Elixir Supplier - ตอนที่ 973 อย่ามาที่นี่อีก
973 อย่ามาที่นี่อีก
“มาหาหมอสินะ?”เจี๋ยจื้อจายแตะคางและมองไปทางเมี่ยวเจิ้งเหนาน “แล้วนายล่ะ?”
“ฉันเหรอ ฉันมาเยี่ยมคนป่วยน่ะ”เมี่ยวเจิ้งหนานยกยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นเหรอ?”เจี๋ยจื้อจายมองเขาอย่างระแวดระวัง
“ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว อย่าคิดที่จะมาสร้างปัญหาที่นี่”น้ำเสียงของเขาดูไร้อารมณ์ แต่สีหน้า
ของเมี่ยวเจิ้งหนานกลับเปลี่ยนไปในทันที
เที่ยวเจิ้งหนานสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา และยังรับรู้ถึงพลังงานรอบตัวที่ไม่ปกติ
ของอีกฝ่าย
ที่สําคัญไปกว่านั้น ชายคนนี้อันตรายมาก
“ฮาฮา” เดี่ยวเจิ้งหนานหัวเราะ
“ที่นายหัวเราะแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” เจี๋ยจื้อจายยิ้มถาม เมี่ยวเจิ้งหนานยกยิ้มและมองเจี๋ยจื้อจายตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไป ไป อย่ามาขวางทางถนนอยู่แบบนี้” เจี๋ยจื้อจายเคลื่อนตัวเข้าไปคว้าแขนเมี่ยวเจิ้งหนาน เพื่อลากอีกฝ่ายไปที่ริมทาง
“อย่าจับเขา!” เมี่ยวเฉิงถางที่อยู่ไม่ไกลรีบตะโกนออกมา คําเตือนของเขานั้นช้าเกินไป เจี๋ยจื้อ จายจับตัวเดี่ยวเจิ้งหนานไปแล้ว การกระทําของเขานั้นรวดเร็วเกินไป
เมี่ยวเจิ้งหนานถูกอีกฝ่ายลากจนตัวเซ
“ดี ดีมาก” เมี่ยวเจิ้งหนานไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เขาเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากให้กับชายที่ลากเขาอยู่
เท่านั้น
ในสายตาของเขา เจี๋ยจื้อจายคือคนที่ตายไปแล้ว
“ทั่วทั้งตัวเขามีแต่พิษทั้งนั้น!” เมี่ยวเฉิงถางตะโกน
“พิษ? พิษแบบไหนเหรอ?” เจี๋ยจื้อจายถาม เขาประหลาดใจที่ได้รู้เรื่องนี้
“หรือจะเป็นซิฟิลิส?” เจี๋ยจื้อจายถามด้วยสีหน้าขบขัน
นั่นมันบ้าอะไร?
เมี่ยวเจิ้งหนานแทบสําลักเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงเขาแทบจะไม่ได้ออกไปจากหมู่บ้านหรือบ้าน ของตัวเอง แต่เขาก็รู้ความหมายของมันดี
“เวรเอ้ย!”
เขาจ้องหน้าอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้น?”
หวังเข้าเดินออกมาและพบว่ามีหลายคนยืนอยู่ที่ด้านนอกคลินิกของเขา
“จื้อจาย?”
“เชียนเชิง อยู่ๆผู้ชายคนนี้ก็มายืนขวางทางถนนและทําอย่างกับที่นี่เป็นบ้านของเขา” เจี๋ยจื้อ จายพูด “เขาเหมือนคิดจะมาหาเรื่องที่นี่ เอ่อ…ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นโรคซิฟิลิสด้วยครับ” เจี๋ยจื้อจายได้ยินคําพูดจากเดี่ยวเฉิงถางอย่างชัดเจน ที่ว่าชายคนนี้มีพิษอยู่ทั่วทั้งตัว เขากลับ
คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เขาได้รับปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายด้วยยาที่หวังเย้าปรุงออกมาเป็นพิเศษ
มันทําให้เขามีภูมิต้านทานพิษได้ทุกชนิด เขายังเคยทดสอบตัวเองด้วยสัตว์พิษมาก่อนแล้ว และ ผลที่ได้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจ เขาจึงรู้แล้วว่า ตัวเขามีภูมิต้านทานพิษที่มีอยู่บนโลกใบนี้ได้แทบทุก ชนิด แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้บ้าถึงขนาดทดลองดื่มสารหนูเข้าไป ในเมื่อตอนนี้เดี๋ยวเจิ้งถางมาอยู่ ตรงหน้าเขาแล้ว เขาก็คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะทดลองดู
“อย่างนั้นเหรอ?” หวังเย้ามองไปทางเมี่ยวเจิ้งหนาน
“มาจากหุบเขาพันโอสถใช่ไหม?”
“ใช่ นายก็คือคนที่ช่วยเมี่ยวเฉิงถางถึงสองครั้งใช่ไหม?” เมี่ยวเจิ้งหนานพูด “ใช่” หวังเย้าพูด “แล้วพวกคุณมาทําอะไรที่นี่?”
“ฉันก็แค่สงสัย” เมี่ยวเจิ้งหนานพูด “ฉันอยากเห็นหน้าคนที่มีความสามารถถึงขนาดรักษาพิษ จากหุบเขาของเราได้ ไม่คิดเลยว่าจะยังอายุน้อยขนาดนี้”
“แล้วได้เห็นรึยัง?” หวังเย้าถาม
“เห็นแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้มาที่นี่อีก ผมไม่ได้พูดถึงคุณแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ผมหมายถึงทุกคน จากที่ที่พวกคุณจากมาด้วย!” หวังเย้ากดมือลงกลางอากาศ
เมี่ยวเจิ้งหนานลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเสียงดังตุบ ตัวเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง ล่าคอและ ใบหน้าของเขามีเส้นเลือดปูดโปนจากการออกแรงต้านพลังกดดันของหวังเย้า เขารู้สึกคล้ายกับมี
ภูเขาทั้งลูกกดทับลงมาที่ไหล่ของเขาอยู่ มันกดทับจนเขาขยับส่วนไหนของร่างกายไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
“แกทําได้ยังไง?” เดี่ยวเจิ้งหนานตกตะลึง
“แกยังเป็นมุนษย์อยู่รึเปล่า?”
หวังเย้าท่าเพียงแค่ใช้มือกดลงไปกลางอากาศตรงหน้าเขาเท่านั้น เขาไม่ได้แตะต้องตัวของ
อีกฝ่ายด้วยซ้ํา
หวังเย้าเดินตรงเข้าไปหาเมี่ยวเจิ้งหนานและสกัดจุดบนร่างกายของเขา
“จ่าที่ผมวันนี้ให้ดี” เขาเดินไปเปิดประตูรถและสกัดจุดคนขับที่มากับเมี่ยวเจิ้งหนาน “ถ่อมากันถึงที่นี่เพื่ออะไรกัน?”
“จื้อจาย ส่งแขก!”
“ครับ เชียนเชิง” เจี๋ยจื้อจายพูด
“เอาล่ะ จ่าเอาไว้ด้วยว่าอย่าได้มาที่นี่อีก”เจี๋ยจื้อจายด้วยน้ำเสียงยั่วโมโห “ถ้าฉันเป็นนายฉันจะจ่าเอาไว้ให้แม่นเลยล่ะ”
สภาพจิตใจของเขาในเวลานี้ทั้งมั่นคงและถูกควบคุมเป็นอย่างดี หากเป็นเจี๋ยจื้อจายในอดีต
เขาคงใช้ความรุนแรงจัดการปัญหาไปแล้ว
คู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดก็คือคู่ต่อสู้ที่ไร้ลมหายใจนั่นคือกฎที่เขาเชื่อมาตลอด
เมี่ยวเจิ้งหนานจากไปด้วยความโมโหและคับแค้นใจเขาอยากเอาคืนแต่เขาก็ทําไม่ได้ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การลงมือโดยเฉพาะการที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ไม่ไกลยิ่งไปกว่านั้น
เขาก็ไม่สามารถทําอะไรอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วหวังเย้ากดเขาแทบจมดินได้ด้วยการกดมือลงไปในอากาศเพียงเท่านั้นเขาสงสัยว่าผู้นําหุบเขาของเขาจะสามารถใช้วิธีการลึกลับแบบนี้ได้หรือไม่
เขาไม่เข้าในเลยว่าทําไมคนที่อายุน้อยอย่างหวังเย้าถึงสามารถทําได้ถึงขนาดนี้“เราจะกลับกันเลยไหมครับอา?”
“เราจะรอต่ออีกสักพักเราจะปล่อยให้เดี่ยวเฉิงถางมีชีวิตรอดกลับบ้านไปไม่ได้แล้วผู้ชายที่ลากฉันไปข้างถนนก็ถูกพิษไปแล้วแต่ในเมื่อผู้ชายคนนั้นรักษาเมี่ยวเฉิงถางได้เขาก็ต้องจัดการกับพิษนั้นได้อยู่แล้ว”
ฮิม!
ในตอนที่เขาพูดอยู่นั้นเขาก็เอามือกุมท้องเอาไว้
อยู่ๆเขาก็ปวดท้องขึ้นมาโดยไม่มีที่มาที่ไปเขารู้สึกราวกับลําไส้ของเขากําลังบิดเป็นเกลียว
ไม่นาน เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนควักหัวใจของเขาออกมาบีบแรงๆ
มันเจ็บปวดจนเกินทน
ความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทําให้ใบหน้าของเขาซีดเผือดไม่นานร่างกายของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของหมอคนนั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เขาแค่สกัดจุดฉันมั่วๆก็ทําให้ฉันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ? นี่มันเป็นแค่ชั่วคราวหรือว่าถาวร?”
รถเบรกอย่างกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณเตือนมันจอดนิ่งอยู่กลางถนน โชคดีที่พวกเขายังอยู่บนถนนลูกรังหากเป็นถนนใหญ่ที่มีรถผ่านไปมาตลอดเวลาคงทําให้เกิดอุบัติเหตุต่อกันเป็นลูกโซ่
“เป็นอะไรไป?”
คนขับใบหน้าซีดเซียวและเอามือกุมท้องของตัวเองเอาไว้”
“ผมปวดท้อง!”
ใบหน้าของเขาซีดขาว เขางอตัวกุมหน้าท้องเอาไว้จากที่เห็นเขาดูเจ็บปวดมาก
รถที่ขับตามหลังมากดแตรใส่พวกเขา
คนขับต้องการให้รถของพวกเขาหลีกทาง แต่คนขับเจ็บปวดเกินกว่าที่จะขยับตัวได้แค่ขยับเพียงนิดเดียว เขาต้องหลั่งเหงื่อเย็นแล้ว
“นี่มันอะไรกัน?”คนขับรถคันหลังกดแตรแรงๆแต่รถคันหน้าก็ไม่ยอมขยับเขาจึงเริ่มโมโหเขาลงจากรถและเดินเข้าไปหารถคันข้างหน้าแล้วเขาก็พบว่าคนขับรถมีใบหน้าซีดขาวและนั่งตัวงองุ้มอยู่ที่หน้าพวงมาลัย
“เวรล่ะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ผมเจ็บ” คนขับรถพูด
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมเรียกรถพยาบาลให้ดีไหม?”
“รบกวนด้วยครับ”
คนขับรถพยักหน้าและเหลือบมองไปทางเบาะหลัง ถึงจะมีกระจกกั้นอยู่แต่เขาก็พอจะมอง
ออกว่าด้านหลังเกิดอะไรขึ้นบ้างชายที่นั่งอยู่เบาะหลังมีสภาพไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?พวกคุณสองคนป่วยเหมือนกันเลยเหรอ?”
เมี่ยวเจิ้งหนานที่นั่งอยู่เบาะหลังหยิบยาใส่ปากไปสองเม็ดมันคือยาล้ําค่าจากหุบเขาของพวกเขามันเป็นยาที่ทําขึ้นมาด้วยวิธีการพิเศษของเมี่ยวซีเหอผู้นําหุบเขาทั้งยังใช้สมุนไพรหลายชนิด รวมไปถึงสมุนไพรในตํานานที่ผสมอยู่ในนั้นด้วยเม็ดยานี้มีสรรพคุณในการรักษาอาการติดพิษกับกู่,หยุดเลือด,บรรเทาความเจ็บปวด, และอีกหลายๆอย่าง
หลังจากทานยาเข้าไปได้ไม่นานความเจ็บปวดก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
“มันใช้ได้ผล”
“มา เอายานี่ไปกิน
“ผมดีขึ้นแล้วครับ” ชายหนุ่มคนขับพูด
“หมายความว่ายังไง ที่ว่าดีขึ้นแล้ว?”เดี๋ยวเจิ้งหนานตกตะลึง
“ผมดีขึ้นแล้วจริงๆ”
เขาไม่รู้เลยว่า ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ได้หายไปเพราะเขากินยา หรือว่ามันหายไปเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”
“ถ้าเรากลับไปทั้งๆแบบนี้มันจะกลับมาปวดอีกไหมครับ?”
พวกเขาอยู่บนถนนลูกรังในหมู่บ้านหากเกิดอาการเจ็บปวดตอนที่ขับอยู่แถวนี้ยังนับว่า
ปลอดภัย แต่ถ้าเกิดปวดขึ้นมาตอนที่ขับรถอยู่บนถนนในเมืองพวกเขาก็อาจจะตายได้มีโอกาส
สูงมากที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างเช่นรถชนขึ้นจนทําให้พวกเขาทั้งสองเสียชีวิตได้
“เวรเอ้ย!” เมี่ยวเจิ้งหนานใช้ความคิด
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งไปไหนเราจะรอดูก่อนสักพัก”เขาพูด
“ได้ครับ”
ชายหนุ่มคนขับเคลื่อนรถไปจอดที่ข้างทางทั้งสองนั่งรออยู่ภายในตัวรถ
ปังปังปังหลังจากที่คนขับรถคันหลังเห็นพวกเขาเคลื่อนรถไปจอดข้างทางเขาก็เดินลงมาเคาะกระจกรถ
“พวกคุณไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?”
“เราไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”ชายคนนี้ดูเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง
“ผมขอแนะนําหน่อยนะถ้าพวกคุณรู้สึกไม่สบายก็ให้รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่ามันจะแย่
เอาได้ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา”
“ได้ครับ”
ชายคนนั้นเดินกลับไปที่รถและขับออกไปหลังจากที่อีกฝ่ายขับรถออกไปแล้วชายสองคนจากหุบเขาพันโอสถก็ยังคงนั่งรอคอยอยู่ภายในรถเผื่อว่าความเจ็บปวดจะกลับคืนมาอีกครั้งกลับไปที่คลินิกของหวังเย้าในหมู่บ้าน
“พวกเขาเป็นใคร?” หวังเย้าถาม
“นั่นคือเมี่ยวเจิ้งหนาน เป็นคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องกู่จากหุบเขาของเรา”เมี่ยวเฉิงถางพูด“เขาไม่ค่อยได้ออกไปไหนที่เขามาที่นี่ก็เพราะผ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆที่สร้างปัญหาให้กับหมอ”มันไม่ใช่แค่ปัญหาธรรมดาทั่วไปแต่เป็นปัญหาใหญ่มากคนนอกอาจไม่รู้แต่เมี่ยวเฉิงถางรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่หุบเขาพันโอสถหมายหัวเอาไว้แล้ว