Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2144 ผู้เฒ่าลึกลับ
ห้างเจียวเหิง ห้างที่ใหญ่ที่สุดในแดนสามเซียน แม้จะกล่าวว่าห้างเจียวเหิงหาใช่ห้างที่ใหญ่ที่สุดในระบบสืบทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ว่า สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ที่สามารถหาซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้ ต่อให้ ณ ขณะนั้นภายในห้างเจียวเหิงจะไม่มีสินค้าดังกล่าวอยู่ก็ตาม ขอเพียงลูกค้ามีกำลังซื้อ ทางห้างเจียวเหิงยังคงสามารถหาสินค้าดังกล่าวให้ได้ภายในระยะเวลาสั้นที่สุด
สิ่งนี้คือธาตุแท้ภายในที่สำคัญที่สุดของห้างเจียวเหิง ถ้าหากว่าบนโลกใบนี้จะมีสิ่งใดที่ห้างเจียวเหิงไม่สามารถหามาให้ได้ล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็อย่าคิดหาซื้อได้จากที่อื่น หรือห้างอื่นอีกเลย เป็นการบ่งบอกว่าสิ่งของชิ้นนั้นไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน
ซึ่งเป็นเหมือนดั่งที่ก่อนหน้านั้นหลี่ชิเย่เคยพูดกับสารถีเอาไว้อย่างนั้น เขาต้องการซื้อหาเซียนแท้จริงคนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หากห้างเจียวเหิงไม่สามารถซื้อหาได้ ที่อื่นๆ ก็ซื้อหาไม่ได้เช่นกัน มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยเงิน
ในห้างเจียวเหิงเคยเป็นที่แพร่หลายคำพูดคำหนึ่ง เรื่องที่แก้ไขได้ด้วยเงิน นั่นหาใช่ปัญหา ขอเพียงท่านมีเงินก็พอ!
เป็นคำพูดที่มีเหตุผล กล่าวสำหรับห้างเจียวเหิงแล้ว สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินหาใช่ปัญหาจริงๆ ขอเพียงสามารถสู้ราคาได้ แต่หากพวกเขาก็ยังไม่อาจซื้อขายกันได้ ย่อมแสดงว่าไม่ใช่ปัญหาของเรื่องเงินแล้วล่ะ
เมื่อจูซือจิ้งเดินเข้าไปภายในห้างเจียวเหิงแล้ว มีความรู้สึกว่าตนเองนั้นได้เข้าไปยังโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนักอย่างนั้น ของล้ำค่าแต่ละชิ้น ของวิเศษเซียนแต่ละชิ้น ทำให้จูซือจิ้งมองดูจนละลานตาไปหมด เวลานี้นางรู้สึกว่าตาสองข้างของนางดูได้ไม่หมดเสียแล้ว
แน่นอนที่สุด ไม่ว่าจะเป็นของวิเศษเช่นใด ของล้ำค่าเซียนอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการล้วนแล้วแต่มีจำหน่ายอยู่ภายในห้างเจียวเหิงทั้งสิ้น แต่ทว่า ราคาก็สูงลิบลิ่วจนน่าตกใจอย่างยิ่ง กล่าวสำหรับจูซือจิ้งแล้ว ราคาสินค้าทุกชิ้นที่มีอยู่ในที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นราคามหาศาล ด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาตินางก็ซื้อไม่ได้ อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็นสำนักกระบี่ยักษ์ของพวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายราคาที่สูงลิ่วขนาดนี้ได้
หลี่ชิเย่ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไรกับของวิเศษและอาวุธจำนวนมากของห้างเจียวเหิง เขาแค่มองผ่านตาไปเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไร
หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงห้างเจียวเหิงแล้ว สถานที่แห่งแรกที่ไปก็คือร้านขายยา ขณะที่ร้านขายยาของห้างเจียวเหิงกล่าวได้ว่าเป็นร้านขายสมุนไพรที่ครบถ้วนมากที่สุดของระบบสืบทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง อาจกล่าวได้ว่า ในร้านขายยาแห่งนี้สามารถซื้อหาสมุนไพรทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ต่อให้เป็นสมุนไพรเซียนที่พบเห็นได้ยากยิ่งก็ตามก็มีโอกาสซื้อหาได้ แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าสามารถสู้ราคาได้หรือไม่อย่างไร
สิ่งที่หลี่ชิเย่ซื้อหานั้นใช่เป็นประเภทโอสถเซียนหญ้าทิพย์ เขาได้ซื้อสมุนไพรที่ค่อนข้างธรรมดามากมาย ซื้อมาชุดแล้วชุดเล่า อีกทั้งแต่ละชุดล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างกัน
แน่นอน หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ซื้อหาสมุนไพรชุดแล้วชุดเล่าเหล่านี้แล้ว โดยที่เขาไม่ต้องออกปาก หวังหานที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ได้ควักเงินจ่ายให้ทันที
“คุณชายซื้อสมุนไพรมากมายทำอะไรรึ?” จูซือจิ้งช่วยหลี่ชิเย่รวบรวมสมุนไพรห่อใหญ่ห่อน้อยเหล่านี้ ถึงกับเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะเป็นบรรพบุรุษของระบบสืบทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงที่ฟื้นคืนชีพ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาจูซือจิ้งได้ปรนนิบัติรับใช้หลี่ชิเย่มา นางรู้สึกว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ดูสูงส่งเหมือนดั่งที่จินตนาการ ส่วนใหญ่แล้วเขามีท่าทีที่โอนอ่อนผ่อนตาม จูซือจิ้งชอบที่จะปรนนิบัติเจ้านายลักษณะเช่นนี้
“กลั่นโอสถ” หลี่ชิเย่พูดออกมาตามอารมณ์
“ที่คุณขายต้องการกลั่นคือยาเม็ดอายุวัฒนะ?” เมื่อเปรียบเทียบกับจูซือจิ้งและหยางเซิ่นผิงแล้ว หวังหานในฐานะราชินีมีประสบการณ์ความรู้กว้างขวางยิ่งกว่า มองดูสมุนไพรที่หลี่ชิเย่ซื้อมานั้น นางก็สามารถคาดเดาได้ลางๆ แล้วว่าหลี่ชิเย่ต้องการทำอะไรแล้ว
“ถูกต้อง พอดีมีเวลาว่างจะกลั่นสักหลายๆ เตา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่ไม่ได้ต้องการกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะชั้นเซียนอะไรนั่น เขาแค่ต้องการซ้อมมือเป็นการชั่วคราว ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เขาต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องของยาเม็ดอายุวัฒนะ เขาคิดจะอาศัยการกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะนี้พบเห็นเงื่อนงำบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง จะอย่างไรเสียเขามีประสบการณ์ที่สูงมากทางด้านนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
“คุณชายต้องการเป็นอมตะรึ?” หวังหานถึงกับแปลกใจ ในใจของนางเปี่ยมด้วยความอยากรู้อยากเห็น เปี่ยมด้วยความปรารถนา เปี่ยมด้วยความใฝ่หา นางเองอยากรู้นักว่าผู้ชายลักษณะเช่นนี้ได้ผ่านคลื่นลมที่โหมสาดซัดในชีวิตมาอย่างไรบ้าง
“แค่กลั่นเล่นๆ ไปอย่างนั้นตามอารมณ์นิดหน่อยเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวตามอารมณ์ออกมา
เอิกก…หยางเซิ่นผิงถึงกับจุก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แม้ว่าในแดนสามเซียนมียาเม็ดชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ยาเม็ดอายุวัฒนะเป็นตัวแทนของความสำเร็จสูงสุดด้านยาเม็ด กระทั่งมีผู้ที่สำเร็จเป็นราชันแท้จริงแล้วก็ติดตามค้นหาเคล็ดวิชาปรุงยาเม็ดอายุวัฒนะ กระทั่งมีราชันแท้จริงที่ยอมทุ่มค่าตอบแทนสูงเพื่อซื้อยาเม็ดอายุวัฒนะ
ไม่รู้ว่ามีหมอโอสถปรุงยาเม็ดอายุวัฒนะจำนวนเท่าไรที่ภูมิใจกับการที่สามารถปรุงกลั่นยาเม็ดอายุวัฒนะได้ดี แต่เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดออกมาตามอารมณ์ว่าแค่ปรุงเล่นๆ เท่านั้นเอง นับเป็นคำพูดที่พาลอย่างยิ่ง สุดยอดในหล้ายากจะหาใดเทียม! บางที อาจมีเพียงผู้ที่อยู่ในฐานะบรรพบุรุษของระบบสืบทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น ที่สามารถพูดคำพูดที่พาลเช่นนี้ออกมาได้
จังหวะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน พลันหลี่ชิเย่ได้หยุดการก้าวเดิน และสายตาไปตกอยู่ที่หัวโค้งของถนน
ในห้างเจียวเหิงนอกเหนือจากร้านรวงของทางห้างเจียวเหิงเองแล้ว ก็มีพ่อค้าที่กระจัดกระจายทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้างเจียวเหิงอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็จะมีผู้บำเพ็ญตน อยู่บ้างที่อาศัยห้างเจียวเหิงทำการซื้อขายแบบแลกเปลี่ยนสินค้ากันและกัน แน่นอน บรรดาผู้ที่จะมาทำการค้าเช่นนี้ต้องผ่านการตรวจสอบจากห้างเจียวเหิงเสียก่อน
ในขณะนี้ ที่ถนนเส้นนี้ตรงบริเวณทางโค้งมีคนผู้หนึ่งนั่งยองๆ อยู่ เป็นผู้เฒ่าที่สวมชุดผ้าฝ้ายคนหนึ่ง ผู้เฒ่าผู้นี้สวมหมวกหนาๆ สำหรับฤดูหนาวใบหนึ่ง ไม่เพียงปิดบังหูทั้งสองข้างของตนเท่านั้น แต่เกือบจะปิดบังใบหน้าเอาไว้ทั้งหมด
มือทั้งสองของผู้เฒ่าหดเข้าไปอยู่ในแขนเสื้อของตนเหมือนว่ารู้สึกหนาวมากอย่างนั้น พ่นเป็นไอออกมาเป็นระยะๆ
ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่มีสิ่งใดที่ดูแตกต่างมากเป็นพิเศษ แต่ทว่า ของสองสามสิ่งที่วางเรียงอยู่ตรงหน้าของเขาก็คือของที่พิเศษมากแล้ว ของทั้งสามสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่ส่งประกายวิเศษแวบวับ ทำให้ผู้พบเห็นสามารถรู้ได้ทันทีว่าเป็นของที่ยอดเยี่ยมมาก
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจผู้คนได้มากที่สุดใช่เพียงของวิเศษสามชิ้นที่อยู่ด้านหน้าของผู้เฒ่าผู้นี้เท่านั้น ยังมีแผ่นป้ายกระดาษใหญ่ที่วางอยู่ด้านหน้าของผู้เฒ่าผู้นี้ บนแผ่นป้ายกระดาษเขียนตัวอักษรที่คดไปเลี้ยวมาอยู่แถวหนึ่ง ว่า “ขอเพียงท่านทำให้ข้าซาบซึ้งได้ จะมอบของวิเศษให้ชิ้นหนึ่ง”
มองดูของวิเศษที่ส่งประกายแวววับสามชิ้นที่วางเรียงอยู่กับพื้น และเห็นแผ่นกระดาษที่เขียนอักษรไว้เช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากบริเวณนั้นถูกดึงดูดความสนใจทยอยกันล้อมวงเข้าไป
“ทำให้ซาบซึ้งใจได้ก็จะมอบของวิเศษให้ชิ้นหนึ่ง เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ?” เวลานี้มีผู้กล่าวด้วยความสงสัยเมื่อมองเห็นตัวอักษรที่เขียนเอาไว้นั่น
“จริง” ผู้เฒ่าผู้นี้ก้มหน้าตอบขึ้นมาคำหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดที่ตั้งข้อสงสัย เขากระทั่งไม่ได้เงยหน้าไปจ้องมองใคร หนังตาห้อยลงเหมือนไม่มีแรงอย่างนั้น
“ต้องทำอย่างไรจึงถือว่าทำให้เจ้าซาบซึ้งใจเล่า?” มีผู้ที่ยืนดูอยู่อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
ผู้เฒ่าไม่ให้คำตอบสำหรับปัญหาข้อนี้ และไม่ให้ความสนใจ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ตรงหน้า หลับตาลงทั้งสองข้างเหมือนหนึ่งว่าได้นอนหลับไปแล้ว
ในเวลานี้ ผู้ที่ล้อมวงเข้ามาชมความคึกครื้นต่างไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงสามารถทำให้ตาเฒ่าผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าซาบซึ้งใจ
“คงไม่ใช่ล้อพวกเราเล่นกระมัง?” มีผู้ที่อดไม่ได้และพูดขึ้นมาว่า “ใครจะไปรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงทำให้ซาบซึ้งใจได้ล่ะ?”
แต่ว่า ผู้เฒ่ายังคงไม่ยอมพูดอะไร เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างนั้น ผู้เฒ่านั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น และไม่ให้ความสนใจต่อความสงสัยของผู้อื่นอีกต่อไป
“นี่มันเรื่องจริงรึ?” ยังคงมีผู้ที่เอ่ยขึ้นมาอีก แต่ว่าผู้เฒ่าไม่ยอมตอบอยู่ท่าเดียว
“ไม่น่าจะเป็นเรื่องไม่จริง และไม่น่าจะเป็นการล้อพวกเราเล่น จะอย่างไรเสียที่นี่คือห้างเจียวเหิง มีห้างเจียวเหิงเป็นประกัน นั่นมันชื่อเสียงเป็นที่เชื่อถือได้ ถ้าหากเป็นเรื่องไม่จริง ทางห้างเจียวเหิงคงต้องเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย” ผู้บำเพ็ญตนเฒ่าผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
เมื่อผู้ที่ล้อมวงเข้ามาดูชมความคึกครื้นได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดี จะอย่างไรเสียที่นี่คือห้างเจียวเหิง ทุกคนย่อมวางใจได้เมื่อมีห้างเจียวเหิงรับประกันให้
ในเวลานี้เอง ทุกคนต่างจ้องมองกันและกันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อทำให้ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าซาบซึ้งใจ
ตุบ…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ดูชมความคึกครื้นอยู่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งใจ ผู้บำเพ็ญตนที่เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพลันคุกเข่าทั้งสองลงกับพื้นอย่างแรง และร้องเสียงอันดังว่า “ท่านพ่อ ข้ามาเยี่ยมท่านพ่อแล้ว!”
หลายคนรู้สึกตะลึงงันเมื่อปรากฏชายวัยกลางคนที่คุกเข่าลงกะทันหัน จากนั้น เมื่อผู้คนจำนวนมากได้สติกลับมาถึงกับหัวเราะกันเสียงดังขึ้นพร้อมๆ กัน และกล่าวว่า “เจ้านี่ฝันหวานไปแล้ว ได้พ่อมาง่ายๆ แบบนี้เลยนะ”
ในเวลานี้ บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ล้อมวงกันต่างหัวเราะเสียงดังขึ้นมา และรู้สึกว่าชายวัยกลายคนผู้นี้ตลก แน่นอน หน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็รู้สึกร้อนผ่าว แต่ว่า เขาเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนที่ไร้ชื่อมีชาติกำเนิดจากชนชั้นรากหญ้า ดังนั้นเข้าจึงสามารถละทิ้งได้ ไหนๆ ก็คุกเข่าแล้วยังจะมีอะไรที่ต้องเสียอีก อีกอย่างการคุกเข่าลงเรียก ‘ท่านพ่อ’ สักคำก็ไม่ได้เสียหายอะไร เกิดประสบผลสำเร็จขึ้นมา มิเท่ากับเก็บของวิเศษได้ชิ้นหนึ่งรึ
แต่ทว่า ผู้เฒ่ายังคงก้มหน้านิ่ง ไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“ท่านพ่อ ชีวิตลูกลำบากเหลือเกิน มอบของวิเศษให้สักชิ้นจะได้ไหม?” ไหนๆ ก็ได้คุกเข่าลงแล้ว ชายวัยกลางคนจึงสละทิ้งได้ทุกอย่างดังนั้น เขาจึงกล่าวพร้อมกับโขกศีรษะให้กับผู้เฒ่าผู้นี้
แต่ทว่า ผู้เฒ่ายังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร ยังคงก้มหน้าและไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“เจ้าควรจะเรียกว่าท่านปู่ ไม่แน่นักเขาอาจตอบตกลงก็ได้” มีผู้ที่พูดล้อเล่นออกมา
“ถูกต้อง เรียกท่านปู่สักคำ ไม่แน่อาจจะสำเร็จก็ได้นะ” เวลานี้ เสียงหัวเราะดังขึ้นมาทั่วทั้งบริเวณ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่ล้อมวงดูอยู่ต่างพร้อมใจกันพูดขึ้นมา
ชายวัยกลางคนผู้นี้กัดฟัน ไหนๆ ก็ทำถึงขนาดนี้แล้ว จึงไม่กลัวถูกหัวเราะเยาะอีก จึงโขกศีรษะและพูดขึ้นมาว่า “หลานรักโขกศีรษะคำนับให้กับท่านแล้ว”
แต่ทว่า ผู้เฒ่ายังคงไม่หวั่นไหว ยังคงก้มหน้าเหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เห็นทีเจ้าอยากจะเป็นหลานคนอื่น แต่คนอื่นเขาไม่ยอมรับหลานที่ว่านอนสอนง่ายอย่างเจ้า” เวลานี้ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา
ภาพเช่นนี้ได้ทำให้จูซือจิ้งที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนมองดูจนอ้าปากตาค้าง นางไม่เคยพบเห็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
สุดท้าย ชายวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น ได้แต่ไปจากด้วยความเศร้าหมอง
ที่ตรงนี้คือห้างเจียวเหิง หากผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ยอมมอบให้ก็ไม่มีใครกล้าใช้กำลังแย่งชิง มิฉะนั้นล่ะก็จะถูกห้างเจียวเหิงสังหารได้
ครั้นทุกคนได้เห็นชายวัยกลางคนผู้นั้นแสดงตนยอมรับว่าเป็นท่านพ่อ และท่านปู่แล้วก็ยังไม่ได้ ทุกคนต่างจ้องมองตากันและกัน ต่างไม่รู้ว่าจะไปทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งใจได้อย่างไร
จะอย่างไรเสีย ของวิเศษทั้งสามชิ้นถูกวางไว้อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพลาดโอกาส
………………………………………………..