Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2076 ตำหนักสวรรค์
“ได้เวลาไสหัวออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้แล้ว…” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยิ้มเฉยเมย ยื่นมือออกไป ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น
ตามติดด้วยเสียงคร๊ากก คร๊ากกดังขึ้นที่เรือนตำรา มองเห็นตำหนักขนาดใหญ่แต่ละหลังภายในเรือนตำราที่รวมเข้าด้วยกัน เพียงชั่วพริบตาเดียวถึงกับประกอบเป็นตำหนักขนาดใหญ่ที่เก่าแก่โบราณและน่าเกรงขามขึ้นมาหลังหนึ่ง
ตูม…เสียงดังสนั่นดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ตำหนักใหญ่หลังนี้พลันปะทุเป็นพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินขึ้นมา พลังที่ทำลายฟ้าดินนี้พลันพวยพุ่งออกมาจากในตำหนักใหญ่หลังนี้ และแผ่ขยายออกไปด้านนอก และพุ่งเข้าหาผู้รุกรานทุกคน
“ถอย…” ด้วยพลังทำลายฟ้าดินเช่นนี้พุ่งโจมตีเข้ามา ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป ต่อให้พวกเขาที่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็ไม่ต้องการไปต้านกับพลังสายนี้ พวกเขาล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หนีขึ้นไปอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า
เสียงตูมดังสนั่น พลังทำลายฟ้าดินพุ่งโจมตีออกมา มีจอมเทพระดับล่างบางคนที่ล่าถอยช้าเกินไป พลันถูกพลังทำลายฟ้าดินนี้พุ่งโจมตีจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป ไม่มีโอกาสกระทั่งร้องเสียงน่าเวทนาออกมา ถูกสังหารไปในทันที
ภาพเช่นนี้ได้สร้างความหวาดกลัวจนขนลุกซู่ให้กับผู้ที่ดูชมอยู่ด้านข้างทั้งหมด นี่มันคือพลังอะไรกันแน่นะถึงได้ทรงพลังและน่ากลัวถึงเพียงนี้
“ตำหนักสวรรค์…” เวลานี้หัวสิงห์ร่างคนผู้นั้นร้องเสียงดังขึ้นมา บอกถึงประวัติของพลังสายนี้ได้ทันที มือขนาดใหญ่ที่บดบังท้องฟ้าและยื่นเข้าไปคว้าตำหนักที่เก่าแก่โบราณและน่าเกรงขามนั่น
“ไสหัวไป…” หลี่ชิเย่ส่งเสียงฮึน่าเกรงขามออกมา ปรากฏเสียงตูมดังสนั่น เวลานี้ตำหนักหลังดังกล่าวได้กลับกลายเป็นต้นกำเนิดสัจธรรม ฉับพลันได้พวยพุ่งเป็นประกายที่ร้อนแรงยิ่งออกมาสายหนึ่ง ประกายร้อนแรงที่สามารถสังหารเทพเข่นฆ่าราชันได้ ปราศจากผู้เทียบเทียม และปราศจากผู้ต่อกร
เสียงปังดังขึ้น ประกายสายนี้มีความรวดเร็วและทรงพลังเหลือเกิน แม้แต่หัวสิงห์ร่างคนที่แข็งแกร่งก็หลบไม่พ้น และต้านเอาไว้ไม่อยู่ ถูกประกายสายนี้ยิงทะลุหน้าอกไป
“เจ้าคนขี้ขลาดที่หลบๆ ซ่อนๆ ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้!” เวลานี้ โอรสราชันเซียนเฟยคำรามเสียงยาวออกมา ฉวยโอกาสจังหวะที่ประกายสายนั้นยิงทะลุผ่านหน้าอกของหัวสิงห์ร่างคนนั้นไป ลงมืออย่างเฉียบขาด ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น กฎเกณฑ์จอมราชันแต่ละสายได้พวยพุ่งออกมาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ฉับพลันแทงทะลุเข้าร่างของหัวสิงห์ร่างคน และทำการพันธนาการชะตาฟ้าสิบสี่สายที่อยู่ภายในร่างกายร่างนี้
ตูม ตูม ตูมจังหวะที่โอรสราชันเซียนเฟยได้พันธนาการชะตาฟ้าทั้งสิบสี่สายนี้เอาไว้นั้น ประกายที่พวยพุ่งออกมาจากตำหนักหลังนั้นพลันเผาผลาญชะตาฟ้าทั้งสิบสี่สายนี้ ต้องการหลอมกลั่นชะตาฟ้าทั้งสิบสี่สายนี้ทิ้งไป
แย่แล้ว…เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย และเป็นผู้บงการในร่างคนร่างนี้พลันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป คำรามเสียงยาวออกมา และร้องกล่าวเสียงดังว่า “รีบปรากฏตัว!”
ตูม ตูม ตูมเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างเงาที่น่าเกรงขามสิบสี่สายปรากฏขึ้น เซียนหวังจำนวนสิบสี่องค์พลันมาถึง พวกเขาเข้าควบคุมจักรวาล พลิกกลับทุกๆ สถานการณ์
ตึง ตึง ตึงเสียงแตกร้าวแต่ละเสียงที่ดังขึ้น ตัวจริงของสิบสี่เซียนหวังมาถึงโดยพลันและเข้าควบคุมชะตาฟ้าของตน จัดการดึงกฎเกณฑ์ที่พันธนาการชะตาฟ้าของพวกเขาจนขาด
การปรากฏตัวของสิบสี่เซียนหวัง ทำให้อานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรที่น่ากลัวตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องสั่นเทากับสิ่งนี้ ขบวนการเช่นนี้นับว่ามีความแข็งแกร่ง และน่ากลัวมากเหลือเกิน
“เซียนหวังจุ้งเทียน…” มีผู้คนที่รู้สึกใจหายใจคว่ำและร้องกล่าวออกมาด้วยความตระหนก เมื่อมองเห็นหนึ่งในสิบสี่เซียนหวังที่แข็งแกร่งที่สุดคนนั้น ซึ่งมีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายในครอบครอง
“เขา เขาเคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้านะเนี่ย” จอมเทพที่ยืนดูถึงกับเอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
“เซียนหวังจุ้งเทียน…” จอมเทพของร้อยชาติพันธุ์ถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ เมื่อมองเห็นเซียนหวังผู้นี้แล้ว
เซียนหวังจุ้งเทียนคือหนึ่งในเซียนหวังที่แข็งแกร่งที่สุดของร้อยชาติพันธุ์ มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ผู้ก่อตั้งพรรคทะยานฟ้า อีกทั้งเขาเคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า!
“เซียนหวังห้าองค์ของพรรคทะยานฟ้า เซียนหวังของพรรคซือเสินสามองค์ ยังมีเซียนหวังอีกหกองค์จากร้อยชาติพันธุ์ นอกจากเซียนหวังจุ้งเทียนแล้ว ในบรรดาเซียนหวังทั้งสิบสี่องค์ยังมีเซียนหวังอีกสามองค์ที่เคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า” มีผู้ที่พึมพำออกมา
พรรคซือเสินมีเซียนหวังสี่องค์ เพียงแต่เซียนหวังองค์แรกของพวกเขาตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์
เซียนหวังทั้งสิบสี่องค์นี้ไม่เพียงกำเนิดจากร้อยชาติพันธุ์ทั้งหมดเท่านั้น ทั้งยังมีเซียนหวังสี่องค์ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“นี่คือร้อยชาติพันธุ์เองที่ต้องการทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้านะเนี่ย” แม้แต่จอมเทพของเผ่ามารยังถึงกับต้องพูดเสียงแผ่วเบาออกมา
“อาศัยความใกล้ชิดคว้าผลประโยชน์ก่อน เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” จอมราชันของเผ่าเทพเยาะเย้ยและกล่าวว่า “เกรงว่าพวกเขาอยากได้สถาบันศึกษาเทพเจ้าใช่เป็นเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น”
ทุกคนต่างรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เฉกเช่นพวกคนอย่างเซียนหวังจุ้งเทียน พวกเขาเคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า พวกเขาจะไม่ล่วงรู้ถึงขุมทรัพย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้รึ? จะไม่ให้พวกเขาต้องใจเต้นตูมตามได้รึ? กล่าวได้ว่า ธาตุแท้ภายในของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่อดกลั้นต่อความเย้ายวนเช่นนี้ได้.ไอลีนโนเวล.
“พวกสวะที่เนรคุณ!” โอรสราชันเซียนเฟยมองดูพวกเซียนหวังจุ้งเทียน เอ่ยนำเสียเย็นชาขึ้นมา
เซียนหวังจุ้งเทียนถึงกับหน้าแดงด้วยความอับอาย จะอย่างไรเสียพวกเขาเคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เมื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัย พวกเขากลับคิดจะทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าเสีย
“โอรสราชัน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก มันเป็นกฎเกณฑ์ของโลก” เซียนหวังจุ้งเทียนเอ่ยขึ้นช้าๆ
โอรสราชันเซียนเฟยส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา ไม่ต้องการพูดอะไรอีก จะอย่างไรเสียชั่วชีวิตของเขาได้พานพบเรื่องราวทำนองนี้มากมายเหลือเกิน
“พวกเราต้องการแต่ตำหนักสวรรค์ มอบตำหนักสวรรค์แก่พวกเรา พวกเราก็จะไปทันที!” เวลานี้พวกของเซียนหวังจุ้งเทียนเปิดเผยออกมาแล้ว และไม่ต้องการรั้งอยู่นาน พวกเขาจ้องหมายตาตำหนักสวรรค์เอาไว้
ตำหนักสวรรค์…เวลานี้ จอมราชันมองดูตำหนักใหญ่เก่าแก่โบราณหลังนั้นที่อยู่ในเรือนตำรา เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นว่า “คือตำราอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันที่อยู่ในตำนานนั้นหรือ?”
มีผู้ที่บอกว่าตำหนักสวรรค์ก็คือตำราอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นของวิเศษประจำสถาบันศึกษาเทพเจ้า เท็จจริงอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ว่า อานุภาพของตำหนักสวรรค์ที่ได้เห็นเมื่อครู่นั้น ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้ใช่จะไร้เหตุผล
“อยากได้ตำหนักสวรรค์ ฝันไปรึ?” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ยืนมือออกไปทำท่าโบกมือทีหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงดังคร๊าก คร๊าก คร๊ากขึ้นมา มองเห็นตำหนักสวรรค์มีขนาดที่หดเล็กลง เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นขนาดเท่ากำปั้นล่องลอยอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่ และหมุนรอบตัวของหลี่ชิเย่ไปช้าๆ
ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ลืมโจมตีต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกตำหนักสวรรค์ดึงดูดเอาไว้ จะอย่างไรเสีย เมื่อเทียบกับตำราอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันแล้ว เกรงว่าคงไม่มีสิ่งใดในโลกที่ล้ำค่ายิ่งไปกว่าตำหนักสวรรค์อีกแล้ว
ดังนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ถ้าหากสามารถชิงเอาตำหนักสวรรค์มาได้ย่อมเหนือกว่าทุกสิ่ง!
“ไม่ทราบว่าพี่ท่านคือใคร แต่ว่าไม่ว่าท่านจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม สถานการณ์วันนี้ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว ท่านรักษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ไม่ได้และรักษาตำหนักสวรรค์ไม่ได้ หากท่านมอบตำหนักสวรรค์ออกมาก็นับว่าเป็นการช่วยร้อยชาติพันธุ์รักษาตำราอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันเอาไว้ให้กับร้อยชาติพันธุ์” เวลานี้ เซียนหวังจุ้งเทียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เซียนหวังอีกสิบสามคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ขยับตาม ต่างจ้องเขม็งไปที่ตำหนักสวรรค์ เวลานี้ในสายตาของพวกเขามีเพียงตำหนักสวรรค์เท่านั้น
“หน้าด้านไร้ยางอาย” เวลานี้ปรากฏเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น ผู้มีคุณธรรมได้ปรากฏขึ้น คนผู้หนึ่งที่ขี่วัวมาด้วยท่าทีเอ้อระเหยและสบายอกสบายใจ คนผู้นี้เหมือนหลังอิงแผ่นฟ้าโบยบิน ปราศจากสิ่งใดสามารถกั้นขวาง มีท่าทีของความเป็นผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม เขาขี่วัวมาถึงและกล่าวอย่างดูแคลนว่า “จุ้งเทียน คนถ่อยอย่างเจ้าก็เป็นเซียนหวังกับเขาได้ มันคือปาฏิหาริย์นับแต่อดีตถึงปัจจุบันโดยแท้”
“ราชันเซียนมู่เทียน…” มีผู้สามารถจดจำประวัติความเป็นมาของเขาได้ทันที เมื่อมองเห็นผู้ที่หลังอิงแผ่นฟ้าโบยบิน ปราศจากสิ่งใดสามารถกั้นขวาง และขี่วัวเข้ามา ถึงกับร้องเสียงดังออกมา
“เป็นราชันเซียนจากเก้าแดนมาอีกองค์หนึ่งแล้ว” มีผู้ที่รู้สึกถึงจิตใจที่ฮึกเหิมขึ้นมา
ราชันเซียนมู่เทียนเคยเป็นหนึ่งในราชันเซียนของพรรคปกฟ้า เขามีฉายาว่ามู่เทียน มีสุดยอดอภินิหารในครอบครอง!
เซียนหวังจุ้งเทียนหน้าแดงด้วยความอายเมื่อถูกราชันเซียนมู่เทียนด่าว่าเสียงดัง เขายังคงอดกลั้นเอาไว้ได้ กล่าวเรียบเฉยว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็กเท่านั้นเอง หรือชั่วชีวิตของสหายมู่เทียนไม่เคยแย่งชิงของๆ ผู้อื่นเลยรึ?”
“ชั่วชีวิตข้าฆ่าคนมาจำนวนนับไม่ถ้วน และเคยรังแกผู้อ่อนแอมาไม่น้อย” เซียนหวังจุ้งเทียนยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า ข้าไม่เคยทรยศ เจ้าสวะที่ทรยศไม่มีคุณสมบัติเป็นเซียนหวัง! ดังนั้น วันนี้ข้าจะกำจัดสวะที่ทรยศอย่างเจ้าแทนสถาบันศึกษาเทพเจ้า!”
“มู่เทียน หรือข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นรึ? ใครจะฆ่าใครก็ยังไม่แน่!” เดิมทีเซียนหวังจุ้งเทียนก็ไร้เหตุผลอยู่แล้ว เมื่อถูกราชันเซียนมู่เทียนเยาะเย้ยเช่นนี้ ทำให้เริ่มจะอดกลั้นไม่อยู่ จึงกล่าวเสียงดังน่าเกรงขามขึ้นมา
“มา มา มา เช่นนั้นแล้วพวกเราก็มาทดลองสู้กันสักครั้ง” ราชันเซียนมู่เทียนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับกวักมือให้กับเซียนหวังจุ้งเทียน
“ข้าก็สมควรล้างศิษย์ทรยศให้กับสำนัก ล้างสิ่งสกปรกให้กับร้อยชาติพันธุ์!” เวลานี้ ดวงตาทั้งสองของโอรสราชันเซียนเฟยก็ได้เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวขึ้นมา ทำการปิดกั้นเซียนหวังอีกสิบสามองค์ที่อยู่ด้านหลังของเซียนหวังจุ้งเทียน จะอย่างไรเสีย ในจำนวนเซียนหวังสิบสามองค์นี้ยังคงมีสามองค์ที่เคยเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“แหะ เรื่องที่คึกครื้นเช่นนี้จะขาดพวกเราไปได้อย่างไร โอรสราชัน นับรวมพวกเราสองคนด้วย” ในขณะนี้ป้าหู่ก็หัวเราะแหะแหะ
“ชั่วชีวิตของข้าเถาโซ่วดูแคลนศิษย์ทรยศประเภทนี้มากที่สุด!”เซียนหวังเถาโซ่วก็ดูแคลน ขอเพียงโอรสราชันเซียนเฟยลงมือ เขาก็ยินดีสังหารเซียนหวังร้อยชาติพันธุ์เหล่านี้
ในขณะนี้ จอมราชันจอมเทพของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างหัวเราะเยาะ ท่าทีต้องการเป็นผู้ชมอย่างนั้น เนื่องจากนี่จะเป็นการเสียหน้าของร้อยชาติพันธุ์แล้ว พวกเขาย่อมยินดีที่จะได้เห็นการต่อสู้กันเองภายในร้อยชาติพันธุ์ รอให้บรรดาเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง พวกเขารอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์โดยไม่ต้องเปลืองแรงได้ก็ยิ่งดี
“เฝ้ารักษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าไว้ก่อนเถอะ” เมื่อหลี่ชิเย่มองเห็นเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างมีความโกรธแค้น จึงได้โบกมือเบาๆ กล่าวอมยิ้มออกมา
บรรดาผู้เฒ่าได้สติกลับมาและรู้สึกเย็นวาบบในใจ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด พวกเขาทยอยกันเข้าประจำในแท่นบูชาเซียน แว้งค์ แว้งต์ แว้งค์ปรากฏประกายที่ส่ว่างไสวขึ้นมาเป็นระลอก สถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกตรึงไว้ให้มั่นอีกครั้ง และระบบป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ถือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ตั้งขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง
“มู่เทียน ต่อให้เจ้าต้องการสังหารพวกเศษสวะไร้สมองเช่นนี้ก็ไม่ต้องรีบขนาดนี้ ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่จ้องตาเป็นมันอยู่” หลี่ชิเย่หัวเราะและเอ่ยกับราชันเซียนมู่เทียน
“อาจารย์พูดได้ถูกต้อง” ราชันเซียนมู่เทียนโค้งแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ จากนั้นแสดงคารวะแบบจีนแล้วก็จับจ้องเซียนหวังจุ้งเทียนเอาไว้ กล่าวเยาะเย้ยว่า “ข้าจะดูเจ้าเอาไว้!”
เซียนหวังจุ้งเทียนส่งเสียงฮึเย็นชา แต่ว่าก็ไม่รีบร้อนที่จะลงมือแล้ว เนื่องจากในขณะนี้เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าก็เหมือนคอยดูเสือกัดกัน เขาจึงไม่ต้องการให้เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าฉกฉวยผลประโยชน์ ดังนั้น เขาจึงนำพาเซียนหวังอีกสิบสามองค์คอยเฝ้าดูตำหนักสวรรค์ของหลี่ชิเย่เอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา
เวลานี้ บรรดาจอมราชันจอมเทพของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าต่างมองตากันและกัน เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กันภายในของร้อยชาติพันธุ์ไม่เกิดขึ้นแล้ว