอนอนดูทีวีได้สักพักอยู่ๆเขาก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาคล้ายกับมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในตัวเขาที่แย่ไปกว่านั้นมันยังรู้สึกคันราวกับมีอะไรขีดข่วนอยู่ด้านใน
แค่ก!แค่ก!เขาไออีกครั้ง
มุ้ย เขาไอเอาเสมหะออกมา
มันมีเลือดปนอยู่ในนั้น
นี่มันบ้าอะไรกัน?
เขาจ้องมองเสมหะที่มีเลือดปนอยู่ด้วยท่าทางเหม่อลอย แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้น
มา ความรู้สึกกระสับกระส่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆราวกับวัชพืชที่แพร่ขยายพันธุ์จนควบคุมไม่ได้
ความรู้สึกนั้นมาอีกครั้งแล้ว
แค่ก!แค่ก!แค่ก! เขาไออีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไอออกมาเป็นเลือดที่ดูเหนียวหนืด ดูเหมือนมีบางอย่างดิ้นขยุกขยิกอยู่ในนั้นด้วย
เขาคิดว่า สายตาของเขาคงไม่ดี
เขานั่งลงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา แล้วตัวเขาก็แข็งทื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือด
มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เป็นไปได้ยังไง?
เขาเริ่มตัวสั่น
เขาเห็นแมลงอยู่ภายในเลือดที่เหนียวหนืดและน่าขยะแขยงนั้น พวกมันตัวเล็กราวกับเส้นด้าย
มันเป็นแมลงจากหุบเขา พวกเขามาที่นี่ พวกเขาเจอฉันแล้ว!
เมี่ยวเฉิงถางทรุดลงไปที่พื้น เขาร่ําไห้ออกมาและใช้สองมือกุมหัวเอาไว้
เขาไร้หนทางและตื่นตระหนก เขาคิดไม่ออกว่าควรทํายังไง
“หาไม? ทําไม?”
“ฉันหนีมาไกลขนาดนี้แล้ว ทําไมพวกเขาถึงไม่ปล่อยฉันไป? ทําไม?” เขาเริ่มกรีดร้องออกมาเขาทั้งตื่นตระหนกขุ่นเคืองและสิ้นหวัง”
ทําไม? ทําไม?
สีหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกแกอยากให้ฉันตาย ถ้าอย่างนั้นฉันจะทําให้พวกแกต้องชดใช!
การถูกคุกคามถึงชีวิตที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทําให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายหนึ่งในก็คืออาการบ้าคลั่ง,โวยวาย,และควบคุมตัวเองไม่ได้มันมักจะจบลงด้วยการที่พวกเขาทําร้ายตัวเองและคนรอบข้างอีกแบบก็คือกลายเป็นคนดื้อใบ้พวกเขาหวาดกลัวจนสมองหยุดสั่งการและยังมีอีกแบบก็คือการที่สามารถสงบใจลงได้หลังจากที่ถูกคุกคามเมื่อใจสงบพวกเขาก็สามารถหาอะไรได้หลายอย่างอย่างที่คาดไม่ถึง
หลังจากที่เขาร้องไห้คร่ำครวญและกรีดร้องได้สักพักเมี่ยวเฉิงถางก็เริ่มสงบลงมันเป็นเรื่องยากมากที่เขาสามารถนิ่งได้ขนาดนี้
ฉันต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน!
เขาหยิบมือถือขึ้นมาและกดโทรหาเมี่ยวชิงหยวนที่อยู่ในเทียนจินเหมือนกันกับเขา
“อะไรนะ? พวกเขาอยู่ที่เทียนจินอย่างนั้นเหรอ!?” เมี่ยวชิงหยวนตกใจ ใบหน้าของเขาซีด เผือดและหวาดกลัว เขารู้ดีว่า คนจากหุบเขาโหดเหี้ยมมากแค่ไหน
“ใจเย็นไว้ พวกเขามาที่นี่เพราะฉัน”เมี่ยวเฉิงถางพูด“ฉันไม่ดึงนายเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”
“ฉะ-ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“ฉันถูกใช้กู่”เมี่ยวเฉิงถางพูดอย่างใจเย็น“ฉันส่งรูปไปให้นายแล้ว ลองดูว่านายเคยเห็นมาก่อนรึเปล่า”แล้วเขาก็เล่าความรู้สึกของเขาให้เมี้ยวชิงหยวนฟังถึงเขาจะไม่มีความหวังมากนักแต่เขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายพอจะหาหนทางรักษาได้ไหม
เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในหุบเขา เดี่ยวชิงหยวนได้ทํางานอยู่แต่กับสมุนไพรมากกว่าอย่างอื่นไม่ใช่
ว่า พวกเขาที่อยู่ในหุบเขาจะสามารถเรียนอะไรก็ได้ที่อยากเรียน มันมีเรื่องของพรสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้องรวมไปถึงความยินยอมจากครูผู้สอนด้วยเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือมันจําเป็นต้องมีเส้นสายเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่โลกภายนอกเท่านั้นแต่ยังรวมถึงในหุบเขาที่พวกเขาอยู่เช่นกัน ถึงแม้ทุกคนในหุบเขาจะใช้แซ่เมี่ยวเหมือนกันแต่ก็มีคนที่ใกล้ชิดและห่างเหินหากไม่มีครูสอนพรสวรรค์ที่มีก็เท่ากับสูญเปล่าที่เมี่ยวซีเหอสามารถมาถึงจุดที่เขาอยู่ในเวลานี้ได้ก็เป็นเพราะพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและการที่เขาได้เรียนรู้กับอดีตผู้นําโดยตรง
“อืม ฉันว่า นายคงรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”เมี่ยวชิงหยวนฟังคําอธิบายจากเขาและเปิดดูรูปที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“อืม ฉันรู้”
“แต่เอ่อนายน่าจะลองถามเสวี่ยซินหยวนดูนะเขามีเส้นสายอยู่เยอะเขาอาจจะช่วยได้ก็ได้“เส้นสายที่เขามีสามารถรักษากู่ได้ด้วยเหรอ?”เมี่ยวเฉิงถางถาม
“มันก็ไม่เสียหายที่จะลองนี่”
“ก็ได้ ฉันรู้ว่าต้องทํายังไง ขอบใจนะ”
เดี่ยวชิงหยวนวางสาย เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้อง
ภรรยาของเขามองไปที่เขาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เมี่ยวชิงหยวนมองไปที่ภรรยาของเขา หน้าตาของเธอดูธรรมดา แต่เธอเป็นคนอ่อนโยนตอนที่แต่งงานกันเขาไม่มีอะไรเลยเขาไม่มีแม้แต่ที่ที่สามารถเรียกว่าบ้านได้เขาหลบหนีออกมาจาก หุบเขาราวกับหนูตัวหนึ่งทั้งที่เขาอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังยินดีที่จะแต่งงานกับเขาและไม่เคยบ่นเลยสักครั้งเธอฝ่าฝันความยากลําบากไปพร้อมกับผู้เป็นสามีและตลอดหลาย
ปีที่ผ่านมาก็มีแต่ความขมขื่นมากกว่าความหอมหวาน พวกเขามีลูกสาวและลูกชายที่น่ารักอย่างละหนึ่งคนเขารู้สึกว่าเขามองเห็นความหวังในชีวิตเขาไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้อยู่กับ ครอบครัวอย่างมีความสุขสถานการณ์ของพวกเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วพวกเขาก็ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่เทียนจินเขายังคงมีความเกลียดชังฝังลึกอยู่ภายในจิตใจแต่เขาก็ให้ค่ากับชีวิตในเวลานี้ ของเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
“ไม่มีอะไร พอดีเพื่อนคนหนึ่งไม่สบายน่ะ” เคี่ยวชิงหยวนตอบ
“เพื่อนที่เทียนจินเหรอ?” ภรรยาของเขาถาม
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูเขาสักหน่อยสิ”
“ก็ได้ ฉันจะไปดูเขารอฉันอยู่ที่บ้านกับเด็กๆนะ”เมี่ยวชิงหยวนตัดสินใจมันเป็นการตัดสินใจที่มาพร้อมกับความเสี่ยงถึงชีวิต
“เดินระวังๆด้วยล่ะ”
เมี่ยวชิงหยวนนํายาไปด้วยและเดินออกไปข้างนอก เขาเรียกแท็กซี่และมุ่งหน้าไปที่พักของเดี่ยวเฉิงถาง
แค่ก! แค่ก! เมี่ยวเฉิงถางไออย่างต่อเนื่องเขาไอออกมาเป็นเลือดไม่หยุด
เขาอยู่ในสภาพที่แย่มาก
ปัง!ปัง!ปัง! มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครน่ะ?”
“ฉันเอง”
“ชิงหยวน? นายมาทําอะไรที่นี่?”เขาประหลาดใจที่เห็นว่าเป็นเดี่ยวชิงหยวน “ฉันเอายามาให้ถึงฉันไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์รึเปล่าก็เถอะ”เมี่ยวชิงหยวนพูด
“รอก่อน อย่าเข้ามา” เมี่ยวเฉิงถางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
มิตรภาพสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ในยามยากเขาไม่เคยคิดเลยว่า เดี่ยวชิงหยวนจะเสี่ยงมาพบเขาถึงที่นี่ทั้งที่คนใช้คู่กับเขาอาจจะยังไม่ไปไหนพวกเขาอาจจะยังอยู่แถวนี้และคอยจับตาดูเขาอยู่ก็ได้ถ้าเมี่ยวชิงหยวนโผล่ออกมาแบบนี้มันอาจทําให้คนที่จับตามองเขาอยู่เห็นเดี่ยวชิงหยวนได้แล้วเขายังถูกใช้กู่เป็นไปได้ว่ามันอาจจะทําให้อีกฝ่ายถูกกู่ไปด้วยแต่เมี่ยวชิงหยวนก็ยังเลือกที่จะมาหาเขาในเวลานี้
“นายกลับไปเถอะ! รีบกลับไปซะ!” เมี้ยวเฉิงถางไอ
“แต่ว่า…”
“ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง แต่ฉันกลัวว่านายจะติดไปด้วย”เมี่ยวเฉิงถางพูดออกไปตามตรง“นายยังมีเมียกับลูกอยู่แล้วนายก็รู้ดีว่าคนพวกนั้นทําอะไรได้บ้างแค่รู้ว่านายเป็นห่วงฉันก็มากพอแล้ว”
“ฉันจะรับยาที่นายเอามาให้ แต่นายก็ต้องรีบกลับไปซะ”
“อย่าลืมโทรหาเสวี่ยซินหยวนล่ะ”เมี่ยวชิงหยวนพูด“เขาอาจจะช่วยได้นายก็รู้ว่าตระกูลถั่วมีความสามารถมากแค่ไหน”
“อืม ได้ ฉันจะลองโทรหาเขาดูจ๋าเอาไว้ล่ะอย่าเพิ่งรีบตรงกลับไปที่บ้านนายต้องเดินวนไปรอบๆก่อนฉันกลัวว่าคนจากหุบเขาจะยังคอยจับตาดูฉันอยู่ถ้าพวกมันรู้ว่านายเป็นใครนายจะซวยเอา”
หลังจากไล่เมี่ยวชิงหยวนกลับไปแล้วเมี้ยวเฉิงถางก็โทรไปหาเสวี่ยซินหยวน
“อะไรนะ? พิษเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงว่าเป็นพิษหรอกครับแต่เป็นแมลงจากกู่คนจากหุบเขาใช้คู่กับผม”
“นายมาอยู่ไกลถึงที่นี่แล้วพวกเขาตามหานายเจอได้ยังไงกัน?รอฉันก่อนนะ”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เสวี่ยซินหยวนก็ไปถึงที่พักของเมี่ยวเฉิงถาง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในเทียนจินพอดี
“ไปที่นี่โดยเร็วที่สุด”เขาเอาที่อยู่ของหวังเย้าให้กับเมี่ยวเฉิงถาง
“เขาสามารถช่วยเรื่องกู่ได้”
“อะไรนะ?” เมี่ยวเฉิงถางตกตะลึง“คุณกําลังจะบอกว่าผู้ชายคนนี้รู้วิธีรักษากู่อย่างนั้นเหรอครับ?”
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันจะบอก เชื่อฉัน”
“ได้ครับ ผมจะไปที่นั่นทันที” ขอแค่มีความหวังเขาก็พอใจแล้ว
“รอเดี๋ยวนะ”เสวี่ยซินหยวนพูด“ฉันจะให้คนพานายไปที่นั่นเอง” เขาประทับใจในความสามารถของหวังเย้ามากครั้งก่อนที่เขาเข้าไปในหุบเขาพันโอสถแล้ว
ถูกพิษถ้าไม่ใช่เพราะหวังเย้าเขาก็คงตายและถูกดินฝังกลบหน้าไปแล้ว
รถออกเดินทางจากเทียนจินและมุ่งหน้าไปจังหวัดฉีพวกเขาเดินทางมากกว่า 1,000 ไมล์เพื่อไปหาหวังเย้ายิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังเป็นฤดูการท่องเที่ยวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รถจะติดมากเป็นพิเศษ
เมี่ยวเฉิงถางไอตลอดเวลาที่อยู่ในรถเขาใช้ถุงใส่เลือดหมดไปหลายใบเขาไอออกมาเป็นเลือด อาการของเขาย่ำแย่มาก
“อดทนเอาไว้ครับ คุณเมี่ยว” เสียงไอและบรรยากาศที่กดดันทําให้คนขับรถรู้สึกหวาดกลัวเขากลัวว่าชายที่นั่งอยู่เบาะหลังจะเสียชีวิตภายในรถของเขาและแบบนั้นคงจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา
“อืม ไม่ต้องรีบก็ได้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า”เมี่ยวเฉิงถางพูดแล้วยัดบางอย่างที่ดูคล้ายต้นกล้ามันฝรั่งใส่เข้าไปในปากเขาค่อยๆเคี้ยวมันเป็นสมุนไพรที่เมี่ยวชิงหยวนเอามาให้เขาตอนอยู่ที่เทียนจินเขารู้จักสมุนไพรตัวนี้เพราะมันมีให้เห็นอยู่ทั่วไปในหุบเขามันสามารถช่วยยับยั้งพิษของแมลงได้หลายชนิด
พวกเขาไปถึงเหลียนชานตอนเที่ยงคืนจากนั้นพวกเขาก็หาโรงแรมและเข้าพักในคืนนั้น
เมี่ยวเฉิงถางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเขาไออย่างต่อเนื่องและรู้สึกแน่นที่หน้าอกภายในร่างกายของเขารู้สึกเจ็บปวดราวกับมีบางอย่างกําลังกัดกินและพยายามออกมาจากตัวเขามันทําให้เขาเจ็บปวดทรมานอย่างมาก
เขาพลิกตัวกลับไปกลับมาและนอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าวันต่อมาใบหน้าของเขาซีดเซียวเขามีอาการเซื่องซึม
เมื่อเห็นสภาพที่ย่ำแย่ของเขา คนขับก็รีบเข้าไปช่วยพยุงและถามว่า“คุณเมี่ยวเป็นอะไรไหมครับ?”
“ไม่ต้องช่วยหรอกฉันเดินเองได้”เมี่ยวเฉิงถางพูดเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการขึ้นนั่งบนรถจากนั้นเขาก็เอาที่อยู่ที่ได้มาให้กับคนขับรถเคลื่อนตัวออกไปและใช้เวลาไม่นานก็มา
ถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
ดวงตาของเขาบวมเป่งจนมองเห็นภาพทุกอย่างพล่ามัวไปหมด “ทําไมคนที่สามารถรักษากู่
ได้ถึงมาอยู่ในที่แบบนี้กัน?”เขามองดูหมู่บ้านที่ดูแห้งแล้งและพูดพึมพํากับตัวเองมันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางภาคเหนือต่างจากบ้านเกิดของเขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปีมีเพียงต้นสนที่ยังคงเขียวอยู่ส่วนอย่างอื่นล้วนแห้งเหี่ยว
“เรามาถึงแล้วครับ”
รถจอดอยู่ที่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านเขาเห็นบ้านกําแพงสีขาวและหลังคาสีดํา
“เป็นที่นี่สินะ หวังว่าเขาจะอยู่”
เขาเคาะประตูคลินิก แล้วเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น“เข้ามาได้เลยครับ”
“หืม?” เมี่ยวเฉิงถางตกใจเล็กน้อยเขาผลักประตูและเดินเข้าไปในคลินิก
หวังเย้ากําลังทําความสะอาดคลินิกอยู่คลินิกนั้นสะอาดอยู่แล้ว เขาเพียงต้องทําความสะอาดแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“สวัสดีครับ หมอหวัง
“สวัสดีครับ” หวังเย้าหันไปมองเขา
“หืม?” หวังเย้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพของเขา
“คุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่” เมี่ยวเฉิงถางส่ายหน้า“ผมมาจากเทียนจิน” “เทียนจิน?คนจากเทียนจินใช้กู่เป็นด้วยเหรอ?”หวังเย้าถาม