Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2118 โลกนี้ช่างยากเข็ญเหลือเกิน
“โลกช่างยากเข็ญเหลือเกิน ข้าบอกได้แต่เพียงเท่านี้” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ขณะจ้องมองที่ตัวของบุคคลลึกลับ “แต่ว่า แม้ว่าข้าจะไปจากแล้วก็จริง บนเส้นทางสายนี้ก็ไม่ได้มีเพียงเจ้าที่เดินอยู่ลำพังคนเดียว จงจำเอาไว้ ยังมีกองทัพกระเรียนขาว”
“กองทัพกระเรียนขาว” บุคคลลึกลับเอ่ยขึ้นมาช้าๆ “เจ้าเคยเอ่ยถึงมาแล้วตั้งแต่ครั้งนั้น เจ้าวางแผนอยู่กับกองทัพนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ครั้งกระนั้น หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ครั้งนั้นเจ้าได้เผาทำลายรายชื่อทิ้งไปหมดแล้ว”
“ดังนั้น มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ถึงรายชื่อของกองทัพกระเรียนขาว” หลี่ชิเย่หัวเราะและชี้ไปที่ศีรษะของตน และกล่าวว่า “เวลานี้ ในสิบสามทวีป นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครรู้ถึงสภาพโดยรวมของกองทัพกระเรียนขาวได้อีก”
“แต่ว่า เจ้าก็จะต้องรู้อยู่แล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “อนาคตไม่เพียงเป็นเจ้าที่ก้าวเดินหน้าต่อไป ยังมีกองทัพกระเรียนขาวก็จะติดตามเจ้าก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่เจ้าจะได้นั่งเป็นบุคคลระดับผู้นำกองทัพของกองทัพกระเรียนขาว”
“แต่ว่า เจ้าไม่บอกรายชื่อของกองทัพกระเรียนขาวต่อข้าแน่นอน” บุคคลลึกลับก็หัวเราะออกมา พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันมานานขนาดนี้ ยังมีอะไรที่เขาไม่เข้าใจในตัวอีกาทมิฬอีกรึ?
“ถูกต้อง ข้าจะไม่บอกแก่เจ้าแน่นอน” หลี่ชิเย่ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้า เพียงแต่จะบอกว่าประตูมีหู คงมีสักวัน เจ้าก็จะได้รู้ถึงสมาชิกของกองทัพกระเรียนขาวทั้งหมด”
“เช่นนั้นแล้วข้ารอจนถึงวันนั้นมาถึงก็แล้วกัน” บุคคลลึกลับก็หัวเราะ และไม่ได้ใส่ใจ จะอย่างไรเสียความไว้ใจระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยหมึกและพู่กันมาบรรยาย การที่หลี่ชิเย่ทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเขา
“สมควรแก่เวลาที่ต้องปรากฏ ย่อมจะปรากฏตัวออกมาเอง เจ้าจดจำคำพูดของข้าเพียงคำเดียวก็พอ” หลี่ชิเย่มองไปที่บุคคลลึกลับ และกล่าวว่า “เมื่อเรื่องราวผิดปรกติ ย่อมต้องเป็นเรื่องแปลก”
“ข้าจะจดจำเอาไว้” บุคคลลึกลับกล่าวพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับกองทัพกระเรียนขาวเป็นเรื่องลึกลับตลอดมา อย่าว่าแต่ที่เก้าแดนเลย แม้แต่ในสิบสามทวีปผู้ที่รู้ก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ความจริงแล้ว แม้แต่พวกเขาที่ร่วมมือกันอย่างแนบแน่นไร้ที่ติเช่นนี้ แต่หลี่ชิเย่ไม่เคยเปิดเผยสมาชิกของกองทัพกระเรียนขาวคนใดๆ ให้เขาได้รับรู้เลย
“การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายจะเริ่มเมื่อไร?” หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง บุคคลลึกลับได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ต้องมีวันนั้นแน่นอน แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หนทางยาวไกลนับว่าไม่ง่าย เมื่อสู้รบถึงที่สุดเวลานั้น บางทีอาจสมควรแก่เวลาที่สู้เพื่อชี้ขาดไปเลย เรื่องบางเรื่องไม่ว่าใครก็บอกไม่ถูก เฉกเช่นอเวจีในครั้งนั้น เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตาม คงไม่ต้องการเห็นอเวจีที่สองอีกกระมัง!”
ท่าทีของบุคคลลึกลับดูจะหนักแน่นจริงจังขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึง ‘อเวจี’ คำนี้ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากปรากฏอเวจีสองขึ้นมาล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริงเลยล่ะ!”
“ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เท่านั้น มันคือเรื่องใหญ่เท่าฟ้าเลยล่ะ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “ดังนั้น จึงบอกได้ว่าการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายต้องมีแน่นอน แต่ไม่ใช่เวลานี้ ข้าไม่ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกลางคัน”
“แต่ว่า เรื่องบางเรื่องอยู่เหนือการควบคุม เจ้าไม่ริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่กระทำการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นมาแทน เป็นต้นว่าพระใหญ่องค์นั้น” บุคคลลึกลับกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
“เขาทำแน่ ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว เกรงว่าจะกระทำการก่อนหน้าข้าเสียอีก” หลี่ชิเย่พยักหน้า กล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “แต่ว่า เขาไม่ไหว แม้ว่าเขาจะเข้าใจไปเองว่าสามารถสู้รบจนถึงที่สุด”
“อย่าลืมไปสิ เพื่อศึกในครั้งนี้ เขาเตรียมการมานานมากๆ แล้ว” บุคคลลึกลับกล่าวช้าๆ ว่า “เพื่อศึกในครั้งนี้ เขาใช้เวลาในการเตรียมการยาวนานมากกว่าเจ้าเสียอีก!”
“เรื่องนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เรื่องบางเรื่องใช่ว่าใช้เวลานานแล้วจะได้ผล และอย่าลืมไปว่าตัวเขาไม่นับเป็นยุคสมัยของพวกเรา เขามีความบกพร่องแต่กำเนิด มิฉะนั้นล่ะก็ การที่เขาได้สั่งสมมาอย่างยาวนานคงไม่หยุดอยุ่เพียงเท่านี้ คิดจะสู้รบให้ถึงที่สุด ณ สุดปลายทางของโลก ท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องยุคสมัยของพวกเราที่เป็นผู้นำ หาไม่แล้วล้วนแล้วแต่เป็นเพียงบุปผาท่ามกลางเมฆหมอก ดวงจันทราที่อยู่ในน้ำ”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้บุคคลลึกลับนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานมาก สุดท้าย เขาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ศึกครั้งนี้หากเจ้าเป็นผู้ได้รับชัยชนะ เจ้าจะให้สิ่งใดมาทดแทน ตัวเจ้าเองรึ?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา เขาหัวเราะพลางส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะไปทำเรื่องที่น่าเบื่อเช่นนี้อย่างนั้นรึ? อีกอย่าง เฉกเช่นข้าที่เป็นมือมืด ต่อให้เข้าไปแทนที่แล้วโลกนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงรึ? คงเปลี่ยนแปลงไม่มาก”
“เช่นนั้นเจ้าจะให้สิ่งใดทดแทน?” บุคคลลึกลับยังคงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทีของเขาหนักแน่นจริงจังมาก ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลาย
“มโนธรรม” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ในโลกนี้อะไรที่หลอกไม่ได้? คงมีเพียงมโนธรรมเท่านั้น!”
“มโนธรรม!” บุคคลลึกลับเพ่งสองตาไปข้างหน้า นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาได้แต่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ อย่าลืมสิ มันคือสิ่งที่ทำให้เป็นจริงไม่ได้!”
“ใครบอกว่าไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา ส่ายหน้า และกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังเช่นกันว่า “เจ้าเองก็สมควรรู้ว่า มโนธรรมหาใช่คำพูดที่เลื่อนลอย และไม่ใช่สิ่งที่ล่องลอยไม่มีตัวตน ภายในใจของเจ้ารู้ดีว่า มโนธรรมนั้นมันดำรงอยู่จริง! เป็นการดำรงอยู่อย่างแท้จริง! เพียงแต่ไม่มีใครสามารถสัมผัสมันได้เท่านั้นเอง”
บุคคลลึกลับนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาสำหรับคำพูดเช่นนี้ คำว่ามโนธรรมมีผู้ที่รู้น้อยถึงน้อยมากๆ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้ว่า มโนธรรมเป็นเพียงคำพูดที่ติดปากคำหนึ่งเท่านั้น เหมือนดั่งเช่นคำว่าเหนือศีรษะขึ้นไปสามฟุตมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำนองนั้น ตัวของพวกเขาเองก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใยจะต้องอยู่เหนือศีรษะขึ้นไปสามฟุต!
แต่ว่า ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะบุคคลลึกลับผู้นี้เข้าเข้าใจเป็นอย่างดีว่า มโนธรรมนี้ดำรงอยู่จริงๆ แต่ว่า มโนธรรมมีหน้าตาอย่างไร และมันคืออะไรกันแน่ไม่มีใครรู้ เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ไม่มีใครสัมผัสกับมโนธรรมได้ ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือมโนธรรม ทุกคนต่างเข้าใจว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่ดำรงอยู่ในสภาพที่เลื่อนลอยเท่านั้นเอง
“ข้าได้ดำเนินการมายุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า ข้าไม่ได้เหมือนเช่นพวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด และหรือผู้บงการยุคสมัย บางทีพวกเขาเพียงต้องการมีชีวิตอยู่ และหรือแค่เฝ้าสังเกตการณ์ยุคสมัยของตนเท่านั้น ข้าไม่เพียงต้องการสู้รบจนถึงที่สุดเท่านั้น!” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสองดูน่ากลัว ดวงตาทั้งสองปรากฎประกายที่น่ากลัวกระโดดไปมา
“บางที อาจมีสักวันที่ชื่อของเจ้าจะเน่าเหม็นไปตลอดกาล ทุกคนต่างเข้าใจว่าเจ้าคือมารร้าย!” บุคคลลึกลับกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“แต่ก็มีคนที่คิดว่าข้าจะกลายเป็นสวรรค์ เป็นต้นว่าพวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด หรือพวกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “แต่ พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า ข้าไม่เคยคิดอยากเป็นสวรรค์!”
บุคคลลึกลับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เนื่องจากสิ่งที่อีกาทมิฬคิดจะทำ ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดคิดองทุกคนบนโลกอยู่แล้ว! เนื่องจากเขามองได้ไกลกว่าทุกๆ คน!
“เป็นมารร้ายที่ถูกผู้คนเขาก่นด่าไปตลอดกาลก็ดี เป็นสวรรค์ที่ผู้คนยำเกรงก็ช่าง ข้าไม่สน” หลี่ชิเย่หัวเราะเฉยเมย และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าแค่ต้องการทำในสิ่งที่ข้าคิดอยากจะทำเท่านั้น ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใด เพียงแค่นี้เท่านั้น”
บุคคลลึกลับนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายเขาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ช้าๆ และกล่าวว่า “เหมือนดั่งที่เจ้าพูดเอาไว้ว่า โลกนี้ช่างยากเข็ญเหลือเกิน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้มีสถานะสูงสุดสลายไป มโนธรรมก็ดี มารร้ายก็ช่าง แม้แต่สวรรค์ ทั้งหลายเหล่านี้ข้าไม่ให้ความสนใจก็ได้ แต่ เจ้าต้องรับรองให้ข้า จะไม่มีอเวจีที่สองเกิดขึ้นอีก เจ้าเองก็รู้ดี หากเกิดอเวจีที่สองขึ้นมาล่ะก็ ผลจะหนักหนาสาหัสจนไม่อาจจินตนาการได้!”
“เรื่องนี้ข้าไม่กล้ารับรองให้เจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ถ้าหากให้ข้ารับรองให้กับเจ้าล่ะก็ ข้าให้การรับรองได้อย่างเดียว ถ้าหากปรากฏอเวจีที่สองขึ้น ข้าจะอยู่แนวหน้าที่สุด ข้าจะเป็นคนแรกที่สังหารเขา ไม่ว่าตัวของข้าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตาย ข้าก็จะสังหารเขาให้ได้! การรับรองเช่นนี้มีน้ำหนักพอแล้วกระมัง”
เมื่อหลี่ชิเย่ให้การรับรองหนักแน่นจริงจังเช่นนี้แล้ว บุคคลลึกลับก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เนื่องจากการให้การรับรองเช่นนี้ทรงพลังยิ่งกว่าสิ่งใดๆ เสียอีก
สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้สนทนากับบุคคลลึกลับไปมากมายหลายเรื่อง สิ่งที่พวกเขาวางแผนลับๆ กันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ทั้งสิ้น กระทั่งเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของสิบสามทวีป! ทุกๆ แผนการลับล้วนแล้วแต่สะเทือนหวั่นไหวต่อผุ้คนทั้งสิ้น กระทั่งจอมราชันเซียนหวังหากได้ยินแผนการลับนี้แล้วก็ต้องอ้าปากตาค้าง!
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าได้แต่อวยพรให้เจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ บางทีเจ้าอาจได้พบกับเซียน หรือบางทีเจ้าอาจได้สำเร็จเป็นเซียน บนโลกใบนี้ยังมีใครที่สามารถก้าวเดินได้ไกลมากกว่าเจ้า” สุดท้ายบุคคลลึกลับทอดถอนใจออกมาเบาๆ
“ไม่ เจ้าควรจะพูดว่า ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นใด อีกาทมิฬยังคงเป็นอีกาทมิฬ บนโลกนี้หากมีเซียน ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ถ้าหากข้าได้กลายเป็นเซียนจริงๆ มันคงไม่ใช่เรื่องดี ถ้าหากวันใดเจ้าได้ยินว่าข้าได้กลายเป็นเซียนแล้วล่ะก็ ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดีคำหนึ่ง รีบหนีไปให้ไว หนีไปได้ไกลแค่ไหนก็ให้ไกลเท่านั้น ขุดรูแล้วฝังตัวเองเอาไว้ อย่าได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการล้อเล่น แต่ก็ไม่เหมือนเป็นการล้อเล่น ท่ามกลางคำพูดที่หยอกล้อเช่นนี้แฝงไว้ซึ่งสิ่งที่ดูสยดสยองยิ่งเอาไว้
“ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าจะหนีไปเป็นคนแรกอยู่แล้ว” บุคคลลึกลับก็หัวเราะขึ้นมา แน่นอน คำพูดเช่นนี้ก็นับเป็นคำพูดล้อเล่น
สุดท้าย ทั้งหลี่ชิเย่และบุคคลลึกลับก็หายตัวไป พวกเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ และไม่เหลือทิ้งสิ่งใดๆ ที่สามารถสืบค้นได้ ไม่ว่าใครก็จะไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
หลังจากศึกสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว สิบสามทวีปเงียบสงบ ทั่วทั้งสิบสามทวีปเสมือนดั่งเป็นบ่อน้ำนิ่งๆ สายสำนักราชันเซียนจำนวนมากปิดสำนัก แม้แต่ระดับจอมเทพก็ไม่ค่อยจะปรากฏตัวออกมา กระทั่งทำให้ผู้คนเกิดมโนภาพขึ้นมา เหมือนว่าเวลานี้แม้แต่จอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปก็ไม่กล้าหายใจแรง ทุกคนล้วนแล้วแต่กลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวเอาไว้
ขณะที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าสิบสามทวีปเงียบสงบดีนั้น วันหนึ่ง พลันเกิดพลังแห่งความโชคดีขึ้นที่สิบสามทวีป เสมือนพื้นดินเกิดหญ้าหลินจือขึ้นมาอย่างนั้น
ภายในชั่วข้ามคืน ฟ้าดินพลันตลบอบอวลไปด้วยพลังสัจธรรมที่น่าเกรงขามยิ่ง พลังความขมุกขมัวค่อยๆ ลอยขึ้นมาช้าๆ เหมือนว่าฟ้าดินจะย้อนกลับสู่ความขมุกขมัวอย่างนั้น
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นที่สิบสามทวีป นับจากวันนี้เป็นต้นไป เหมือนว่าพลังฟ้าดินทั้งหมดของสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่เริ่มรวมตัวกัน เริ่มรวมตัวกันมุ่งไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
แม้ว่าความเร็วเช่นนี้จะไม่เร็วมากนัก แต่ว่า ยามที่พลังขมุกขมัวทั้งหมดที่มี และพลังสัจธรรมของสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่รวมตัวกันที่ทิศทางหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปนาน ก็ได้กลับกลายเป็นเหมือนสายน้ำที่น่าเกรงขามและไม่ขาดสาย เสียงดังตูมตามดังก้องทั่วฟ้าดิน เหมือนเป็นแม่น้ำขนายยักษ์แต่ละสายที่ไหลพลุ่งพล่านอยู่บนท้องฟ้าอย่างนั้น ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดของสิบสามทวีปต่างก็ได้ยินเสียงเช่นนี้
…………..