Elixir Supplier - ตอนที่ 970 เหลือแค่หนึ่ง
970 เหลือแค่หนึ่ง
“ได้ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”เมี่ยวชิงเฟิงพูด
“น่าสนใจจริงๆใครกันที่สามารถจัดการกับกู่จากหุบเขาของเราได้?”
นอกจากคนในหุบเขากับหวูซานที่เขาเรียกว่าอาจารย์อาก็ไม่มีใครที่มีความสามารถมากพอที่เขาคิดออกแล้วมันเป็นกู่ที่จัดการได้ยากมากมีเพียงคนที่เจอกับตัวเท่านั้นถึงจะเข้าใจความร้ายกาจและความยากในการรักษากู่
“จะเป็นใครไปได้นะ?”เขากระตือรือร้นที่จะหาให้ได้ว่าเป็นใคร หรือพูดให้ชัดคือเขาต้องการท่าความรู้จักคนที่มีความสามารถแบบนี้
ไมล์
เขาสั่งให้คนเดินทางไปเทียนจินและคอยจับตาดูเพื่อนเก่าของเขาที่อยู่ห่างไกลไปหลายพันเมี่ยวเฉิงถางที่อยู่ในเทียนจินได้ขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางขึ้นเหนือเขาไปถึงเขตเหลียนชานในคืนวันนั้นและเข้าพักที่โรงแรมเขาเดินทางไปหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่เขาไปถึงในตอนที่คลินิกยังไม่เปิดทําการ เขาจึงยืนรออยู่ด้านนอกเพียงลําพัง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนสามคนเดินลงมาจากเขาคนทั้งสามก็คือลูกศิษย์ของหวังเย้าจงหลิวชวนเจี๋ยจื้อจายและหูเหมยพวกเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกบนเนินเขาตงชานหม?
เจี๋ยจื้อจายประหลาดใจที่คนกําลังยืนรออยู่ที่ด้านนอกคลินิก
“ปีใหม่จีนเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานก็มีคนมาที่คลินิกแล้วเหรอเนี่ย”
“เขาอาจจะเป็นหนึ่งในคนไข้ของเชียนเชิงก็ได้”หูเหมยพูดทั้งสามที่กําลังพูดคุยกันอยู่ก็เดินเข้าไปหาเมี่ยวเฉิงถาง
“คุณมาหาหมอที่คลินิกนี้เหรอ?”
“ใช่” เมี่ยวเฉิงถางรีบพยักหน้า
“รออีกสักหน่อยนะ เดี๋ยวเชียนเชิงก็มาแล้วล่ะ”
“ได้ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร”
หลังจากที่พวกเขาเดินจากไปแล้วเมี่ยวเฉิงถางก็รอต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ก่อนจะเห็น
หวังเย้าเดินลงมาจากภูเขาทางทิศเหนือและตรงมาที่คลินิกพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาดีมากคนหนึ่ง
หวังเย้ากําลังคิดที่จะไม่รับคนไข่ในช่วงสองสามวันนี้เพื่อที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับซูเสี่ยวซ อย่างเต็มที่แต่เธอกลับบอกให้เขาเปิดคลินิกเธอกังวลว่าอาจจะมีคนไข้ที่เดินทางมาไกลเพื่อมารักษาที่คลินิกก็ได้เธอไม่ต้องการให้พวกเขาพลาดการรักษาเพราะเธอเป็นต้นเหตุทําให้พวกเขา
ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่นี่โดยที่ไม่ได้อะไรกลับไปเลย
เพราะแบบนั้น หวังเข้าจึงเลือกเดินทางสายกลางและเปิดทําการคลินิกในเช้าของวันต่อมา“ความจริงช่วงเวลาแบบนี้ไม่ค่อยมีคนมาหมอกันหรอก”หวังเย้าพูด“ทุกคนคงจะยังยุ่งอยู่กับการเยี่ยมเพื่อนและครอบครัวอยู่”
เขาพูดในขณะที่กําลังเดินไปที่คลินิกแล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเมี่ยวเฉิงถางยืนอยู่ที่ด้านนอกคลินิกพร้อมกับของขวัญในมือ
ผู้ชายคนนั้นเมื่อเห็นหวังเย้าก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน
“เห็นไหมคะ!มีคนมาหาหมอจริงๆด้วย?”
“คุณนี่เอง”
“สวัสดีปีใหม่ครับ หมอหวัง”
“สวัสดีปีใหม่ครับ”
“เอ่อผมมาที่นี่เพื่อขอบคุณและขอโทษหมอครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูด“ผมขอโทษที่ก่อนหน้านั้นท่าตัวเสียมารยาทและหุนหันพลันแล่นเกินไป”
เขามาที่นี่เพื่อขอโทษหวังเย้าโดยเฉพาะแล้วหวังเย้ายังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้เขาจึงต้องการขอบคุณอีกฝ่ายด้วยถึงราคายาจะแพงเกินไปแต่ถ้าให้เขาเลือกอีกครั้งเขาก็ยินดีที่จะจ่ายเงินโดยไม่ลังเลเงินนั้นเทียบไม่ได้กับชีวิตของเขายิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้มาว่า หวูซานหรือที่ เรียกกันว่าราชายาที่เคยเล่าเรียนอยู่ในหุบเขามาก่อนนั้น เรื่องมากในการเลือกรักษาคนไข้มากหากไปรักษากับหวูซานนอกจากเรื่องเงินแล้วก็ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยถึงแม้จะมีเงินทองมากกองตรงหน้าอีกฝ่ายก็อาจปฏิเสธที่จะไม่รักษาได้ตรงกันข้าม ความต้องการของหวังเย้านั้นสามารถยอมรับได้ง่ายกว่ามาก
ก่อนเทศกาลตรุษจีน สมองของเขาทํางานไม่ค่อยปกตินัก ทําให้เขาไม่อยู่กับร่องกับรอยและพูดคําพูดเหล่านั้นออกไปหลังจากนั้น เขาก็มารู้สึกเสียใจทีหลังโดยเฉพาะตอนที่เขาคิดถึงความร้ายกาจของคนในหุบเขาถ้าหากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังเย้าเขาก็ไม่จําเป็นต้องกลัวว่าคน
จากหุบเขาจะใช้กู่หรือวางยาพิษเขาอีกต่อไปเขาเพียงแค่ต้องมาให้หวังเข้ารักษาเขาเหมือนเดิม
เท่านั้นปัญหาที่เขากังวลมากที่สุดไม่เพียงแต่จะทําให้เขาสบายใจขึ้นแต่มันยังสามารถแก้ได้อย่างหมดจดด้วยเพราะแบบนั้นเขาจึงเดินทางมาหาหวังเย้าหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเทศกาลไป
แล้ว เขาเดินทางมาไกลหลายพันไมล์เพียงเพื่อมาขอโทษด้วยตัวเองและแสดงความจริงใจให้อีกฝ่ายได้เห็น
“หา?” หวังเย้าตกใจเล็กน้อยเขาไม่คิดเลยว่าเขาจะมาขอโทษด้วยตัวเองแบบนี้นี่เป็นเรื่องที่ทําให้เขาประหลาดใจมาก
“เข้ามาก่อนสิครับ”
หวังเย้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกําลังคิดอะไรอยู่แต่อีกฝ่ายถึงขนาดเดินทางไกลหลายพันไมล์เพียง
เพื่อมาขอโทษเขามันคงจะเป็นการเสียมารยาทหากปล่อยให้แขกยืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่แบบนี้
หลังจากที่เข้ามาในคลินิกแล้วเขาก็นั่งลง
“ช่วยรับค่าขอโทษจากผมด้วยครับ”เมี่ยวเฉิงถางพูดพร้อมกับวางของขวัญลงบนโต๊ะ“ไม่จําเป็นต้องให้ของขวัญหรอกครับ”หวังเย้าโบกมือปฏิเสธด้วยนิสัยของเขาแล้วเขาจะไม่รับของขวัญจากคนที่เขาไม่คุ้นเคย “แต่เอ่อ…” เมี่ยวเฉิงถางทําตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินแบบนั้น
เขาเริ่มพูดอ้อมค้อมไปมาและหาเรื่องอะไรมาพูดเขาไม่คุ้นเคยกับนิสัยและพื้นหลังของหวังเย้าทําให้เขาไม่รู้ว่าควรหาเรื่องอะไรมาพูดกับอีกฝ่ายเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องอยู่ต่ออีก หลังจากอยู่ไปได้แค่ไม่กี่นาทีเขาก็ลุกขึ้นและเตรียมตัวกลับ
“เอาของขวัญกลับไปด้วยครับ”หวังเย้าพูด
“แบบนั้นคงไม่เหมาะ” เมี่ยวเฉิงถางพูด
หลังจากยื้อกันไปมาได้สักพักสุดท้ายหวังเย้าก็ยอมรับของขวัญจากเขาแต่หวังเย้าก็เอาชาให้เดี่ยวเฉิงถางไปด้วยหนึ่งกระปุกเพื่อไม่ให้ใครต้องเสียเปรียบ
เขาไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนจากหุบเขาพันโอสถมากนัก
“เอ่อ…”
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
เมี่ยวเฉิงถางกลับไปด้วยความผิดหวังเขารู้ได้จากท่าทีของหวังเย้าที่แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ชื่นชอบเขามากนัก
“ดูเหมือนว่า เชียนเชิงจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่นะคะ”
“บอกตามตรง ผมแค่ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนที่มาจากที่ที่เขาจากมาเท่าไหร่นัก”หวังเย่าตอบ
“เขามาจากที่ไหนเหรอคะ?”
“มานั่งสิ ผมจะเล่าให้ฟัง”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาชงชารสอ่อนและบอกเล่าเรื่องราวที่เขารู้เกี่ยวกับหุบเขาพันโอสถให้ซูเสี่ยวซวีฟังเขาบอก
เธอทุกอย่างโดยไม่เก็บซ่อนอะไรเอาไว้และเขาก็ไม่จําเป็นต้องปิดบังเธอด้วย
“ยาวิเศษ? ไม่แก่ไม่ตาย?”ซูเสี่ยวซวีประหลาดเมื่อได้ฟังสิ่งที่หวังเย้าพูดมา
“ประหลาดใจใช่รึเปล่า?”
“ค่ะ มีคนคิดเรื่องพวกนี้อยู่จริงๆเหรอคะ?”
“ใช่ แล้วพวกเขาไม่ใช่แค่คิด” หวังเย้าพูด“แต่พวกเขายังลงมือทําจริงๆด้วย
“แล้วสําเร็จไหมคะ?
“สําเร็จเหรอ? แล้วเธอคิดว่ามันเป็นไปได้รึเปล่าล่ะ?”หวังเย้าถามกลับ
ตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลายคนที่เสาะแสวงหาหนทางยืดอายุขัยของตัวเองเขาก็อยากรู้เช่นกันว่ามีใครที่ทําสําเร็จบ้าง
“มาดื่มชาดีกว่า”
“ขอบคุณค่ะ”
ใบชานั้นเก็บมาจากเนินเขาหนานชานหวังเข้าให้คนช่วยผัดใบชาให้และเขาก็ยังพยายามทําด้วยตัวเองเหมือนกัน รสชาติของชานั้นมีความพิเศษของมันอยู่ใบชายังมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์
ในเทียนจินที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
คนจากหุบเขาพันโอสถพบว่าเมี่ยวเฉิงถางที่พวกเขากําลังติดตามอยู่ได้หายตัวไป
หรือเขาจะหนีไปแล้ว?เขาคิดที่จะไปถามกับเจ้าของห้องพักแต่เขาก็กลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยร่องรอยของตัวเอง
รอต่อไปอีกสักพักก็แล้วกันเขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่เดิมไปก่อน
จุดที่เขาเลือกนั้นอยู่ใกล้กับบ้านพักของเมี่ยวเฉิงถาง
“อะไรนะ? ไม่อยู่แถวนั้นแล้ว?”
“ใช่ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาหนีไปที่อื่นหรือเปล่าให้ฉันอยู่คอยที่นี่อีกสักสองวันดีไหม?”
“ก็ดี”
เมี่ยวเฉิงถางขึ้นรถไฟเดินทางกลับไปเทียนจิน
การเดินทางมาในครั้งนี้ไม่เป็นที่พอใจสําหรับเขานักเขาต้องการได้รับความเห็นใจจากหวัง
เย้า มันจะดีที่สุดหากเขาสามารถลบล้างความประทับอันเลวร้ายที่มีต่อเขาออกไปจากใจของหวังเย้าได้แต่หวังเย้ากลับแสดงท่าทีเย็นชาและดูเหมือนไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเขามากนัก
หรือเขาจะรู้เรื่องทีเกิดขึ้นในหุบเขา?เขายังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่นั่งอยู่บนรถไฟ
มันไม่น่าจะเป็นไปได้เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลของทางเหนือ มันอยู่ห่างจากยูนนานใต้ไปไกลมากยิ่งไปกว่านั้นคนจากที่นั่นก็คงจะไม่มีใครที่เดินทางมาถึงที่นี่หรือที่เขาท่าแบบนั้นเป็นเพราะท่าทีของฉันในตอนนั้น? ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ต้องเป็นคนที่
ใจแคบมาก
เขาคิดไปไม่รู้จบและความคิดในหัวของเขาก็วุ่นวายไปหมด
เขากลับไปถึงเทียนจินในคืนวันนั้นแล้วเขาก็กลับไปที่บ้านพักทันที
ค่ําคืนผ่านพ้นไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมี่ยวเฉิงถางตื่นขึ้นมาแต่เช้าเขาหาอะไรทานและล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็ออกไปเดินรอบๆ
เพื่อยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยที่ทํางานบอกให้เขาเริ่มงานในวันที่แปดหลังจากปีใหม่เขาจึงยังเหลือเวลาอีกสองวัน
ในตอนที่เขากําลังเดินอยู่นั้นเขาไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนกําลังตามเขาอยู่
บนเนินเขาหนานชานที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างออกไปหลายพันไมล์
“นี่คืออะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีชี้ไปที่ต้นกล้าที่สูงไม่ถึงหนึ่งฟุตในแปลงสมุนไพร มันมีใบสีม่วงแซมด้วยขนสีเงินมันดูงดงามมาก และเป็นต้นไม่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“มันชื่อว่า ต้นคัง” หวังเย้าตอบ
สมุนไพรที่ซูเสี่ยวซวีชี้เป็นสมุนไพรวิเศษระดับสูงที่ล้ำค่ามากที่สุดในแปลงสมุนไพรนี้หลังจากที่กินเข้าไปแล้วต้นคังนี้จะช่วยให้มีอายุยืนขึ้น
“ต้นคัง?” ซูเสี่ยวซวีถาม “มันเป็นสมุนไพรเหมือนกันเหรอคะ?”
“ใช่ แล้วยังเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่ามากด้วย”หวังเย้าพูด“มันน่าจะเป็นเพียงต้นเดียวที่มีอยู่บนโลกนี้”
“เหลือแค่ต้นเดียวในโลก!”