Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2158 อาศัยบารมีผู้อื่น
ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกนับถือในตัวของเผิงเวยจิ่นอยู่ไม่น้อยที่ไปแล้วก็กลับมาอีก เพิ่งจะถูกหยางเซิ่นผิงตบปากอย่างแรงเมื่อครู่นี้เอง ไม่นึกเลยว่านอกจากเขาจะไม่จดจำบทเรียนแล้ว ภายในระยะเวลาอันสั้นกลับไปตามผู้ช่วยมาอีก ทั้งยังดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน
ผู้คนที่มองเห็นภาพของเผิงเวยจิ่นที่เวลานี้ยังคงมีท่าทีที่อยู่เหนือผู้คนแล้วต้องรู้สึกเลื่อมใส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโง่เขลาหรือว่าบ้าบิ่นกันแน่ ขนาดถูกคนเขาสั่งสอนมาอย่างหนักแล้วยังคงมีท่าทีเช่นนี้ได้ ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่ยอมรับว่าเผิงเวยจิ่นมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเกรงว่าคงกลายเป็นเงามืดอยู่ในใจไปนานเมื่อถูกตบปากต่อหน้าผู้คนมากมาย เมื่อพบเห็นพวกของหลี่ชิเย่คงหนีไปไกลนานแล้ว
“เจ้าหนู วันนี้เจ้าตายแน่แล้ว!” มาคราวนี้หลังจากเผิงเวยจิ่นได้ขนผู้ช่วยมาแล้ว ด้วยท่าทีที่อยู่เหนือผู้คน และดูจะยโสยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก เหมือนลืมไปแล้วว่าเพิ่งจะถูกหยางเซิ่นผิงตบปากไปหมาดๆ
“ท่านองค์รักษ์ เจ้าหนูคนนี้คือสุนัขรับใช้ของจวนหวัง รีบฆ่ามันเสีย” เวลานี้เผิงเวยจิ่นกล่าวด้วยท่าทีหลงละลืมลำพอง
เวลานี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนต่างมองไปที่คนหนุ่มข้างกายของเผิงเวยจิ่น คนหนุ่มผู้นี้สวมชุดแพรทั้งชุด ภาพรวมของเขาแลดูมีกลิ่นอายที่สูงส่ง พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าเขามีชาติกำเนิดจากตระกูลที่สูงส่ง เป็นผู้ที่มีหน้าตาดีมาก แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนหาใช่รูปลักษณ์หน้าตาที่หล่อเหลาของเขา แต่เป็นกลิ่นอายสูงส่งบนตัวของเขา กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของชายหนุ่มทำให้ให้ผู้คนต้องเคารพยำเกรงอยู่ในใจ ไม่กล้าเพิกเฉยต่อเขา
“นายน้อยตระกูลเฉิน องครักษ์เมืองหลวง เฉินซูเหว่ย!” ระดับผู้อาวุโสของสำนักถึงกับเย็นวาบในใจ เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาเมื่อมองเห็นชายหนุ่มที่สูงส่งยิ่งผู้นี้
ตระกูลเฉินแห่งกองกำลังซั่ง สูงส่งสุดจะเอ่ยถึง กองกำลังซั่งในฐานะหนึ่งในสี่ขั้วอำนาจใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ขณะที่ตระกูลเฉินคือแกนหลักของกองกำลังซั่ง เป็นเสาหลักของกองกำลังซั่ง
กองกำลังซั่งมียอดฝีมือเป็นจำนวนมาก แต่ว่ายอดฝีมือส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่กำเนิดมาจากตระกูลเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเฉินก็เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาก่อน!
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็คือนายน้อยตระกูลเฉิน และคือองครักษ์เมืองหลวงของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เขาได้กุมกำลังทหารของลานหลวงเอาไว้ไม่น้อย นับว่ามีความองอาจกล้าหาญอย่างยิ่ง
เฉินซูเหว่ย องครักษ์เมืองหลวง ความสามารถและชาติกำเนิดของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับกษัตราแท้จริงขั้นต้น
อีกทั้งเฉินซูเหว่ยที่อยู่ในฐานะองครักษ์เมืองหลวงก็เหมือนเช่นจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย พวกเขาต่างก็เป็นผู้รับการคัดเลือกเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป พวกเขาทั้งสองต่างมีคุณสมบัติชิงบัลลังก์ด้วยกันทั้งคู่
ดังนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อเห็นองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ย บรรดาศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณ และระดับผู้อาวุโสของสำนักจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันลุกขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อองครักษ์เมืองหลวงผู้นี้
“เวยจิ่น อย่าได้เอะอะโวยวาย อย่าได้เสียมารยาท” ในขณะที่เผิงเวยจิ่นชี้หน้าเอ็ดตะโรลั่นกับหลี่ชิเย่อยู่นั้น เฉินซูเหว่ยได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
เผิงเวยจิ่นรู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็จำใจไปยืนอยู่ด้านข้างด้วยความแค้น ดวงตาทั้งสองจ้องมองหลี่ชิเย่และหยางเซิ่นผิงด้วยความโหดเหี้ยมยิ่งนัก เวลานี้เขาไม่ได้เกรงกลัวต่อพวกของหลี่ชิเย่เลยแม้แต่น้อย ไม่สนว่าพวกของหลี่ชิเย่จะมีผู้สนับสนุนเช่นใดเขาก็ไม่กลัว! เนื่องจากผู้สนับสนุนของเขาก็แข็งแกร่งเช่นกัน กระทั่งกล่าวได้ว่ามีแต่แข็งแกร่งกว่าและไม่ด้อยไปกว่าจวนหวัง!
“พี่ซี๋วก็อยู่ที่นี่นะเนี่ย นับว่าบังเอิญเหลือเกิน” เมื่อเฉินซูเหว่ยเห็นจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยก็อยู่ในเหตุการณ์ ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวทักทาย
จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยแฝงรอยยิ้มบนใบหน้า กล่าวเรียบๆ ว่า “ช่างบังเอิญจริงๆ แต่ว่า ตำบลโบราณแห่งนี้มีขนาดเพียงเท่านี้ สามารถมาพบกันโดยบังเอิญได้ก็นับเป็นเรื่องปรกติ”
เดิมทีจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยกำลังสะอึกกับคำพูดของหลี่ชิเย่หาทางลงไม่ได้ เวลานี้เมื่อเผิงเวยจิ่นมาอาละวาดเช่นนี้ กลับกลายเป็นช่วยคลี่คลายความกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของเขาลง ทำให้เขาสามารถหาทางลงได้แล้ว
หลังจากที่เฉินซูเหว่ยได้กล่าวทักทายซี๋วจื้อเจี๋ยแล้วก็ได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “น้อง เฉินซูเหว่ยได้ยินกิตติศัพท์ของพี่หลี่มานาน ขณะที่พี่หลี่อยู่ลานหลวงนั้น น้องไม่ได้ให้การต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านต้องขอโทษด้วย หวังว่าพี่หลี่จะให้อภัย”
การที่เฉินซูเหว่ยแสดงความปรารถนาดีต่อหลี่ชิเย่กะทันหัน ทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกเหนือความคาดคิด มันเป็นเรื่องที่บรรดาศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณ และระดับผู้อาวุโสของสำนักจำนวนมากนึกไม่ถึง
การที่เฉินซูเหว่ยแสดงความปรารถนาดีต่อหลี่ชิเย่กะทันหันนั้น ความจริงแล้วก็เป็นความคิดเดียวกันกับจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย เขาเองก็สืบทราบข่าวจากจวนหวังได้มาบ้าง ราชินีหวังหานถูกเหล่าผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกถอนพลัง กระทั่งอาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้น หนึ่งในเหตุผลก็คือตัวของหลี่ชิเย่ ฟังว่าราชินีหวังหานให้ความสำคัญหลี่ชิเย่มากเป็นพิเศษ กระทั่งต้องการให้จวนหวังปกป้องหลี่ชิเย่เต็มที่
เฉินซูเหว่ยเองก็รู้สึกแปลกใจยิ่งก็ข่าวนี้มากเป็นพิเศษ เพราะอะไรราชินีหวังหานถึงได้ให้ความสำคัญกับคนนอกคนหนึ่งถึงเพียงนี้ คนที่ชื่อหลี่ชิเย่มีเส่ห์เช่นใดกันแน่ หรือว่าเขามีความสามารถใดกันแน่ และหรือในมือของเขาได้กุมความลับที่ผู้อื่นไม่รู้เอาไว้
ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เฉินซูเหว่ยก็ต้องการดึงตัวหลี่ชิเย่ให้มาอยู่กับฝ่ายตน ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจของหลี่ชิเย่เองก็ดี หรือจับเป็นก็ช่าง เขาก็จะต้องเอาตัวหลี่ชิเย่มาให้ได้!
จะอย่างไรเสีย ราชินีหวังหานหาใช่คนธรรมดา ในครั้งนั้นกษัตริย์ที่สวรรคตไปก็เป็นเพียงเจ้าหนูที่เป็นบุคคลภายนอก แต่หวังหานก็ยังคงแต่งงานกับเขา และผลักดันเขาให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์! เรียกได้ว่าหวังหานเป็นผู้หญิงที่มีสติปัญญาความสามรถคนหนึ่ง การที่นางให้ความสำคัญเจ้าหนูที่ไร้ชื่อไร้เสียงคนหนึ่งได้ ต้องมีสาเหตุที่ยิ่งใหญ่แน่นอน!
สำหรับคำพูดที่พูดไปตามมารยาทของเฉินซูเหว่ยนั้น หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจ ยังคงดื่มสุราและกับแกล้มโดยมีจูซือจิ้งที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ทั้งคอยรินสุราเติมให้ ทั้งคีบกับแกล้มป้อนเข้าปากของหลี่ชิเย่
บรรดาระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อเห็นการวางมาดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ เจ้าหนูผู้นี้ยังคงทำตัวสูงเด่นแม้อยู่ต่อหน้าองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ย และจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย ภายใต้การปรนนิบัติของสาวใช้ ดื่มสุรา กินกับแกล้ม ทั้งยังต้องให้สาวใช้คีบป้อนให้ถึงปาก
ด้วยมาดเช่นนี้ นับว่าหาใช่ความยโสธรรมดาเสียแล้ว กระทั่งมองเฉินซูเหว่ยและซี๋วจื้อเจี๋ยไม่มีตัวตน พฤติกรรมที่พาลและอวดดีเช่นนี้ เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงคงไม่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่คนใดสามารถทำเช่นนี้ได้
ถ้าหากจะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่คนใดสักคนหาญกล้าแสดงท่าทีด้วยการวางมาดใหญ่โตถึงเพียงนี้ต่อหน้าเฉินซูเหว่ยและซี๋วจื้อเจี๋ยล่ะก็ เกรงว่าคงอยู่ที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“นี่มันออกจะยโสเกินไปแล้วกระมัง” ศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณถึงกับเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “นี่ดูจะไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย ต่อให้ต้องการวางมาดก็ไม่ควรเกินเลยขนาดนี้นะ”
เวลานี้ ศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกว่า เจ้าหนูที่อยู่ตรงหน้าอวดดีมากเกินไป ช้าเร็วก็ต้องเกิดเรื่อง
ท่าทางของเฉินซูเหว่ยดูจะผะอืดผะอมอยู่บ้าง เมื่อหลี่ชิเย่ไม่ให้ความสนใจตนเองเลย เขาหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ขณะอยู่ที่ลานหลวงไม่ได้เป็นเจ้าภาพที่ดี แต่ที่เขาฟันหลอ น้องได้ล่าสัตว์ป่ามาทำเป็นอาหารหลายอย่างที่เจริญอาหาร ขอเชิญพี่หลี่ย้ายไปร่วมชิมที่ค่ายจะเป็นไร?”
จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยต้องการชิงตัวหลี่ชิเย่ ขณะที่องครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยไหนเลยไม่คิดจะแย่งเอาตัวหลี่ชิเย่ไปเล่า!
“อย่ามารบกวนอารมณ์สุนทรีของข้า!” เวลานี้ หลี่ชิเย่จึงได้มองหน้าพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชาแวบหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย ข้าจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง ไสหัวไป!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องใจหายใจคว่ำ เวลานี้ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทุกคนรู้สึกขนลุกซู่ในใจ และพูดอะไรไม่ออกในเวลานี้
ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจ เจ้าหนูผู้นี้เริ่มจากการล่วงเกินต่อจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย เวลานี้กระทั่งองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยก็ล่วงเกินเข้าให้แล้ว พลันล่วงเกินสองผู้ยิ่งใหญ่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในทันที เท่ากับว่าไม่ต้องการอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอีกต่อไปแล้ว
เจ้าหนูนี่ช่างกำเริบเสิบสาน อวดดีอันธพาล ถึงกับล่วงเกินต่อจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยและองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยตามลำดับ ไม่ก็คือบ้าไปแล้ว ไม่ก็คือมีกำลังความสามารถเช่นนั้นจริง นับว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตาโดยแท้!
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา พลันทำให้สีหน้าของเฉินซูเหว่ยดูไม่จืดอยู่บ้าง ตัวเขาในฐานะองครักษ์เมืองหลวง เรียกได้ว่ามีอำนาจอยู่ในมือ ปรกติแล้วผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องทำการใดๆ ตามสีหน้าของเขา
มาวันนี้เขาแค่ต้องการอาศัยการเจรจาก่อน หากไม่ได้ผลค่อยใช้กำลัง เพื่อไม่ให้เป็นขี้ปากคนอื่น แต่แล้วหลี่ชิเย่กลับไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย ถึงกับออกปากให้เขาไสหัวไป ท่าทีเช่นนี้ทำให้ภายในใจของเฉินซูเหว่ยถึงกับลุกเป็นไฟขึ้นมา จะอย่างไรเสียตัวเขาก็เป็นระดับผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่สูงเด่นคนหนึ่ง ถูกผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อไร้เสียงตวาดใส่เช่นนี้ เขาเองก็ยากจะกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้
สำหรับจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยนั้น เขากลับยืนอยู่ด้านข้างมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยท่าทีที่ยิ้มก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิง เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขาเองก็โดนปิดประตูใส่หน้ามาแล้ว เวลานี้เขาจึงถือโอกาสยืนดูความคึกครื้นอยู่ด้านข้าง เขาต้องการรู้ว่าเฉินซูเหว่ยจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
เผิงเวยจิ่นแม้จะเป็นประเภทไม่เป็นโล้เป็นพายสักหน่อย แต่ก็นับว่าเป็นคนที่สังเกตสีหน้าเป็น เวลานี้พลันที่เห็นสีหน้าของเฉินซูเหว่ยกลับกลายเป็นไม่สู้จะดีนักก็รู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว
“เจ้าเดรัจฉานน้อยโง่เขลา ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้ใช้กำลังบังคับ! เจ้าคนที่มองไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่น! ท่านองครักษ์ ให้ข้าสังสอนมันแทนท่าน!” เผิงเวยจิ่นก้าวออกมาร้องตวาดขึ้นมาทันที
เวลานี้ เผิงเวยจิ่นคำรามเสียงดัง อาวุธเก๋อที่อยู่ในมือส่งเสียงดังแว้งค์พร้อมกับส่งประกายเยือกเย็นวูบวาบออกมา มีความแหลมคมอย่างยิ่ง และทิ่มแทงไปยังคอหอยของหลี่ชิเย่ทันที
แน่นอนที่สุด ที่เผิงเวยจิ่นทำไปนั้นเป็นการแสดงเสียมากกว่า เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองหาใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเฉินซูเหว่ยก็อยู่ข้างกายเขาอยู่แล้ว ขอเพียงหลี่ชิเย่ลงมือ เฉินซูเหว่ยก็จะลงมือจัดการเขาเอง ซึ่งเท่ากับเป็นการหาข้ออ้างให้เฉินซูเหว่ยลงมือสังหารหลี่ชิเย่ได้
ปัง…อาวุธเก๋อของเผิงเวยจิ่นยังไม่ทันถึงตัวของหลี่ชิเย่ก็ถูกมือข้างหนึ่งของหลี่ชิเย่หักทิ้ง อาวุธนี้เมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่ก็คล้ายดั่งเป็นกิ่งไม้ที่เปราะขนาดนั้น รับการหักไม่ได้เลย
เอิกก…พริบตาเดียวนั่นเอง เผิงเวยจิ่นก็ตกอยู่ในกำมือของหลี่ชิเย่ มืออันชำนาญพลันบีบล็อคคอของเผิงเวยจิ่นเอาไว้
หลี่ชิเย่จ้องมองดูเผิงเวยจิ่น และเอ่ยขึ้นเฉยเมยว่า “เจ้านี้ไม่ได้ก้าวหน้าเลยจริงๆ ถูกตบปากครั้งแล้วครั้งเล่ายังไม่รู้จักจำ นี่เป็นการรนหาที่ตายเอง อย่าได้โทษว่าข้านั้นเหี้ยมโหด!”
“อง องครักษ์ ช่วยข้าด้วย!” เมื่อเผิงเวยจิ่นถูกหลี่ชิเย่เค้นคอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว เขาตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง ต้องร้องเสียงแหลมออกมา
“อย่าทำร้ายคน!” ที่เฉินซูเหว่ยรอก็คือโอกาสนี้ ไม่ว่าจะอาศัยเจรจาหรือใช้กำลัง เขาก็จะเอาตัวหลี่ชิเย่มาให้ได้ เชิญมาก็ดี จับเป็นมาก็ช่าง เขาจะไม่ให้หลี่ชิเย่ต้องตกอยู่ในมือของคนอื่นอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น พลันที่เห็นเผิงเวยจิ่นตกอยู่ในกำมือของหลี่ชิเย่ เขาจึงคำรามเสียงดังและลงมือเข้าช่วยเหลือทันที มือขนาดใหญ่ดั่งภูผายื่นเข้าหาหลี่ชิเย่ทันที
เสียงคร๊ากกดังขึ้น เฉินซูเหว่ยยังไม่ทันได้ช่วย นิ้วทั้งห้าของหลี่ชิเย่บิดทีหนึ่ง จัดการบิดคอหอยของเผิงเวยจิ้นจนหัก
……………………..