Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2030 เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น
หลิวจินเซิ่นถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินหลี่ชิเย่พูดขึ้นมาเช่นนี้ เขาเองไม่อาจไม่ยอมรับ และกล่าวว่า “ที่อาจารย์พูดมาก็ถูก อาศัยนิสัยเจ้าอารมณ์ของข้าขณะยังหนุ่มแน่น เทียบกับนายน้อยทะยานฟ้าในวันนี้แล้วก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร”
ข้อนี้ หลิวจินเซิ่นเองก็ยอมรับว่า อาศัยความหยิ่งทระนงในวัยหนุ่มของเขา เคยมองเห็นใครอยู่ในสายตาเสียเมื่อไหร่? ครั้งนั้นเรียกได้ว่าเขาไม่เคยมองใครอยู่ในสายตา กับใครก็ดูแล้วไม่ถูกใจทั้งนั้น มีความหยิ่งยโสอยู่เต็มเปี่ยม
เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ถ้าหากว่าตัวเขาขณะอยู่ในวัยหนุ่มแล้วพบเจอกับหลี่ชิเย่ เกรงว่าคงเกิดความขัดแย้งกับหลี่ชิเย่แน่นอน และเป็นคนแรกที่ไม่ยอมให้กับหลี่ชิเย่ ซึ่งเวลานั้นหากเขาเกิดขัดแย้งกับหลี่ชิเย่จริง เขาจะต้องเป็นคนๆ นั้นที่ถูกสังหารโดยหลี่ชิเย่
เวลานี้อายุเขามากแล้ว ผ่านประสบการณ์อุปสรรคมานับไม่ถ้วน ยามที่เขาได้เห็นอะไรที่เรียกว่าปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริงแล้ว เขาจึงเข้าใจว่าตนเองนั้นยังห่างไกลจากความเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริงอยู่มากทีเดียว และเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่า อะไรคือความสูงที่เขาไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้ตลอดกาล
เนื่องด้วยมีประสบการณ์ชีวิตเช่นนี้มา ดังนั้น ครั้งแรกที่พบเจอกับหลี่ชิเย่นั้นเขาจึงดูค่อมต่ำ และระมัดระวังตัวยิ่งนัก หาไม่แล้ว อาศัยเป็นคนเจ้าอารมณ์ในวัยหนุ่มคงไม่ยอมรับการสอนสั่งจากหลี่ชิเย่แล้ว
แน่นอน หลิวจินเซิ่นเองก็เข้าใจ เพราะอารมณ์เช่นนี้ในวันนี้ได้ช่วยเขาเอาไว้ ถ้าหากเขาทำการล้มโต๊ะตั้งแต่วันแรกที่พบกับหลี่ชิเย่หละก็ เวลานี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ ไม่แน่นักอาจถูกหลี่ชิเย่สังหารไปนานแล้ว
แม้ว่าหลิวจินเซิ่นมีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ผู้ที่ก้าวมาถึงระดับอย่างเขานั้น ใช่จะเป็นผู้ที่ดูแคลนในตนเอง เรียกได้ว่าไม่ว่าผู้ที่มาจะเป็นจอมเทพคนใด กระทั่งเป็นระดับเซียนหวังเขาก็ไม่เคยหวั่น หรือหากจะพูดให้ยโส แม้แต่จอมราชันเซียนหวังระดับล่างเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
แต่ว่าหลี่ชิเย่กลับคู่ควรให้เขาต้องนับถือ เนื่องจากผู้ที่ก้าวมาถึงระดับเช่นหลี่ชิเย่แล้ว ความตื้นลึกของทักษะได้กลับกลายเป็นไม่มีความสำคัญอีกแล้ว ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้กระทั่งมัดไก่เอาไว้ แต่หลี่ชิเย่ก็มีร้อยแปดพันเก้าวิธีที่จะสังหารเขาได้
“หยิ่งทระนงใช่จะไม่ดี” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “เพียงแต่อย่าไม่รู้จักตาม้าตาเรือก็ใช้ได้ มีใครบ้างที่ไม่มีความทระนงอยู่บ้างเล่า”
“วัยเยาว์ประมาทเลินเล่อ” หลิวจินเซิ่นถึงกับหัวเราะทอดถอนใจออกมา เขาเองก็ระลึกถึงวันเวลาขณะเยาว์วัย และกล่าวว่า “ช่างเป็นช่วงเวลาที่ปรารถนาของผู้คน และเป็นวันเวลาที่ทำให้ผู้คนต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย”
สิ่งนี้ไม่อาจห้ามไม่ให้หลิวจินเซิ่นต้องทอดถอนใจเช่นนี้ ถ้าหากในวัยหนุ่มเขาไม่ได้อวดดีเช่นนี้ ถ้าหากเขาจะถ่อมตัวเพิ่มขึ้นอีกสักนิดเหมือนดั่งตอนนี้หละก็ ต่อให้ไม่เป็นจอมราชันเซียนหวัง ไม่ไปแย่งชิงความเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย แต่ว่า เขามีโอกาสได้เป็นเทพโบราณได้ในระดับหนึ่ง น่าเสียดายเขาได้ปล่อยผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไป
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งเท่านั้นสำหรับคำพูดของหลิวจินเซิ่น
เสียงตูม…ดังสนั่นเกิดขึ้น ในเวลานี้เอง บนของฟ้าได้เกิดเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระยะ ทำให้ฟ้าดินสั่นไหวทีหนึ่ง ตามติดด้วยประกายแห่งความชั่วร้ายที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วก็แวบหายไป
หลี่ชิเย่จ้องมองออกไปแล้วถึงกับเผยรอยยิ้มขึ้นมา กล่าวเฉยเมยว่า “ตาเฒ่ากลุ่มนี้ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็มีเหตุผล ถึงกับให้บรรดาอาจารย์หนุ่มมาขัดเกลาสักหน่อย เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นตั้งตระหง่านมานานถึงเพียงนี้แล้วยังคงไม่ล้ม”
“เป็นความตั้งใจให้มันคงอยู่ของเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเท่านั้นเอง” หลิวจินเซิ่นถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ลำพังแค่เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น สำหรับสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วนับเป็นอะไรได้ การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าคงมันเอาไว้อย่างนั้นก็เพื่อเป็นการเตือนเท่านั้นเอง ทั้งเตือนตนและเตือนชนรุ่นหลัง”
“มีเหตุผล” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ไปเถอะ ไปดูสักหน่อยก็ได้” กล่าวพลางลุกขึ้นยืน
เรื่องนี้…หลิวจินเซิ่นถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง ท่าทีเหมือนผะอืดผะอมอยู่บ้าง
“ทำไม ลำพังแค่เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นก็สามารถทำให้เจ้าหวาดกลัวได้ด้วยรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มแต้มองดูหลิวจินเซิ่น
“ไม่ ไม่มีอะไร” หลิวจินเซิ่นหัวเราะเจื่อนๆ รีบเร่งพูดขึ้นมาว่า “ศิษย์ติดตามอาจารย์ไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน”
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งและก็ไม่ได้พูดอะไร เหินฟ้าไปทันที
หลิวจินเซิ่นทอดถอนใจภายในใจทีหนึ่ง แล้วก็รีบเหินฟ้าตามหลี่ชิเย่ไปให้ทัน
ถ้าหากเป็นนักศึกษาที่เคยมาสวนชาอยู่ก่อนแล้วล้วนแล้วแต่เคยได้ยินชื่อเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นทั้งสิ้น อีกทั้งนักศึกษาที่เข้ามายังสวนชานั้น ขอเพียงมีความถือดีอยู่บ้าง ก็จะมาดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นกัน
เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นจะถูกแขวนห้อยอยู่บนท้องฟ้าสูง ตั้งอยู่บนเมฆา มองเห็นที่นั้นมีพลังชั่วร้ายรุนแรง อีกทั้งพลังชั่วร้ายแต่ละชั้นถึงกับวางซ้อนทับกันอยู่ กลายเป็นบันไดเจ็ดขั้น บันไดทุกขั้นล้วนแล้วแต่พลังชั่วร้ายดั่งทะเล ดูไปแล้วเสมือนดั่งทะเลพลังชั่วร้ายอย่างนั้น
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง พลังชั่วร้ายแต่ละชั้นเมื่อมองจากระยะห่างไกล มันเหมือนเป็นทะเลพลังชั่วร้ายเจ็ดชั้น
ด้านล่างของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นเป็นยอดเขาสูงลูกหนึ่ง ยอดเขาลูกนี้กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของสวนชา แต่ว่าเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นสยบอยู่ตรงนี้ ไม่เพียงสยบภูเขาลูกนี้เอาไว้ ยังสยบเส้นชีพจรใหญ่เส้นหนึ่งของที่นี่เอาไว้
เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นไม่ได้สูงมากนัก แต่ทว่ามันสยบอยู่ที่ตรงนั้น เสมือนหนึ่งเป็นภูเขามารลูกหนึ่งที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ มันพวยพุ่งพลังชั่วร้ายออกมาอย่างไม่ขาดสาย เนื่องเพราะกลิ่นอายสายนี้ที่พวยพุ่งต่อเนื่องออกมาไม่ขาดสายนี้เอง ทำให้ด้านนอกของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นกลายเป็นทะเลพลังชั่วร้าย
เมื่อพูดถึงเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นแล้วมันมีตำนานอยู่ และเคยเป็นตำนานที่สืบทอดอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาช้านาน พระเอกของเรื่องนี้ก็คือนักศึกษาที่เป็นอัจฉริยะบุคคลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า จอมทระนงอเวจีนั่นเอง!
เล่าลือกันว่าจอมทระนงอเวจีเคยเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงมากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่ง ทำให้บรรดาอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าดูจะให้ความสำคัญกับตัวเขาเป็นอันมาก
ด้วยเหตุที่จอมทระนงอเวจีมีพรสวรรค์ที่สูงเกินไป ทำให้เขามีความยโสที่รุนแรง หมางเมินทั่วหล้า ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา กระทั่งกล่าวได้ว่าจอมทระนงอเวจีไม่เห็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่ในสายตา
จากการที่จอมทระนงอเวจียโสเกินไปนี่เอง ครั้งหนึ่งในงานมหกรรมชิมชาถึงกับเกิดความขัดแย้งกับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เมื่อพูดคุยกันไม่เข้าหู จอมทระนงอเวจีได้ท้าสู้กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
สมควรทราบว่า ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีนักศึกษาไม่กี่คนที่กล้าท้าสู้กับอาจารย์ง่ายดายนัก จะอย่างไรเสีย อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ระดับจอมเทพ
แต่ว่า จอมทระนงอเวจีกลับท้าสู้กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่อาจไม่ยอมรับว่าจอมทระนงอเวจีนับว่ามีคุณสมบัติของความยโสอยู่จริง ถึงกับเอาชนะอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ารวดเดียวถึงห้าคน เรียกได้ว่าท่าทีของจอมทระนงอเวจีไม่มีใครสามารถต้านทานได้
ในเวลานี้เอง เรื่องของจอมทระนงอเวจีได้ทำให้ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าตื่นขึ้นมา ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าลงมือและเอาชนะจอมทระนงอเวจีไปได้
จอมทระนงอเวจีที่ต้องพ่ายแพ้นั้นไม่ยอมรับยิ่งนัก จึงนำเอาของวิเศษที่ทรงพลังที่สุดของตนมาสยบที่ตรงนี้เอาไว้ ประกาศว่า คงมีสักวันที่เขาจะกลับมานำกลับไปด้วยตนเอง และเอาชนะผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมด
ของวิเศษที่ว่าก็คือเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นที่ยืนหยัดอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าในวันนี้
พูดไปแล้วก็แปลก อาศัยศักยภาพของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว สามารถนำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นออกไปได้แน่นอน แต่ว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้า กลับปล่อยให้เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นยืนหยัดอยู่ที่ตรงนี้
สมควรทราบว่า สำหรับสำนักใดสำนักหนึ่งแล้ว ยอดฝีมือของสำนักตนถูกยัดเยียดความพ่ายแพ้ อีกทั้งยังมีเส้นชีพจรใหญ่สายหนึ่งถูกคนอื่นอาศัยของวิเศษสยบเอาไว้มันคือความอัปยศอย่างหนึ่ง หากเปลี่ยนเป็นสำนักอื่นคงนำออกไปนานแล้ว
แต่ว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ปล่อยให้เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นสยบอยู่ที่ตรงนี้ ปล่อยให้จอมทระนงอเวจีสยบเส้นชีพจรใหญ่ตามอำเภอใจ
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังส่งอาจารย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มาขัดเกลาจากเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น ให้แบกรับพลังชั่วร้ายจากเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นท่ามกลางทะเลพลังชั่วร้าย
แต่จะว่าไปแล้วก็ให้แปลก ภายหลังจอมทระนงอเวจีก็ไม่ได้กลับมานำเอาของวิเศษของตนกลับไป
สมควรทราบว่า ภายหลังจอมทระนงอเวจีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า กลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง เรียกได้ว่าอยากจะหาผู้ต่อกรในหล้าได้
ตามหลักแล้ว หลังจากที่จอมทระนงอเวจีได้ก้าวสู่ระดับเช่นนี้แล้ว สมควรที่จะกลับมาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้านำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นกลับไป และเอาชนะอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเพื่อลบล้างความอัปยศครั้งก่อน
แต่ว่า หลังจากที่จอมทระนงอเวจีได้กลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับมาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าแม้เพียงก้าวเดียว และไม่เคยได้ยินว่าเขาจะกลับมาเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นกลับไป
สำหรับเหตุผลที่จอมทระนงอเวจีไม่ได้ทำตามคำกล่าวที่อวดดีขณะยังอยู่ในวัยหนุ่มนั้น เป็นเรื่องที่บุคคลภายนอกไม่สามารถทราบได้
ถึงแม้จอมทระนงอเวจีจะไม่ได้กลับมานำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นไป แต่ว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าเองก็ไม่ได้ส่งคนไปนำมันไปเช่นกัน ยังคงปล่อยให้เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นยืนตระหง่านอยู่ตรงนี้
จากจุดนี้ก็สามารถมองเห็นความใจกว้างของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ผู้อื่นไม่มี มิน่าเล่าผู้อื่นถึงได้กล่าวว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าสามารถรอบรับแม่น้ำร้อยสายได้
“เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นนะเนี่ย ครั้งนั้นนับว่าจอมทระนงอเวจีโอหังโดยแท้” นักศึกษาผู้ใดก็ตาม เมื่อมองเห็นเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นแล้วก็ต้องทอดถอนในออกมา.
เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นในปัจจุบันทรงพลังมากยิ่งกว่าเสียอีก เนื่องจากเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นได้สยบอยู่ที่ตรงนี้เป็นเวลานานมาก มันได้สยบเส้นชีพจรใหญ่เส้นนี้เอาไว้ ได้นำเอาพลังที่เหนือธรรมชาติของเส้นชีพจรใหญ่นี้มาแปลงเป็นพลังชั่วร้ายอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้น จากการสั่งสมนานเป็นเดือนปี ทำให้เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นทรงพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่รู้เท่าไร
“นับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ของวิเศษยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง” ในขณะนี้ปรากฎชายหนุ่มคนหนึ่งคำรามเสียงยาวจากชั้นที่หกของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น ท้ายที่สุดเขาทนต่อพลังชั่วร้ายที่อยู่ด้านในไม่ได้ ฉีกอากาศจนขาดกระจุยและก้าวเท้าออกมาทันที ท่าทางของเขาดูกระเซอะกระเซิง แต่ยังคงมีท่วงท่าบุคลิกที่ดูกระฉับกระเฉง
ชายหนุ่มผู้นี้ก้าวเท้าออกจากทะเลชั่วร้าย หันหลังกลับไปมองดุเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นอีกครั้ง ถึงกับกล่าวทอดถอนใจออกมาว่า “มิน่าเล่าครั้งนั้นจอมทระนงอเวจีถึงได้หยิ่งยโสถึงเพียงนี้ นับว่าพลังน่ากลัวโดยแท้ เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก” จากนั้น หันหลังจากไป
“อาจารย์โจวก็ไม่สามารถลุยขึ้นไปบนเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นนะเนี่ย” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มุงดูต่างวิจารณ์กันให้แซด เมื่อมองเห็นอาจารย์ผู้นี้กลับไปด้วยความพ่ายแพ้
“เวลานี้เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นทรงพลังยิ่งเหลือเกิน มีอาจารย์คาดการณ์ว่า คิดจะก้าวเดินทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นให้ครบ อย่างน้อยต้องเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์แปดดวง” มีนักศึกษาที่วิจารณ์กันว่า “หากคิดจะนำเอาเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นไป ต้องเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงถึงจะทำได้”
“มันก็ไม่แน่เสมอไป” เวลานี้มีคนผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้”
“ยุวกษัตริย์มีความเห็นเช่นใด?” ผู้คนต่างทยอยกันมองไปยังต้นเสียงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ มีนักศึกษารีบขอคำชี้แนะด้วยความถ่อมตนทันทีที่เห็นคนผู้นี้
คนผู้นี้ก็คือยุวกษัตริย์หกกระบี่นั่นเอง เขาเองก็มาดูความคึกคักของที่นี่ เนื่องจากเคยได้ยินผู้เป็นบิดาพูดถึงเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาดูความคึกคักเป็นพิเศษ อีกทั้งเวลานี้มีอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกส่งมารับการขัดเกลาอยู่ตรงนี้พอดี
“เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นสามารถอาศัยเล่ห์กล ไม่จำเป็นต้องอาศัยกำลังเสมอไป” เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่จ้องมองดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นหลังนี้ รู้สึกหวั่นไหวในใจ
จะอย่างไรเสีย เจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้คือของวิเศษยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง ทรงพลังยิ่งนัก ครั้งนั้นก็นับเป็นของล้ำค่ายิ่งของจอมทระนงอเวจี เป็นเพราะเขาเกิดงอนขึ้นมา จึงได้ให้ของวิเศษชิ้นนี้สยบที่ตรงนี้เอาไว้