Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2154 การปรากฎของโสมโลหิต
ระหว่างที่คณะของหลี่ชิเย่เดินทางมุ่งหน้าไปยังเขาฟันหลออย่างเร่งรีบ ที่เขาฟันหลอเองก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
เขาฟันหลอคือเทือกเขาขนาดใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ที่ตรงนี้จะเห็นเป็นภูเขาที่ขึ้นลงสลับ ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลุขึ้นไปยังจักรวาลก็มีอยู่นับไม่ถ้วน หุบเหวลึกช่องเขาขนาดใหญ่มีอยู่ดาษดื่น นับเป็นเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่โตกว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง
เขาฟันหลออุดมไปด้วยโอสถวิเศษสมุนไพรทิพย์ เรียกได้ว่าเป็นสวนสมุนไพรของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เนื่องจากโอสถวิเศษสมุนไพรทิพย์ที่ล้ำค่าจำนวนไม่น้อยของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงล้วนแล้วแต่มาจากเขาฟันหลอทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นโอสถวิเศษสมุนไพรทิพย์ตามธรรมชาติ หาใช่มาจากสวนสมุนไพรที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสร้างขึ้นมาเอง
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีสัตว์ดุวิหคร้ายปรากฏตัวที่เขาฟันหลออยู่บ่อยครั้ง แมลงหนอนพิษและสิ่งประหลาดก็มีจำนวนไม่น้อย ดังนั้น จึงมีเหตุให้ผู้บำเพ็ญตนที่เข้าออกเขาฟันหลอเสียชีวิตที่นี่อยู่เป็นประจำ
ไม่ทราบด้วยเหตุผลอันใด เขาฟันหลอซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยโอสถวิเศษสมุนไพรทิพย์ แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกลับไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเขาฟันหลอสักเท่าไร กระทั่งบางครั้งยังอยู่ในสภาพถูกปิดเขาด้วยซ้ำ ไม่ต้องการให้ใครเข้าไปกล้ำกราย ถึงกับเขาฟันหลอเคยถูกปิดเขาไม่อนุญาตผู้ใดก็ตามรวมทั้งศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเข้าไปช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ยาวนานมาก แม้แต่ศิษย์ที่อยู่ในสายของผู้อยู่ในอำนาจกษัตริย์ปกครองก็ไม่อนุญาตเช่นกัน! ไม่มีใครรู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงปิดเขาฟันหลอด้วยเหตุผลใด!
ในวันนี้เอง เขาฟันหลอพลันปรากฏเป็นหมอกเลือดลอยขึ้นมา แต่ก็มีผู้ที่บอกว่าเป็นประกายเซียนที่งดงามลอยชึ้นมา ณ หุบเขาขนาดยักษ์แห่งหนึ่งของเขาฟันหลอได้ปรากฏประกายโลหิตเป็นสาย โดยที่ประกายโลหิตนี้ดูพร่างพราวยิ่งนัก ประกายโลหิตทุกๆ สายล้วนแล้วแต่เหมือนหนึ่งผ่านการหักเหจากคริสตัลมาแล้วอย่างนั้น มีความงดงามยิ่งนัก
จังหวะประกายโลหิตที่พร่างพราวลอยขึ้นมานั้น มีผู้ที่มองเห็นร่างเงาเล็กๆ พุ่งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยที่ร่างเงาเล็กๆ ดังกล่าวแลดูคล้ายเป็นร่างคนขนาดเท่ากำปั้น รอบกายของมันมีรากฝอยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมันพุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วนั้น ฉับพลันมันก็หนีหายเข้าไปในบริเวณที่ลึกเข้าไปยิ่งกว่าของเขาฟันหลอ
“นั่นมันคืออะไรกันแน่” ปรากฎการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกะทันหัน สร้างความสนใจให้กับผู้บำเพ็ญตนที่อยู่รอบๆ เขาฟันหลอจำนวนไม่น้อย และมีผู้ที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความตระหนก
“นั่นคือโสมโลหิต รีบตามไปเร็วเข้า” ผู้บำเพ็ญตนรุ่นอาวุโสตาแหลม พลันที่เห็นร่างเงาขนาดเล็กได้คำรามเสียงยาวออกมา ร่างกายดั่งมังกรเคลื่อนกายบุกเข้าไปยังเขาฟันหลอทันที ไล่ติดตามไปยังทิศทางที่ร่างเงานั้นหายตัวไปนั่น
ดังนั้น วันรุ่งขึ้นได้ปรากฏข่าวที่แพร่สะพัดออกไปยังทุกๆ ที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงดั่งพายุฝนฟ้าคะนองภายในระยะเวลาอันสั้น เกี่ยวกับการปรากฏตัวของโสมโลหิต ทุกสำนักล้วนแล้วแต่ได้ยินข่าวเรื่องนี้กันทั่วหน้า
“เขาฟันหลอปรากฎโสมโลหิตล้านปีต้นหนึ่ง!” แรกเริ่มทีเดียว ข่าวที่แพร่สะพัดยังไม่ไร้เหตุผลสักเท่าไร
แต่ทว่า เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ข่าวเริ่มเหลือเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ จากโสมโลหิตล้านปีกลายเป็นสิบล้านปี กระทั่งถึงล้านล้านปี สุดท้ายต้นโสมโลหิตต้นนี้ถูกลือกันว่าเป็นต้นที่มีอายุเท่ากับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง กระทั่งเป็นต้นโสมโลหิตที่มีอายุยาวนานยิ่งกว่าอายุของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเสียอีก!
“มันคือโสมโลหิตอายุล้านล้านปี ขณะที่มันปรากฏตัวออกมา ประกายโลหิตเสมือนเหมือนดั่งคริสตัลที่แวบวับ ปรากฏเป็นเหตุการณ์ประหลาดต่างๆ นานา มีภาพของอาชาทองถวายของล้ำค่า มีหลินจือเซียนถวายผล ต้นโสมโลหิตต้นนั้นเรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งโอสถ” หลังจากข่าวนี้ได้แพร่อกไปแล้ว มีผู้ที่กล่าวในลักษณะตีไข่ใส่สีเข้าไป
“นี่มันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ โสมโลหิตล้านล้านปีนั่นมันชั้นโอสถเซียน เกรงว่ามีเพียงราชันแท้จริงเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ได้ใช้กระมัง” มีผู้ที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วต่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“จริงแท้แน่นอน อาจารย์ของข้าเห็นกับตาด้วยตนเอง” ผู้ที่พูดเรื่องนี้กล่าวด้วยคำสาบานที่น่าเชื่อถือ “โสมโลหิตต้นนี้มีขนาดเท่ากำปั้น รูปร่างเหมือนคน คล้ายเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งอย่างนั้น มีรากฝอยที่ทิ้งตัวลงมาเหมือนดั่งเป็นหนวดเครายาวของผู้เฒ่า ยามที่มันปรากฏตัวขึ้นมานั้น พื้นดินพวยพุ่งเป็นน้ำพุทองคำ บนท้องฟ้าปรากฎดอกไม้สวรรค์โปรยปราย ไม่รู้ว่ามีโอสถวิเศษสมุนไพรทิพย์ชั้นสิบล้านปีมาแสดงคารวะกราบไหว้…”
ยามที่คนผู้นี้เล่าถึงตอนที่น่าตื่นเต้นแล้วเรียกได้ว่าน้ำลายกระจาย ชี้มือชี้ไม้ไปด้วย ท่าทางดูตื่นเต้นดีใจยิ่ง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว
เนื่องจากข่าวการปรากฏตัวของโสมโลหิตที่แพร่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้สำนักต่างๆ ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจำนวนมากในเวลานี้ต่างทยอยกันส่งศิษย์ของตนรุดไปยังเขาฟันหลอ
การปรากฏตัวของโสมโลหิตนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในส่วนของรายละเอียดที่ว่าจะเป็นโสมโลหิตล้านปี หรือสิบล้านปี และหรือล้านล้านปีนั้น ทุกคนไม่กล้ายืนยัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับสำนัก สำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว โสมโลหิตคือโอสถวิเศษที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ยิ่งอายุของมันมากเท่าไรก็จะล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากเป็นโสมโลหิตที่มีอายุนับล้านล้านปีจริงล่ะก็ มันคือของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นต้นโอสถเซียนต้นหนึ่งแล้วล่ะ
“ไป ไปเขาฟันหลอกัน” ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หนุ่มหรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสของสำนัก เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วต่างนั่งกันไม่ได้ ทยอยกันเดินทางมุ่งหน้าสู่เขาฟันหลอกัน
เนื่องจากประโยชน์ของโสมโลหิตนั้นกว้างเหลือเกิน โสมโลหิตไม่เพียงสามารถนำมารักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งยังสามารถเอามาปรุงยาเม็ด เพิ่มพลังวัตร ยิ่งกว่านั้นยังสามารถเพิ่มอายุวัฒนะได้อีกด้วย เรียกได้ว่าประโยชน์ของโสมโลหิตนั้นคือหนึ่งในโอสถวิเศษสารพัดประโยชน์ ค่าตัวของมันก็สูงมากเป็นพิเศษ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนอายุน้อย หรือยอดฝีมือรุ่นอาวุโสล้วนแล้วแต่ต้องการให้ได้มาซึ่งโสมโลหิตสักต้นหนึ่ง คนอายุน้อยต้องการได้โสมโลหิตมาเพิ่มพลังวัตร คนรุ่นอาวุโสต้องการโสมโลหิตมาเพิ่มอายุวัฒนะ! เวลานี้ ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปยังเขาฟันหลอ ไอลีนโนเวล
หยางเซิ่นผิงก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับโสมโลหิตระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังเขาฟันหลอ เขาถึงกับรู้สึกตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าวนี้แล้ว แม้ว่าเขาเองก็ไม่เคยได้กินโสมโลหิตมาก่อน แต่ก็รู้ว่าราคาของโสมโลหิตอายุล้านปีสามารถซื้อขายในท้องตลาดด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว
“คุณชายไปด้วยเรื่องของโสมโลหิตรึ?” หลังจากที่หยางเซิ่นผิงได้ยินข่าวนี้แล้วถึงกับรู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นช่างฝืนลิขิตสวรรค์มากเหลือเกิน ถึงกับรู้ข่าวเรื่องการปรากฏตัวของโสมโลหิตก่อนผู้อื่นก้าวหนึ่ง เรียกได้ว่ามากด้วยฝีมือและสูงส่งยิ่งนัก ไม่มีสิ่งใดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสามารถรอดจากสายตาของเขาไปได้
สำหรับคำพูดของหยางเซิ่นผิงนั้น หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นโดยไม่ได้ตอบคำถาม แน่นอน โสมโลหิตที่ว่านั้นกล่าวสำหรับเขาแล้วมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหา จะอย่างไรเสียเขาไม่ได้ขาดเคลนต้นโสมโลหิตแบบนั้น การไปยังเขาฟันหลอของเขามีเหตุผลอื่น
หลังจากปรากฏข่าวของโสมโลหิตแล้ว เดิมทีหลี่ชิเย่ที่มุ่งหน้าไปยังเขาฟันหลออย่างเร่งรีบพลันให้หยางเซิ่นผิงผ่อนความเร็วลง ไม่ได้รีบเพื่อไปให้ถึงเขาฟันหลอ เหมือนต้องการชมทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
“คุณชาย โสมโลหิตปรากฏ พวกเราสมควรรีบรุดไปให้ถึงก่อนคนอื่นก้าวหนึ่ง เพื่อชิงเอาโสมโลหิตมาให้ได้จึงจะถูก” หยางเซิ่นผิงรู้สึกแปลกใจยิ่ง เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ไม่รีบเร่งเดินทางขึ้นมาอย่างกะทันหัน จึงหาญกล้าเอ่ยถามขึ้นมา
“มีคนเขาต้องการแย่งชิงโสมโลหิตก็ปล่อยเขาไปแย่งกันเองเถอะ คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก เมื่อยิ่งสนุกแล้วก็จะมีอะไรดีๆ ให้ดู” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย ยังคงไม่เร่งรีบที่จะเดินทาง
ท่าทางที่ไม่รีบร้อนของหลี่ชิเย่สร้างความประหลาดใจให้กับหยางเซิ่นผิงอย่างยิ่ง ถ้าหากหลี่ชิเย่ไม่ได้ไปเขาฟันหลอด้วยเรื่องของโสมโลหิต แล้วไปเขาฟันหลอด้วยเรื่องอะไรกันแน่
ตูม ตูม ตูม…จังหวะที่หยางเซิ่นผิงกำลังอึดอัดใจเรื่องที่หลี่ชิเย่ไปที่เขาฟันหลอด้วยเรื่องอะไรอยู่นั้น บนท้องฟ้าพลันปรากฎเสียงตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอก มองเห็นกองกำลังอาชาที่วิ่งฮ้อเข้ามา และวิ่งผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว
กองกำลังอาชานี้มีความองอาจห้าวหาญอย่างยิ่ง มีท่าทีที่เกรียงไกรทุกที่ ยามที่พวกเขาเหินฟ้าจากไปนั้น ท่าทีน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังเดินทางอยู่รอบข้างต่างทยอยกันหลีกทางให้ เมื่อมองเห็นกองกำลังอาชาที่วิ่งฮ้อกันมาเหล่านี้
ผู้ที่เป็นขุนพลคุมกองกำลังอาชานี้กลับเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้สวมชุดเกราะทั้งชุด ด้วยบุคลิกที่องอาจห้าวหาญ ขี่อาชาเทพ วิ่งนำหน้าไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า ด้วยความเร็วทึ่สูงมากเหลือเกิน
“กองทัพของค่ายฉู่” ครั้นบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังเดินทางอยู่รอบข้างมองเห็นธงทิวของกองกำลังอาชานี้แล้วต่างทยอยกันหลีกทางให้ และกล่าวด้วยความตระหนก
ค่ายฉู่คือหนึ่งในสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในยุคปัจจุบัน ขั้วอำนาจสายนี้ได้กุมกำลังทหารของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเอาไว้ในมือไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งพวกเขามาจากการรวมตัวกันของหลายสำนัก และตระกูลขุนนางโบราณ แล้วรวมเรียกว่าค่ายฉู่!
“ฉู่ชิงหลิงออกโรงด้วยตนเองนะเนี่ย” หยางเซิ่นผิงรู้สึกตกใจเมื่อมองเห็นผู้หญิงที่ขี่ม้าวิ่งฮ้อนำหน้ากองกำลังอาชาคนนั้น กล่าวด้วยท่าที่หวั่นไหวยิ่งนัก
“ฉู่ชิงหลิง!” จูซือจิ้งก็รู้สึกตกใจเช่นกัน แม้ว่านางจะอยู่ในสำนักกระบี่ยักษ์ที่เป็นเพียงสำนักขนาดเล็ก และอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์คนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง นางเองก็เคยได้ยินชื่อ ‘ฉู่ชิงหลิง’ เช่นกัน
“แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง อัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฉู่ชิงหลิงนั่นเอง!” ดวงตาคู่งามคู่นั้นของจูซือจิ้งถึงกับเบิกกว้าง และกล่าวด้วยความตระหนก
“ถูกต้อง ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงก็มีฉู่ชิงหลิงเพียงคนเดียว” หยางเซิ่นผิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับท่าทีที่ให้ความเคารพอยู่หลายส่วนว่า “นางคือความหวังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเรา และเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อันดับหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงพวกเรา ทักษะยุทธของนางเหนือกว่าผู้เป็นกษัตริย์เสียอีก ฟังว่านางได้ฝึกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของราชันแท้จริงฉู่ขวางสำเร็จแล้ว กำลังเตรียมที่จะฝึกระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของปฐมบรรพบุรุษต่อไป!”
“มีความอัจฉริยะตั้งแต่อายุน้อย อันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่นะเนี่ย” จูซือจิ้งถึงกับรุ้สึกอิจฉาเมื่อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฉู่ชิงหลิงนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง นางคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กล้าแข็งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฟังว่าทักษะของนางก้าวไปถึงระดับปราชญ์แท้จริงแล้ว เทียบกับกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วยังสูงกว่าเสียอีก กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงขณะยังไม่สวรรคตฟังว่าเป็นยอดฝีมือระดับกษัตราแท้จริง ขณะที่ฉู่ชิงหลิงกลับอยู่ในระดับปราชญ์แท้จริง ย่อมประเมินได้ว่านางเหนือกว่ากษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่เท่าไร
เคล็ดวิชาที่ฉู่ชิงหลิงฝึกคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของราชันแท้จริงอีกองค์หนึ่ง ซึ่งก็คือราชันแท้จริงฉู่ขวาง แต่ว่า เวลานี้นางได้หันมาฝึกเคล็ดวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของผู้เฒ่ากำแหงแล้ว
เรียกได้ว่า ไม่เพียงค่ายฉู่ที่เป็นชาติกำเนิดของนาง แม้แต่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมดก็ฝากความหวังเอาไว้กับนางสูงมาก เนื่องจากเวลานี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต้องการให้มีราชันแท้จริงถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อช่วยให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเจริญรุ่งเรืองขึ้น
ดังนั้น เวลาส่วนใหญ่ของฉู่ชิงหลิงจึงหมดไปกับการฝึกยุทธ น้อยครั้งนักที่จะยุ่งกับเรื่องภายในของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ในฐานะอัจฉริยะบุคคลผู้มีกำลังแฝงมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ฉู่ชิงหลิงจึงยังคงมีอำนาจอยู่ในมือมาก
ฉู่ชิงหลิงไม่เพียงเป็นผู้กุมอำนาจของค่ายฉู่ หนึ่งในสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเท่านั้น นางยังเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ในมือของนางกุมอำนาจทหารของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่กษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น จะมากหรือน้อยก็ต้องพี่งพาในตัวของฉู่ชิงหลิง
เวลานี้ฉู่ชิงหลิงมุ่งหน้าไปเขาฟันหลอด้วยตนเอง ไม่เพียงสร้างความตระหนกให้กับหยางเซิ่นผิงอย่างยิ่ง แม้แต่สำนักและตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยก็ต้องตกใจยิ่งกับข่าวนี้
“ดูท่าจะเป็นความจริงว่า มันคือโสมโลหิตที่มีอายุสิบล้านปี หรือไม่ก็ล้านล้านปีเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นล่ะก็ฉู่ชิงหลิงคงไม่ออกโรงเอง” หยางเซิ่นผิงถึงกับพึมพำออกมา
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเองก็คำพูดของหยางเซิ่นผิง