Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2043 ดอกสัจธรรม
“นั่นสิ แม้แต่เซียนหวังอิเย่ก็เคยมาถ่ายทอดวิชาที่ตรงนี้” มีนักศึกษาจากจวนราชันมองดูดอกสัจธรรมที่อยู่บนผนังสัจธรรม ก็ต้องอุทานด้วยความชื่นชมกับสิ่งนี้
บนแถวที่สองของผนังสัจธรรม ท่ามกลางดอกสัจธรรมหนึ่งในหกดอกก็มีดอกหนึ่งที่จารึกคำว่า ‘อิเย่’ เอาไว้ อักษรทั้งสองตัวนี้ปรากฏกลิ่นอายเซียนที่ลอยล่อง ซึ่งเป็นลายมือของเซียนหวังอิเย่เองที่ได้จารึกเอาไว้
การมาถ่ายทอดวิชาความรู้ที่นี่ เมื่อดอกสัจธรรมเบ่งบาน อาจารย์ผู้มาถ่ายทอดวิชาความรู้สามารถฝากชื่อของตนเองไว้ที่ดอกสัจธรรมของตนเอาไว้ แน่นอน จะไม่ฝากชื่อเอาไว้ก็ได้
ลองคิดดู แม้แต่เซียนหวังอิเย่ยังเคยมาถ่ายทอดความรู้ที่นี่ เคยทำให้ดอกสัจธรรมบานเบ่งได้ถึงสิบสองกลีบ ช่างเป็นเรื่องที่ปราดเปรื่องยิ่งนัก
เซียนหวังอิเย่คือเซียนหวังคนแรกของร้อยชาติพันธุ์ และเป็นเซียนหวังเพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสาย ขณะเดียวกันยังเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าในครอบครองสิบสองสายเป็นองค์ที่แปดในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา!
ลองนึกดู แม้แต่เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยังเคยถ่ายทอดวิชาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความโชตช่วงชัชวาลเพียงใด มีธาตุแท้ภายในที่น่าสะเทือนหวั่นไหวเช่นใด
ดังนั้น กล่าวได้ว่าเมื่อนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายืนอยู่ด้านนอกลานธรรมนั้น ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ที่สูงเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่ยอดยี่ยมเช่นใด พวกเขาต่างก็ทำหยิ่งยโสไม่ขึ้น ต้องเก็บงำความหยิ่งยโสของตนเอาไว้
แม้แต่เซียนหวังอิเย่ยังเคยมาถ่ายทอดวิชาอยู่ที่ตรงนี้ พวกเขานับเป็นอะไรได้? ดังนั้นเมื่อมาอยู่ตรงนี้แล้วไม่ว่านักศึกษาคนใดก็ตามล้วนแล้วแต่ไม่กล้าทำอวดดีทั้งสิ้น!
“ผู้เฒ่าม่อยอดเยี่ยมเหลือเกิน ไม่ใช่เซียนหวัง แต่ยิ่งกว่าเซียนหวัง” มีนักศึกษาจากหอศักดิ์สิทธิ์มองดูดอกสัจธรรมหนึ่งในหกดอกในแถวที่สอง ซึ่งจากรึกชื่อว่า ‘ม่อเชียนจวิน’ กล่าวทอดถอนใจยิ่งออกมา
ในจำนวนดอกสัจธรรมหกดอกของแถวที่สอง มีอยู่สี่ดอกที่ไม่ได้มีการจารึกชื่อเอาไว้ มีเพียงสองดอกเท่านั้นที่มีชื่อจารึกเอาไว้ นอกจากเซียนหวังอิเย่แล้ว อีกดอกหนึ่งได้จารึกชื่อเป็นอักษรสามตัวคำว่า ‘ม่อเชียนจวิน’ เอาไว้
หากเอ่ยถึงชื่อ ‘ม่อเชียนจวิน’ กับบุคคลภายนอก บางทีในโลกนี้อาจมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่หากเอ่ยชื่อของ ‘ผู้เฒ่าม่อ’ เช่นนั้นแล้วก็จะทำให้ผู้คนต้องลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่ยอดเยี่ยมปานใดก็ตาม เมื่อได้ยินชื่อ ‘ผู้เฒ่าม่อ’ แล้วก็ต้องบังเกิดความเคารพขึ้นมาทันที แม้แต่เซียนหวังอิเย่ที่เป็นเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้ เมื่อเจอะเจอกับม่อเชียนจวินแล้ว ก็ต้องเอ่ยคำว่า ‘อาจารย์’ ด้วยความเคารพ!
ม่อเชียนจวินนั้นคืออาจารย์ผู้มีอาวุโสสูงสุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า นักศึกษาที่มีความโดดเด่นจากการสอนมาของเขามีมากมายเหลือเกิน ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยที่เป็นเซียนหวัง หรือจอมเทพ เฉกเช่นเซียนหวังฉีหลินก็เคยสอนโดยเขามาก่อน
ดังนั้น ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงได้เคยมีคำพูดเช่นนี้ว่า ถ้าหากเจ้ามีโอกาสเรียนกับม่อเชียนจวินสักครั้งหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับชีวิตนี้ ไม่เสียทีที่เคยร่ำเรียนอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน
“เฮ่อ ทางสถาบันไม่ได้จัดให้มีการเรียนการสอนกับผู้เฒ่าม่อเป็นเวลานานแล้ว ถ้าหากพวกเราสามารถได้เรียนกับผู้เฒ่าม่อสักครั้งหนึ่ง มันช่างเป็นนความโชคดีอะไรอย่างนั้น มันคือได้รับโชคก้อนใหญ่นั่นเอง” นักศึกษาจากจวนราชันก็พูดทอดถอนใจออกมาเช่นกัน
ลองนึกดู ความสำเร็จในด้านการสอนของม่อเชียนจวินนั้น เทียบเคียงได้กับเซียนหวังอิเย่ที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า การบรรยายของม่อเชียนจวินนั้นลึกซึ้งยอดเยี่ยมเพียงใดแล้ว!
“นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีเพียงผู้เฒ่าม่อบังเอิญเกิดนึกอยากจะบรรยายสักครั้งเท่านั้น” มีรุ่นพี่ได้กล่าวว่า “ฟังว่าการบรรยายของผู้เฒ่าม่อในครั้งนั้นคือเมื่อห้าพันปีก่อน รุ่นของพวกเราเกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้ฟังการบรรยายของผู้เฒ่าม่อแล้วหละ”
“ดอกสัจธรรมสองดอกที่อยู่แถวที่หนึ่งใครเป็นผู้ฝากเอาไว้?” รุ่นน้องที่จ้องมองดูผนังสัจธรรมแล้วถึงกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย
แถวแรกมีดอกสัจธรรมอยู่เพียงแค่สองดอก อีกทั้งดอกสัจธรรมสองดอกนี้ต่างเบ่งบานกลีบดอกมาสิบสามกลีบ อีกทั้งดอกสัจธรรมทั้งสองดอกล้วนแล้วแต่ไม่ได้ฝากชื่อเอาไว้
เป็นที่ทราบกันดีว่า เซียนหวังอิเย่กับม่อเชียนจวินต่างก็สามารถทำให้กลีบดอกของดอกสัจธรรมบานเบ่งได้เพียงสิบสองกลีบเท่านั้น แต่ว่า เหนือพวกเขาขึ้นไปกลับจะมีดอกสัจธรรมที่เบ่งบานได้สิบสามกลีบอีกสองดอก ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าในด้านความสำเร็จการถ่ายทอดวิชานั้น ยังมีอีกสองคนที่อยู่เหนือเซียนหวังอิเย่กับผู้เฒ่าม่อ
เซียนหวังอิเย่คือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย ม่อเชียนจวินคืออาจารย์ผู้มีอาวุโสสูงสุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า กล่าวได้ว่าการตระหนักรู้และความเข้าใจในด้านสัจธรรมของพวกเขาทั้งสองน่าจะไม่มีใครล้ำหน้าพวกเขาไปได้จึงจะถูก แต่ทว่า เหนือพวกเขาขึ้นไปกลับจะมีดอกสัจธรรมที่บานเบ่งถึงสิบสามกลีบอยู่สองดอก นี่แหละคือสิ่งที่สร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนยิ่งนัก
“นี่เป็นปริศนา มีผู้กล่าวว่านี่คือหนึ่งในปริศนาที่น่าสนใจที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า” มีรุ่นพี่ที่สูงกว่ารุ่นหนึ่งส่ายหน้าและกล่าวว่า “เกี่ยวกับดอกสัจธรรมสองดอกนี้มีการคาดกันมาโดยตลอด อีกทั้งได้เกิดคำเล่าลือมามากมาย มีสารพัดรูปแบบ”
เมื่อรุ่นพี่ผู้นี้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หัวเราะและกล่าวว่า “คำพูดที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือคือ ดอกสัจธรรมสองดอกนี้ได้มีการฝากเอาไว้โดยราชันเซียนเฟยกับราชันเทพจงหนานในขณะที่มีการก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าใหม่ๆ”
ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีเหตุผล จะอย่างไรเสียราชันเซียนเฟยและราชันเทพจงหนานคือผู้ริ่เริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากจะกล่าวว่าใครที่สามารถล้ำหน้าเซียนหวังอิเย่หละก็ เช่นนั้นแล้วเป็นความจริงที่ราชันเซียนเฟยกับราชันเทพจงหนานมีความเป็นไปได้สูงมาก
“มันก็ไม่แน่เสมอไป” รุ่นพี่อีกคนที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้าส่ายหน้าและกล่าวว่า “คำเล่าลือเกี่ยวกับเรื่องดอกสัจธรรมทั้งสองดอกนี้ ข้าได้ค้นคว้าจากบันทึกจำนวนมากของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็ไม่พบรายละเอียดในเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นคำกล่าวที่ปราศจากหลักฐาน ดอกสัจธรรมทั้งสองดอกก็ไม่แน่เสมอไปว่าราชันเซียนเฟยกับราชันเทพจงหนานจะเป็นผู้ที่ฝากเอาไว้…”
“…เมื่อรวบรวมจากประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีปแล้ว ในยุคนั้นร้อยชาติพันธุ์ยังอ่อนแออยู่ มีเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเป็นผู้ปกครองสิบสามทวีป แม้ว่ามีการเล่าลือกันว่าเป็นความจริงที่ราชันเทพจงหนานเคยบรรยายที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก่อน แต่ว่า ตามความเข้าใจส่วนตัว ส่วนใหญ่แล้วราชันเซียนเฟยจะเป็นตัวยืน และเป็นการแสดงถึงท่าทีที่มีต่อบรรดาจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ ถ้าหากจะกล่าวว่าราชันเทพจงหนานนำเอาแก่นสัจธรรมของตนมาถ่ายทอดให้กับผู้บำเพ็ญตนธรรมดาของร้อยชาติพันธุ์หละก็ ความเป็นไปได้ในข้อนี้ต่ำมาก” นักศึกษาผู้นี้พูดเจื้อยแจ้วด้วยเหตุผลและหลักฐาน…ไอลีนโนเวล
“ถ้าหากไม่ใช่ราชันเทพจงหนาน เช่นนั้นแล้วจะเป็นใครกันเล่า หากสมมุติว่ามีอยู่หนึ่งดอกราชันเซียนเฟยเป็นผู้ฝากเอาว้า แล้วอีกดอกหนึ่งหละ?” มีนักศึกษารุ่นน้องอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“นี่แหละคือจุดที่น่าสนใจที่สุด มีบันทึกบางส่วนกล่าวว่า เกี่ยวกับดอกสัจธรรมสองดอกนี้เคยมีการบันทึกอยู่บ้างในอดึตนานมาแล้ว ภายหลังถูกลบทิ้งไป ไม่มีใครทราบถึงรายละเอียดและสาเหตุ! กระทั่งมีปกิณกะบันทึกได้เคยมีการคาดเดาที่กล้าหาญมาก บอกว่าดอกสัจธรรมทั้งสองไม่ใช่ราชันเซียนเฟยฝากเอาไว้ และก็ไม่ใช่ราชันเทพจงหนานฝากเอาไว้ แต่มีคนอื่น” นักศึกษารุ่นพี่ผู้นี้กล่าว
“ถ้าหากว่าแม้แคราชันเซียนเฟยก็ไม่ใช่ แล้วยังจะมีใครอีกหละ?” นักศึกษาไม่ค่อยจะเชื่อเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ จะอย่างไรเสีย เกรงว่าทุกคนคิดจนหัวระเบิดก็คงคิดไม่ออกว่า ยังจะมีใครสามารถฝากดอกสัจธรรมเช่นนี้เอาไว้ได้
“ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่านี่แหละคือปริศนาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เป็นปริศนาที่น่าสนใจมาก เป็นปริศนาที่ไม่เคยมีใครสามารถไขปริศนาได้” นักศึกษารุ่นพี่ผู้นี้เอ่ยขึ้นมา
จากเวลาที่เคลื่อนผ่านไป จำนวนนักศึกษาที่มาถึงได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแม้แต่อาจารย์บางส่วนของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ทยอยมาดูชม
แม้ว่ากู่ฉวี่หังยังมาไม่ถึง แต่ก็มีนักศึกษาได้เข้าไปนั่งอยู่ในบริเวณลานธรรมแล้ว กล่าวสำหรับนักศึกษาเหล่านี้แล้ว พวกเขามีความมั่นใจในตัวกู่ฉวี่หังเต็มเปี่ยมว่า กู่ฉวี่หังจะต้องสามารถนำมาซึ่งดอกผลอย่างงดงามให้กับพวกเขา จะต้องทำให้สัจธรรมของพวกเขาส่งเสียงตูมตามกับสิ่งนี้
ขณะที่นักศึกษาจำนวนมากทยอยกันรวมตัวกันอยู่ด้านนอกลานธรรม โดยที่กู่ฉวี่หังยังมาไม่ถึง เห็นแต่นายน้อยทะยานฟ้า เทพบุตรซือจง และยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่มาถึงแล้ว
ยุวกษัตริย์หกกระบี่พักรักษาตัวหลายวันก็ลุกขึ้นมาเดินเหินได้อีกแล้ว แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บที่สาหัสมาก แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บในส่วนสำคัญ หลังจากได้รับประทานยาเม็ดทิพย์และโอสถวิเศษและนอนพักอยู่บนเตียงหลายวันแล้ว ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
“พวกของนายน้อยทะยานฟ้ามาแล้ว” นักศึกษาจำนวนมากทยอยกันพูดทักทาย หลังจากมองเห็นพวกของนายน้อยทะยานฟ้ามาถึง
จังหวะที่ทุกคนกล่าวทักทาย มองเห็นนายน้อยทะยานฟ้าได้ก้าวขึ้นไปยังแท่นบรรยาย ยืนอยู่บนแท่นบรรยายและมองดูนักศึกษาทุกคนที่นั่งอยู่ในลานธรรม
“เสวียนจี๋ได้รับการไหว้วานจากอาจารย์ฉวี่หัง วันนี้จะมาทำการอุ่นเครื่องให้กับการบรรยายของอาจารย์ฉวี่หังก่อน เพื่อให้ทุกคนได้รู้ถึงเนื้อหาที่อาจารย์ฉวี่หังจะบรรยายในวันนี้ว่าเป็นเช่นใด เหมาะกับทุกคนหรือไม่” เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้ามองดูนักศึกษาที่นั่งประจำที่ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เสวียนจี๋ไม่เจียมตน จะขอบรรยายให้กับทุกคนถึงเค้าโครงของการแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์ของอาจารย์ฉวี่หังก่อน หากบรรยายได้ไม่ดี ขอทุกคนได้ชี้แนะด้วย”
การที่นายน้อยทะยานฟ้าออกมาช่วยอุ่นเครื่องให้กับกู่ฉวี่หังก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดของทุกคน เนื่องจากในอดีต นายน้อยทะยานฟ้าเคยบรรยายแทนกู่ฉวี่หังมาแล้ว เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าจะบรรยายเค้าโครงเรื่องให้กับกู่ฉวี่หังก่อน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไม่มีอะไรดูไม่เหมาะสม
จะอย่างไรเสียบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์หลังจากที่ได้ฟังเค้าโครงเรื่องไปแล้ว ค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะฟังการบรรยายของกู่ฉวี่หังหรือไม่ก็ยังไม่สาย สิ่งนี้พอจะมองออกว่า คราวนี้กู่ฉวี่หังมีการเตรียมการที่รอบคอบยิ่งนัก
แม้จะกล่าวว่านายน้อยทะยานฟ้าคือนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับบุคคลใดๆ ที่จะมาบรรยายวิชา ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยทะยานฟ้าเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หนึ่งดวง ไม่ว่าจะพูดอย่างใดก็ตาม ก็ถือว่ามีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ที่แท่นเวทีบนเวทีเพื่อถ่ายทอดวิชาได้
ก่อนที่นายน้อยทะยานฟ้าจะเริ่มต้นบรรยายนั้น เทพบุตรซือจงและยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ก้าวเดินเข้าไปนั่งในลานธรรมโดยไม่ลังเล เพื่อฟังการบรรยายจากนายน้อยทะยานฟ้า
สมควรทราบว่าเทพบุตรซือจง และยุวกษัตริย์หกกระบี่คือผู้นำของหอศักดิ์สิทธิ์ และศตาคาร เวลานี้พวกเขาทั้งสองเข้าไปในลานธรรมเพื่อให้การสนับสนุนต่อนายน้อยทะยานฟ้าด้วยตนเอง เวลานี้บรรดานักศึกษาจำนวนไม่น้อยของหอศักดิ์สิทธิ์และศตาคารล้วนแล้วแต่ทยอยกันเข้าไปในลานธรรม นักศึกษาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ติดตามเทพบุตรซือจงกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ทั้งสิ้น
เวลานี้เทพบุตรซือจงกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ต่างก็เดินเข้าไปแล้ว พวกเขาที่เป็นลูกน้องจะไม่เข้าไปได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น การบรรยายของนายน้อยทะยานฟ้าก็ไม่ได้แย่ จะอย่างไรเสีย นักศึกษาจากศตาคารจำนวนมากก็เคยได้ฟังการบรรยายวิชาของนายน้อยทะยานฟ้ามาแล้ว
ในขณะที่นายน้อยทะยานฟ้ายังไม่ทันได้เริ่มการบรรยาย ก็ได้มีนักศึกษาจากจวนราชขันเดินเข้ามาแล้ว นายน้อยทะยานฟ้าคือผู้นำนักศึกษาที่เป็นอัจฉริยะของจวนราชัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม บรรดานักศึกษาอัจฉริยะเหล่านี้ก็ต้องให้เกียรตินายน้อยทะยานฟ้าอยู่สามส่วน
ในขณะที่ยังไม่มีการบรรยาย ทุกคนต่างไม่รู้ว่าการบรรยายในครั้งนี้จะเหมาะสมกับตนหรือไม่ ขณะที่ลานธรรมได้มีนักศึกษาเข้าประจำที่แล้วจำนวนไม่น้อย ทอดสายตามองออกไปเห็นหัวคนที่คลาคล่ำเกิดจากการแออัด เบียดเสียดกัน
“การเปิดการบรรยายในวันนี้ หัวข้อที่จะบรรยายคือ ’การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’” นายน้อยทะยานฟ้ามองดูบรรดานักศึกษาที่เข้ามาฟังการบรรยายในลานธรรม กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “การบรรยายในครั้งนี้ เนื่อหาจะครอบคลุมประสบการณ์จากการสืบเสาะค้นหาด้านของสัจธรรมมาหลายๆ ด้านของอาจารย์ฉวี่หังในหลายปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าเป็นแรงกายแรงใจของอาจารย์ แม้ว่าไม่กล้าบอกว่าเป็นเอกในใต้หล้า แต่มีความเข้าใจที่เป็นเอกลักษณ์ และมีเพียงที่นี้ที่เดียวเท่านั้น”