Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2092 สัจธรรมโลกมนุษย์
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหวั่นไหว เมื่อมองเห็นราชันซื่อตี้คนที่สอง ธาตุแท้ภายในของตระกูลเฉี่ยนได้อยู่เหนือจินตนาการของผู้คนจำนวนมากไปแล้ว
ทุกคนต่างรู้ว่าตระกูลเฉียนคือหนึ่งตระกูลเก้าราชัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งของสิบสามทวีปในยุคนี้ มีจำนวนจอมราชันมากที่สุด และทุกคนต่างรู้ดีว่าธาตุแท้ภายในของตระกูลเฉี่ยนนั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง แต่ทว่า ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่มีรายละเอียดในแนวความคิดเกี่ยวกับธาตุแท้ภายในของตระกูลเฉี่ยน
มาในวันนี้ เมื่อได้มองเห็นราชันซื่อตี้คนที่สองแล้ว ทุกคนจึงได้มีรายละเอียดแนวความคิดเกี่ยวกับความเข้มแข็งของตระกูลเฉี่ยนแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใดที่สามารถอาศัยการสั่งสมมาเป็นเวลาพันล้านปี สร้างราชันซื่อตี้คนที่สองขึ้นมาได้
“ต่อให้ไม่เท่าร่างแท้จริง เกรงว่าคงห่างไม่มากนัก” กระทั่งมีจอมราชันของเผ่าสวรรค์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “หากว่าตระกูลเฉี่ยนไม่ถูกสยบเอาไว้ ในโลกนี้ยังจะมีใครสามารถต่อต้านกับตระกูลเฉี่ยนได้ ยังจะมีใครสามารถเป็นศัตรูกับตระกูลเฉี่ยนทุกยุคทุกสมัยได้ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ตระกูลเฉี่ยนอาจสามารถรวมสิบสามทวีปเป็นหนึ่งเดียวได้ก็ไม่แน่”
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ เมื่อมองเห็นตระกูลเฉี่ยนสามารถสร้างราชันซื่อตี้คนที่สองขึ้นมาได้ รวมทั้งเผ่าสวรรค์เองด้วย กระทั่งแม้แต่จอมราชันบางส่วนของเผ่าสวรรค์ก็รู้สึกโชคดีลึกๆ ในใจอยู่หลายส่วน บางทีการดำรงอยู่ของผู้ที่น่ากลัวดั่งอีกาทมิฬก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดในโลกนี้ก็ยังมีอีกาทมิฬที่สามารถสยบราชันซื่อตี้ สยบตระกูลเฉี่ยนเอาไว้ได้
ถ้าหากไม่มีมือมืดอย่างอีกาทมิฬที่เสมือนดั่งเป็นเงามืดบินวนเวียนอยู่เหนือท้องฟ้าของสิบสามทวีป ถามว่า ในโลกนี้ยังจะมีใครสามารถสยบราชันซื่อตี้ สยบตระกูลเฉี่ยนเอาไว้ได้? ถึงเวลานั้นแล้วไม่แน่นักตระกูลเฉี่ยนอาจสามารถเกรียงไกรทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สามารถกวาดล้างสิ้นหมื่นแดน!
ไม่แน่นัก หากไม่มีการสยบจากอีกาทมิฬ ตระกูลเฉี่ยนคงรวบรวมสิบสามทวีปเป็นหนึ่งเดียวไปนานแล้ว
ตึง ตึง ตึงในเวลานี้เสียงเสนาะเซียนตังขึ้นมาเป็นระลอก มันเป็นเสียงของการสวมใส่ชุดเกราะบนตัว เสียงนั้นดูไพเราะเสนาะหูเป็นพิเศษ การได้ยินเสียงนี้ดุจดั่งเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่ง เสียงของชุดเกราะที่เกิดขึ้นเหมือนดังก้องอยู่เป็นเวลานาน ทำให้ผู้คนต้องหลงไหลไปกับมัน
นาทีนี้ ราชันซื่อตี้คนที่สองได้สวมใส่ชุดบนตัวชุดหนึ่ง โดยที่ชุดดังกล่าวปรากฏประกายเซียนที่เปล่งออกมา ยามที่ราชันซื่อตี้ผู้นี้ได้สวมชุดๆ นี้แล้ว ปรากฏเป็นทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ทะเลผืนนี้ช่างกว้างใหญ่เหลือเกินโดยแท้ มันสามารถรองรับสิบสามทวีปเข้าไปได้ทั้งหมด หากทะเลนี้ก่อเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นมาหละก็ มันสูงได้ถึงสามร้อยล้านจ้าง สามารถท่วมโลกทั้งโลกจนจมมิด น้ำทะเลสามารถดับเปลวเพลิงของดวงตะวันบนท้องฟ้าได้โดยพลัน
ท่ามกลางทะเลที่กว้างใหญ่ผืนนี้มีดวงจันทราสว่างไสวกลมเด่นอยู่ดวงหนึ่ง โดยที่ดวงจันทราดวงนี้ดูเงียบเหงา สาดส่องพลังแก่นจันทราที่เงียบเหงาลงมา เสมือนหนึ่งเป็นชุดคลุมสีเงินให้กับทะเลจนทั่วทั้งผืนอย่างนั้น
ทะเลที่กว้างไกลนับหนึ่งร้อยล้านล้านล้านลี้กับดวงจันทราที่ดูเงียบเหงา เสมือนเป็นทะเลที่สวมกอดดวงจันทราเอาไว้อย่างนั้น
‘ทะเลครามกอดจันทรา’ เมื่อเซียนหวังระดับสูงที่ยืนดูจากระยะห่างไกล ได้เห็นราชันซื่อตี้ผู้นี้สวมใส่ชุดๆ นี้แล้ว ถึงกับกล่าวด้วยความตระหนกว่า “ชุดเซียนแท้จริงของราชันซื่อตี้ หนึ่งในห้าเซียนแท้จริงในหล้า!”
‘ชุดเซียนแท้จริง!’ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกหวั่นไหวในใจเมื่อได้ยินคำพูดของเซียนหวังผู้นี้ สายตาทุกคนล้วนแล้วแต่ตกอยู่กับเสื้อเกราะที่สวมอยู่บนตัวของราชันซื่อตี้ผู้นี้ แม้ว่าทุกคนต่างเคยได้ยินชื่อชุดเซียนแท้จริงมาก่อน แต่ทว่าในความเป็นจริงผู้คนจำนวนมากรวมทั้งจอมราชันเซียนหวังยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นชุดเซียนแท้จริงชุดนี้
ชุดเซียนแท้จริงของราชันซื่อตี้มีชื่อเสียงมานมนานมากแล้ว แต่หากจะพูดถึงชื่อของชุดเซียนแท้จริงชุดนี้ ผู้ที่รับรู้นับว่ามีอยู่ไม่มากจริงๆ
ทะเลครามกอดจันทราคือชื่อชุดเซียนแท้จริงของราชันซื่อตี้ และชื่อนี้ก็แทนบทคัมภีร์สัจธรรมฟ้าดินของชุดเซียนแท้จริงชุดนี้!
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องแอบเอาปลายลิ้นแตะเพดานปาก และในใจของผุ้คนจำนวนเท่าไรที่อยากได้ครอบครองนัก เมื่อมองเห็นชุดเซียนแท้จริงบนตัวของราชันซื่อตี้
ในโลกนี้มีชุดเซียนแท้จริงอยู่เพียงแค่ห้าชุดเท่านั้น ชุดเซียนแท้จริงของราชันเซียนหมิงเหรินและของหลิ่วเต้าเหรินหวังหายสาบสูญไร้ร่องรอย ที่ยังคงอยู่ก็มีเพียงสามชุดเท่านั้น ช่างเป็นอาวุธเต๋าที่หาได้ยากยิ่งนัก!
เวลานี้ทุกคนต่างเข้าใจได้แล้วว่า เพราะเหตุใดบนตัวของราชันซื่อตี้จึงไม่ได้สวมชุดเซียนแท้จริงเอาไว้แต่แรก แท้จริงแล้วชุดเซียนแท้จริงอยู่กับตระกูลเฉี่ยนมาโดยตลอด เวลานี้ให้ราชันซื่อตี้คนที่สองเป็นผู้สวมใส่ชุดเซียนแท้จริงดังกล่าว!
แกร๊งค์…ในเวลานี้ ราชันซื่อตี้ผู้นี้มือซ้ายถือโล่ขนาดยักษ์ขึ้นมา โล่ยักษ์นี้ดั่งฟ้า เพียงวางไปตามอารมณ์ก็สามารถตัดขาดไปด้านหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ก้าวข้ามไปไม่ได้ โล่ยักษ์เพียงสะเทือนเบาๆ เสียงของมันก็สามารถทำให้ดวงดาวบนท้องฟ้าต้องสะเทือนจนร่วงหล่นลงมา
ตึงเสียงกระบี่คำรามเก้าชั้นฟ้า ในขณะนี้มือขวาของราชันซื่อตี้กุมกระบี่สวรรค์เล่มหนึ่ง กระบี่สวรรค์เล่มนี้เสมือนดั่งหลอมสร้างด้วยทางช้างเผือก ส่องประกายสีเงินวาววับ โดยกระบี่สวรรค์เล่มนี้มีขนาดที่ใหญ่โตยิ่งนัก แค่ฟาดฟันไปตามอารมณ์ก็สามารถผ่าพื้นดินแยกออกเป็นสองซีก
หนึ่งโล่หนึ่งกระบี่ที่เห็นก็คือส่วนหนึ่งของชุดเซียนแท้จริง เนื่องจากชุดเซียนแท้จริงชุดนี้ไม่ได้มีเพียงชุดเกราะที่สวมใส่อยู่บนตัวของราชันซื่อตี้เท่านั้น
“เยี่ยมมาก ตระกูลเฉี่ยนนับว่าฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก” เทพโบราณกุยฝานหัวเราะเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นราชันซื่อตี้คนที่สองเข้ามาขวางทางของตนเอาไว้
ขณะที่ราชันซื่อตี้คนที่สองสวมใส่ชุดเซียนแท้จริงนั้น ท่าทีของเทพโบราณกุยฝานก็ดูจะหนักแน่นจริงจังขึ้น และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ด้วยชุดเซียนแท้จริงบวกกับร่างกลับคืนสู่โลกมนุษย์ร่างนี้ ในโลกนี้ยากจะหาผู้ต่อกรได้อีกแล้ว!”
แม้แต่เทพโบราณปราศจากผู้ต่อกรเช่นเทพโบราณกุยฝานก็มีท่าทีคล้ายดั่งพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก เมื่อได้เห็นราชันซื่อตี้ผู้นี้สวมใส่ชุดเซียนแท้จริงแล้ว
ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง เทพโบราณกุยฝานได้ปะทุพลังลมปราณทั่วร่างให้พวยพุ่งออกมา ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสิบสองดวงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง กลับกลายเป็นจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา
แว๊งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ลมปราณของเทพโบราณกุยฝานเสมือนดั่งแตกหน่อเจริญเติบโตขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ พลังลมปราณของเทพโบราณกุยฝานยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต เหมือนว่าสามารถกดดันโลกดึกดำบรรพ์ทั้งโลกจนระเบิด เหมือนว่าพลังลมปราณของบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดรวมกันก็ยังน่าเกรงขามไม่เท่ากับพลังลมปราณของเขาเพียงคนเดียว
‘สายเลือดราชามนุษย์!’ มีผู้ถึงกับเอ่ยขึ้นมา เมื่อมองเห็นพลังลมปราณของเทพโบราณกุยฝานขณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่ามีร้อยชาติพันธุ์จำนวนเท่าไรที่ต้องรู้สึกอิจฉา เมื่อมองเห็นสายเลือดราชามนุษย์ของเทพโบราณกุยฝาน นี่คือสายเลือดเซียนของร้อยชาติพันธุ์ ซึ่งสายเลือดดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นจากตัวของลิ่วเต้าเหรินหวัง! มันมีอานุภาพที่ยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม แม้แต่ระดับเซียนหวังจำนวนมากต้องการได้สายเลือดดังกล่าวแต่ไม่ได้
สายเลือดราชามนุษย์มีความสุดยอดของอานุภาพด้านการขยายเพิ่มเติม ความไม่มีสิ้นสุด การรับฟังผู้อื่นต่างๆ เป็นต้น พลังอำนาจของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าสายเลือดเซียนของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าแม้แต่น้อย
“ฆ่า…” เวลานี้เทพโบราณกุยฝานคำรามเสียงยาวออกมา เท้าเหยียบท้องฟ้าที่คราคร่ำด้วยดวงดาวจนแตกละเอียด พุ่งตัวเข้าสังหารดุจดั่งสัตว์ดุร้ายในยุคไร้ซึ่งอารยะธรรม พลังฆ่าฟันที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ แม้แต่ระดับจอมราชันเซียนหวังก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก ความเป็นเทพโบราณของเขาใช่จะเป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ต้องหลีกหนีไปจากตัวเขาให้ไกล
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ราชันซื่อตี้คนที่สองยกโล่ขึ้นกัน ฉับพลันก็กั้นขวางฟ้าดินตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่าง ทำการขวางเทพโบราณกุยฝานเอาไว้ด้านนอก
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา เทพโบราณกุยฝานได้โจมตีปะทะเข้ากับโล่ยักษ์อย่างรุนแรง เสมือนดั่งอุกาบาตรหนึ่งล้านล้านดวงพุ่งเข้าใส่โล่ยักษ์นั่น แรงระเบิดเหมือนว่าสามารถทำให้โลกทั้งโลกแตกเป็นจุณอย่างนั้น!
อีกด้านหนึ่ง หลี่ชิเย่นอกจากต้องรองรับกับคำสาปจาก ‘เคล็ดปราบกบฏ’ แล้ว ยังต้องสู้รบพันตูอยู่กับราชันซื่อตี้
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว จังหวะที่ราชันซื่อตี้โจมตีเข้ามาถึง ชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์ของหลี่ชิเย่ได้พุ่งออกไป กฎเกณฑ์สิบสองสายสลับพันเกี่ยวกันขวางการโจมตีของราชันซื่อตี้เอาไว้ได้โดยพลัน
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้ สุดยอดสัจธรรมของราชันซื่อตี้แผ่ออก อานุภาพจอมราชันแข็งแกร่งไร้ผู้เทียบเทียม ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า สิบสองชะตาฟ้าลอยล่อง สัจธรรมยืดหดตามใจ บดขยี้เก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน และทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมนุษย์
ภายใต้การบดขยี้ของสุดยอดสัจธรรมจากราชันซื่อตี้ ไม่รู้ว่ามีชะตาฟ้าของจอมราชันเซียนหวังจำนวนเท่าไรต้องสลดและอับแสง พริบตาเดียวนั่นเอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหมอบกราบกับพื้น และแสดงความเคารพด้วยคุกเข่าสามครั้งกราบเก้าครั้ง
ขณะที่สัจธรรมของราชันซื่อตี้แผ่กระจายออกมา โลกมนุษย์ทั่วโลกที่คลาคล่ำด้วยผู้คน นาทีนี้เสมือนดั่งราชันซื่อตี้ได้หลอมรวมเข้ากับโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ท่ามกลางโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดานี้มีความทุกข์ยาก มีความมั่งคั่ง มีความยากจนข้นแค้น ยิ่งกว่านั้นยังมีความหวัง.ไอรีนโนเวล.
ยามที่ความหวังลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้สามารถต้านทานกับพลังเช่นนี้ได้ ความหวังคือสิ่งที่โลกมนุษย์กระหายอยากได้มา และเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกของมนุษย์ปุถุชน
สัจธรรมโลกมนุษย์คือชื่อสุดยอดสัจธรรมของราชันซื่อตี้ ชื่อราชันซื่อตี้ก็ได้มาเพราะชื่อสัจธรรมของตน
“ข้าทำเพื่อมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนมาก!” ในเวลานี้เอง ราชันซื่อตี้เสมือนได้หายตัวไป แต่ เสียงที่หนักแน่นดั่งขุนเขากลับดังก้องขึ้นมา เขาได้กลับกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนมาก ท่ามกลางมนุษย์ปุถุชนธรรมดามากมายเช่นนี้ ความหวังได้ก่อกำเนิดขึ้น
หลังจากที่ความหวังก่อเกิดขึ้นมาแล้ว พลังนั้นดุจดั่งผ่ากระบอกไม้ไผ่ แหลมคมปราศจากสิ่งใดสามารถขวางกั้น ไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นขวางความหวังได้ ด้วยพลังลักษณะเช่นนี้เหมือนว่าต้องการแทงทะลุผ่านร่างของหลี่ชิเย่ไป ต้องการตรึงสังหารหลี่ชิเย่เอาไว้ตรงนั้น
“เจ้าเป็นผู้ที่ปราศจากพระเจ้าอยู่ในใจ รู้จักทำเพื่อเหล่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดามากมายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดัง ร้องตวาดเสียงดังออกไปว่า “สัจธรรมชิเย่ขั้นที่ห้าความอยากในตัณหา สัจธรรมโลกมนุษย์เสื่อมลง!” พริบตาเดียวนั้นเอง สัจธรรมชิเย่ของเขาก็แผ่ออกมา
ความหวัง นับเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกมนุษย์ แต่ทว่า เมื่อไรที่บังเกิดตัณหาขึ้นมา ความหวังทั้งหมดทยอยกันบานเบ่ง เสมือนดั่งเป็นดอกไม้แต่ละดอกที่เบ่งบานขึ้นมา ช่างมีสีสันสดใสอะไรอย่างนั้น ช่างเย้ายวนใจผู้คนอะไรเช่นนั้น
เมื่อความหวังกลับกลายเป็นตัณหา ฉับพลันนั้นเอง ทำให้ผู้คนเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมา เหมือนดั่งตนเองไปอยู่ท่ามกลางโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองและวุ่นวาย ณ ที่ตรงนั้นสายน้ำแสงแดดอันอบอุ่น ร้อยบุฝผาที่บานเบ่ง หนุ่มสาวพลอดรักท่ามกลางจันทราแลแสงเทียน เวลานี้จิตใจผู้คนหวั่นไหวโอนเอนไปมา ความเย้ายวนของโลกีย์มนุษย์ทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไขว้เขวหลงทาง ทำให้บดบังสายตาทั้งสองจนเลือนราง
ในขณะที่ดอกไม้แห่งความหวังเบ่งบาน เมื่อดอกไม้แต่ละดอกเบ่งบานเต็มที่แล้วก็จะเริ่มโรยรา กลีบดอกแต่ละกลีบที่ทยอยร่วงหล่นลงพื้นดิน สุดท้ายทยอยกันแห้งเฉาตายไป
เดิมทีโลกมนุษย์เปี่ยมด้วยความหวัง แต่ว่า ภายในระยะเวลาอันสั้น โลกมนุษย์โรยรา สรรพสิ่งเสื่อมลง ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมนุษย์เสื่อมทราม เสมือนหนึ่งตกลงสู่ท่ามกลางยุคความมืดมิด
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ภายใต้สภาพของความตกต่ำเสื่อมทราม พลังแห่งความหวังค่อยๆ ดับวูบลง ค่อยๆ ล้มหายตายจาก สุดท้าย หายไปอย่างไร้ร่องรอย
พลังแห่งความหวังของราชันซื่อตี้ไม่สามารถตรึงสังหารหลี่ชิเย่ได้ ไม่สามารถทะลุผ่านความตกต่ำเสื่อมทรามของหลี่ชิเย่ได้
“เวทนาสงสารเหล่ามนุษย์ปุถุชน!” สัจธรรมของราชันซื่อตี้ไร้เสียง แต่กลับก้องกังวานบนโลก เสียงของเขาดุจดั่งก้าวข้ามอดีตถึงปัจจุบัน คงอยู่ตลอดไปไม่มีวันสลาย
ในพริบตาเดียวนี้เอง ราชันซื่อตี้ได้ก้าวเดินออกมาท่ามกลางมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ปรากฎประกายแห่งความเมตตาที่พวยพุ่งออกมาทั่วร่าง ประกายแห่งความเมตตาของเขาตลบอบอวลไปชั่วลูกชั่วหลาน ก้าวข้ามยุคแล้วยุคเล่า โปรดสรรพชีวิตมาแล้วหนึ่งร้อยล้านล้านล้านชีวิต
พริบตาเดียวนั่นเอง สัจธรรมตกต่ำเสื่อมทรามของหลี่ชิเย่พลันถูกพลังความเมตตาเบียดจนระเบิดไป นาทีนี้ความเมตตาปรากฏอยู่ทุกที่ ความเมตตาทำให้จิตของผู้คนได้รับความอบอุ่น จุดประกายแห่งความหวังขึ้นมาให้กับทุกๆ คนอีกครั้ง
…………………………………….