Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2013 งานมหกรรมชิมชา
จะอย่างไรเสียเถาถิงก็มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้า ต่อให้ภายในสถาบันแห่งนี้จะมีเพื่อนนักศึกษาที่เข้ากันได้ไม่เลวนัก แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญกับเพื่อนนักศึกษาเช่นเย่เฉี่ยวเซียงแล้ว จะมีเพื่อนนักศึกษาสักกี่คนที่กล้าแสดงตนออกมาพูดแทนเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับนางเล่า จะอย่างไรเสียเฉกเช่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างพรรคทะยานฟ้า ไม่ว่าใครหากพานพบแล้วก็ต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ
เวลานี้หลี่ชิเย่ออกมาผดุงความยุติธรรมให้กับนาง พูดแทนเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับนาง ทำให้เถาถิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดหลี่ชิเย่ได้ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นที่นางไม่เคยมีมาก่อน เป็นความรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“บนเส้นทาง พบเจออุปสรรคให้ฟันฝ่าขึ้นไป” หลี่ชิเย่มองดูผู้ที่อ่อนโยนดั่งหยกแล้ว เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “บางครั้ง เรื่องบางเรื่องสมควรถ่อมตนและยินยอม บางเรื่องกลับไม่จำเป็นต้องยอมให้ทุกฝีก้าวร่ำไป คนทั่วไปยามโกรธ เลือดสาดกระเซ็นไกลถึงห้าก้าว ผู้บำเพ็ญตนล้วนแล้วแต่มีเลือดที่ร้อนแรงภายในจิตใจสายหนึ่ง ต่อให้เป็นสายสำนักราชันเซียนก็ไม่หวั่น”
เมื่อเถาถิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ครุ่นคิดอย่างละเอียด สุดท้ายเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่แนะนำ คำพูดของอาจารย์ข้าจะจดจำไว้มั่นอยู่ในใจ”
ตึง ตึง ตึงในขณะนี้ปรากฏเสียงระฆังดังขึ้นมาเป็นระลอก โดยที่เสียงระฆังที่ดังขึ้นเป็นระลอกดังกล่าวได้ดังไปทั่วทั้งเมืองตำรา เวลานี้ได้ดึงดูดสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้
เมื่อได้ยินเสียงระฆังเช่นนี้แล้ว เวลานี้สายตาแต่ละคู่ได้มองออกไปยังที่ที่ห่างไกล จากนั้นเมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว มีผู้ที่กล่าวขึ้นทันทีว่า “รีบไปกันเถอะ พวกเราไปแย่งตำแหน่งที่เหมาะสมกัน งานมหกรรมชิมชากำลังจะเริ่มต้นขึ้น สวนชากำลังจะเปิดแล้ว”
เวลานี้ นักศึกษาจำนวนมากภายในร้านสุราต่างทยอยกันจ่ายเงินแล้ววิ่งไปยังสถานที่ห่างไกลนั่น
“งานมหกรรมชิมชาจะเริ่มขึ้นแล้ว” ในขณะนี้เถาถิงก็ได้สติกลับมาเช่นกัน และกล่าวต่อหลี่ชิเย่
“ข้าก็จะไปเดินเที่ยวเช่นกันพอดีเลย” หลี่ชิเย่พูดขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ บางทีอาจจะมีโอกาสและวาสนาที่ดี งานมหากรรมชิมชากล่าวสำหรับพวกเจ้าแล้ว นับว่าเป็นงานต้อนรับเปิดภาคเรียนที่ไม่เลวทีเดียว”
เถาถิงถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อถูกชวนโดยหลี่ชิเย่ นางนึกไม่ถึงเลยว่าหลี่ชิเย่จะให้การดูแลตนเองถึงเพียงนี้ เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบกล่าวตอบว่า “ตกลง ข้าก็อยากจะไปดูบ้างเหมือนกัน”
การที่หลี่ชิเย่ยินดีพาเถาถิงไปด้วยนั้น ก็เป็นเพราะเห็นแก่บรรพบุรุษของนาง จะอย่างไรเสียใช่ว่าเขาจะยินดีมอบวาสนาให้กับนายหมานายแมวอะไรก็ได้
หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากร้านสุราแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปยังสวนชาทันที ที่ตรงนั้นกำลังจะจัดงานยิ่งใหญ่ขึ้นที่นั่น ซี่งกล่าวสำหรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วนี่เป็นงานยิ่งใหญ่ที่ไม่เลวเลย ทุกคนต่างไม่อยากจะพลาดโอกาส
แน่นอนที่สุด การแข่งขันในงานยิ่งใหญ่ภายในสวนชาก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นนักศึกษาที่คิดจะเข้าไปในสวนชา จะมากหรือน้อยก็ต้องมีการเตรียมการภายในใจ กระทั่งมีนักศึกษาบางสวนมีการรวบรวมสมัครพรรคพวก เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ท่ามกลางงานยิ่งใหญ่เช่นนี้
สวนชาตั้งอยู่ภายในเมืองตำรานั่นเอง มันถูกสร้างให้อยู่ท่ามกลางกลุ่มของขุนเขา โดยที่เมืองตำรามีพื้นที่ที่กว้างขวางยิ่งนัก ภายในเมืองมองเห็นกลุ่มภูเขาขึ้นลงสลับ และสวนชาก็ถูกสร้างเอาไว้ท่ามกลางภูเขาที่ขึ้นลงสลับนี้เอง
ณ ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นเทือกเขาแต่ละลูกที่ขึ้นลงสลับ งดงามไร้ขอบเขตจำกัด ท่ามกลางเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ ภายในป่าเขียวสามารถมองเห็นตำหนักโบราณ และศาลเจ้าเก่าแก่ โดยที่บรรดาตำหนักโบราณ และศาลเจ้าเก่าแก่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครอาศัยอยู่ทั้งสิ้น
เล่าลือกันว่า ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยเป็นสถานที่ที่บรรดาอัจฉริยะบุคคลรุ่นอาวุโสของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาฝึกฝนอยู่ที่ตรงนี้ ต่อมาที่ตรงนี้ได้กลายเป็นเสมือนโลกอีกโลกหนึ่งไป และด้วยสาเหตุนี้เอง จึงได้ก่อเกิดให้มีสวนชาดั่งเช่นทุกวันนี้
เพียงแต่ ภายหลังไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด ไม่มีใครมาอาศัยและฝึกปรืออยู่ที่นึ่อีกต่อไป ขณะที่สวนชาก็จะเปิดเพียงปีละครั้งเท่านั้น ต้อนรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน บรรลุสัจธรรม
ภาคการศึกษานี้เป็นช่วงเวลาที่สวนชาเปิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากภาคการศึกษาใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้น นักศึกษาจากทุกชั้นเรียนต่างแห่กันมาที่นี้ด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อต้องการอาศัยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้บรรลุสัจธรรม และหรือศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในเวลานี้ ปรกติท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้ที่เงียบสงัดกลายเป็นคึกคักยิ่งนัก ผู้คนเดินกันขวักไขว่เบียดเสียดแออัดยัดเยียด นักศึกษาจำนวนมากต่างทยอยกันรุดมาที่สวนชา รอคอยวันที่สวนชาจะเปิดให้เข้าไป
นักศึกษาบางคนอาศัยการเดิน และมีนักศึกษาบางคนขับขี่ของวิเศษเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักศึกษาที่ขี่กระเรียนบินมา และหรือนั่งสัตว์ขนาดยักษ์เข้ามา…ยามที่บรรดานักศึกษาที่ขี่กระเรียน หรือขี่สัตว์ยักษ์เข้ามาถึงนั้น ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย ดูคึกครื้นยิ่งนัก
“รุ่นพี่กระเรียนขาวมาแล้ว” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มาแต่วันเพื่อยึดครองพื้นที่ต่างทยอยกันทักทายเมื่อพบเจอคนรู้จัก
มีนักศึกษาที่นั่งสัตว์ขนาดยักษ์มาถึง เหล่านักศึกษาอื่นๆ ต่างทยอยกันเข้าให้การต้อนรับ ยิ้มกล่าวว่า “ซวนหนีแรดโลหิตของรุ่นพี่ดูแข็งแรงขึ้นทุกวัน วันหน้าต้องได้เป็นจ้าวปีศาจแน่นอนเลย”
นักศึกษาจำนวนมากเมื่อเจอะเจอกับคนรู้จักต่างทักทายซึ่งกันและกัน ต่อให้ไม่รู้จักกันก็จะพูดคุยด้วยสองสามคำ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยคิดจะหาโอกาสนี้เพื่อรู้จักผู้คนให้มากขึ้น เพื่อขยายมนุษย์สัมพันธ์ของตนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษาจากจวนราชัน และหอศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเป็นที่ต้อนรับของนักศึกษาจากศตาคาร
“ยุวกษัตริย์หกกระบี่และรุ่นน้องเมี่ยวฉานแห่งศตาคารก็มาแล้ว” ในขณะที่นักศึกษาจำนวนมากเพิ่งจะมาถึง ก็ได้ยินข่าวใหญ่จำนวนไม่น้อย
“ใช่จะมีเพียงยุวกษัตริย์หกกระบี่และรุ่นน้องเมี่ยวฉานที่มา เวลานี้แม้แต่เทพบุตรซือจงแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงแล้วเช่นกัน”
“งานมหากรรมชิมชาคราวนี้คึกคักมากเลยนะ บรรดาอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันที่ปรกติจะไม่ออกมาล้วนมาแล้วทั้งสิ้น ได้ยินว่าแม้แต่สาวงามอันดับหนึ่งของจวนราชันเทพธิดาเหมย เหมยซู่เหยาก็ได้มาบรรลุสัจธรรมเหมือนกัน เวลานี้สามเทพบุตรแห่งสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาแล้วสอง ไม่รู้ว่านายน้อยทะยานฟ้าผู้ที่เป็นผู้นำของสามเทพบุตรจะมาด้วยหรือไม่”
สวนชายังไม่ทันได้เปิดก็มีข่าวจำนวนมากที่ถูกแพร่ออกมา นักศึกษาจำนวนมากอดที่จะพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างสนุกปาก คุยกันทุกแง่มุมเกี่ยวกับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของสถาบัน
โดยเฉพาะเมื่อมีการพูดถึงสาวงามอันดับหนึ่งอย่างเหมยซู่เหยานั้น นักศึกษาชายจำนวนไม่น้อยถึงกับดวงตาทั้งสองลุกวาว ต่างอยากจะได้เห็นโฉมหน้าของเหมยซู่เหยาสักครั้งให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ในส่วนของอาจารย์มีอาจารย์อวี่เชียนเสวียน ในส่วนของนักศึกษามีเหมยซู่เหยา สถาบันศึกษาเทพเจ้ารุ่นนี้ของพวกเราเรียกได้ว่าสาวงามหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร เกรงว่าสามารถเป็นเช่นนี้ทุกยุคสมัย! กระทั่งมีนักศึกษาบางคนถึงกับฝันกลางวัน ปรารถนาอยากได้มาเป็นอย่างยิ่ง”
ความจริงแล้ว นักศึกษาที่ชมชอบฝันกลางวันใช่ว่าจะมีเพียงคนสองคนเท่านั้น เมื่อพูดถึงสุดยอดสาวงามแห่งยุคแล้ว มีนักศึกษาชายคนใดบ้างที่ไม่ใช่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาขึ้นมา
ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าสาวงามที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดมีอยู่สามนาง อวี่เชียนเสวียนที่อยู่ในฐานะอาจารย์ อัจฉริยะบุคคลแห่งจวนราชันเหมยซู่เหยา อีกคนก็คือเมี่ยวฉานแห่งศตาคาร
อวี่เชียนเสวียนในฐานะอาจารย์นางจะไม่ค่อยปรากฏตัวออกมา เว้นแต่ปรากฏตัวในชั้นเรียน นักศึกษาจำนวนน้อยที่สามารถพบเห็นนาง ขณะที่เมี่ยวฉานไม่ได้โดดเด่นในด้านของความงาม ดังนั้น ย่อมไม่ต้องสงสัยเหมยซู่เหยาได้กลายเป็นขวัญใจของนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาชายจำนวนเท่าไรที่เคลิบคลิ้มหลงไหลในตัวของนาง
เมื่อเถาถิงและหลี่ชิเย่มาถึงนั้น ไม่ได้เป็นที่สนใจของผู้คนเท่าไรนัก จะอย่างไรเสีย เว้นแต่พวกนักศึกษาอย่างเหยียนเฉินเซินหลายคนเหล่านั้นแล้ว คนอื่นล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่คืออาจารย์ของสถาบัน ตรงกันข้าม ท่าทีที่เหมือนเช่นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาของหลี่ชิเย่ นักศึกษาจำนวนมากยังเข้าใจว่าเขาคือนักศึกษาของศตาคาร
สำหรับพวกของเหยียนเฉินเซินที่เป็นนักศึกษาที่รู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นอาจารย์นั้น เนื่องเพราะเหตุการณ์ล่วงเกินต่อหลี่ชิเย่ ถูกผู้เฒ่าของสถาบันอบรมสั่งสอนไปยกใหญ่ และสั่งห้ามออกไปข้างนอก ทำให้พวกของเหยียนเฉินเซินตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง และรู้ว่าตัวเองชนกับตอเข้าให้แล้ว!
ขณะที่หลี่ชิเย่และเถาถิงเดินอยู่ด้วยกัน สายตาของนักศึกษาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ตกลงบนตัวของเถาถิง แม้จะกล่าวว่าเมื่อเทียบกัยเหมยซู่เหยาผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดสาวงามที่สวยหยาดเยิ้มแล้ว เถาถิงห่างชั้นกันมาก แต่บุคลิกที่อ่อนโยนดั่งหยกของนางยังคงดึงดูดผู้คนได้ นักศึกษาชายจำนวนไม่น้อยทยอยกันทักทายกับนาง
เมื่อหลี่ชิเย่ และเถาถิงก้าวขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศาลเจ้าเก่าแก่อยู่หลังหนึ่ง เดิมทีตำหนักโบราณและศาลเจ้าเก่าแก่ล้วนแล้วแต่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ทว่า เวลานี้ ประตูด้านหน้าของศาลเจ้าเก่าแก่กลับมีนักศึกษาของศตาคารสองคนเฝ้าอยู่ด้านหน้า
“ยุวกษัตริย์หกกระบี่กับรุ่นพี่เมี่ยวฉานพวกเขาต้องการเปล่งประกายเจิดจ้าในงานมหกรรมชิมชาครั้งนี้” เมื่อเถาถิงมองเห็นนักศึกษาที่ยืนเฝ้าศาลเจ้าเก่าแก่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ใดที่อยู่ด้านในแล้ว นางถึงกับกล่าวว่า “ยุวกษัตริย์หกกระบี่เคยพูดเอาไว้ว่า เขาจะต้องชิงความเป็นเลิศในมหกรรมชิมชาครั้งนี้ให้ได้ หากเขาร่วมมือกับรุ่นพี่เมี่ยวฉานที่มีสติปัญญาปราศจากผู้เทียบเทียมหละก็ เรียกได้ว่ามีครบทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ”
เถาถิงเองก็อดที่จะปรารถนาให้ได้มาซึ่งสิ่งนี้ จะอย่างไรเสียท่ามกลางมหกรรมชิมชาเช่นนี้ การร่วมมือระหว่างผู้แข็งแกร่งด้วยกันย่อมต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากกว่าแน่นอน ซึ่งการร่วมมือเช่นนี้โดยทั่วไปก็จะเป็นการร่วมมือระหว่างอัจฉริยะบุคคของสายสำนักราชันเซียนเท่านั้น พวกเขาที่มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้าไม่มีสิทธิ์
เฉกเช่นอัจฉริยะบุคคลอย่างยุวกษัตริย์หกกระบี่จะไม่เล่นด้วยกับนักศึกษาที่มีชาติกำเนิดมาจากรากหญ้าอยู่แล้ว จะอย่างไรเสีย เมื่อได้รับผลประโยชน์ใดมาแล้ว พวกเขาก็จะแบ่งปันให้กับคนข้างกายเท่านั้น
เมี่ยวฉาน…เมื่อหลี่ชิเย่ได้ยินชื่อนี้อีกครั้ง ถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา และมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าเก่าแก่นั่นทันที
เมื่อหลี่ชิเย่เดินไปถึงประตูทางเข้าศาลเจ้า ก็ถูกนักศึกษาสองคนที่เฝ้าหน้าประตูขวางเอาไว้ พลันที่นักศึกษาสองคนมองแล้วว่าหลี่ชิเย่ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่อะไร จึงทำท่าทีขมึงและกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพื่อน หลบไปข้างๆ เสีย เวลานี้ที่ตรงนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่พวกเราใช้อยู่ ห้ามเข้า”
หลี่ชิเย่มองหน้าพวกเขาทีหนึ่ง และกล่าวว่า ถอยไป…น้ำเสียงดูเปี่ยมด้วยอำนาจบารมี
นักศึกษาทั้งสองคนเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว พลันเสมือนดั่งถูกสะกดและพวกเขาต้องสยบโดยพลันไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ปล่อยให้หลี่ชิเย่เข้าไปตามอำเภอใจ
ภายในศาลเจ้าเก่าแก่มีนักศึกษานั่งกันอยู่สิบกว่าคน นักศึกษาทั้งสิบกว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาที่มีความโดดเด่นมากที่สุดของศตาคาร สามารถได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลของศตาคาร
ที่น่าจับตามองมากที่สุดย่อมเป็นยุวกษัตริย์หกกระบี่กับเมี่ยวฉานแล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่นั้นไม่ต้องกล่าวถึงให้มากความ ด้วยพรสวรรค์ ชาติกำเนิด และศักยภาพของเขานั้น สามารถเข้าเรียนชั้นหอศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มร้อยอย่างแน่นอน แต่เขากลับจะรั้งอยู่ในศตาคาร
ยุวกษัตริย์หกกระบี่กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำนักศึกษาของศตาคาร ได้รับความนิยมสูงมาก ได้รับการสนับสนุนจากนักศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วน
เวลานี้เมี่ยวฉานกลับนั่งอยู่ที่มุมซึ่งไม่เป็นที่สุดุดตามุมหนึ่ง แต่ว่า ไม่ว่านางจะทำตัวค่อมต่ำอย่างไรก็ไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นความสูงส่งของนาง ยิ่งไปกว่านั้น สติปัญญาของเมี่ยวฉานเป็นที่ขึ้นชื่อของศตาคาร เพราะเหตุนี้เอง มาคราวนี้อัจฉริยะบุคคลของศตาคารร่วมมือกัน ไม่ว่าอย่างไรยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ต้องดึงตัวเมี่ยวฉานมาร่วมด้วยให้ได้ ให้เมี่ยวฉานเป็นผู้วางแผนการให้กับพวกเขา
ในเวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่กำลังวางแผนเกี่ยวกับมหกรรมชิมชาในครั้งนี้อยู่ นาทีนี้หลี่ชิเย่ได้นำพาเถาถิงบุกรุกเข้ามา พลันทำให้ทั่วทั้งวิหารเงียบสงัดขึ้นมา
ในขณะนี้ สายตาทุกคู่ล้วนแล้วแต่จับจ้องบนตัวของเถาถิง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่กับเถาถิงอยู่ด้วยกัน ทุกคนยังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่คือนักศึกษาของศตาคาร
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมีเพียงเมี่ยวฉานที่สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมากที่เดียวเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่
“รุ่นน้องเถา พวกเรากำลังปรึกษาหารือการใหญ่ อย่าได้เข้ามาเพ่นพ่าน รีบๆ ออกไปเสีย” ในเวลานี้สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่มีสีหน้าบึ้งตึง สั่งการต่อเถาถิง
เถาถิงอ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ความจริงแล้วนางเองก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหลี่ชิเย่ถึงบุกรุกเข้ามา