Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2070 หัวสิงห์ร่างคน
ในขณะนี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าวุ่นวายอลหม่านไปทั่ว เสียงเตือนภัยดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะบรรดาจอมเทพระดับล่างที่คอยฉกฉวยผลประโยชน์ยามชุลมุน เมื่อพบเจอของดีของล้ำค่า ก็จะยกแบกเอาไปทันที
ในบรรดาผู้ที่บุกโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้า ผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดต้องยกให้หัวสิงห์ร่างคนที่มีประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนผู้นั้น เขาบุกตรงยาวเข้าไปในบริเวณส่วนที่ลึกที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ที่ตรงนั้นเป็นที่เก็บคัมภีร์ลับของสถาบันศึกษาเทพเจ้า สถานที่ตรงนั้นได้เก็บรักษาสุดยอดเคล็ดวิชาของราชันเซียนเฟย ราชันเทพจงหนาน เซียนหวังอิเย่ที่เป็นจอมราชันเซียนหวังระดับสูงสุด
หัวสิงห์ร่างคนผู้นี้บุกตรงยาวเข้าไป ได้เสียงดังปัง ปัง ปังเป็นเสียงที่เกิดจากการแตกละเอียดของสิ่งของ เขาได้บุกทำลายแนวป้องกันและละด่านของสถาบันศึกษาเทพเจ้ารวดเดียว บรรดาผู้เฒ่าที่เข้าขวางเขาล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถูกเขาจัดการจนแตกพ่ายไปทีละคนๆ
ภาพนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป เมื่อเห็นหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้บุกทะลวงยาวเข้าไป ระดับจอมเทพถึงกับเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “นี่คือจอมราชันที่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างนั้นรึ?”
แต่เมื่อทุกคนมองให้ละเอียดก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ จอมราชันระดับสูงสุดเฉกเช่นราชันซื่อตี้พวกเขา ไม่มีความจำเป็นต้องทำลับๆ ล่อๆ เช่นนี้
“อย่าได้ทำร้ายใคร…” จังหวะที่หัวสิงห์ร่างคนผู้นี้กำลังบุกทะลวงเข้าไปนั้น เสียงร้องตวาดคำหนึ่งทำเอาฟ้าดินปั่นป่วน มองเห็นผู้เฒ่าที่สวมใส่ชุดราชันปรากฏตัวขวางทางของเขาเอาไว้
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้เฒ่าผู้นี้สะบัดมือออกไปตามอารมณ์ ค่ายกลกระบี่เซียนที่หลับใหลอยู่ท่ามกลางส่วนลึกของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันบินออกมา มองเห็นผู้เฒ่าทำมือฟันออกไปตามอารมณ์ ค่ายกลกระบี่ได้กลับกลายเป็นสุดยอดกระบี่สวรรค์ ตรงเข้าไปฟันใส่ร่างของหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้
ผู้ที่มีหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้คำรามเสียงยาวออกมา ควงแขนทั้งสองขึ้นมารับมือกับค่ายกลกระบี่ซึ่งหน้า ได้ยินเสียงดังตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ค่ายกลกระบี่ได้ฟันใส่แขนทั้งสองข้างของหัวสิงห์ร่างคน ถึงกับกลายเป็นสะเก็ดไฟแตกกระจาย บางส่วนพุ่งกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำลายดวงดาวจนแตกละเอียด
“นี่ นี่มันจะร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง” หลายคนต้องใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้ถึงกับอาศัยสองแขนรับมือกับค่ายกลกระบี่เซียนเหินได้
“ไสหัวไป…” แต่ทว่า พลันที่หัวสิงห์ร่างคนเพิ่งจะต้านรับกับค่ายกลกระบี่ ผู้เฒ่าชุดราชันสำแดงกระบวนท่าออกมาตามอารมณ์ เสียงตึงดังสนั่น ระฆังราชันจงหนานลูกหนึ่งได้บินออกมาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า นี่คือสุดยอดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของราชันเทพจงหนานที่พุ่งกระแทกเข้ามาอย่างแรง
เสียงปังดังสนั่น หัวสิงห์ร่างคนผู้นี้ถูกกระแทกจนก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว แต่ยังคงไม่ได้บาดเจ็บอะไร ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามีความน่ากลัวเพียงใด
“เผยตัวจริงออกมา…” เวลานี้ผู้เฒ่าชุดราชันพลิกฝ่ามือทั้งสอง ปรากฏคันฉ่องราชันอยู่ในมือ ประกายราชันที่ร้อนแรงยิ่งพลังปกคลุมไปทั่วร่างของคนที่มีหัวสิงห์ร่างคน
เมื่องคนที่มีหัวสิงห์ร่างคนถูกประกายราชันที่ร้อนแรงส่องร่าง ปรากฎร่างของหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้กลับมีแต่ความว่างเปล่า ท่ามกลางร่างกายที่ว่างเปล่ากลับมีชะตาฟ้าสิบสี่สายที่ลอยล่องอยู่!
“นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!” สิ่งนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงกับผู้คนจำนวนมาก เมื่อมองเห็นภายในร่างกายของหัวสิงห์ร่างคนผู้นี้ว่างเปล่า อีกทั้งยังมีชะตาฟ้าสิบสี่สายอยู่ในนั้น มีผู้ที่ไม่เข้าใจถึงความลึกลับที่ลึกซึ้งกล่าวด้วยความหวาดผวาว่า “โลกนี้มีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสี่สายด้วยรึ?”
“มิน่าหละถึงต้องทำหลบๆ ซ่อนๆ ที่แท้เป็นการร่วมมือของเซียนหวังสิบสี่องค์ ทุกองค์ต่างสละชะตาฟ้ามาหนึ่งสาย” เวลานี้ผู้เฒ่าชุดราชันกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งในใจเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าชุดราชัน นี่เป็นการโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้าร่วมกันของเซียนหวังสิบสี่องค์จากร้อยชาติพันธุ์ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเช่นใด!
เรื่องอย่างนี้ทำให้จอมเทพบางส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับๆ และยังไม่ได้ลงมือต่างมองตากันและกัน แม้แต่เซียนหวังจากร้อยชาติพันธุ์ก็ยังโจมตีต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทั้งยังเป็นการร่วมมือกันของเซียนหวังถึงสิบสี่องค์ แสดงว่ามีคนตั้งใจจะทำลายล้างสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้สิ้น
แต่ว่า หากไตร่ตรองให้ละเอียดนิดหนึ่ง มันก็ใช่จะเป็นเรื่องแปลก การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีธาตุแท้ภายในที่ลึกซึ้งมากที่สุดในทวีปเจียวเหิงโจว มีทรัพยากรมากที่สุดอยู่ในครอบครอง ถ้าหากทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วนำเอาทรัพยากรมาแบ่งสันปันส่วนกัน สามารถทำให้พวกเขาได้รับผลตอบแทนมากมาย กระทั่งทำให้ธาตุแท้ภายในของสำนักพวกเขายกระดับขึ้นไปได้อีกขั้น!
“โอรสราชัน พวกเราล่วงเกินแล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าล่มสลาย สุดยอดเคล็ดวิชาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าสมควรให้ร้อยชาติพันธุ์เป็นผู้เก็บรักษา อย่าได้ตกไปอยู่ในมือของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า” เวลานี้หัวสิงห์ร่างคนเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เขา เขา เขาคือบุตรชายของราชันเซียนเฟย โอรสราชันเซียนเฟย!” เมื่อหัวสิงห์ร่างคนเอ่ยปากพูดออกมา ทำให้มีจอมเทพจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้ ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา
“โอรสราชันเซียนเฟย…” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดนี้กับหู ทยอยกันมองดูโอรสราชันเซียนเฟยทีหนึ่ง กระทั่งมีผู้ที่โค้งคำนับให้ด้วยความเคารพ
“ทำลายล้างสถาบันศึกษาเทพเจ้า เรื่องของคนฝันเฟื่อง!” เรียกได้ว่าอำนาจราชันของโอรสราชันเซียนเฟยนั้นไม่อนุญาตให้ผู้ใดก้าวล่วง ด้วยท่าทีที่เฉียบขาดเย็นชาคุกคามผู้คน.ไอรีนโนเวล.
“สถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว” หัวสิงห์ร่างคนผู้นี้ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เกรงว่าต่อให้โอรสราชันปรากฎตัวก็เปลี่ยนแปลงชะตาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ ข้ามีชะตาฟ้าสิบสี่สายบนตัว เกรงว่าโอรสราชันก็ไม่สามารถขวางทางของข้าได้ หากร่างจริงของพวกเราลงมือ เกรงว่าโอรสราชันก็ต้องสิ้นชื่ออยู่ตรงนี้”
นี่คือการร่วมมือของเซียนหวังสิบสี่องค์ อีกทั้งในบรรดาเซียนหวังทั้งสิบสี่องค์นี้ยังมีเซียนหวังที่น่ากลัวยิ่งนัก มีองค์หนึ่งกระทั่งมีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ดังนั้น หัวสิงห์ร่างคนจึงพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจเช่นนี้
“ดี รอให้ข้าทำลายชะตาฟ้าของเจ้าก่อน ดูว่าตัวจริงพวกเจ้าจะปรากฎออกมาหรือไม่!” โอรสราชันเซียนเฟยก็เปี่ยมด้วยความพาล แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ลมปราณของเขาตลบอบอวล พริบตาเดียวนั้นเองเหมือนหนึ่งได้ก้าวข้ามอดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวเขาเสมือนหนึ่งก้าวออกมาจากท่ามกลางความขมุกขมัวของฟ้าดิน นำเอาพลังแรกเริ่มกำเนิดฟ้าดินมาด้วย
สายเลือดเสินหย่ง…ผู้ที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าเทพรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไรเมื่อมองเห็นสภาพเช่นนี้ ถึงกับพูดใจหายใจคว่ำออกมาว่า “นี่คือหนึ่งในสี่สายเลือดเซียน เป็นสายเลือดเซียนที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวของเผ่าเทพ”
สายเลือดเสินหย่งคือหนึ่งในสี่สายเลือดเซียน และเป็นสายเลือดเซียนที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวของเผ่าเทพ
ทุกคนไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่โอรสราชันเซียนเฟยมีสายเลือดเสินหย่งในครอบครอง แม้ว่าบิดาของเขาคือราชันเซียนเฟย แต่มารดาของเขาคือสาวงามอันดับหนึ่งของเผ่าเทพ ท่านตาของเขาคือราชันเทพจงหนาน จึงได้มีสายเลือดที่สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียมอยู่ในครอบครอง
“ฆ่า…” หัวสิงห์ร่างคนคำรามเสียงยาวออกมาทันที และลุยเข้าสังหารในทันที แม้จะกล่าวว่าเขานั้นมีชะตาฟ้าสิบสี่สายในครอบครอง แต่มันเกิดจากเซียนหวังสิบสี่องค์ต่างมอบชะตาฟ้าของตนออกมาคนละสาย มันจึงไม่สามารถสำแดงอานุภาพของชะตาฟ้าสิบสี่สายได้ทั้งหมด
“โทษสมควรตาย!” โอรสราชันเซียนเฟยส่งเสียงฮึที่เย็นชาออกมา กวักมือให้ค่ายกลกระบี่เซียนเหินพุ่งลงมาโจมตีหัวสิงห์ร่างคน
ตูม ตูม ตูมในเวลานี้ ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด อักขระยันต์ราชันที่สลับสับกันไปมา สมรภูมิรบโบราณแต่ละแห่งที่ผุดขึ้นมา ท่ามกลางพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงสั่นไหวโคลงเคลงไปมาไม่หยุดนิ่ง เสมือนหนึ่งเป็นเรือน้อยที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางพายุทีโหมกระหน่ำ
“ฮ่า ฮ่าครึกครื้นดี พวกเรามาแล้ว…” ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระลอก ท้องฟ้ามืดครึ้ม ปรากฏมังกรยักษ์และพยัคฆ์ขนาดยักษ์ขึ้นบนท้องฟ้าด้านบนของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“หวงหลง ป้าหู่มาแล้ว…” ในขณะที่ทุกคนยังไม่รู้ว่าเจ้ามังกรยักษ์ และพยัคฆ์ขนาดยักษ์ที่โผล่ออกมาเป็นศัตรูหมือมิตรนั้น พวกเขาพลันบุกเข้าไปในสมรภูมิรบทันที
“ในฐานะที่เป็นถึงระดับจอมเทพ ไม่ละอายที่มาทำลับๆ ล่อๆ เป็นขโมย” มองเห็นพยัคฆ์ขนาดยักษ์ที่กำลังหัวเราะเสียงดัง ได้ยินเสียงปังดังขึ้น จัดการตะปบจอมเทพผู้หนึ่งที่กำลังแบกบ่อน้ำโบราณหนีจนกลายเป็นเนื้อบดไป
“คึกครื้นดี ไม่ได้ฆ่าคนมันมือแบบนี้มานานแล้ว” เวลานี้มังกรยักษ์คำรามเสียงยาว เขาร่วมในสมรภูมิสู้รบ
มังกรยักษ์และพยัคฆ์ขนาดยักษ์นี้ไม่ใช่ใครอื่น คือหวงหลง และป้าหู่นั่นเอง ครั้งนั้นพวกเขาติดตามหลี่ชิเย่ขึ้นมายังแดนสิบ แน่นอน ชาติกำเนิดของพวกเขาก็คือแดนที่สิบ
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อหวงหลง และป้าหู่เข้าร่วมในสมรภูมิรบแล้ว พลันจัดการสังหารบรรดาจอมเทพที่ฉวยโอกาสตอนชุลมุนตักตวงผลประโยชน์จนแตกกระเจิง
ยามที่ระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล่มสลายแล้วนั้น จอมราชันเซียนหวัง และจอมเทพจำนวนมากต่างบุกเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้าแทบจะวินาทีแรก ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการแย่งชิงของวิเศษเป็นคนแรก แต่ ก็มียกเว้นอยู่เหมือนกัน เฉกเช่นราชันเซียนหยินหยาง และราชันเซียนไป่เลี่ยนต่างไม่รีบร้อนที่จะบุกรุกเข้าไป
เนื่องจากพวกเขามาเพื่อของวิเศษชิ้นหนึ่ง พวกเขามาด้วยของวิเศษชิ้นนั้นที่อยู่ในตำนานของสถาบันศึกษาเทพเจ้า นั่นก็คือตำหนักสวรรค์
ในเวลานี้ มองเห็นราชันเซียนหยินหยางได้ทำการเบิกดวงตาทั้งสองขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นของเขาได้ข้างหนึ่งกลายเป็นตาหยิน อีกข้างหนึ่งกลายเป็นตาหยาง ดวงตาทั้งสองทำการสังสารวัฏครั้งแล้วครั้งเล่า สาดส่องไปทั่วงสถาบันศึกษาเทพเจ้า หวังจะพบเงื่อนงำบางอย่างจากพื้นที่ทุกๆ ตารางนิ้วของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“น่าจะเป็นตรงนี้!” หลังจากที่ได้ทำการสำรวจรอบแล้วรอบเล่า ดวงตาหยินหยางทั้งสองของราชันเซียนหยินหยางได้กำหนดเป้าหมายที่เรือนตำรา ไม่เสียทีที่เข้าเป็นถึงราชันเซียน และไม่เสียทีที่เขามีคู่ดวงตาที่สามารถเชื่อมติดต่อหยินหยางได้ ในที่สุด ทำให้เขามองเห็นความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมบางอย่าง ดังนั้น จึงก้าวเท้าเข้าไปในเรือนตำรา
“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย” เมื่อราชันเซียนหยินหยางก้าวเท้าเข้าไปในเรือนตำรานั้น เห็นหลี่ชิเย่ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นและกล่าววาจาเรียบเฉยขึ้นมา
“ท่านเป็นใคร…” เมื่อราชันเซียนหยินหยางมองเห็นคนหนุ่มอย่างหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับเพ่งดวงตาทั้งสองตรงไปข้างหน้าและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เสียงแว้งค์ดังขึ้น ในขณะนี้ดวงตาหยินหยางทั้งสองของราชันเซียนหยินหยางได้สำแดงอีกครั้ง ส่องไปบนตัวของหลี่ชิเย่ หวังรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของหลี่ชิเย่ แต่ว่า ครั้นตาหยินหยางของเขาที่สาดส่องลงบนตัวของหลี่ชิเย่กลับมองเห็นแต่ความขุ่นมัวไปทั่วร่าง ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เมื่อราชันเซียนหยินหยางไม่สามารถอาศัยดวงตาหยินหยางของตนมองรู้ถึงเส้นสนกลในใดๆ ทั้งสิ้น สร้างความตระหนกกับเขาเป็นยิ่งนัก
“ข้าจะเป็นใครนั้นไม่สำคัญ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “หากไม่รู้จักกาลเทศะ ก็จะจบชีวิตที่ตรงนี้”
“ข้ากลับจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาจากกองคนตายมาครั้งแล้วครั้งเล่า” ราชันเซียนหยินหยางถึงกับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “ข้าก็อยากจะรู้นักว่าคนที่จะฆ่าข้าให้ตายนั้นเป็นใคร”
กล่าวสำหรับราชันเซียนเก้าแดนแล้ว ได้ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านการทดสอบมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่อาจหนีไปเพียงเพราะคำขู่คำเดียวของหลี่ชิเย่ ต่อให้หลี่ชิเย่นั้นดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงก็ต้องลองดูสักครั้ง กล่าวสำหรับผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นพวกเขาจะไม่ยอมละทิ้งอะไรง่ายดายอยู่แล้ว
เสียงแว้งค์ดังขึ้น เวลานี้ดวงตาทั้งสองของราชันเซียนหยินหยางต่างพวยพุ่งเป็นประกายออกมาข้างละสาย ยิงตรงไปบนตัวของหลี่ชิเย่
แต่ทว่า ประกายหยินหยางทั้งสองยังไม่ทันยิงถูกตัวของหลี่ชิเย่ ทันใดนั้นได้ยินเสียงดังจี๊ดขึ้นมาเสียงหนึ่ง ประกายกาลเวลาพวยพุ่งเข้ามา ท่ามกลางเสียงดังจี๊ดจี๊ดที่ดังขึ้น ปรากฎประกายหยินหยางไม่สามารถก้าวข้ามกาลเวลาไปได้ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา
นาทีนี้ ผู้หญิงคนหนึ่งเหินฟ้าลงมา ดุจดั่งเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์ เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คน
…………………………………………………..