Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2048 ม่อเชียนจวิน
บรรดานักศึกษาที่อยู่ด้านนอกลานธรรมถึงกับใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว นักศึกษาทั้งหมดต่างมองหน้ากันและกัน ล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าที่กระทั่งเดินยังสั่นเทาผู้นี้มีประวัติความเป็นมาเช่นใด
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเฒ่าที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มีประวัติความเป็นมาเช่นใดกันแน่ แต่ทว่า แม้แต่เซียนหวังสองประสานสองสามีภรรยายังให้ความเคารพนับถือถึงเพียงนี้ มาช่วยพยุงผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าเสมือนดั่งนักศึกษาที่น่ารักน่าเอ็ดดูคนหนึ่งให้เข้านั่งประจำที่ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าผู้เฒ่าผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้านั้นมีฐานะที่สูงส่งเพียงใด มีประวัติความเป็นมาที่น่าตกใจเช่นใด
“ผู้เฒ่าม่อเชิญนั่งที่นี่” ขณะเซียนหวังสองประสานพยุงผู้เฒ่าเข้าไปยังที่นั่ง บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันที่มาถึงก่อนหน้าต่างทยอยกันลุกขึ้นยืน ยิ่งอดีตผู้อำนวยการสถาบันได้ยกเก้าอี้ด้วยตนเอง และเชื้อเชิญผู้เฒ่าให้นั่งลง
บรรดาเหล่าผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งสิ้น และเป็นเสาหลักของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เฉกเช่นอดีตผู้อำนวยการที่มีระดับอาวุโสที่สูงมาก อีกทั้งทักษะของเขาสูงจนสุดจะหยั่งถึงแล้ว
เฉกเช่นอดีตผู้อำนวยการสถาบัน เวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าผู้นี้แล้วก็เสมือนดั่งเป็นผู้เยาว์คนหนึ่ง ท่าทีให้ความเคารพอย่างยิ่ง ย่อมจินตนาการได้ว่าผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้ามีฐานะที่น่ากลัวเช่นใดแล้ว
“ผู้เฒ่าม่อ…” ครั้นได้ยินชื่อที่เรียกขานซึ่งคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยอย่างไรแล้ว นักศึกษาจำนวนมากที่อยู่ด้านนอกลานธรรมถึงกับสะดุ้ง พวกเขาต่างอดที่จะมองตากันและกัน นักศึกษาทั้งหมดรวมทั้งบรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยืนอยู่ด้านนอกลานธรรมต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
“คือผู้เฒ่าม่อ…” กระทั่งมีอาจารย์ที่พึมพำออกมา หลังจากรู้ถึงประวัติความเป็นมาของผู้เฒ่าผู้นี้แล้ว มองเห็นเซียนหวังสองประสาน อดีตผู้อำนวยการสถาบันต่างให้ความเคารพถึงเพียงนี้ ทุกคนจึงได้เข้าใจแล้ว
ผู้เฒ่าม่อ ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องเช่นนี้ ผู้เฒ่าม่อก็คือม่อเชียนจวินนั่นเอง! อาจารย์ผู้มีคุณวุฒิสูงสุด และยอดเยี่ยมที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เคยมีจอมเทพจำนวนมากล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ของเขา และยังมีเซียนหวังที่มาจากการสอนของเขา
ลองนึกภาพดู ด้านการถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรไขปริศนาในอาณาจักรของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ยังจะมีใครสามารถก้าวล้ำม่อเชียนจวินไปได้กันเล่า ท่ามกลางสิบสามทวีปจะมีใครที่มีผลงานด้านการถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียงและวิชาล้ำหน้าม่อเชียนจวินได้เล่า
ใช่ว่าม่อเชียนจวินนั้นมีความแข็งแกร่งปานใด ความจริงหากจะพูดถึงเรื่องของทักษะแล้ว เขาเทียบไม่ได้กับจอมราชันเซียนหวังจำนวนมาก กระทั่งเทียบไม่ได้กับจอมเทพจำนวนมาก แต่เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จด้านการถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรและวิชาความรู้ ใช่ว่าเพราะทักษะยุทธของม่อเชียนจวินไม่แข็งแกร่งพอก็จะไม่สามารถสอนศิษย์ให้ออกไปเป็นจอมเทพ ไปเป็นเซียนหวังได้
กล่าวได้ว่า ในสิบสามทวีปนี้ไม่ว่าจะเป็นจอมเทพที่หยิ่งยโสเพียงใด เป็นเซียนหวังที่ยอดเยี่ยมปานใด เมื่อพูดถึงม่อเชียนจวินแล้ว ก็ต้องให้การยกย่องคำหนึ่งว่า “ผู้เฒ่าม่อ”
เวลานี้ผู้เฒ่าม่อนั่งลงสงบ ขณะที่บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ส่วนเซียนหวังสองประสาน ราชันทักษิณยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงบเงียบมาก
แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่สุดยอดในหล้ายังนั่งสงบเงียบเหมือนดั่งนักศึกษาอยู่ตรงนั้น เช่นนี้แล้วพวกของเถาถิงยิ่งไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง เวลานี้กล่าวสำหรับบรรดานักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างกายเซียนหวังสองประสานแล้ว พวกเขาทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ การได้รับปฏิบัติดูแลเช่นนี้เสมือนหนึ่งเป็นความฝันอย่างนั้น เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติ และตื่นเต้นที่สุดชั่วชีวิตของพวกเขาแล้ว
ส่วนนักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกลานธรรมทั้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งเสียใจภายหลัง เวลานี้พวกเขาอยากจะเข้าไปนั่งในลานธรรมมาก แต่ว่า หากพวกเขาเข้าไปในลานธรรมเวลานี้ก็จะดูไม่เข้ากัน อีกทั้งนาทีนี้พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้นั่งอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว
ชั้นเรียนในครั้งนี้เสมือนหนึ่งได้กลายเป็นชั้นเรียนระดับเซียนหวังไปแล้ว พวกเขาที่เป็นนักศึกษาเหล่านี้จึงไม่มีสิทธิ์นั่งเรียนในชั้นเรียนเดียวกันกับเซียนหวัง แม้แต่บรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม นาทีนี้พวกเขาก็ไม่กล้าทำเลินเล่อเข้านั่งยังลานธรรม
จะอย่างไรเสีย ในเวลานี้ผู้ที่นั่งอยู่ในลานธรรมมีผู้เฒ่าคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง คนไหนบ้างที่ไม่ใช่บุคคลผู้มีอิทธิพลที่สามารถเย้ยหยันยุคๆ หนึ่งได้เล่า? ดังนั้น ต่อให้พวกเขาที่เป็นอาจารย์เหล่านี้หากคิดจะเข้านั่งในลานธรรมเวลานี้ก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติเกินไปแล้ว
ถ้าหากพวกเขาเข้าไปก่อนหน้าที่บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันจะมาถึง ทุกอย่างก็จะดูเป็นธรรมชาติ และดูสมเหตุสมผล เหมือนดั่งเช่นบรรดานักศึกษาอย่างเถาถิงอย่างนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์
แต่เวลานี้บรรดาผู้เฒ่าต่างนั่งประจำที่กันเรียบร้อยแล้ว หากบรรดานักศึกษาที่อยู่ด้านนอกลานธรรมเพิ่งจะเดินเอ้อระเหยเข้ามาหละก็ ท่าทีเช่นนี้มิใช่เท่ากับวางตัวสูงกว่าบรรดาผู้เฒ่าอย่างนั้น
ดังนั้น เวลานี้ต่อให้เป็นอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสถาบันก็ได้แต่ยืนอยู่ด้านนอกลานธรรม ไม่กล้าเดินเข้าไปนั่งอีกแล้ว
แม้แต่พวกอาจารย์โจวก็ต้องยืนนิ่งเงียบมองดูภาพเหตุการณ์นี้อยู่ด้านนอกลานธรรม นักศึกษาคนอื่นๆ ยิ่งไม่กล้าทำบุ่มบ่าม พวกเขายืนนิ่งอยู่ด้านนอกลานธรรม แม้แต่ลมหายใจก็ต้องผ่อนให้เบาลง เกรงว่าจะไปรบกวนต่อบรรดาผู้เฒ่า
ขณะเดียวกัน ภายในใจของนักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออก หลี่ชิเย่แค่จะมาบรรยายคาบเดียวเท่านั้น แต่กลับทำให้เซียนหวังสองประสานถึงกับดั้นร้นออกมาจากแดนแห่งการสืบค้นที่ไกลนับล้านล้านลี้ด้วยตนเอง
บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ปรกติไม่ปรากฏตัวต่างทยอยกันออกมาฟังการบรรยายด้วยตนเอง เป็นที่ทราบกันว่า ปรกติแล้วมีแต่พวกเขาที่บรรยายให้ผู้อื่นนั่งเรียนกัน
กระทั่งท้ายที่สุดแม้แต่ผู้เฒ่าม่อก็มาด้วย สมควรทราบว่าผู้เฒ่าม่อคืออาจารย์ผู้มีคุณวุฒิสูงสุด แม้แต่จอมราชันเซียนหวังเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วยังต้องทำตัวน่ารักดั่งนักศึกษาเพื่อฟังการบรรยาย เวลานี้ผู้เฒ่าม่อกลับจะมาฟังคำบรรยายในคาบเรียนของหลี่ชิเย่
ผู้เฒ่าม่อคือผู้ที่ฝากดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกสิบสองกลีบบนผนักสัจธรรม เวลานี้เขากลับจะมาฟังคาบเรียนของหลี่ชิเย่ ในโลกนี้ยังจะมีชั้นเรียนของผู้ใดที่ควรค่าแก่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นผู้เฒ่าม่อต้องมาฟังบรรยายด้วยตัวเอง? เรื่องเช่นนี้ออกจะเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วกระมัง กระทั่งพูดออกไปคงมีคนที่ไม่เชื่อ
เวลานี้ภายในใจของกู่ฉวี่หังก็รู้สึกหวั่นไหวและอึดอัดยิ่งนัก และกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง เขาพยายามเผยรอยยิ้มออกมาเพื่อคงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่ลักษณะการยิ้มของเขาในเวลานี้ไม่ชวนมองแม้แต่นิดเดียว และไม่เป็นธรรมชาติแม้แต่น้อย ตัวเขาที่ดูสุภาพเรียบร้อยมาโดยตลอด เวลานี้เขากลับดูไม่สุภาพ
เดิมการบรรยายของกู่ฉวี่หังในคาบนี้ทำได้ดีมาก และมีความโดดเด่นยิ่งนัก ก่อนที่จะทำการท้าทายต่อหลี่ชิเย่ เขาได้มีการตระเตรียมมาอย่างเต็มที่ เขามั่นใจว่าศักยภาพบรรดาอาจารย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ด้านพรสวรรค์ กระทั่งด้านการถ่ายทอดวิชาการบำเพ็ญเพียร เขาก็ต้องอยู่ในอันดับหนึ่งของผู้คนทั้งหมด
ดังนั้น กู่ฉวี่หังจึงมั่นใจว่าสามารถบรรยายคาบนี้ได้ดี สามารถจุ่กชื่อให้กับเขาถึงชนรุ่นหลังได้ตลอดไป ซึ่งในความจริงแล้วเขาก็สามารถทำได้ดีมาก นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มาฟังการบรรยายของเขา กระทั่งเขาสามารถฝากดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกหกกลีบเอาไว้ ซึ่งผลงานเช่นนี้นับว่ามีความโดดเด่นยิ่งนักแล้ว
สำหรับกู่ฉวี่หังแล้วเขามองว่า ด้วยผลงานเช่นนี้ต้องสามารถสยบหลี่ชิเย่ลงได้อย่างเด็ดขาด กระทั่งจังหวะก่อนที่คาบการบรรยายของหลี่ชิเย่จะเริ่มต้นขึ้นเขาก็ยังคงมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากไม่มีนักศึกษาเท่าไรที่ไปฟังการบรรยายของหลี่ชิเย่
แต่ว่า นาทีนี้ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปสิ้น ความจริงก็คือเป็นการตบหน้ากู่ฉวี่หังอย่างแรงเข้าไปฉาดใหญ่ เวลานี้ต่อให้หลี่ชิเย่ยังไม่ได้มาบรรยาย กระทั่งเขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักคำบนแท่นบรรยาย ก็ได้สยบตัวของกู่ฉวี่หังเอาไว้แล้ว
อาศัยเพียงแค่เซียนหวังสองประสาน ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ม่อเชียนจวินเหล่านี้ที่มาฟังคำบรรยายของหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง เพียงเท่านี้ก็ได้บ่งชี้ถึงคุณค่าของหลี่ชิเย่ได้แล้ว
หลี่ชิเย่ยังไม่ทันได้มาถึง พวกผู้เฒ่าอย่างม่อเชียนจวินต่างรอคอยกันเงียบๆ สำหรับนักศึกษาเช่นพวกเถาถิงยิ่งแทบจะไม่กล้าหายใจแรง
นักศึกษาที่อยู่ด้านนอกลานธรรมในเวลานี้ก็ไม่กล้าส่งเสียงสักคำ บรรดานักศึกษาที่พูดจาเยาะเย้ยหลี่ชิเย่ก่อนหน้านั้น ในขณะนี้ต่างมีสีหน้าที่ขาวซีด กระทั่งเข่าอ่อนทั้งสองข้างและสั่นเทาตลอดเวลา
เวลานี้กระทั่งพวกเซียนหวังยังมาให้การสนับสนุนด้วยตนเอง และผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ทยอยกันมาฟังคาบการบรรยาย พวกเขาที่เป็นนักศึกษาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเหล่านี้เมื่อครู่ออกปากเยาะเย้ยหลี่ชิเย่ นึกถึงสภาพการณ์เช่นนี้ นักศึกษาที่ไม่ให้ความเคารพเมื่อครู่ต่างตกใจจนแทบปัสสาวะรดกางเกง เพราะหากทางสถาบันสืบสาวเอาเรื่องขึ้นมา ไม่เพียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขาในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเท่านั้น แม้แต่ในทวีปเจียวเหิงโจวก็ไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเขา
ขอเพียงผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าออกปาก ไม่รู้ว่ามีแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไร สายสำนักราชันเซียนจำนวนกี่มากน้อยก็จะไม่ชอบพวกเขาที่เป็นนักศึกษาที่อวดดีและโง่เขลาประเภทนี้
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินมาแล้ว เขาก้าวเดินมาทีละก้าวๆ ท่าทีเรียบเฉย หน้าตาธรรมดา ภาพรวมตัวเขาดูสงบนิ่ง เพียงก้าวเดินขึ้นแท่นบรรยายอย่างช้าๆ มองดูบรรดาผู้เฒ่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่อยู่ในเหตุการณ์ มองเห็นเซียนหวังสองประสาน ปฏิกิริยาของเขาก็ยังสงบนิ่งอย่างยิ่ง เหมือนว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ปรกติยิ่งนัก ไม่ได้รู้สึกตกใจระคนกับความแปลกใจแม้แต่น้อย
หลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นบนแท่นบรรยายแล้ว บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เซียนหวังสองประสาน กระทั่งผู้เฒ่าที่ร่างสั่นเทาอย่างม่อเชียนจวินต่างลุกขึ้นยืน ส่วนพวกนักศึกษาเช่นเถาถิงก็ลุกขึ้นยืนตาม ขาทั้งสองถึงกับอ่อนแรง
บรรดานักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกลานธรรม รวมทั้งอาจารย์ ต่างรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวเมื่อมองเห็นแม้แต่ผู้เฒ่าอย่างม่อเชียนจวินล้วนแล้วแต่ลุกขึ้นมาคล้ายดั่งนักศึกษาที่เข้าเรียนในชั้นเรียนอย่างนั้น!
“ทั้งหมดนั่งลงเถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้ากับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เวลานี้บรรดาผู้เฒ่าจึงได้ทยอยกันนั่งลง ภาพเช่นนี้ไม่รู้มีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องเข่าอ่อน นี้มันเป็นท่าทีที่ดุดันปราศจากผู้ต่อกรในหล้าเหลือเกิน
“ขณะที่พวกเราแหงนหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้ามีความยาวไกลเท่าไรกันแน่เล่า โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใดกันเล่า การย่างก้าวของพวกเราสุดอยู่เพียงแค่จอมราชันเซียนหวังจริงๆ รึ? ชะตาฟ้าสิบสองสาย เทพโบราณ สิ่งเหล่านี้คือขอบเขตจำกัดของพวกเรารึ?” หลี่ชิเย่มองดูนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำใหจิตใจบรรดาผู้เฒ่าที่อยู่ในลานธรรมสะเทือนหวั่นไหว นัยน์ตาทั้งสองของพวกเขาพลันสุกใสขึ้นมา นาทีนี้มองไม่เห็นกลิ่นอายที่เหมือนอาทิตย์อัสดงบนตัวของพวกเขา เหมือนสว่างพวกเขาพลันอ่อนเยาว์ขึ้นมาอย่างมากมาย
“หลังจากสุดปลายทางของโลกแล้วยังจะมีสิ่งใดหละ?” หลี่ชิเย่พูดขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเราสามารถก้าวข้ามสุดปลายทางไปได้หรือไม่ สามารถก้าวเดินไปถึงสุดท้าย หลังจากสุดปลายทางของโลกแล้ว มันจะเป็นสิ่งใด…”
“…คำตอบนี้ไม่มีใครสามารถบอกพวกเราได้ ต้องอาศัยพวกเราไปสืบเสาะค้นหา อาศัยพวกเราไปไล่ตาม แต่ว่าเส้นทางสายนี้มีผู้ที่ก้าวเดินไปได้ไกลมากๆ แล้ว ราชันสวรรค์หุ้นหยวน ราชันเทพจงหนาน ราชันเซียนเฟย ราชันเซียนกู่ฉุน…ปรัชญาเมธีแต่ละท่านได้ก้าวเดินไปข้างหน้าบนเส้นทางสายนี้ ในยุคที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งไปกว่านี้ มีปรัชญาเมธียิ่งมากกว่าที่หนุนเนื่องกันขึ้นไป…”
“…แต่ทว่า บนเส้นทางสายนี้ สุดท้ายแล้วอาศัยเพียงศักยภาพอย่างนั้นรึ? อาศัยเพียงเจ้ามีชะตาฟ้าจำนวนกี่สายในครอบครอง มีของวิเศษเช่นใดในครองครอง มีความอภินิหารเช่นใดรึ…”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว สายตาของเขาดูลึกล้ำ มองดูนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “…ถูกต้อง อภินิหารและความปราศจากผู้ต่อกรสามารถทำให้ก้าวเดินไปได้ไกลยิ่งขึ้น แต่ทว่า หากไม่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งดวงหนึ่ง จะทำให้เจ้าจมปลักไปตลอดกาล!”
……………………………………………..