Elixir Supplier - ตอนที่ 996 พูดไปก็ไร้ประโยชน์
996 พูดไปก็ไร้ประโยชน์
แสงไฟดับลง แต่เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมจนถึงกลางดึก เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็น เวลาไหน แล้วเขาก็ลืมตาที่เป็นประกายสดใส เขาลุกขึ้นช้าๆและเดินลงไปจากเขา
เหอเสี่ยวรุ่ยกับแม่ของเขามาที่คลินิกในตอนเช้าเพื่อบอกลาหวังเย้า ครั้งก่อนที่พวกเขามา หวังเย้าได้บอกกับพวกเขาว่า เด็กหนุ่มสามารถกลับไปรักษาตัวที่ บ้านได้แล้ว แต่พวกเขายังคงเป็นกังวลและดึงดันที่จะอยู่ต่อเพื่อรับการรักษาจาก หวังเย้าอีกหลายวัน ผลการรักษาเป็นไปตามที่คาดไว้ มันออกมายอดเยี่ยมมาก
“เราไม่รู้จะขอบคุณยังไงถึงจะคู่ควรกับสิ่งที่หมอได้ทําเอาไว้” เธอพูด
“ไม่จําเป็นเลยครับ” หวังเย้ายิ้มพูด
“ขอบคุณมากนะครับ หมอหวัง” เด็กหนุ่มพูด เหอเสี่ยวรุ่ยแสดงความขอบคุณ โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก ร่างกายของเขาดีขึ้นมาก เขารู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกําลังส่งผลให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปด้วย
“ด้วยความยินดี” หวังเย้าพูด “กลับบ้านไปก็รักษาตัวให้ดี อีกไม่นานเธอก็จะ หายเป็นปกติ ในตอนนั้น เธอก็สามารถเล่นกีฬาและวิ่งเล่นได้แล้ว”
“ครับ ผมวางแผนเอาไว้หลายอย่างเลย” เด็กหนุ่มพูด
ครั้งหนึ่งเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเกราะกําบัง เพราะเขาไม่สามารถรับแรงกระแทก จากโลกภายนอกได้ แต่ตอนนี้ เขาตั้งใจที่จะใช้เวลารักษาตัวเองให้หายและออก ไปมองดูโลกภายนอกหลังจากที่เขาหายดีแล้ว เขาอยากออกไปเตะบอล, ว่าย น้ํา, ปีนเขา, และวิ่งให้ทั่ว เขาอยากกลับไปโรงเรียนและมีเพื่อนใหม่ๆ
เขาเต็มไปด้วยความหวังกับชีวิตใหม่ที่กําลังจะมาถึง
“ขอบคุณครับ” เมื่อความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมาในใจ เขาก็มองหน้าหมอและก้ม หน้าลงต่ําเพื่อขอบคุณ
“ถ้าหมอหวังไปปักกิ่งเมื่อไหร่ก็อย่าลืมแวะมาหาพวกเรานะคะ” เธอพูดอย่างจริงใจ
“ครับ” หวังเย้ายิ้มและพยักหน้า
ถั่วเจิ้งเหอที่มาคลินิกเพื่อรับการรักษาได้บังเอิญเจอกับพวกเขาตอนที่กําลังเดินเข้าไปพอดี
“คุณป้า เสี่ยวรุ่ย ทั้งสองก็มารักษาที่นี่เหมือนกันเหรอครับ?”
“ใช่จ๊ะ เสี่ยวรุ่ยมาให้หมอหวังตรวจดู แล้วเจิ้งเหอมาทําอะไรที่นี่เหรอ?” เธอ ประหลาดใจมาก เพราะเธอรู้มาว่าชายหนุ่มจากตระกูลถั่วคนนี้ทํางานอยู่ที่ยูน นานใต้ เธอจึงสงสัยว่าเขามาทําอะไรที่นี่
“สวัสดีครับ คุณกั่ว
“สวัสดี ผมมาคุยกับหมอหวังด้วยเรื่องส่วนตัวน่ะครับ ตอนนี้เสี่ยวรุ่ยหายดีแล้ว เหรอครับ?”
“เกือบแล้วล่ะจ๊ะ ตอนนี้แค่ต้องกลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อเท่านั้น”
“ดีจริงๆ เธอดีใจไหมเสี่ยวรุ่ย?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” เด็กหนุ่มพูด
“เราขอตัวก่อนนะ”
“ลาก่อนครับ คุณป้า ลาก่อน เสี่ยวรุ่ย”
“ลาก่อนครับ คุณกั่ว
กั๋วเจิ้งเหอมองส่งพวกเขาทั้งสอง
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะรักษาโรคแบบนั้นได้ด้วย”
“โรคอะไรเหรอครับ?” เสวี่ยซินหยวนถามเสียงเบา
“เด็กคนนั้นป่วยด้วยโรคกระดูกที่หายากหรือจะเรียกว่าโรคที่เป็นมาแต่กําเนิดก็ได้” กั๋วเจิ้งเหอพูด “พวกเรามักจะเรียกคนพวกนี้ว่ามนุษย์แก้ว ร่างกายของพวก เขาอ่อนแอมากและกระดูกของพวกเขาก็แตกง่ายมาก ครอบครัวของเขาพาเขา
ไปรักษามาหลายที่แล้ว พวกเขาไปมาไม่รู้กี่ที่และพบเจอหมอดังๆมาไม่รู้กี่คนทั้ง ในและนอกประเทศ แต่กลับไม่ดีขึ้นเลย แล้วร่างกายของเขาก็ยิ่งอ่อนแอลง เรื่อยๆ ทุกคนในครอบครัวแทบจะยอมแพ้กับเรื่องนี้ไปแล้ว ผมไม่คิดเลยจริงๆว่า ผู้ชายที่อยู่ข้างในนั้นจะสามารถรักษาโรคของเด็กคนนั้นได้” เขาชี้มือไปด้านในในตอนที่พูดอยู่
“แต่มันเป็นโรคที่ติดตัวมาตั้งแต่กําเนิดไม่ใช่เหรอครับ?”
“ใช่”
“เขาเก่งถึงขนาดรักษาโรคที่มีมาแต่กําเนิดได้อย่างนั้นเหรอเนี่ย?” เสวี่ยซิน หยวนตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน มันเป็นความสามารถที่เหนือธรรมดา แม้แต่พิษที่ หายากไม่มีที่ไหนรักษาได้ หวังเย้าก็ยังสามารถจัดการมันได้ เขาไม่คิดเลยว่า แม้แต่โรคที่ติดตัวมาแต่กําเนิดหวังเย้าก็ยังรักษาให้หายได้ ทั้งที่มันเป็นโรคที่รักษาได้ยากมากๆ
“หรือแม้แต่โรคมะเร็งเขาก็รักษาได้?” เสวี่ยซินหยวนเกิดความคิดนี้ขึ้นมา
“เขาอาจจะทําได้ก็ได้” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ในเมื่อมีคนแบบนี้อยู่ คุณก็น่าจะ….”
กั่วเจิ้งเหอหยุดเขาเอาไว้ก่อนที่จะพูดจบ พวกเขาเดินเข้ามาถึงด้านในแล้ว
“ว่างอยู่รึเปล่าครับ?”
“เพิ่งว่างครับ” หวังเย้าตอบ
เขาได้ยินบทสนนาทั้งหมดที่ด้านนอกนั้น
“ผมรู้จักสองคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้ด้วย” กั๋วเจิ้งเหอพูด “พวกเขาเป็นคน
ปักกิ่ง เราได้ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน”
“อย่างนั้นเหรอ? บังเอิญจริงๆ”
“แล้วการรักษาของเสี่ยวรุ่ยเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว” หวังเย้าพูด “แค่ต้องกลับไปพักฟื้นอีกสักหน่อยเท่านั้น”
“ฝีมือการรักษาของเชียนเชิงดูราวกับไร้ก้นบึ้ง” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ทั้งที่ครอบครัว นั้นจ่ายเงินเพื่อให้ได้รักษากับหมอเก่งๆไปไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครรักษาเขาให้หายได้เลย”
“ชมเกินไปแล้ว” หวังเย้าพูด
เขาไม่มีอารมณ์มาฟังคําสรรเสริญเยินยอจากอีกฝ่าย แล้วเขาก็ไม่ชอบหน้า
ชายหนุ่มจากตระกูลถั่วคนนี้ด้วย ในความคิดของเขา กั๋วเจิ้งเหอเพียงแค่อยากหา อะไรมาพูดเพื่อเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างพวกเขาเท่านั้น เพราะพวกเขาแทบไม่มีอะไรให้ยกขึ้นมาพูดได้เลย เขาไม่ชอบคนที่พยายามประจบประแจง โดย เฉพาะคนที่ไม่มีความจริงใจอยู่ในคําพูดเลย
“ทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว” หวังเย้าพูด “กลับบ้านไปพักผ่อน อีกไม่นานก็หายดีแล้ว”
“จริงเหรอครับ?”
“จริงสิ”
“ผมมีเรื่องอยากขอร้องครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“พูดมาสิ”
“ช่วยมอบสูตรยารักษากู่ให้ผมได้ไหมครับ?”
“หา?” หวังเย้าตกใจกับคําขอของอีกฝ่าย เขาไม่คิดว่า กั๋วเจิ้งเหอจะเอ่ยคําขอที่แปลกประหลาดแบบนี้ออกมา
“ต้องขอโทษด้วย แต่มันเป็นไปไม่ได้” เขาปฏิเสธทันที
“ผมไม่ได้ขอเพื่อตัวเองนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด “ผมคิดว่า คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ จ่าเป็นต้องทําแบบนั้น”
“ผมรู้ แต่ผมก็ช่วยคุณเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี” หวังเย้าตอบ
สาเหตุหลักที่ยาแก้พิษได้ผลดีนั้นมาจากสมุนไพรวิเศษ ไม่มีสมุนไพรชนิด
ไหนที่สามารถทําได้แบบนี้อีกแล้ว มันเป็นสิ่งที่สามารถหาได้จากที่เขาเพียงที่เดียวเท่านั้น และไม่ใช่สิ่งที่เขาจะมอบให้ใครก็ได้
“ผมขอโทษที่ขอมากเกินไปครับ”
“ไม่เป็นไร” หวังเย้ายิ้มและตอบ แม้น้ําเสียงของเขาจะติดเย็นชาไปบ้าง
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวก่อน” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ขอให้เดินทางปลอดภัย” หวังเย้าพูด
ทั้งสองเดินออกมาจากคลินิก
หลังเดินออกมาแล้ว เสวี่ยซินหยวนก็พูดขึ้นมาว่า “คุณชายไม่ควรพูดออกไปแบบนั้นเลยนะครับ”
“ผมไม่ได้ทําเพราะหวังผลประโยชน์เลยนะครับ” กั่วเจิ้งเหอพูด
“เรื่องนั้นผมรู้ครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด “ตระกูลของคุณไม่จําเป็นต้องทําแบบ นั้นเลย แต่คุณชายทําไปก็เพราะต้องการชดเชยความผิดพลาดและเพิ่มคะแนนให้ตัวเองใช่ไหมล่ะครับ?” เขาพูดออกไปตามตรงและอาจจะข้ามเส้นอีกฝ่ายไปบ้าง
“ใช่” กั๋วเจิ้งเหอไม่ได้ปฏิเสธ เขาไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขายอมรับว่า มันเป็นแบบที่อีกฝ่ายพูดมาจริงๆ
ประวัติการทํางานของเขาในเขตเหอนั้นดีมาโดยตลอด ในสองปีที่ผ่านมาเขาได้ทําอะไรไปมากมาย และเป็นส่วนสําคัญที่ผลักดันให้มีการพัฒนาภายในเขตประวัติการทํางานของเขาดีมาโดยตลอด แต่เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้ทําลายประวัติการทํางานที่ผ่านมาของเขาไปจนหมดไม่มีเหลือ ไม่ว่าเขตจะมีการพัฒนาที่ดีมากแค่ไหน แต่เมื่อเกิดเหตุร้ายซ้ําแล้วซ้ําเล่าก็ทําให้ เขาไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ
“เขาอาจจะรู้เรื่องนั้นก็ได้นะครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด
กั๋วเจิ้งเหอชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
“คุณชาย ขอโทษที่ผมอาจจะพูดตรงเกินไปหน่อย คุณชายเป็นยอดคน ส่วน หมอหวังก็เป็นแค่คนธรรมดาที่มีความสามารถคนหนึ่งเท่านั้น
“อืม” กั๋วเจิ้งเหอตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตบไหล่เสวี่ยซินหยวนเบาๆ
“ลุงเสวี่ยพูดถูก” เขาพูด “ดูเหมือนว่าผมจะดูถูกความคําสัญของตัวเองมาก
เกินไป”
“คุณชายคือคนสําคัญอย่างแท้จริง และไม่แปลกที่จะภาคภูมิใจในตัวเองแต่…” เขาไม่ได้พูดสิ่งที่เขาต้องการจะพูดออกไปจริงๆ เขาเป็นแค่ผู้รับใช้ที่ต่ําต้อยของตระกูลถั่วเท่านั้น แม้คําพูดรุนแรงนั้นจะมาจากความหวังดี แต่มันก็ ต้องขึ้นอยู่กับเวลา, สถานที่, และคนพูดด้วย
“เรากลับหายชิวกันเถอะ”
กลับไปที่หุบเขาพันโอสถในยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์…
ควันธูปลอยออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหุบเขา
เมี่ยวซีเหอนั่งขัดสมาธิ เขากําลังใช้สมาธิอยู่
“ผู้นํา?” มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก
“เข้ามา”
“เสี่ยวเหอฟื้นแล้วครับ”
“เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีครับ ดีกว่าที่เราคาดเอาไว้มาก”
“จริงเหรอ? ไปดูกัน” เมี่ยวซีเหอพูด
พวกเขาออกจากหุบเขาและมุ่งหน้าไปทางภูเขา พวกเขาเดินทางอ้อมไปมาเพื่อนําไปสู่ถ้ําลึกลับที่ตั้งอยู่ห่างออกไม่ถึงหนึ่งไมล์ ถ้ําตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ํา มีแม่น้ําสายหนึ่งไหลออกมาจากปากถ้ํา ไม่มีทางที่จะสามารถเดินเข้าไปด้านในได้เลย
ทั้งสองดําน้ําและว่ายเข้าไปในถ้ํา ซึ่งมีระยะทางประมาณ 10 เมตร แล้วพวก เขาก็เห็นก้อนหินมากมายอยู่ด้านหน้า หลังจากโผล่พ้นออกมาจากแม่น้ําแล้ว พวกเขาก็ปีนขึ้นไปบนก้อนหิน ภายในถ้ําไม่ได้มืด มันมีแสงสว่างส่องลอดเข้ามาจากช่องว่างด้านบน และยังมีคบเพลิงส่องสว่างอยู่ทั่วทั้งบริเวณ
“ใครอยู่ตรงนั้น?”
“ฉันเอง”
“ผู้นํา”
ภายในถ้ําค่อนข้างกว้าง ด้านในมีคนอยู่5-6 คน
“ผู้นํา”
ทุกคนต่างคํานับเมี่ยวซีเหอด้วยความเคารพ
“เสี่ยวเหอ”
“ผู้นํา”
“มานี่สิ มาให้ฉันดูหน่อย”
เขาเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่อายุยังน้อย เมี่ยวซีเหอก้มลงสํารวจอีกฝ่าย ผิวหนังของชายหนุ่มเนียนละเอียด และดวงตาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“ดี ดีมาก” เมี่ยวซีเหอพอใจมาก