Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2065 เซียนหวังฝูสือ
ผู้คนจำนวนมากถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของราชันเซียนไป่เลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า หรือว่าจอมราชันเซียนหวังบางส่วนที่แอบอยู่ ทุกคนต่างรอคอยคำตอบของอดีตผู้อำนวยการสถาบัน ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ
“เกรงว่าสหายคงได้ข่าวผิดพลาดมา สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่มีสิ่งของเช่นที่ว่า” เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้น
ราชันเซียนไป่เลี่ยนหัวเราะและกล่าวว่า “พี่ท่าน พวกเราไม่ทำอะไรลับๆ ล่อๆ และไม่พูดคำพูดที่สวยหรู พวกเราที่อยู่ในระดับเช่นนี้แล้ว เรื่องบางเรื่องคิดจะปิดบังก็ปิดไม่ได้ ในเมื่อพวกเราก็ได้มาแล้วนั่นย่อมหมายถึงข่าวต้องไม่ผิดพลาด! ยอมหรือไม่ยอมนั่นขึ้นอยู่กับคำพูดคำเดียวของสหายเท่านั้นเอง”
ราชันเซียนไป่เลี่ยนออกปากบีบคั้นอีกครั้ง ทุกคนต่างจ้องมองไปที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะตอบว่าอย่างไร
“จริงหรือเท็จปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชนรุ่นหลังไปตัดสินเอาก็แล้วกัน” เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้น หลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ปุถุชน และกล่าวว่า “อย่าว่าแต่สถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราไม่ได้มีของดังกล่าว ต่อให้มี สถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราก็จะไม่ทำการค้ากับสหาย เชิญสหายกลับไปได้”
คำตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของอดีตผู้อำนวยการสถาบันต่อความต้องการของราชันเซียนไป่เลี่ยนเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความมากมายที่ผุดขึ้นมาในใจอย่างไม่ขาดสาย เป็นเพราะสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีกำลังและศักยภาพที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านรับกับการล้อมปราบของจอมราชันเซียนหวังใดๆ หรือเป็นเพราะสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ยอมหักไม่ยอมงอกันแน่
“พี่ท่าน ในเมื่อพวกเราก็ได้มาแล้วย่อมไม่มีเหตุผลที่จะกลับมือเปล่าอยู่แล้ว “ ราชันเซียนไป่เลี่ยนพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อสหายไม่ยอมทำการค้านี้ พวกเราได้แต่บังคับเอาแล้วหละ ยามที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้าก็จะเป็นวันที่พวกเราบุกโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้า เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว หากมีการล่วงเกินขอพี่ท่านได้โปรดอภัยให้ด้วย”
คำพูดของราชันเซียนไป่เลี่ยนทำให้ภายในใจของทุกคนต้องเย็นวาบ เมื่อราชันเซียนไป่เลี่ยนพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาแล้ว เช่นนั้นแล้วการโจมตีต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นการตั้งปณิธานไว้แล้วต้องให้ได้มา
เริ่มจากพวกราชันมารอวี่หลุนสี่จอมราชัน เวลานี้ก็มีพวกของราชันเซียนไป่เลี่ยน เวลานี้นับว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าเรียกได้ว่าถูกล้อมรอบด้วยเหล่าผู้กล้า หากไม่ทันระวังมีความเป็นไปได้ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะถูกทำลายได้จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะกลับกลายเป็นแตกละเอียดไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
เวลานี้ทุกคนก็ไม่ได้ตำหนิราชันเซียนไป่เลี่ยนแต่อย่างใด สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังวิกฤติ ธาตุแท้ภายในเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็อยากจะได้ครอบครอง เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนก็มาช่วงชิงของวิเศายอดเยี่ยมของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างเปิดเผย ซึ่งก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่าในโลกผู้บำเพ็ญตน
ความจริงแล้ว แม้ราชันเซียนไป่เลี่ยนไม่มาแย่งชิง ก็จะมีจอมราชันเซียนหวังอื่นๆ มาแย่งชิงเช่นกัน
“พี่ไป่เลี่ยน ตำราอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งพวกเจ้ามีปัญหากลืนเข้าไปได้รึ?” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนยิ้มกล่าวกับราชันเซียนไป่เลี่ยน
“สามารถกลืนกินได้หรือไม่นั้น สหายอวี่หลุนลองดูก็จะทราบเอง” ราชันเซียนไป่เลี่ยนยิ้มกล่าวว่า “พวกเราราชันเซียนเก้าแดนก็อยากจะสู้กับจอมราชันสามเผ่าของพวกเจ้า ไม่ก็ถือโอกาสครั้งนี้เปิดสมรภูมิรบขึ้นอีกสักสนาม”
“ความอบอุ่นของพี่ไป่เลี่ยนข้ารับไม่ไหว วันหน้ามีโอกาสค่อยมาทดสอบกับพี่ไป่เลี่ยนสักครั้ง” ราชันมารอวี่หลุนก็ไม่แสดงความโกรธกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“พร้อมต้อนรับทุกเมื่อ” ราชันเซียนไป่เลี่ยนก็ไม่ได้เกรงใจ กล่าวว่า “ลำพังอาศัยเพียงจอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน เกรงว่าจะไม่พอให้สหายของพวกเราแบ่งปันกัน!”
“พี่ไป่เลี่ยนโปรดวางใจ วันหน้าว่างๆ ค่อยเปิดสมรภูมิรบใหม่ขึ้นมา พวกเราร่วมกับพี่ๆ อีกหลายคน ขอน้อมรับการสั่งสอนจากสุดยอดเคล็ดวิชาของราชันเซียนเก้าแดน” ราชันมารอวี่หลุนก็พูดขึ้นมาไม่เกรงใจ
“ตกลง” ราชันเซียนไป่เลี่ยนหัวเราะเสียงดัง กล่าวด้วยความพาลว่า “รอให้เรื่องราวตรงนี้เสร็จสิ้น พวกเราก็มาร่วมสังสรรค์สักหน่อย พวกเรากลับอยากจะเป็นความปราศจากผู้ต่อกรของจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายสามเผ่า!”
ในขณะนี้ ทั้งราชันมารอวี่หลุนกับราชันเซียนไป่เลี่ยนทั้งสองต่างมีกลิ่นดินปืนที่เข้มข้นมาก ซึ่งหาใช่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด เนื่องจากจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ามองว่าราชันเซียนเก้าแดนคือหนามยอกอก ขณะที่ราชันเซียนเก้าแดนก็มองจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าแล้วไม่สบอารมณ์ การที่พบหน้าแล้วปรากฏกลิ่นดินปืนรุนแรงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“ทำไมรึ จอมราชันเซียนหวังสังสรรค์กันรึ?” ในเวลานี้ เสียงหนึ่งที่ดั่งโลหะดังขึ้น คนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามาด้วยความมั่นใจ เป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่ท่าทีไม่ยินดียินร้าย เหมือนว่าอยู่เหนือสิ่งนอกายอย่างนั้น
“ทุกคนต้องจ้องมองสถาบันศึกษาเทพเจ้าจนน้ำลายหก รังแกพวกเราสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่มีคนแล้วอย่างนั้นรึ” ผู้เฒ่าผู้นี้มาถึงด้านนอกของสถาบันศึกษาเทพเจ้าในพริบตาเดียว
“ศิษย์ฝูสือ มาช่วยเหลือช้าไป ขออาจารย์โปรดอภัย” หลังจากที่ผู้เฒ่าผู้นี้มาถึงแล้วได้โค้งคำนับ ท่าทางดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ขาดซึ่งความเคารพ
“เซียนหวังฝูสือ เป็นเซียนหวังฝูสือ เซียนหวังที่มีชาติกำเนิดมาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเรา!” เวลานี้นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเมื่อได้ยินชื่อฉายาแล้ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นม มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยดูจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ.ไอลีนโนเวล.
ระหว่างที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ระหว่างอันตราย เหล่าผู้กล้ารายล้อม นาทีนี้เสมือนหนึ่งสถาบันศึกษาเทพเจ้าคือชิ้นเนื้อหวานมันที่อยู่ท่ามกลางสุนัขจิ้งจอกที่รายล้อม ทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยอกสั่นขวัญแขวน แต่ทว่า เวลานี้ได้มีเซียนหวังผู้หนึ่งมาให้ความช่วยเหลือ พลันทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ในที่สุดก็มีเซียนหวังที่กำเนิดจากสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาช่วยแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีเซียนหวังที่จดจำบุญคุณเล็กน้อยของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้!
เซียนหวังฝูสือคือเซียนหวังผู้กำเนิดจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขามีชาติกำเนิดมาจากซูหลิว สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าแปดสายในครอบครอง!
ซูหลิวเป็นสายสำนักราชันเซียนของทวีปเจียวเหิงโจว มันก่อตั้งขึ้นโดยราชันเซียนเยี่ยนวู่จากเก้าแดน นอกเหนือจากตัวราชันเซียนเยี่ยนวู่เองแล้ว ยังมีเซียนหวังอีกสององค์ ซูหลิวเป็นสำนักที่ไม่ยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ เมื่อเทียบกับสายสำนักราชันเซียนที่มีศิษย์จำนวนนับหมื่นนับพันแล้ว ซูหลิวมีศิษย์น้อยมาก จำนวนศิษย์แต่ละรุ่นจะไม่เกินสิบคน ดังนั้น ชื่อเสียงของซูหลิวในทวีปเจียวเหิงโจวจะไม่มาก แต่ศักยภาพนั้นมิอาจดูแคลนได้
“ฝูสือเข้ามาเถอะ” เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้น อนุญาตให้เซียนหวังฝูสือเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้
การมาให้ความช่วยเหลือของเซียนหวังฝูสือพลันทำให้กำลังใจของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าดีขึ้น ใช่ว่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องการของวิเศษของสถาบันศึกษาเทพเจ้าทุกคน ยังคงมีเซียนหวังที่ไม่ลืมตน ยังคงสำนึกในบุญคุณของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
เซียนหวังฝูสือพ่ตัวเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า หลังจากที่เขาได้เข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วได้หันหลังกลับมาและยิ้มกล่าวว่า “ทุกท่านในเมื่อมาถึงแล้วทำไมไม่กล้าปรากฏตัวออกมากันเล่า? ในฐานะที่เป็นจอมราชันเซียนหวัง จะปล้นก็ดี ฆ่าคนก็ช่าง ทำให้มันสง่าผ่าเผยสักนิด อย่าทำเหมือนเป็นหนู่ที่มุดอยู่แต่ในรูหนู เสียชื่อจอมราชันเซียนหวังพวกเราไปสิ้น”
“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ฝูสือ” ราชันเซียนไป่เลี่ยนหัวเราะและกล่าวว่า “หลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้มันจะเหมือนเป็นผู้มีฐานะอย่างนั้นรึ? ในเมื่อกล้ามาฆ่าคนปล้นชิง แล้วยังจะต้องกลัวผู้อื่นแก้แค้นหรือไร? หรือกลัวจะเสียหน้าตนเองอย่างนั้นรึ?”
“คำพูดนี้มีเหตุผล” ราชันมารอวี่หลุนก็หัวเราะและกล่าวว่า “พวกเราอาจจะไม่ใช่ผู้กล้า พวกเราอาจจะเป็นจอมมารฆ่าคน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่คนถ่อยที่คอยลอบกัดคนอยู่ข้างหลัง การลอบกัดคนข้างหลังเป็นการเสียหน้าจอมราชันเซียนหวังพวกเรา”
คำพูดของราชันเซียนไป่เลี่ยนและราชันมารอวี่หลุนทำให้ผู้คนจำนวนมากมองหน้ากันและกัน ต่อให้เป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า พวกเขาก็รู้สึกว่าคำพูดของราชันเซียนไป่เลี่ยนกับราชันมารอวี่หลุนน่าสนใจ แม้ว่าพวกเขาจะฉวยโอกาสที่ผู้อื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่พวกเขามาเพื่อปล้นชิงสถาบันศึกษาเทพเจ้าจริงๆ และพวกเขาก็ทำได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีจิตใจที่สกปรกแม้แต่น้อย
การกระทำเช่นนี้กลับสามารถได้รับการยอมรับได้ง่ายกว่า จะอย่างไรเสียโลกของผู้บำเพ็ญตนคือปลาใหญ่กินปลาเล็กซึ่งเป็นเรื่องปรกติ มีผู้บำเพ็ญตนคนไหนบ้างที่ตลอดชีวิตไม่เคยปล้นชิงศัตรูมาก่อน?
แน่นอน ผู้ที่แอบซ่อนอยู่ไม่ได้เผยโฉมออกมา ไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะมาเพื่อปล้นชิงสถาบันศึกษาเทพเจ้า หรือมาเพื่อการเฝ้าดูก็ตาม พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้ปรากฎตัวออกมา อย่างน้อยก็ไม่คิดเผยโฉมเป็นการชั่วคราว
หลังจากที่เซียนหวังฝูสือเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว บรรยากาศภายในโลกดึกดำบรรพ์นอกจากจะไม่ได้ผ่อนคลายลง ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นหนักแน่นจริงจังขึ้น
ซึ่งเป็นเหมือนดั่งที่ราชันมารอวี่หลุนได้พูดเอาไว้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าที่เป็นปลาวาฬอ่อนแอลงมากแล้ว และฝูงฉลามดุร้ายกำลังจ้องตาเป็นมัน อีกทั้งฉลามดุร้ายที่จ้องตาเป็นมันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นๆ
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่บรรยากาศดูจะตึงเครียดมาก พลันมีร่างเงาที่ใหญ่โตสายหนึ่งที่เหินฟ้าเข้ามาและปรากฏอยู่บนท้องฟ้า
เวลานี้ ปรากฏร่างเงาที่คล้ายสัตว์ประหลาดยืนอยู่ตรงนั้น คนผู้นี้มีหัวเป็นสิงโตร่างเป็นคน ร่างกายของเขาใหญ่โตมาก มองดูแล้วก็คล้ายเป็นภูเขาสูงลูกหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น
“พี่ๆ ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าระวังให้ดี พวกเราจะบุกเข้าโจมตีอย่างแน่นอนในวันที่มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า” เวลานี้คนที่มีหัวสิงโตร่างคนได้ออกปากพูดขึ้นมา “พี่ๆ ทั้งหลายจงเตรียมตัวให้พร้อม หากว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกทำลายอย่าหาว่าพวกเราใจร้ายลงมือเหี้ยมโหด”
การที่ปรากฏคนที่เป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้โผล่ขึ้นมากะทันหัน อ้าปากก็บอกว่าจะบุกโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้า มีความเป็นอันธพาลยิ่งนัก ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างมองตากันและกัน
“สหาย ในเมื่อมาแล้วเหตุใดไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา?” ราชันมารอวี่หลุนพินิจพิเคระห์หัวสิงโตร่างคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้วหัวเราะเอ่ยขึ้น
“ข้าก็รู้สึกว่าอย่างนั้น เผยโฉมที่แท้จริงมาก็ดี” ราชันเซียนไป่เลี่ยนก็หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าเองก็นัดกันว่าจะเข้าโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้าในวันที่มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า อย่าทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด พวกเราไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับพวกเจ้า”
อย่างไรก็ตาม คนที่มีหัวสิงโตร่างคนผู้นี้กลับไม่สนใจต่อราชันมารอวี่หลุนและราชันเซียนไป่เลี่ยน ดวงตาคู่นั้นของเขาดูลึกล้ำยิ่งนัก จ้องเขม็งไปที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าตลอดเวลา
“ไม่ทราบว่าสหายผู้นี้มีนามว่ากระไร” สำหรับการท้าทายของหัวสิงโตร่างคนผู้นี้ ปรากฎเสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยมาก
ย่อมใม่ต้องสงสัย คนผู้นี้ได้ปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงของตน ไม่มีใครสามารถจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้ และไม่มีใครสามารถคาดเดาชาติกำเนิดของเขาได้ แน่นอน การที่คนผู้นี้ปิดบังฐานะของตนเอง ย่อมมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว
“คำเรียกขานเป็นแค่เครื่องหมายเท่านั้นเอง” หัวสิงโตร่างคนผู้นี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “วัดความเป็นความตายบนสมรภูมิสู้รบก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องคร่ำครึ”
“ทำลับๆ ล่อๆ คงไม่ใช่เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์กระมัง” เวลานี้เสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างเงาที่กระทัดรัดมีความเฉลียวฉลาดปรากฎตัวขึ้นที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า คนผู้นี้ก็คือกัวซินเย่หนึ่งในเซียนหวังสองประสานนั่นเอง
เซียนหวังสองประสานไม่ได้จากไป พวกเขาคือเทพผู้พิทักษ์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า พวกเขาจึงรั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ในขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังมีภัย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจากไป
“ข้าว่าไม่ได้เป็นแค่เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์เท่านั้น เกรงว่ายังสำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าของเราด้วยกระมัง” เวลานี้หยางเจิ้งเวยของเซียนหวังสองประสานก็ปรากฏตัวออกมา กล่าวเสียงเย็นชาขึ้นมา
ผู้ที่มีหัวสิงโตร่างคนผู้นี้ไม่ตอบคำถามของเซียนหวังสองประสาน เพียงพูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้านำคำพูดมาแจ้งเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม มันจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดครั้งหนึ่ง!” ขาดคำหันหลังจากไปทันที
…………………………………………………..