Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2166 ศาลบรรพชนโบราณ
ขณะที่หลี่ชิเย่เข้าไปทำการวางม่านฟ้าแหดินภายในบริเวณฐานเต๋าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงอยู่นั้น เขาฟันหลอกลับกลายเป็นคึกคักยิ่งในเวลานี้ เนื่องจากการปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งของโสมโลหิต
ในวันนี้ ณ ภูเขาลูกหนึ่งของเทือกเขาฟันหลอ ได้เกิดเสียงดังตูมขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปรากฏเมฆที่มีสีสันงดงามรวมตัวกัน ทะเลเลือดพลุ่งพล่าน ในเวลานี้เองบริเวณนี้ตลบอบอวลไปด้วยเมฆหมอกงามตา
ยามที่ปรากฎการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมานั้น ต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนี้ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาเช่นกัน มองเห็นต้นไม้ใบหญ้าที่เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ดอกไม้บานและโรยรารวดเร็ว และผลไม้ก็สุกงอมอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ได้ดึงดูดสายตาของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนต่างทยอยกันมองไปเป็น็นจำนวนมาก นาทีนี้เองท่ามกลางเมฆหมอกงดงาม และทะเลเลือดพลันปรากฏร่างเงาคนขึ้นมากะทันหันร่างหนึ่ง ขนาดเท่ากำปั้น กำลังหยอกล้อเมฆหมอกท่าทางดูซุกซนยิ่งนัก
“มันคือโสมโลหิต…” ผู้ที่อยู่ใกล้ภูเขาลูกนี้มากที่สุดพลันมองเห็นหน้าตาของร่างเงาคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน ถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา และวิ่งเข้าหาภูเขาลูกนี้ทันที
ฟ่าวว…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่มีคนวิ่งเข้าไปยังทิศทางที่โสมโลหิตปรากฏนั้น ต้นโสมโลหิตต้นนี้พลันพุ่งตัวไปยังสันเขา และหายตัวไปท่ามกลางกองหินดาษดื่นของลำธารเล็กๆ ระหว่างภูเขา
“ตาม…” ระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณที่พบเห็นโสมโลหิตเป็นคนแรกไหนเลยจะยอมปล่อยผ่านโสมโลหิตที่ล้ำค่ายิ่งให้หลุดมือไปง่ายๆ เล่า จึงไล่ติดตามไปยังทิศทางที่โสมโลหิตหายไปในทันที
ข่าวการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งของโสมโลหิตได้แพร่กระจายไปทั่วเขาฟันหลอโดยพลัน นับตั้งแต่ค้นพบการปรากฎตัวของโสมโลหิตแล้วก็มีผู้คนเข้าไปสืบหาร่องรอยของโสมโลหิตในเขาฟันหลอเป็นจำนวนมาก แต่ทว่า นับแต่การปรากฏตัวในครั้งก่อนแล้วโสมโลหิตก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากค้นไปทั่วสันเขาก็ไม่พบร่องรอยของโสมโลหิตเลย
ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังจะถอดใจอยู่นั้น เวลานี้โสมโลหิตกลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงสร้างความฮือฮาขึ้นมาได้ไม่น้อยทีเดียว แต่เดิมบรรดาระดับผู้อาวุโสของสำนัก และศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณจำนวนมากที่เฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ด้านนอกเขาฟันหลอก็เริ่มอดใจไม่ไหวแล้ว ติดตามฝูงชนบุกเข้าไปยังเขาฟันหลอ ทยอยกันมุ่งหน้าติดตามไปยังทิศทางที่โสมโลหิตได้หายตัวไป
“จะหนีไปไหน…” ความจริงแล้ว จังหวะที่โสมโลหิตวิ่งหนีไปนั้น เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้ที่บุกเข้าไปในเขาฟันหลอเป็นคนแรกก็คือฉู่ชิงหลิน นางบุกเดี่ยวนำหน้าใครๆ ด้วยความเร็วที่สูงสุดพุ่งตัวไปยังบริเวณที่โสมโลหิตหายตัวไป
เทียบกับคนอื่นแล้ว ฉู่ชิงหลินยิ่งต้องการโสมโลหิตอย่างยิ่ง เนื่องจากนางต้องการรับการบำรุงจากโสมโลหิต มิฉะนั้นล่ะก็ อนาคตนางสามารถก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหนยังเป็นปริศนาอยู่
เมื่อฉู่ชิงหลินบุกเดี่ยวนำเข้าไปในเขาฟันหลอเป็นคนแรก คนอื่นๆ ยิ่งอดรนทนไม่ไหว ต่างทยอยกันลุยติดตามเข้าไปในเขาฟันหลอเช่นกัน
จากนั้นไม่นาน แม้แต่จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยและองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยก็นำพากำลังจำนวนมากบุกเข้าไปในเขาฟันหลอ
ความจริงแล้ว บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยและองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยไม่ได้มาที่เขาฟันหลอโดยพุ่งเป้าไปที่โสมโลหิตเพียงอย่างเดียว ระดับบรรพบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขามุ่งหวังไปที่ศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาคงไม่นำกองกำลังมามากมายเช่นนี้
เพียงแต่ศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษไม่ปรากฏร่องรอยตลอดเวลาที่ผ่านมา และระดับบรรพบุรุษผู้อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็ไม่มีความชัดเจนว่าศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษซ่อนอยู่ที่ใดกันแน่ ดังนั้น จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่อย่างใด
เวลานี้ โสมโลหิตได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพวกของซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยจึงไม่อยากพลาดโอกาสเช่นนี้ไป จะอย่างไรเสียโสมโลหิตก็นับเป็นสมุนไพรวิเศษที่ล้ำค่ายิ่งนัก ถ้าหากพวกเขาสามารถครอบครองโสมโลหิตได้ก็สามารถเพิ่มพูนพลังวัตรให้กับพวกเขาได้ ซึ่งทำให้พวกเขาดั่งพยัคฆ์ติดปีกขณะเข้าช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์ ดังนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ต่อให้ไม่สามารถครอบครองศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษหากแต่ได้ต้นโสมโลหิตต้นนี้มาก็นับเป็นทางเลือกที่ไม่เลวนัก
ยามที่ผู้คนจำนวนมากอดใจไม่ไหวแล้วทะลักบุกเข้าไปในเขาฟันหลอนั้น ก็มีกลุ่มคนส่วนน้อยที่ยังวางเฉยไม่มีการเคลื่อนไหว ระดับบรรพบุรุษหนึ่งถึงสองคนที่หลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง คงท่าทีเฝ้าสังเกตุการณ์เอาไว้
สำนักต่างๆ ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงใช่ว่าจะมีเพียงกองกำลังซั่ง จวนหวัง หอศักดิ์สิทธิ์ และค่ายฉู่ที่เป็นสี่ขั้วอำนาจใหญ่เท่านั้น ความจริงแล้วนอกราชสำนักยังมีสำนักอยู่เป็นจำนวนมาก และบางสำนักก็มีกำลังที่กล้าแข็งอย่างยิ่ง บรรพบุรุษของพวกเขาก็เคยเป็นบุคคลที่มิอิทธิพลต่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อน
ดังนั้น จึงมีระดับบรรพบุรุษนอกเหนือจากสี่ขั้วอำนาจใหญ่ที่มีท่าเฝ้าสังเกตการณ์ โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นโสมโลหิตปรากฏตัวขึ้นแล้ว ระดับบรรพบุรุษผู้นี้ไม่ได้มีท่าทีรู้สึกยินดี
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว” มีระดับบรรพบุรุษที่เฝ้าสังเกตการณ์หลังจากเห็นการปรากฏตัวของโสมโลหิตแล้ว ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เขาฟันหลอมีต้นโสมโลหิตหาใช่เป็นคำเล่าลือที่มีมาเพียงหนึ่งหรือสองวัน แต่มันไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย ไปมาไร้ร่องรอย ช่วงนี้กลับปรากฏตัวถี่ เกรงว่าคงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เขาฟันหลอ และเกรงว่าคงได้เวลาที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
“เกรงว่าการปรากฏตัวถี่ขึ้นของโสมโลหิตคงไม่ใช่เป็นการจงใจ เกรงว่าจะมีสิ่งอัปมงคลใดๆ ไปทำให้มันแตกตื่น หรือว่าเรื่องร้ายในครั้งนั้นของเขาฟันหลอยังไม่จบ?” ระดับบรรพบุรุษอีกผู้หนึ่งที่เฝ้าสังเกตุการณ์ก็อดที่จะกล่าวด้วยความกังวลขึ้นมา
แม้ว่าสำนักของพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมอยู่ในราชสำนัก ไม่ได้เข้าร่วมการแย่งชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง แต่ทว่า จะอย่างไรเสียพวกเขาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เกรงว่าพวกเขาก็ไม่รอดเช่นกัน
เรื่องร้ายในครั้งนั้น…เมื่อมีการเอ่ยถึงเรื่องร้ายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในครั้งนั้นแล้ว ต่อให้เป็นผู้ดำรงอยู่ในระดับบรรพบุรุษก็มีท่าทีที่ไม่ปรกติ
โสมโลหิตหลบหนีเข้าไปในถ้ำและหายตัวไปโดยพลัน แม้แต่ฉู่ชิงหลินที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็ไม่สามารถพบเห็นร่องรอยของมันได้ วิชาเหินฟ้าดินของมันนับว่าสูงส่งยิ่งเหลือเกิน ต่อให้กล้าแข็งเหมือนดั่งปราชญ์แท้จริงก็ไม่สามารถจับหาร่องรอยของมันได้เช่นกัน
ในเวลานี้เอง บนภูเขาที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนักปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ ชุดสีขาวของเขาปลิวไสวไปตามลม ในขณะนี้บนมือของเขาถือคันฉ่องอยู่บานหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น คันฉ่องดังกล่าวได้พวยพุ่งลำแสงออกมาสายหนึ่ง ส่องตรงเข้าไปยังถ้ำหินนั่นโดยตรง เหมือนว่าคันฉ่องในมือของเขาสามารถส่องทะลุไปถึงใต้พื้นดินได้อย่างนั้น
“เป็นผู้อาวุโสหาน คนของศาลบรรพชนโบราณก็มาด้วยแล้ว” มีผู้ที่สามารถจดจำประวัติของเขาได้ทันทีเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนในชุดขาวที่ปลิวไสว ถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยความตระหนก
“หานฟงก็มาด้วยแล้ว หรือว่าศาลบรรพชนโบราณที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกก็จะเข้าร่วมชิงอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้วรึ?” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่มาจากกองกำลังซั่งก็รู้สึกตระหนกเช่นกัน
แม้ว่าคนจำนวนมากจะไม่เคยพบเห็นชายวัยกลางคนนี้มาก่อน แต่ทว่า เมื่อได้ยันชื่อ ‘ผู้อาวุโสศาลบรรพชนโบราณ’ ก็ต้องรู้สึกตื่นตระหนก
ศาลบรรพชนโบราณเป็นทั้งศาลที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเซ่นไหว้บรรพชน ขณะเดียวกันมันก็คือสำนักๆ หนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ในอดีตที่นานมากมาแล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่เฝ้าศาลบรรพชนโบราณของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ต่อมาได้พัฒนาจนกลายเป็นสำนักๆ หนึ่ง และถูกผู้คนจำนวนมากของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงขนานนามว่า ‘สำนักศาลบรรพชนโบราณ’
ภายหลังศาลบรรพชนโบราณได้เคยกำเนิดบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง นั่นก็คือราชันแท้จริงของศาลบรรพชนโบราณที่มีนามว่าราชันแท้จริงขวางกู่นั่นเอง!
เล่าลือกันว่า ราชันแท้จริงขวางกู่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง เคยนำพาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงกลับคืนสู่ระดับสูงสุดอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เคยทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ก้าวสู่ความเจริญรุ่งเรื่องจริงๆ ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ช่วงหนึ่ง อีกทั้งยังเล่าลือกันว่า ในยุคของราชันแท้จริงขวางกู่ แดนสามเซียนไม่ได้มีเพียงราชันแท้จริงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับราชันแท้จริงขวางกู่ แต่ว่าเขากลับมีความสามารถสยบราชันแท้จริงอื่นๆ ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงผ่านช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ช่วงหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เอง ชนรุ่นหลังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเวลามีผู้วิพากวิจารณ์ถึงราชันแท้จริงขวางกู่ จึงมีการลงความเห็นว่าราชันแท้จริงขวางกู่คือบุคคลอันดับหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบต่อจากผู้เฒ่ากำแหง
ในห้วงระยะเวลาอันยาวนาน ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้เคยให้กำเนิดราชันแท้จริงมาหลายองค์ เช่น ราชันแท้จริงฉู่ขวาง ราชันแท้จริงขวางเสวี่ย แต่กลับมีเพียงราชันแท้จริงขวางกู่ผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องจากชนรุ่นหลังว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบต่อจากผู้เฒ่ากำแหง แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วราชันแท้จริงขวางกู่จะไม่ได้กลายเป็นปฐมบรรพบุรุษได้ก็ตาม แต่เขายังคงน่ากลัวอย่างยิ่ง!
ย่อมสามารถประเมินได้โดยสิ้นเชิงว่า ศาลบรรพชนโบราณมีความแข็งแกร่งเพียงใดในยุคของราชันแท้จริงขวางกู่แล้ว กระทั่งสามารถกล่าวได้ว่า ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงแล้ว
แต่ทว่า หลังสิ้นสุดยุคของราชันแท้จริงขวางกู่แล้ว ศาลบรรพชนโบราณกลับล่าถอยถอนตัวทันทีทั้งที่ยังอยู่ในฐานะที่โชติช่วงชัชวาลยิ่ง ศิษย์ของศาลบรรพชนโบราณที่เสมือนดั่งพระอาทิตย์กลางหาวถอนตัวกลับไปยังศาลบรรพชนโบราณ ยินดีอยู่กับการเฝ้าศาลบรรพชนโบราณอย่างเงียบๆ กลายเป็นสำนักที่อยู่นอกราชสำนักของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงในแต่ละราชวงศ์ที่ผ่านมา
ผ่านไปยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า ศาลบรรพชนโบราณยังคงไม่มีการเข้าร่วมกับราชวงศ์ใดๆ อีก ไม่เคยพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงเลย แต่ทว่า แต่ละราชวงศ์ที่ผ่านไป สำนักศาลบรรพชนโบราณยังคงยืนหยัดอยู่ไม่ล้มลง และยังคงยืนเป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง
ภายใต้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง ไม่รู้ว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วกี่ราชวงศ์ ไม่รู้ว่ามีสำนักและตระกูลขุนนางโบราณที่เคยครองอำนาจจากยุครุ่งเรืองจนตกต่ำลง แต่ในการเปลี่ยนผ่านลักษณะเช่นนี้ ศิษย์ของสำนักศาลบรรพชนโบราณยังคงเฝ้าดูแลศาลบรรพชนโบราณอยู่อย่างนี้มาทุกรุ่นทุกยุคทุกสมัย เป็นผู้ดำเนินการเรื่องพิธีการเซ่นไหว้บรรพชนมาทุกยุคทุกสมัย แต่กลับไม่เคยล้มลงเลย
สำนักศาลบรรพชนโบราณที่วางตัวอยู่นอกราชสำนักมาโดยตลอด พลันมีระดับผู้อาวุโสของพวกเขาปรากฎตัวขึ้นที่เขาฟันหลอกะทันหัน ย่อมทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องตื่นตระหนกโดยแท้ โดยเฉพาะกับขั้วอำนาจอย่างกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งใจจะช่วงชิงอำนาจความเป็นกษัตริย์ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง บรรพบุรุษของพวกเขาย่อมต้องรู้สึกขนลุกซู่ในใจ จะอย่างไรเสียไม่มีใครกล้าดูแคลนต่อสำนักศาลบรรพชนโบราณอยู่แล้ว ถ้าหากพวกเขาเข้าร่วมในการช่วงชิงอำนาจครั้งนี้ ใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะยังไม่มีผู้ใดทราบได้
เวลานี้ในมือหานฟงแห่งสำนักศาลบรรพชนโบราณถือคันฉ่องส่องไปที่ถ้ำหิน ทำการสืบเสาะสถานที่แห่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก ได้ยินเสียงดังแว้งค์ ภายใต้ลำแสงที่สาดส่องไปนั้น มองเห็นมุมๆ หนึ่งปรากฏหมอกเลือดขึ้นมาสายหนึ่ง หลังจากที่หมอกเลือดสายนี้ปรากฏ ได้วิ่งหนีไปทางด้านทิศเหนืออย่างรวดเร็ว
“แม่ทัพฉู่ ไปทางเหนือ…” เวลานี้หานฟงร้องเสียงดังขึ้นมา ชี้นำทางให้กับฉู่ชิงหลิน
“จะหนีไปไหน…” ฉู่ชิงหลินร้องเสียงแหลมออกมา และไล่ติดตามไปทางเหนือตามหมอกเลือดสายนี้ที่หนีไป ย่อมไม่ต้องสงสัย คันฉ่องของหานฟงสามารถค้นหาร่องรอยของโสมโลหิตได้ ทำให้โสมโลหิตไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเมื่อเห็นฉู่ชิงหลินตามไปทางทิศเหนือก็ได้ติดตามไปด้านหลังของฉู่ชิงหลินเช่นกัน
แม้ว่าพวกเขาไม่แน่เสมอไปว่าสามารถได้ครอบครองโสมโลหิต แต่ทว่า เกิดโสมโลหิตทำรากฝอยร่วงหล่นมาเส้นสองเส้น พวกเขาก็ยังคงได้รับประโยชน์บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น หากจำเป็นสามารถช่วยเหลือฉู่ชิงหลินอีกแรง มิเท่ากับเป็นผลงานชิ้นหนึ่งรึ?
โสมโลหิตวิ่งหนีไปทางทิศเหนือ วิชาการหลบหนีของมันนับว่าสูงส่งยิ่ง แต่ว่า หานฟงอาศัยยืนอยู่ที่สูง และคันฉ่องในมือได้ส่งลำแสงออกมาไล่ติดตามค้นหาไปตลอดเส้นทาง ดังนั้น ไม่ว่าโสมโลหิตจะหลบหนีอย่างไรก็ตาม ก็ต้องถูกตรวจพบร่องรอยจนได้
ภายใต้การชี้แนะนำทางของหานฟง ฉู่ชิงหลินไล่ติดตามโสมโลหิตอย่างไม่ลดละ ขณะที่คนอื่นๆ ก็ติดตามตัวเขาอยู่ด้านหลัง ล้วนแล้วแต่ต้องการได้ส่วนแบ่งสักนิดหนึ่ง
สิ่งนี้ได้ทำให้บรรดาบรรพบุรุษของกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์รู้สึกโล่งอก เมื่อเห็นว่าหานฟงนั้นเพียงแค่มาช่วยเหลือฉู่ชิงหลินตามหาโสมโลหิตเท่านั้น ดูท่าศาลบรรพชนโบราณไม่ได้มาเพื่อศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษ เขาได้รับการเชื้อเชิญจากฉู่ชิงหลินให้มาช่วยตามจับโสมโลหิต
……………………………………………..