Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2032 ท้าสู้
ยุวกษัตริย์หกกระบี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สงบจิตสงบใจเอาไว้ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทักษะของข้าอ่อนด้อย หากจะถอนเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชิ้นโดยอาศัยพลังอันน้อยนิดของข้าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่า หากจะย่างกรายเข้าไปยังทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นข้ากลับมีความมั่นใจ”
แม้จะกล่าวว่า อาศัยศักยภาพของยุวกษัตริย์หกกระบี่จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในการเข้าไปทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชิ้นได้อยู่ล้ว แต่ว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่กลับสามารถกุมความลึกซึ้งพิสดารขงเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชิ้นเอาไว้ ดังนั้น เขาจึงกล้าพูดคำพูดที่มีพลังกล้าได้กล้าเสียเช่นนี้
“ยอดเยี่ยมมาก มีความกล้าหาญ” หลี่ชิเย่พยักหน้า ถือว่าเป็นการเอ่ยคำชมเชย
ท่าทีเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ตะลึงนิดหนึ่ง เดิมเขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่จะต้องถือโอกาสฉีกหน้าเขา ไม่นึกเลยว่าหลี่ชิเย่กลับจะเอ่ยชมเขา ซึ่งทำให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถึงกับรับมือไม่ถูกอยู่บ้าง
แต่ทว่า ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ศิษย์กลับอยากเข้าไปเดินเล่นในทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นสักครั้ง ไม่ทราบว่าอาจารย์สามารถให้คำชี้แนะบ้างได้หรือไม่?”
คำพูดของยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงนิดหนึ่ง กระทั่งมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกตกใจยิ่งนัก คำพูดที่พูดออกมาเช่นนี้แฝงความหมายท้าสู้กับหลี่ชิเย่
การท้าสู้กับอาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำเป็นต้องมีความกล้าหาญที่สูงมาก
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขึ้นมากับคำพูดของยุวกษัตริย์หกกระบี่ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “น่าสนใจ ครั้งนั้น ณ ที่ตรงนี้แหละ จอมทระนงอเวจีได้ท้าสู้กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และเอาชนะอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า มาวันนี้สิ่งนี้ถือเป็นการท้าสู้ข้าของเจ้ารึ? คนหนุ่มมีพลังที่น่าเคารพเลื่อมใส เจริญรอยตามรอยเท้าของคนรุ่นก่อน”
เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่สุดลมหาใจเข้าลึกๆ มั่นคงในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร กล่าวน่าเกรงขามว่า “เป็นอาจารย์เองมิใช่รึที่ชื่นชอบให้นักศึกษาอย่างพวกเราท้าสู้? ศิษย์ไม่เจียมตน ขอประลองกับอาจารย์บ้าง!”
การที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่ท้าสู้กับหลี่ชิเย่อย่างกะทันหันเช่นนี้ก็เป็นความคิดที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเอง แต่ก็อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว เนื่องจากเขาต้องเสียเปรียบต่อหลี่ชิเย่มาหลายครั้ง อัดอั้นอยู่เต็มอก ดังนั้น เข้าจึงคิดจะแก้แค้นเพื่อเรียกเอาศักดิ์ศรีกลับคืน
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ กับการท้าทายของยุวกษัตริย์หกกระบี่ ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ยิ้มกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะประลองกันแบบไหนหละ?”
“ศิษย์ไม่เจียมตัว จะไปทะเลชั่วร้ายสักครั้งหนึ่ง ไม่ทราบว่าอาจารย์กล้าไปหรือไม่?” ไหนๆ ก็แตกหักกันแล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นคนน่ารักอีกต่อไป พูดเสียงเย็นชาออกมาตรงๆ
“ไปยังทะเลชั่วร้ายสักครั้งนะเนี่ย?” หลี่ชิเย่มองดูเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นทีหนึ่งแล้วมองดูพลังชั่วร้ายที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ มองเห็นพลังชั่วร้ายที่ไหลรินเสมือนหนึ่งเป็นทะเลกว้างใหญ่อยู่ตรงนั้น จึงไม่แปลกที่ถูกผู้คนเรียกว่าทะเลชั่วร้าย
“ทำไมจะไม่กล้า” หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มจางๆ ออกมา กล่าวตามอารมณ์ว่า “นี่เกรงจะเป็นการไม่เจียมตนของเจ้า หาเรื่องใส่ตัว”
เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูถูกเช่นนี้ พลันทำให้สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่มีสีหน้าบึ้งตึง แววตาดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น มองเห็นปณิธานการสังหารที่เต้นอยู่ลึกเข้าไปภายในดวงตา
อาจกล่าวได้ว่า นับตั้งแต่ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้รู้ถึงฐานะของหลี่ชิเย่ว่าเป็นอาจารย์แล้ว เขาได้เก็บงำเจียมตัวไปมาก ได้ควบคุมตัวเองไปไม่น้อย ไม่กล้าบังเกิดปณิธานการฆ่าขึ้นกับหลี่ชิเย่ แต่ทว่า เวลานี้เขาได้บังเกิดแนวความคิดที่กล้าหาญมากขึ้นมากะทันหัน พริบตาเดียวนี้ เขาได้บังเกิดปณิธานการฆ่าต่อหลี่ชิเย่ขึ้นในใจ ถ้าหากว่าเขาสามารถสังหารอาจารย์สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้สักคนจริงๆ ย่อมเพียงพอที่จะให้เขามีชื่อเสียงดังไปทั่วหล้า ซึ่งจะทำให้ชื่อเสียงของเขายกระดับขึ้นไปได้อีกขั้นหนึ่ง
“ดี เมื่ออาจารย์ดูถูกนักศึกษาถึงเพียงนี้ เช่นนั้นแล้วศิษย์ยิ่งสมควรประลองกับอาจารย์สักหน่อย” นัยน์ตาทั้งสองของยุวกษัตริย์หกกระบี่ลุกโชน ความน่าเกรงขามข่มขวัญผู้คน กล่าวเสียงเย็นชาขึ้นว่า “ศิษย์จะเข้าไปยังทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นสักครั้ง อาจารย์กล้าเข้าไปหรือไม่?”
“ทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้น?” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกตกใจเป็นอันมากเมื่อได้ยินคำพูดของยุวกษัตริย์หกกระบี่ เมื่อครู่นั้นแม้แต่อาจารย์ท่านหนึ่งของสถาบันก็ไม่สามารถเข้าไปยังทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นได้ เวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่กลับจะบอกว่าต้องการเข้าไปในทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นอย่างกะทันหัน แล้วจะไม่ให้ทุกคนต้องตกใจได้อย่างไรกันเล่า
ใช่ว่านักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์จะดูแคลนในตัวของยุวกษัตริย์หกกระบี่ ตรงกันข้าม ทุกคนกลับรู้สึกว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่เป็นผู้ที่มีศักยภาพคนหนึ่ง ในบรรดานักศึกษาก็นับเป็นระดับอัจฉริยะบุคคลลำดับต้นๆ คนหนึ่ง แต่ว่าอาศัยศักยภาพของเขาในเวลานี้หากคิดจะเข้าไปยังทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้น มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้พูดจาอันธพาลออกมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับตกใจยิ่งนัก แต่ก็มีนักศึกษาที่ฉลาดมีไหวพริบ พวกเขานึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ทันที
ก่อนหน้านั้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่เคยพูดเอาไว้ว่า การเข้าไปเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นสามารถอาศัยเล่ห์เหลี่ยมได้ เป็นที่ทราบกันว้า บิดาของยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็เป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง บางทีเวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้กุมความลึกซึ้งพิสดารของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นเอาไว้แล้วก็ไม่แน่
เมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว บรรดานักศึกษาที่ฉลาดและมีไหวพริบจำนวนไม่น้อยได้สติกลับมา การที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่มีความมั่นใจตนเองถึงเพียงนี้ ย่อมหมายความว่ามีแผนอยู่ในใจแล้ว และมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ดังนั้น เวลานี้พวกเขาต่างทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่ ดูว่าหลี่ชิเย่กล้ารับคำท้าหรือไม่
“เข้าไปทะเลชั่วร้ายเจ็ดชั้นรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า และกล่าวว่า “ใช่ว่าข้าจะดูถูกเจ้า อาศัยศักยภาพของเจ้าคิดจะเข้าไปยังชั้นที่เจ็ด ยาก หากพลาดพลั้งแม้แต่นิดเดียว เจ้าก็จะต้องจบชีวิตอยู่ตรงนั้น”
“เป็นตายฟ้าลิขิต” นัยน์ตาทั้งสองของยุวกษัตริย์หกกระบี่มองเห็นภาพในอดีตอีกครั้ง ยืดอกขึ้นบังเกิดความฮึกเหิมกล้าได้กล้าเสียขึ้นมารุนแรง และกล่าวว่า “ลูกผู้ชายอยู่บนโลกนี้ก็ต้องกล้าเสี่ยงเต็มที่ ขอถามอาจารย์ว่ากล้าเสี่ยงหรือไม่? ข้า ข่งเย่หลินไม่ใช่คนกลัวตาย แต่ไม่รู้สิว่าอาจารย์จะกล้าเสี่ยงสักครั้งหรือไม่!”
“รุ่นพี่มีฮึกเหิมกล้าได้กล้าเสีย เป็นแบบฉบับของพวกเรา” มีนักศึกษาที่ได้ยินคำพูดที่กล้าได้กล้าเสียเช่นนี้ของยุวกษัตริย์หกกระบี่แล้ว อดที่จะยกนิ้วโป้งกล่าวชื่นชมออกมา
หลี่ชิเย่มองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแล้ว ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “เจ้าต้องการต่อสู้แบบไหน?”Aileen
ยุวกษัตริย์หกกระบี่กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ใครก้าวเดินไปได้ไกลที่สุดเป็นผู้ชนะ แน่นอน หากใครต้องเสียชีวิตท่ามกลางทะเลชั่วร้ายก็ต้องโทษว่าตัวเองนั้นฝีมือไม่ดี! ถ้าหากผู้ที่พ่ายแพ้ยังคงมีชีวิตอยู่ ต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้ง!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นัยน์ตาทั้งสองของเขาจ้องมองหลี่ชิเย่น่าเกรงขาม
เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ทุ่มเต็มที่ ไหนๆ ก็ท้าสู้กับหลี่ชิเย่ไปแล้วยังจะต้องกังวลในสิ่งใดอีก ต่อให้เขาต้องพ่ายแพ้จริงๆ แม้ว่าไม่สามารถอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้อีกต่อไป แต่ด้านนอกยังคงทะเลและท้องฟ้ากว้างไกล
อาศัยศักยภาพของเขา อาศัยบิดาที่เป็นจอมเทพดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง แผ่นดินกว้างใหญ่ เขาไปอยู่ที่ไหนก็สามารถทำให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ดังนั้น เมื่อนึกและเข้าใจในข้อนี้แล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ไม่เกรงกลัวหลี่ชิเย่อีกต่อไป ต้องการต่อสู้กับหลี่ชิเย่ให้ถึงที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในใจของยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้คิดคำนวณเอาไว้อย่างดี เขารู้ดีถึงความลึกซึ้งพิสดารของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น เขาสามารถเข้าไปยังทะเลชั่วร้ายชั้นที่เจ็ดได้อย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเขากำไพ่ตายเอาไว้แล้ว ต้องสยบกดหลี่ชิเย่ลงไปได้แน่นอน
ในสายตาของยุวกษัตริย์หกกระบี่มองว่า ต่อให้หลี่ชิเย่สามารถเอาชีวิตรอดจากทะเลชั่วร้ายมาได้ ถ้าหากเขาพ่ายแพ้ให้กับตน แล้วต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งให้กับตนต่อหน้านักศึกษา เช่นนั้นแล้วเขาก็ต้องเสียหน้าจนสิ้น ดูสิว่าต่อไปยังจะกล้าแสดงอำนาจบารมีในสถาบันศึกษาเทพเจ้าอีกหรือไม่
“ผู้ที่พ่ายแพ้จะต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งนะเนี่ย?” หลี่ชิเย่ถึงกับมองดูทะเลชั่วร้ายทีหนึ่ง จากนั้นมองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่ ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้สึกว่าพิธีการนี้มันมากเกินไปรึ?”
“ไม่มาก” ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “อาจารย์เองไม่ใช่รึที่ให้พี่ทะยานฟ้าแสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง? ถ้าหากศิษย์พ่ายแพ้ กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งต่ออาจารย์ก็เป็นการสมควรแล้ว”
“ที่พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นักศึกษากราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งต่ออาจารย์ไม่ถือเป็นพิธีการหนักหนาอะไร” เอ่ยถึงตรงนี้แล้วพร้อมกับพยักหน้า
“แต่ว่า หากอาจารย์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แล้วต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งต่อนักศึกษาหละก็ เช่นนั้นแล้วก็ดูจะเป็นพิธีการที่มากไปนิดหนึ่งแล้ว” ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเขายังสามารถอดกลั้นได้ นาทีนี้กลับกลายเป็นท่าทีที่ไม่ธรรมดาและข่มเหงผู้อื่น
ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ต้องการทำการใหญ่ขึ้นมา เขาได้กุมความลึกซึ้งพิสดารของเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้นเอาไว้ เรียกได้ว่าที่ตรงนี้เขาคือเจ้าภาพ หากประลองกันต่อหน้าเจดีย์ชั่วร้ายเจ็ดชั้น เขามั่นใจตนเองว่าสามารถทำได้ดีกว่าเทพบุตรซือจง และนายน้อยทะยานฟ้า
กล่าวสำหรับเขาแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมาก หากไม่ฉวยโอกาสที่ได้เปรียบเช่นนี้ส่งผลกระทบและดับความฮึกเหิมของหลี่ชิเย่หละก็ นับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก
คำพูดที่พาลของยุวกษัตริย์หกกระบี่ทำเอานักศึกษาที่ไม่เข้าใจต้องตกใจอย่างยิ่ง นักศึกษาที่เข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้วต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ พวกเขารู้สึกว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่มีโอกาสชนะในครั้งนี้มาก หากไม่เป็นเพราะมีการวางแผนเอาไว้แล้ว ยุวกษัตริย์หกกระบี่คงไม่พูดคำพูดที่อันธพาลเช่นนี้
ดังนั้น จึงมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้ม พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องการเห็นหลี่ชิเย่ต้องอับอาย จะอย่างไรเสียมีนักศึกษาจำนวนมากต่างรู้สึกไม่สบอารมณ์กับหลี่ชิเย่ ใครใช้ให้หลี่ชิเย่ยโสถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากพวกของเหมยซู่เหยา เขานับเป็นหนามยอกอกของนักศึกษาชายอย่างแน่นอน
“ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ถ้าหากต้องกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งต่อนักศึกษานับว่าขายหน้าอยู่” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีจริงจังมาก ด้วยท่าทีลักษณะเช่นนี้จึงทำให้เป็นที่เข้าใจผิดของผู้คนทันที ต่างคิดว่าหลี่ชิเย่กำลังลังเลอยู่
“อาจารย์กล้าพนันหรือไม่?” ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะเยาะทีหนึ่ง ยืดอกขึ้น เวลานี้เขาโกรธถึงที่สุดแล้วจึงทำได้ทุกอย่าง ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนกล่าวเยาะเย้ยว่า “แน่นอน ถ้าหากอาจารย์ยอมแพ้เสียแต่ตอนนี้ยังทัน ถ้าหากอาจารย์ยอมแพ้ตอนนี้หละก็ ขอเพียงกราบหนึ่งครั้งเท่านั้นพอ!”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่จงใจยั่วให้หลี่ชิเย่โกรธ เขาไม่เพียงต้องการบีบให้หลี่ชิเย่โกรธเท่านั้น เขาต้องการยั่วให้หลี่ชิเย่โกรธนี่แหละเพื่อจะได้ล่อให้เขาเข้าไปในทะเลชั่วร้าย กล่าวสำหรับเขาแล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่เข้าไปในทะเลชั่วร้ายก็มีแผนการแล้วหละ
เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่นึกถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองพลันมองเห็นเรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาอย่างชัดเจน ปรากฏปณิธานการฆ่าที่เต้นไปมา ความจริงแล้วเขาไม่เพียงต้องการการกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งเท่านั้น เขาต้องการสังหารหลี่ชิเย่เสีย เพื่อลบล้างความอัปยศที่คงอยู่ในใจของตน
ทุกคนต่างก็รู้ว่า หากหลี่ชิเย่ต้องเสียชีวิตภายใต้การท้าสู้เช่นนี้หละก็ ย่อมไม่สามารถเอาความยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ ได้แต่โทษตัวเขาที่ฝีมือไม่ดี และทางสถาบันก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าเพราะอะไรยุวกษัตริย์หกกระบี่ถึงต้องแตกหักกับหลี่ชิเย่เพื่อทำการใหญ่ต่อหลี่ชิเย่
“จินเซิ่นหน่ะ เจ้าว่าข้าควรจะรับการพนันสักครั้งหรือไม่หละ?” หลี่ชิเย่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเอ่ยกับหลิวจินเซิ่นที่อยู่ข้างกาย
หลิวจินเซิ่นมองดูยุวกษัตริย์หกกระบี่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “อาจารย์คือผู้สูงส่งในหล้า คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่าน แค่ผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้น ไม่เข้าตาของอาจารย์”
คำพูดของหลิวจินเซิ่นนับว่าเป็นความหวังดีแล้ว จะอย่างไรเสียขณะที่ตัวเขาอายุยังน้องก็ประมาทเลินเล่อเช่นนี้มาก่อน เขาจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ หากยุวกษัตริย์หกกระบี่แข่งกับหลี่ชิเย่ มันคือการรนหาที่ตายเอง
“เจ้าแก่ อย่าทำพูดจาเพ้อเจ้ออยู่ตรงนี้!” ยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันรู้สึกไม่พอใจในคำพูดของหลิวจินเซิ่น จะตวาดเสียงดุดันออกไป
“จินเซิ่นหน่ะ ดูท่าคนอื่นเขาไม่ยอมรับความหวังดีของเจ้านะ” หลี่ชิเย่ถูมือและหัวเราะขึ้นมา