Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2099 ข่มขู่คุกคาม
เสียงตูม…ดังสนั่นขึ้นมา ความมืดอาละวาดฟ้าดินแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างอยู่ดูเหมือนจะเปิดช่องว่างขึ้นมาช่องหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าร่างกายของเขาสามารถเชื่อมต่อไปยังโลกแห่งความมืดมิดอีกโลกหนึ่ง
ขณะที่ช่องว่างแห่งความมืดที่น่ากลัวถูกเปิดออกมาแล้ว เสมือนหนึ่งโลกทั้งโลกล้วนแล้วแต่ตกอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่เพียงโลกดึกดำบรรพ์เท่านั้น ดูเหมือนสิบสามทวีปก็มีความมืดที่พรั่งพรูอยู่ เหมือนว่ามีเหล่ามารจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการคืบคลานออกมาจากใต้พื้นดินในเวลานี้ ท้องฟ้ามืดครื้นไปทั่ว ทำให้ภายในใจของผู้คนบังเกิดอารมณ์ที่สิ้นหวังอย่างหนึ่งขึ้นมา
เสียงแว้งค์…ดังขึ้น นาทีนี้เองราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างได้รวบรวมความมืดทั้งหมดจนกลายเป็นปีกคู่งอกออกมาจากชายโครง ได้ยินเสียงดังตูม ปีกสีดำโบกสะบัด ทำเอาเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินล้มระเนระนาด ทำลายท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแหลกละเอียดเป็นล้านล้าน
“น่าสนใจ!” ทั้งเซียนหวังอิเย่และเทพโบราณกุยฝานต่างคำรามเสียงยาว เมื่อต้องเผชิญกับกำลังที่เพิ่มขึ้นมากมายของราชันมารกวงหมิง ทั้งสองต่างมีปณิธานการต่อสู้ที่ฮึกเหิม ปรากฏชะตาฟ้าและดวงตราสัญลักษณ์ที่เจิดจ้าในทันที ต่างสำแดงสุดยอดสัจธรรมของตนออกมา สัจธรรมของพวกเขาบดขยี้สยบทุกสิ่งบนโลกมนุษย์ ภายใต้การรองรับของสุดยอดสัจธรรมปราศจากผู้ต่อกร ทั้งตราประทับเหรินหวังและชุดเกราะเซียนหยินโจ้วล้วนแล้วแต่ปะทุอานุภาพที่ทรงพลังที่สุดออกมา
ตูม ตูม ตูมทั้งสองฝ่ายต่างหักหาญกันด้วยกำลังซึ่งหน้า ทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ทั่วทั้งสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่สั่นไหวโคลงแคลงไปมา พลังที่น่ากลัวตลบอบอวลปกคลุมทุกซอกทุกมุมทั่วทั้งสิบสามทวีป นาทีนี้สรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในสิบสามทวีปต่างหมอบกราบกับพื้น แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าได้เกิดเหตุอะไรขึ้นมา ภายใต้การกระทบของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตต่างสั่นเทา ตัวสั่นงันงก พริบตาเดียวนี้เอง ดูเหมือนสิบสามทวีปจะมีขนาดที่เล็กจิ๋วเหลือเกิน เนื่องจากการพุ่งชนที่น่ากลัวเช่นนี้หากพุ่งชนลงมายังสิบสามทวีปแล้ว เกรงว่าสามรถทะลุสิบสามทวีปได้
แม้ว่าราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างจะมีพลังความมืดที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย อาละวาดปราศจากผู้ต่อกร แต่ทว่าเซียนหวังอิเย่และเทพโบราณกุยฝานยังคงปิดล้อมเขาเอาไว้อย่างมั่นคง ทำให้เขาไม่สามารถฝ่าวงล้อมเพื่อพุ่งเข้าไปหาหลี่ชิเย่ได้
เวลานี้อีกด้านหนึ่ง ‘คัมภีร์มรณะ’ ได้พลิกเปิดไปหน้าแล้วหน้าเล่า กลิ่นอายมรณะตลบอบอวล นาทีนี้กลิ่นอายมรณะเสมือนดั่งกลับกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่ ต้องการท่วมโลงมรณะให้มิดอย่างนั้น กลิ่นอายมรณะแต่ละสายได้เข้าพันธนาการในโลงมรณะ ขณะที่ ‘คัมภีร์มรณะ’ ในเวลานี้ก็ดูเหมือนต้องการหลอมรวมเข้าไปภายในโลงมรณะ
จากการร่วมมือกันของเซียนหวังอิเย่และเทพโบราณกุยฝานสองคน ได้ปิดล้อมราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างเอาไว้อย่างมั่นคง ไม่เปิดโอกาสให้ราชันมารกวงหมิงได้ควบคุม ‘โลงมรณะ’ ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลี่ชิเย่กำลังทำการกลั่นโลงมรณะเพื่อบังคับแย่งชิงเอามาให้ได้
ภายใต้การตัดสินชี้ขาดที่น่ากลัวเช่นนี้ อย่าว่าแต่โลกดึกดำบรรพ์เลย แม้แต่สิบสามทวีปก็กระเพื่อม เสมือนดั่งพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมสาดซัดใส่สิบสามทวีปอย่างนั้น ทั้งโลกดึกดำบรรพ์และสิบสามทวีปต่าง
โคลงเคลงไม่หยุดภายใต้การโหมกระหน่ำของพายุฝนฟ้าคะนองเช่นนี้
ในขณะนี้ สิบสามทวีปตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความมืด เหมือนว่าความมืดกำลังจะลงมาแล้วอย่างนั้น เหมือนว่าโลกกำลังจะแปรเปลี่ยนไป ทำให้สรรพสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านต่างขวัญหนีดีฝ่อเป็นอย่างยิ่ง
แว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ด้านนอกของโลกดึกดำบรรพ์ปรากฎประตูมิติประตูหนึ่งเปิดออก ประตูมิติดังกล่าวมีสีดำสนิท อย่างไรก็ตามโลกที่อยู่ด้านหลังของประตูมิติดำสนิทยิ่งกว่า ดำสนิทจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดๆ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม เหมือนว่ามันคือโลกของ่หลุมดำที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้แต่แสงสว่างที่แวบผ่านไปก็จะถูกกลืนกินไปโดยพลัน
โลกแห่งความมืดลักษณะเช่นนี้เมื่อปรากฏอยู่ด้านหน้าของประตูมิติแล้ว ทำให้ผู้คนถึงกับต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
นาทีนี้เอง ได้ยินเสียงปุดังขึ้น ดวงตาหลายคู่ได้มีการลืมตาขึ้นมา คู่ดวงตาแต่ละคู่กลับสามารถทำให้ผู้คนมองเห็นมันได้ เนื่องจากคู่สายตาแต่ละคู่เหล่านี้ดูจะดำมืดยิ่งกว่าโลกแห่งความมืดที่อยู่ด้านหลังประตูมิติเสียอีก ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นคู่สายตาแต่ละคู่ที่ดำสนิทจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ต้องหวาดผวาอย่างยิ่ง ประดุจดวงตาแต่ละคู่ที่สร้างความหวาดผวายิ่งเหล่านี้คือต้นกำเนิดของความมืดอย่างนั้น พวกมันสามารถทำลายสิ้นศักราชๆ หนึ่ง พวกมันคือแหล่งต้นกำเนิดความมืดของศักราชนี้
เมื่อสายตาแต่ละคู่ลืมตาขึ้นมานั้น แม้ว่าจะปราศจากอำนาจที่สะเทือนฟ้า ไม่มีท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกร แต่ว่าสรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนกลับรู้สึกได้ว่าเหมือนมีมือขนาดยักษ์ที่ไร้รูปมาบีบเค้นคอของตนเอาไว้ กระทั่งอ้าปากกว้างก็ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้ เหมือนว่ามือขนาดยักษ์ที่ไร้รูปมาบีบเค้นคอของตนเอาไว้เสียแน่น ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก
ภายใต้การจ้องมองของดวงตาแห่งความมืดแต่ละดวงเช่นนี้ แม้แต่ระดับจอมราชันเซียนหวังก็มีความรู้สึกหายใจไม่ออก มันคือพลังอำนาจที่เก่าแก่โบราณและสยดสยองยิ่งนัก
“ความมืดมาแล้วอย่างนั้นรึ? หรือว่าเพียงแค่ผู้ชมเท่านั้นเอง?” ระดับจอมราชันเซียนหวังบางคนเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องอะไร จึงเอ่ยขึ้นและถึงกับเย็นวาบในใจเมื่อได้เห็นดวงตาหลายคู่ที่ลืมตาขึ้นมา
จังหวะที่ประตูมิติแห่งความมืดเปิดออกมาแล้ว นาทีนี้กลับมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าประตูแห่งความืด เขายืนอยู่ตรงนั้นและเผยรอยยิ้มออกมา
“อีกาทมิฬ เป็นอีกาทมิฬอีกหนึ่ง” จอมราชันเซียนหวังถึงกับมองตากันและกัน เมื่อมองเห็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูแห่งความมืด พวกเขาต่างไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่คนที่สองคนนี้โผล่ออกมาจากไหนกัน
“ทุกท่าน แม้ว่าไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ชื่อเสียงดังก้องในรูหู” หลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูแห่งความมืด โบกไม้โบกมือทักทายและยิ้มกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดจะทำอะไรกันรึ”
แน่นอน หลี่ชิเย่คนนี้หาใช่ร่างแท้จริงของหลี่ชิเย่ เป็นหลี่ชิเย่ที่เป็นสำเนามาจากตราประทับฟ้าดิน
ดวงตาดำมืดหลายคู่พลันจับจ้องไปที่หลี่ชิเย่ ไม่ว่าใครก็ตามหากถูกดวงดามืดดำหลายคู่นี้จับจ้องก็จะต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่ แต่ทว่า หลี่ชิเย่ยังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าหากทุกท่านเพียงต้องการมาดูความคึกครื้นหละก็ข้ายินดีต้อนรับอย่างยิ่ง” หลี่ชิเย่ผู้นี้ยิ้มแต้กล่าวว่า “แต่ถ้าหากทุกท่านคิดจะลงมือขัดขวางหละก็ เสียใจด้วยข้ายังคงต้องพูดคำๆ หนึ่งว่า มาจากไหนก็จงไสหัวกลับไปที่นั่น มิฉะนั้นหละก็จงอยู่เฉยๆ มองดูข้าทรมานพี่น้องเจ้าอย่างรุนแรงอย่างไร!”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ดวงตาหลายคู่นี้กลับกลายเป็นเจิดจ้ายิ่งนัก ประกายสีดำที่ยิงเข้าใส่ร่างกายของหลี่ชิเย่ดูเหมือนมีความเป็นจริงยิ่งนัก
“นับแต่อดีตเป็นต้นมา ไม่มีใครกล้าพูดกับพวกข้าเช่นนี้” สุดท้าย ปรากฎเสียงที่ส่งมาจากแดนไกลท่ามกลางความมืดมิด
“นั่นมันคนอื่นไม่กล้าเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงข้า” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “คนอย่างข้าอารมณ์ไม่ดีนัก ถ้าหากข้าโกรธขึ้นมาหละก็ ข้าจะทุบพวกเจ้าให้ตายในรวดเดียว!” กล่าวพลางโยนของชิ้นหนึ่งออกมาตามอารมณ์
ที่หลี่ชิเย่จับโยนไปโยนมาบนมือนั้นก็คือเสาคริสตัลนั่นเอง เวลานี้เสาคริสตัลดังกล่าวถูกหลี่ชิเย่จับโยนขึ้นโยนลง เหมือนว่าหากไม่ทันระวังก็คงหล่นลงพื้นแน่นอน
เมื่อดวงตาหลายคู่ที่อยู่ในความมืดมองเห็นเสาคริสตัลในมือของหลี่ชิเย่แล้ว ดวงตาถึงกับหรี่ลง และสายตาของเขามองขึ้นลงตามจังหวะของเสาคริสตัลที่ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนว่าพวกเขาจะเป็นกังวลอยู่บ้าง หากหลี่ชิเย่ไม่ทันระวังรับไม่อยู่แล้วร่วงหล่นลงพื้นดินอย่างนั้น
“ถ้าหากข้าเอามูลกองหนึ่งโยนเข้าไปในโลกแห่งความมืด พวกเจ้าว่ามันจะกระเด็นจนเต็มหน้าพวกเจ้า หรือว่าระเบิดส้วมแหลกจนพวกเจ้ากระเด็นกระดอนไปหละ” หลี่ชิเย่โยนเสาคริสตัลเล่นพลางกล่าวล้อเล่นออกมา
“เจ้ารู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นหรือไม่!” ในที่สุดในความมืดปรากฏเสียงที่มาจากแดนไกล
หลี่ชิเย่ผู้นี้ยิ้มแต้กล่าวว่า “ข้าย่อมต้องรู้ว่าผลเป็นอย่างไร แค่ทุกคนเล่นจบเกมเท่านั้นเอง พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหดหัวอยู่ในถ้ำสุนัขอีกต่อไป อย่างไรเสียหากมันระเบิดขึ้นมาทุกคนก็จบเกม ไม่จำเป็นต้องรอถึงวันที่โลกนี้ล่มสลายไป”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำไปแล้ว ท่ามกลางความมืดนั้นมีแต่ความนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก แต่ว่า พวกเขาต้องจ้องไม่ละสายตายังเสาคริสตัลในมือของหลี่ชิเย่ ย่อมไม่ต้องสงสัย กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วเสาคริสตัลในมือของหลี่ชิเย่ก็นับเป็นสิ่งเย้ายวนใจอย่างหนึ่ง!
“นี่แหละถึงจะเรียกว่าเป็นเด็กดี” หลี่ชิเย่เก็บเสาคริสตัลเรียบร้อย หัวเราะพลางตบมือไปด้วย และกล่าวว่า “ทุกคนนั่งลงดูหนังไปก็แล้วกัน ดูว่าฝีมือพี่น้องพวกเจ้าจะแค่ไหน”
ท่าทีของหลี่ชิเย่ และท่วงท่าเช่นนี้นับว่าทำให้ผู้อื่นต้องเงียบกริบ มีจอมราชันเซียนหวังระดับสูงผู้หนึ่งรู้ว่ารู้ว่าสิ่งที่อยู่ในความมืดนั้นคืออะไร พวกเขาเองก็เคยได้ยินคำเล่าลือที่ดึกดำบรรพ์มาบ้างเหมือนกัน
นาทีนี้ จอมราชันเซียนหวังก็ต้องเลื่อมใส อีกาทมิฬย่อมเป็นอีกาทมิฬ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูลักษณะเช่นใดก็คุมสถานการณ์เอาไว้ได้ นี่แหละคือจุดที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเขา หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ไม่แน่ว่าจะควบคุมสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ได้
“โลงมรณะคือของดีชิ้นหนึ่ง ของดีเช่นนี้พวกเจ้ายังมีอีกหรือไม่เล่า เอาออกมาให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา ให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รู้ว่า พวกเจ้าจึงจะเป็นผู้บงการของโลกนี้” ท่าทีของหลี่ชิเย่ผู้นี้เหมือนกำลังนั่งดูหนังเป็นเพื่อนกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะความมืด ถึงกับคุยสัพเพเหระกับพวกเขา ท่าทางดูเหมือนคุ้นเคยมากอย่างนั้น
ผู้ดำรงอยู่ในฐานะความมืดไม่ได้โต้ตอบคำพูดของหลี่ชิเย่
“แม้ว่าตาเฒ่าอย่างพวกเจ้าจะมีชีวิตมาอย่างยาวนาน แต่ นี้เป็นใต้หล้าของคนหนุมอย่างพวกเรา” หลี่ชิเย่ผู้นี้คุยสัพเพเหระกับผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะความมืด หัวเราะและกล่าวว่า “ดูสิ พี่น้องพวกเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด ในกลุ่มของพวกเจ้าเองก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีอันดับ เวลานี้ถูกจอมราชันเซียนหวังและเทพโบราณที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของพวกเราปิดล้อมเอาไว้และฝ่าวงล้อมไปไม่ได้ บอกกันตามตรงเลยนะ ถ้าหากเซียนหวังและเทพโบราณชะตาฟ้าสองสายของพวกเราทุ่มเต็มที่ คงตัดเอาศีรษะพี่น้องพวกเจ้ามาทำเป็นโถปัสสาวะได้จริงๆ เลยนะ!”
ผู้ดำรงอยู่ในฐานะความมืดเพียงส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
แว้งค์…เวลานี้ บริเวณสมรภูมิการต่อสู้ ‘คัมภีร์มรณะ’ ได้เปิดพลิกหน้าไปจนถึงหน้าสุดท้ายแล้ว เวลานี้บนโลงมรณะถูกสลักไปด้วยอักขระยันต์จาก ‘คัมภีร์มรณะ’ เต็มไปหมด เรียกได้ว่าเวลานี้ ‘คัมภีร์มรณะ’ ทั้งเล่มได้ถูกสลักเอาไว้บนโลงมรณะแล้ว
“ฆ่า…” เวลานี้ราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างคำรามเสียงดังหวังฝ่าวงล้อมออกไป แต่กลับถูกเซียนหวังอิเย่และเทพโบราณกุยฝานขวางเอาไว้ เขาพยายามฝ่ามาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล
“สมควรตาย…” ราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างโกรธถึงขีดสุด เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าหลี่ชิเย่กำลังกัดกล่อนสิทธิการควบคุมต่อโลงมรณะของเขา สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาหาใช่เป็นเรื่องดี กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นฝันร้าย เนื่องจากโลงมรณะคือหนึ่งในท่าไม้ตายสำคัญที่สุดของเขา
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายในเสี้ยววินาทีนี้เอง ราชันมารกวงหมิงที่มีอำนาจมืดสิงร่างปรากฏกระบี่ในมือ ยามที่กระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ ฟ้าดินดูจะแปรเปลี่ยนไปทันที พลังทำลายที่น่าสยดสยองยิ่งตลบอบอวล
ได้ยินเสียงดังคร๊ากก ภายใต้พลังทำลายที่ตลบอบอวล พื้นดินทยอยกันแตกสลาย นาทีนี้เหมือนว่าโลกดึกดำบรรพ์ทั้งหมดก็แตกละเอียดไปแล้ว เหมือนไม่สามารถรับมือได้เลย
…………