Elixir Supplier - ตอนที่ 974 สามครั้งต่อวัน หยุดไม่ได้
974 สามครั้งต่อวัน หยุดไม่ได้
ถึงพวกเขาจะอยู่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์แต่ตอนนี้พวกเขาก็ได้รับรู้ถึงตัวตนของหวังเย้าแล้วจากการลงมือในแต่ละครั้งนั้น พวกเขาสามารถลงมือแก้แค้นได้โดยไร้ร่องรอยนอกจากว่าหวังเย้าจะยินดีหนีไปอยู่ที่อื่นแทน
“คุณคิดว่าพวกเขาจะกลับมาที่นี่อีกไหม?”หวังเย้าถาม“มีความเป็นไปได้สูงมากครับ”เมี่ยวเฉิงถางตอบ
“พิษพวกนั้นเป็นสิ่งที่มีแค่คนในหุบเขาเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ ดังนั้น พวกเขาคงไม่อาจยอมรับให้มีคนแบบหมออยู่บนโลกใบนี้ได้ หมอหวังเรื่องนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ”เมี่ยวเฉิง
ถางเอ่ยขอโทษด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
คําขอโทษของเขานั้นครึ่งหนึ่งมาจากใจจริงอีกครึ่งนั้นมาจากความหวาดกลัว
เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองกับภาพที่หวังเย้าผลักมือกลางอากาศและกดเมี่ยวเจิ้งหนานที่แสนอันตรายลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเขารู้สึกได้ว่ามันน่าอัศจรรย์มาก
ชายหนุ่มแบบนี้ไม่ควรไปทําให้เขาไม่พอใจเด็ดขาดหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ได้! “หมายความว่ายังไง?” เจี๋ยจื้อจายถามเขารู้สึกว่าค่าพูดของอีกฝ่ายนั้นไม่ถูกต้อง“เอาล่ะพวกคุณไปได้แล้วต่อไปก็อย่าได้มาที่นี่อีก”หวังเย้าพูดพร้อมทั้งโบกมือไล่เมี่ยวเฉิงถางทําได้เพียงต้องจากไป
เขาเปิดปากแต่ก็ต้องกลืนค่าพูดกลับลงไปอย่างรวดเร็ว
“เชียนเชิง?”
“มาเถอะ เราไปคุยกันบ้างในดีกว่า” หวังเย้าพูด
“ครับ”
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปด้านในคลินิกแล้วซูเสี่ยวซวีก็ชงชาให้กับพวกเขา หวังเย้าบอกเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเจี๋ยจื้อจายฟัง
“แค่รักษาคนไข้ก็มีปัญหาเข้ามาแล้วเชียนเชิงให้ผมไปจัดการสองคนนั้นดีไหมครับ?” เจี๋ยจื้อจายทํามือปาดคอในตอนที่เขาพูด
จากที่หวังเย้าพูดมา เขาได้จัดการสองคนนั้นไปแล้วพวกเขาจะมีอาการปวดท้องสามครั้งต่อวันเมื่อเกิดอาการเจ็บปวด มันจะทําให้พวกเขาทรมานจนแม้แต่จะขยับตัวก็ยังทําไม่ได้ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดถึงเรื่องการขับรถเลยถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงก็แสดงว่าพวกเขายังไม่ได้ออกไปจากเขตเหลียนชานนั่นยิ่งทําให้เป็นเรื่องง่ายต่อการติดตาม ท่าทางที่เจี๋ยจื้อจายแสดงออกนั้นหมายถึงเขาสามารถจัดการสองคนนั้นโดยที่คนอื่นไม่รู้ได้อย่างง่ายดายจากนั้นก็ทําลายศพทิ้งซะเมื่อได้ยินทั้งหมดที่เจี๋ยจื้อจายพูดมาซูเสี่ยวซวีก็อึ้งไปเธอมองเขาจนทําให้เขารู้สึกอึดอัดเขาจึงหัวเราะออกไปเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ
“ไม่ ปล่อยพวกเขาไปแบบนั้นแหละ”หวังเย้าพูดเขาไม่เห็นด้วยกับการฆ่าคนเพื่อแก้ปัญหา
“ให้เพื่อนของคุณที่อยู่ที่นั่นคอยจับตาดูพวกเขาเอาไว้”“ได้ครับ เชียนเชิง”เจี๋ยจื้อจายพูด
“จริงสิ เมี่ยวเฉิงถางพูดถูก”หวังเย้ายิ้ม “ผู้ชายคนนั้นมีพิษอยู่ทั่วทั้งตัวตอนที่จับตัวเขาคุณก็น่าจะถูกพิษไปด้วย”
เจี๋ยจื้อจายถูกพิษ แต่เขาก็จัดการกับมันได้อย่างรวดเร็ว ยาที่หวังเข้าให้ลูกศิษย์ทั้งสามคนกินนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่ามันใช้ได้ผลจริง
“แสดงว่าพวกเรามีภูมิต้านทานพิษได้ทุกชนิดจริงๆสินะครับ?”
“ภูมิต้านทานพิษทุกชนิด?” ซูเสี่ยวซวีที่ฟังอยู่ข้างๆเริ่มสนใจขึ้นมา
“เอ่อ คือ มันเป็นแบบนี้ครับ”เจี๋ยจื้อจายพูด“เชียนเชิงได้ให้ยาพวกเรามากินแล้วมันก็ทําให้เรามีภูมิต้านทานพิษขึ้นมาแถมยังดีถึงขั้นที่ทําให้แมลงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเราด้วย”“มันมีของแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอคะ?”ซูเสี่ยวซวีหันไปทางหวังเย้า
“เอาให้ฉันด้วยได้ไหมคะ?”
“ได้สิ” หวังเย้าตอบด้วยรอยยิ้ม
“เธออยากลองเหรอ?”
“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา”
เจี๋ยจื้อจายอยู่ที่คลินิกไม่นานก็กลับออกไป เขาบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้หูเหมยกับจงหลิวชวนได้รับรู้
“มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยเหรอ?”จงหลิวชวนตกใจ“พระเจ้าฉันอยากจะบ้าตาย” “แล้วถ้าพวกเขากลับมาที่นี่อีกล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็จัดการฝังพวกเขาไว้ที่นี่ซะ”จงหลิวชวนพูดอย่างเฉยชาราวกับเขากําลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่เขามีความมั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
สองคนจากหุบเขาพันโอสถนั่งรออยู่ภายในรถนานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับพวกเขาอีก
“เราไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?” คนขับถาม
“ก็ไม่แน่”เดี๋ยวเจิ้งหนานพูด“เราไปพาที่พักและค้างคืนที่นี่กันดีไหม?”
“ได้ครับ”
ชายหนุ่มขับรถเข้าสู่ตัวเมืองจากนั้นพวกเขาก็เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
เมื่อใกล้ค่ำ ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ก็กลับคืนมาอีกครั้ง มันไม่มีทางที่จะหยุดยั้งมันได้เลยความเจ็บปวดรวดร้าวเกิดขึ้นประมาณ 5 นาที
แฮ่ก แฮ่ก หลังจากผ่านไปได้แล้ว ทั้งสองต่างก็ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพวกเขาดูไม่ต่างไปจากปลาที่เพิ่งถูกจับขึ้นมาจากน้ํา
ความเจ็บปวดนั้นมากเกินกว่าที่พวกเขาจะทนไหว
แต่ในที่สุด พวกเขาก็ผ่านมันมาได้
เมี่ยวเจิ้งหนานใบหน้าซีดขาวจากความเจ็บปวดที่ได้รับ เขายังไม่สามารถฟื้นตัวจากความเจ็บปวดได้ในช่วงเวลาสั้นๆเขาคับแค้นใจมากเขาอยากกลับไปที่หมู่บ้านและจับหมอคนนั้นมาทรมานด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เขาจะนึกออกหลังจากนั้นก็ฆ่าทิ้งซะ แต่สามัญสํานึกได้ห้ามเขาเอาไว้สิ่งที่หมอหนุ่มคนนั้นท่านั้นน่ากลัวเกินไปเขาคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่เขาไม่รู้ว่าอาการนี้จะแย่ลงเรื่อยๆหรือไม่เขาไม่รู้อีกเช่นกันว่ามันจะร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิตเขาหรือไม่เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงยังไม่สามารถสังหารหมอ
คนนั้นได้ในตอนนี้
“เราจะทํายังไงกันดีครับอา?” ชายหนุ่มคนขับรถพูด
“เราจะรอไปก่อน!” เมี่ยวเจิ้งหนานพูด
พวกเขาที่อยู่ในโรงแรมได้ติดต่อไปหาคนในหุบเขาเขาบอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เคี่ยวชิงเฟิงที่อยู่ปลายสายฟัง
“ช่วยบอกชื่อหมู่บ้านนั้นอีกทีสิ”
เมี่ยวชิงเฟิงรู้สึกว่า ชื่อหมู่บ้านที่เมี่ยวเจิ้งหนานพูดถึงนั้นฟังดูคุ้นหู เขาดูเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน
“เป็นที่นั่นเหรอ? อืมดีฉันเข้าใจแล้ว พวกนายก็ระวังตัวด้วยถ้ารับมือไม่ไหวก็ให้รีบกลับมาทันที”
หลังจากวางสายแล้ว เมี่ยวชิงเฟิงก็กดโทรหาอีกเบอร์หนึ่ง
“หยิงหาว ฉันมีคําถามอยากถามนายสักหน่อยมันเป็นที่นั่นใช่ไหม? เขาชื่อหวังเย้าใช่รึเปล่า?
ได้อืม” แล้วเขาก็วางสาย
“เป็นที่นั่นจริงๆด้วย
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปเขาไปที่บ้านของเมี่ยวซีเหอและบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เดี่ยวซีเหอฟัง
“ชายหนุ่มที่สามารถรักษากู่จากหุบเขาของเราได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ อาจารย์ของหยิงหาวกับศิษย์อาจารย์เดียวกันก็ถูกผู้ชายคนนั้นจัดการ” เมี่ยวชิงเฟิงพูด “ผู้ชายคนนั้นน่าจะมีความสามารถจริงๆเขาไม่กลัวแมลงพิษที่พวกเขาเอาไปด้วยเลยสักนิดเดียว”
หลังจากที่เงียบไปนานเมี่ยวซีเหอก็พูดขึ้นมาว่า“เฮ้อฉันไม่คิดเลยว่า จะมีชายหนุ่มมากความสามารถอยู่ที่ทางเหนือด้วยบอกให้เจิ้งหนานกลับมาเถอะ”
“ได้ครับ”
เมืองที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์เกิดความเงียบสงัดขึ้นเมื่อยามค่ำคืนมาเยือนภายในห้องพักในโรงแรม
อ๊กกกก…
อยู่ๆชายคนหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาและเนื้อตัวสั่นเทา เขานอนเอามือกุมหน้าท้องอยู่บนเตียง เขาตัว
งองุ้มราวกับกุ้งที่ถูกโยนลงไปในน้ําร้อน
มันเจ็บจนทนไม่ไหว
ความเจ็บปวดจู่โจมพวกเขาอีกครั้ง
“เวรเอ้ย!”
มีเสียงครวญครางจากเพื่อร่วมห้องดังขึ้นจากความเจ็บปวดที่แทบไม่ต่างกัน
หลังจากผ่านไปห้านาที ความเจ็บปวดก็ค่อยๆบรรเทาลงไป
ทั้งสองนอนหายใจหอบฮักอยู่บนเตียง
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
เดี๋ยวเจิ้งหนานไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขาจับจ้องไปที่เพดานห้อง
“อาเป็นอะไรไหมครับ?”
“ฉันไม่เป็นอะไร” เดี๋ยวเจิ้งหนานพูด “นอนสักหน่อยเถอะ คืนนี้เราน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”
“น่าจะ?”
“ฉันบอกให้นอน
“ครับ”
เพราะความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด ทําให้ชายหนุ่มผล็อยหลับไปในเวลาไม่นานเขานอนกรนไปแล้วส่วนเมี่ยวเจิ้งหนานที่นอนอยู่ไม่ไกลยังคงจ้องเพดานอยู่อย่างนั้นไม่มีใครรู้ความคิดภายในจิตใจของเขา
ตอนเช้า แสงแดดส่องลอดเข้ามาในห้องของพวกเขาผ่านทางรอยแยกของผ้าม่าน
ทั้งสองอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนักพวกเขานอนไม่พอด้วย ความเจ็บปวดที่โจมตีสามครั้งต่อวันทําให้ร่างกายและจิตใจของพวกเรารับไม่ไหว มันจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะอยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้ได้
ต้อง
“เราจะอยู่ที่นี่กันอีกวันหนึ่ง” เมี่ยวเจิ้งหนานพูด
“อยู่ต่อ? เรายังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอครับ?” ชายหนุ่มถาม
“ไม่ เราจะอยู่ที่นี่อีกสองวัน”เมี่ยวเจิ้งหนานพูดเขาต้องการยืนยันว่าความคิดของเขานั้นถูกชายทั้งสองต้องรับการจู่โจมอีกสามครั้งในวันนั้นเมื่อความเจ็บปวดเข้าโจมตีความรุนแรงของมันเทียบเท่ากับความเจ็บปวดของเมื่อวาน
“ความเจ็บปวดมาเป็นช่วงๆอย่างสม่ำเสมอมันจะต้องเกี่ยวข้องกับเส้นลมปราณแน่ๆ”นั่นคือสิ่งที่เขาสรุปได้จากอาการของพวกเขา
“แล้วจะเอายังไงกันต่อดีครับ?”ชายหนุ่มถาม
“ไป เราจะกลับหุบเขากัน”เดี๋ยวเจิ้งหนานพูด
“ขับรถไปเหรอครับ?”
“ไม่ ขึ้นเครื่องบินหรือไม่ก็รถไฟแทน”เมี่ยวเจิ้งหนานพูด“เราต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดเรา
ต้องคอยระวังพยายามอย่าขยับมากตัวตอนที่ความเจ็บปวดเริ่มโจมตีเรา”
พูด
พวกเขามุ่งหน้ากลับหุบเขาโดยใช้วิธีการเดินทางที่เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะหาได้
หมู่บ้านบนเขา
หวังเย้าเพิ่งทํายาให้ซูเสี่ยวซวีเสร็จ
“เป็นยังไงบ้าง? ขมรึเปล่า?”
“ไม่ขมเท่าไหร่ค่ะ ดูเหมือนมันจะมีกลิ่นสมุนไพรแปลกๆด้วย” ซูเสี่ยวซวีพูด
“ความจริงในตัวเธอก็มีกําลังภายในอยู่แล้วมันจะช่วยป้องกันตัวเธอจากสิ่งต่างๆได๋”หวังเย้า
เขาได้เคยทดลองกับตัวเองแล้วเขากินสมุนไพรที่มีความเป็นพิษเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมแต่ร่างกายของเขากลับไม่เป็นอะไรเลย เท่าที่เขาสัมผัสและวิเคราะห์ออกมาได้นั้นเขาคิดว่ามีอยู่สองสาเหตุหนึ่งคือร่างกายของเขาแข็งแกร่งเกินกว่าคนทั่วไปหลายเท่าพิษก็ไม่ต่างจากมดกัดช้างเขาไม่รู้สึกเจ็บหรือคันแม้แต่น้อย สองคือ กําลังภายในของเขาแข็งแกร่งจนสามารถทําลายพิษเหล่านั้นได้ร่างกายของซูเสี่ยวซวีก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปและกําลังภายในของเธอก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกันแม้จะไม่มียาที่หวังเย้าท่า ร่างกายของเธอก็สามารถต้านทานพิษได้หลายชนิด