Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2063 ภัยพิบัติมาถึง
ตูม ตูม ตูมทันใดนั้นปรากฏเสียงดังตูมตามขึ้นที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าสั่นไหวโคลงเคลงไปมาไม่หยุด เสมือนหนึ่งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาถึงอย่างนั้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จากการที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเกิดสั่นไหวโคลงแคลงขึ้นอย่างกะทันหัน สร้างความตระหนกให้กับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยทีเดียว
ท่ามกลางตูม ตูม ตูมเสียงที่ดังขึ้นเป็นระลอกเช่นนี้ มองเห็นภูเขาจำนวนไม่น้อยของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่พังถล่มลงมา และมีตำหนักแลหอโบราณที่เกิดการแตกละเอียดไป
สมควรทราบว่า พื้นที่อันเป็นที่ตั้งของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เคยผ่านการปลุกเสกลงยันต์จากเซียนหวังมาก่อน มันจึงมีความมั่นคงแข็งแรงมาก ท่ามกลางแผ่นดินไหวทั่วไปไม่สามารถทำให้มันพังทลายลงมาได้อยู่แล้ว แต่ทว่า เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ากลับมีสถานที่จำนวนไม่น้อยที่ปรากฏการพังถล่มลงมา
“นี่มันหาใช่พื้นที่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่กำลังพังถล่มลงมา แต่เป็นช่องว่างสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเราที่กำลังพังถล่มลงมา” มีนักศึกษาจากจวนราชันเท่านั้นที่มองออกถึงเส้นสนกลใน ถึงกับพูดออกมาด้วยความตกใจ
เสียงแว้งค์แต่ละเสียงที่ดังขึ้น ในเวลานี้เอง โลกดึกดำบรรพ์ได้สว่างไสวขึ้นมา มองเห็นบนท้องฟ้าปรากฎเส้นรุ้งเส้นแวงแต่ละเส้นขึ้นมา ทุกๆ เส้นรุ้งเส้นแวงพาดผ่านโลกนี้ไป ด้วยเส้นรุ้งเส้นแวงแต่ละเส้นเช่นนี้ที่พาดสลับกันไปมา ได้กลายเป็นเหมือนเป็นแหขนาดใหญ่โตมโหฬารปากหนึ่ง ทำการครอบโลกดึกดำบรรพ์ทั้งหมดรวมทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ภายใน
ขณะที่ม่านแหที่คลุมไปทั่วพื้นที่ของโลกดึกดำบรรพ์เรียกได้ว่าใหญ่โตมโหฬารเหลือเกิน พื้นที่ทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเมื่ออยู่ภายใต้ม่านแหขนาดยักษ์นี้ยังแค่กินพื้นที่ได้แค่ตาข่ายช่องหนึ่งเท่านั้น ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าโลกดึกดำบรรพ์นี้มีความกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด และสามารถดูออกว่า บางทีที่ตรงนี้อาจเคยเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุดมาก่อน และสุดท้ายแล้วโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้อาจถูกทอดทิ้งไป
“นี่มันเป็นพิกัดช่องว่างที่ถูกสร้างขึ้นมาจากราชันเซียนเฟยและราชันเทพจงหนาน” มีอาจารย์ถึงกับพึมพำออกมาด้วยความตกใจ
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกเสียงปรากฎเสียงแตกละเอียดแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ในเวลานี้เอง มองเห็นพื้นดินของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎรอยแยกเป็นริ้วๆ ไม่เพียงพื้นดินที่ปรากฏรอยแยก แม้แต่ช่องว่างทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ปรากฎรอยแยกเป็นริ้วๆ เช่นกัน
ทันใดนั้นเอง ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ว่าจะเป็นช่องว่างหรือผืนแผ่นดินล้วนแล้วแต่เหมือนกระจกหนามากๆ ถูกกระแทกอย่างแรงเข้าให้ ทำให้ปรากฏเป็นรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน ด้วยจำนวนรอยร้าวนับไม่ถ้วนนี้เอง ทำให้ตัวของสถาบันศึกษาเทพเจ้าดูไปแล้วเหมือนแค่แตะเบาๆ ก็คงแตกกระจายเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด
เสียงแตกร้าวคร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ และเสียงดังก้องมากขึ้นเรื่อยๆ รอยร้าวที่เกิดขึ้นในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็มากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีสภาพเหมือนเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวทุกแห่งหน ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทุกคนที่อยู่ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ต้องแตกละเอียดไปด้วย
จากเสียงแตกร้าวที่ดังขึ้น เวลานี้ได้ทำให้นักศึกษาจำนวนมากพบว่า สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพราะมีสิ่งใดที่กำลังกระแทกใส่สถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่เป็นอะไรบางอย่างที่กำลังฉุดลากสถาบันศึกษาเทพเจ้า เหมือนว่ามีมือขนาดใหญ่ที่ไร้รูปต้องการจับสถาบันศึกษาเทพเจ้าฉีกให้ขาดกระจุยอย่างนั้น
“เป็นม่านแหของช่องว่าง” ในขณะนี้ มีนักศึกษาอัจฉริยะของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ได้สติกลับมา กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “เป็นโลกดึกดำบรรพ์ที่กำลังขยายตัว พลังของโลกดึกดำบรรพ์กำลังฉีกสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเราอยู่”
“คือม่านแหช่องว่าง” ในเวลานี้เอง มีนักศึกษาอัจฉริยะของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ได้สติกลับมา พูดเสียงอันดังว่า “เป็นการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์ พลังของโลกดึกดำบรรพ์ที่กำลังกระชากและฉีกสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเราอยู่”
เวลานี้ ทุกคนต่างทยอยกันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า บนท้องฟ้าในขณะนี้ร่างแหช่องว่างที่เสมือนเป็นแหขนาดใหญ่ปากหนึ่งกำลังดึงและยืดตัวออกไป เหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมได้ดึงช่องว่างทั้งหมดเอาไว้แล้วทำการดึงให้มันขยายตัวออกไป ขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเหมือนถูกเส้นรุ้งเส้นแวงของม่านแหนี้มัดเอาไว้อย่างหนาแน่น แล้วถูกจับดึงให้ขยายตัวออกไปทุกทิศทุกทาง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั่วทั้งบริเวณที่เป็นสถาบันศึกษาเทพเจ้าซึ่งอยู่ท่ามกลางพลังที่ลากดึงให้ขยายตัวออกไปก็คล้ายดั่งเป็นห้าม้าแยกร่างอย่างนั้น ช่องว่างของสถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมดเริ่มแตกร้าว เริ่มแยกออก สุดท้ายกระทั่งแตกสลายไป
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า?” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากไม่เข้าใจว่าภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน
“วันนี้มาถึงจนได้ ลงมือเถอะ” เมื่อผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเห็นว่าช่องว่างเริ่มแตกละเอียด และแยกออกจากกัน ถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ สั่งการกับอาจารย์และผู้เฒ่าทั้งหมด
การแตกและแยกออกจากันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าในเวลานี้ หากจะไล่เรียงถึงสาเหตุ ต้องไล่ย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ราชันเซียนเฟยและราชันเทพจงหนานได้ทำเอาไว้ในครั้งครานั้น เนื่องจากในครั้งนั้นราชันเซียนเฟยและราชันเทพจงหนานได้ทำการหลอมกลั่นช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์ และทำการสยบโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ใต้สถาบันศึกษาเทพเจ้าโดยตรง
ทว่า จากการสั่งสมมานานวัน พลังของโลกดึกดำบรรพ์ได้ทวีพลังมากขยิ่งขึ้นทุกวัน สุดท้ายแล้ว พลังที่ทำการสยบโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ก็พันธนาการโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ไม่อยู่ ดังนั้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงถูกดึงกลับคืนไปยังโลกดึกดำบรรพ์อีกครั้ง ขณะที่ช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์ที่ถูกรวบเอาไว้ได้มีการขยายตัวขึ้นอีกครั้ง
ในระหว่างที่โลกดึกดำบรรพ์ขยายตัวขึ้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าซึ่งตั้งอยู่บนตาข่ายๆ หนึ่งย่อมต้องถูกพลังของโลกดึกดำบรรพ์นี้ฉุดกระชากอยู่ ถ้าหากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่สามารถยับยั้งสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ต้องถูกโลกดึกดำบรรพ์ฉีกจนละเอียดไป
เสียงตูมดังสนั่น ในเวลานี้ลึกเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันปรากฎเจดีย์โบราณหลังหนึ่ง ลักษณะของเจดีย์โบราณนี้คล้ายกับที่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านั้น ตอนนั้นเจดีย์โบราณหลังนี้ยังถูกพันธนาการด้วยกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละสาย ในขณะนี้ เจดีย์โบราณหลังนี้ไม่ปรากฏกฎเกณฑ์สัจธรรมใดๆ ที่พันธนาการ
แว้งค์มองเห็นประกายเซียนที่พุ่งขึ้นท้องฟ้า ภายในส่วนที่ลึกเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณขึ้น โดยที่มีคนแก่ที่มีผมเผ้าสีขาวแต่ละคนนั่งอยู่โดยรอบ บรรดาคนแก่ที่มีผมเผ้าสีขาวเหล่านี้คือผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้านั่นเอง ผู้เฒ่าเหล่านี้ปรกติแล้วจะไม่ค่อยได้ปรากฏตัวออกมา แต่ว่ามาวันนี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัย บรรดาผู้เฒ่าเหล่านี้ต่างทยอยกันปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง เพื่อคอยอำนวยการสถานการณ์
ในเวลานี้ ผู้เฒ่าเหล่านี้ได้พวยพุ่งเป็นประกายออกมาทั้งตัว จากการที่พวกเขาท่องบ่นคาถาออกมาและสำแดงวิชาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เสียงตูมดังสนั่น พลังลมปราณและพลังวัตรที่ไร้ขีดจำกัดของพวกเขาถูกถ่ายทอดเข้าไปในแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณนั้น ศิลาขมุกขมัวของแท่นบูชาเซียนที่เก่าแก่โบราณนี้พลันถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น พลังขมุกขมัวดั่งคลื่นที่โหมสาดซัดปราศจากผู้ต่อกรและไม่มีสิ้นสุด พลังของขมุกขมัวที่ตลบอบอวล เสมือนหนึ่งกลับกลายเป็นทะเลขมุกขมัว กระทั่งกลายเป็นโลกแห่งขมุกขมัว
จากเสียงตูมที่ดังสนั่น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ท่ามกลางทะเลขมุกขมัวเช่นนี้เหมือนปรากฏร่างเงาสูงใหญ่แต่ละสายขึ้นมา แม้ว่าร่างเงาเหล่านี้จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจน และไม่สามารถพินิจพิเคราะห์ได้อย่างละเอียด แต่ทว่าร่างเงาที่สูงใหญ่เหล่านี้ได้พวยพุ่งพลังที่สยบเหล่าชั้นฟ้าขึ้นมา ภายใต้พลังของพวกเขาแม้แต่เทพมารก็ต้องสั่นเทา ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังเช่นเดียวกัน ก็ยังต้องรู้สึกเย็นวาบในใจ พลังเช่นนี้ทรงพลังมากเหลือเกิน พลังลักษณะเช่นนี้ถือเป็นพลังที่สูงสุดสำหรับโลกใบนี้ จอมราชันเซียนหวังโดยทั่วไปยากที่จะทำได้
“ใช่ราชันเซียนเฟย และราชันเทพจงหนานรึ?” มีนักศึกษาที่พยายามแยกแยะอย่างละเอียดร่างเงาที่อยู่ท่ามกลางทะเลขมุกขมัวแล้ว ถึงกับพึมพำออกมาว่า .ไอรีนโนเวล.“บางทีอาจไม่ได้มีเพียงราชันเซียนเฟย ราชันเทพจงหนานเท่านั้น มีความเป็นไปได้ที่อาจยังมีเซียนหวังอิเย่อยู่ด้วย”
เนื่องจากร่างเงาที่ปรากฏอยู่ที่แท่นบูชาเซียนไม่ได้มีเพียงหนึ่งถึงสองสายเท่านั้น บรรดาร่างเงาที่สูงใหญ่เหล่านี้หลังจากปรากฎตัวแล้วก็ได้เฝ้ารักษารอบทิศ
ตูมเสียงดังสนั่น พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างเงาแต่ละสายที่สูงใหญ่ต่างพวยพุ่งประกายขมุกขมัวออกมา ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้นมา สุดยอดสัจธรรมสูงสุดของร่างเงาที่สูงใหญ่แต่ละสายได้เชื่อมต่อเข้ากับเจดีย์โบราณที่อยู่บนท้องฟ้านั้นโดยตรง และหลอมรวมเข้ากับเจดีย์โบราณนี้โดยพลัน เหมือนว่าพลังทั้งหมดถูกหลอมรวมเข้าไปในเจดีย์โบราณนี้อย่างนั้น
ชั่วพริบตาเดียวกันนี้เอง ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เหล่าราชันที่อยู่บนแท่นบูชาเซียน และเจดีย์โบราณทั้งสามสิ่งพลันเชื่อมเข้าด้วยกันโดยผ่านแท่นบูชาเซียน พลังสามฝ่ายพลันเชื่อมถึงกันทั้งหมด และสำแดงพลังสูงสุดขึ้นมา
ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้น เจดีย์โบราณได้พวยพุ่งลวดลายเต๋าที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา ลวดลายเต๋าที่พวยพุ่งออกมาเสมือนดั่งเป็นน้ำขึ้นที่รุนแรง กลายเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถมสูงนับล้านล้านจ้างอย่างนั้น
ลวดลายเต๋าลักษณะเช่นนี้หลังจากที่พวยพุ่งออกมาจากเจดีย์โบราณแล้วก็เหมือนใยฝ้ายที่บินล่องลอยไป ลวดลายเต๋าแต่ละสายเหมือนลอยล่องไปตามลม ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ลอยกระจายไปทั่วทุกมุมของโลกดึกดำบรรพ์
หลังจากที่ลวดลายเต๋าทั้งหมดที่ลอยล่องและตกอยู่ทั่วทุกมุมของโลกดึกดำบรรพ์แล้ว พวกมันทยอยกันติดอยู่ตามเส้นรุ้งเส้นแวงทุกๆ เส้นของช่องว่างม่านแหบนท้องฟ้า พวกมันทยอยล๊อคอยู่กับรอยต่อของทุกๆ ช่องว่างในโลกดึกดำบรรพ์ ภายในระยะเวลาอันสั้น ลวดลายเต๋าแต่ละสายเช่นนี้ได้ทำการพันธนการทุกๆ พิกัดตำแหน่งของช่องว่างโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้
จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ในเวลานี้เอง ภายในระยะเวลาอันสั้น ลวดลายเต๋าแต่ละสายที่ลอยล่องลงไปในโลกดึกดำบรรพ์ถึงกับพันเข้าด้วยกัน แล้วบิดจนกลายเป็นกฎเกณฑ์สัจธรรมที่มีลักษณะคล้ายโซ่เหล็กแต่ละสาย
สุดท้าย ได้ยินเสียงดังตึง ตึง ตึงดังขึ้น หลักกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละเส้นที่มาจากลวดลายเต๋าถึงกับพันธนาการช่องว่างของโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ กฎเกณฑ์สัจธรรมทั้งหมดตรึงรัดจนแน่นในทันที พันธนาการโลกดึกดำบรรพ์ที่คิดจะขยายตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงปังดังขึ้น โลกดึกดำบรรพ์และสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้สะเทือนหวั่นไหวไปทีหนึ่ง ลักษณะเหมือนม้าที่กำลังวิ่งฮ่อถูกดึงบังเหียนจนแน่นทำให้ต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนแล้วแต่โคลงเคลงไปมากระทั่งล้มลงกับพื้น
ในพริบตาเดียวกันนี้เอง โลกดึกดำบรรพ์ที่กำลังขยายตัวถูกรัดเอาไว้ และการแตกร้าวของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็หยุดลง ในที่สุดบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็สามารถควบคุมสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ได้
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นท่าไม้ตายที่ราชันเซียนเฟยในครั้งนั้นได้ทิ้งเอาไว้ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ณ์เช่นนี้ขึ้นมา
แม้ว่าการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์ถูกหยุดเอาไว้แล้ว แต่หากว่าต้องการผนึกโลกดึกดำบรรพ์อีกครั้ง แล้วลากเอาสถาบันศึกษาเทพเจ้ากลับไปที่ทวีปเจียวเหิงโจว ยังคงเป็นเรื่องที่มีความยากลำบากยิ่ง ยังจำเป็นต้องอาศัยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
ดังนั้น บรรดาผู้เฒ่าที่อยู่บนแทนบูชาเซียนล้วนแล้วแต่ยังไม่ได้จากไปไหน พวกเขาเสมือนหนึ่งได้เข้าฌานไปแล้วอย่างนั้น พวกเขาได้ถ่ายทอดพลังและลมปราณของตนเข้าไปยังแทนบูชาเซียนอย่างไม่ขาดสาย พลังของพวกเขาได้รวมตัวกันกับพลังขมุกขมัวภายในแท่นบูชาเซียน เพื่อสั่งสมพลังและลมปราณให้ได้มากกว่านี้
เนื่องจากเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเทียบไม่ได้กับราชันเซียนเฟยและราชันเทพจงหนานในครั้งนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำได้ถึงขั้นผนึกโลกดึกดำบรรพ์ให้ได้ในรวดเดียว และลากเอาสถาบันศึกษาเทพเจ้าออกมา
ดังนั้น หลังจากที่ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้พันธนาการโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้แล้ว หยุดการขยายตัวของโลกดึกดำบรรพ์ได้แล้ว พวกเขาจำเป็นต้องทำการสั่งสมพลังทีละขั้นๆ นำเอาพลังทั้งหมดของพวกเขาค่อยๆ สั่งสมขึ้นมา สุดท้ายแล้วปะทุออกมาพร้อมๆ กัน เพื่อทำการปิดผนึกโลกดึกดำบรรพ์เอาไว้ แล้วลากเอาสถาบันศึกษาเทพเจ้าออกมาจากโลกดึกดำบรรพ์
แน่นอนที่สุด ขั้นตอนนี้ไม่เพียงต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนานมาก ขณะเดียวกัน บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดโดยไม่มีจิตที่วอกแวก ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีก
ลองนึกภาพดู การที่ผู้เฒ่าทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนต้องมาทุ่มเทกำลังทั้งหมดอยู่กับการพันธนาการโลกดึกดำบรรพ์ที่ตรงนี้ หากมีศัตรูบุกเข้ามารุกรานในเวลานี้ พวกเขาไม่สามารถปลีกตัวได้อยู่แล้ว