Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2167 เกิดเหตุ
ภายใต้การสาดส่องของคันฉ่องจากหานฟง โสมโลหิตไม่สามารถหลบหนีไปได้ ถูกตรวจพบร่องรอยขณะที่มันวิ่งหนีไปทางทิศเหนือตลอดทาง ไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้เลย
“แย่แล้ว มันวิ่งไปยังหลุมขนาดยักษ์นั่น!” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสร้องด้วยความตระหนกเมื่อเห็นโสมโลหิตวิ่งหนีไปทางด้านทิศเหนือ และกล่าวว่า “หรือว่ามันจะวิ่งหนีเข้าไปในหลุมยักษ์นั่น? ถ้าหากปล่อยให้มันวิ่งหนีเข้าไปในหลุมยักษ์ล่ะก็ยุ่งเลยล่ะ”
“ไป พวกเราไปทางลัดกัน ล้อมเขาฟันหลอเอาไว้ก่อน!” เมื่อจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยเห็นโสมโลหิตวิ่งหนีไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศทางที่ตั้งของหลุมขนาดยักษ์ ทั้งจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ย และองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยล้วนแล้วแต่ไม่ไล่ติดตามอยู่ด้านหลังของโสมโลหิตอีกต่อไป ได้นำพากองกำลังของตนอ้อมไปทางลัดมุ่งไปยังเขาฟันหลอ
ภายในระยะเวลาอันสั้น กองกำลังจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไปปรากฏอยู่ด้านนอกของเขาฟันหลอ พวกของจิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยถึงกับปิดกั้นทางเข้าที่เป็นเหมือนฟันหลอนั่นเอาไว้ พวกเขาต่างรอคอยการวิ่งหนีมาทางด้านนี้ของโสมโลหิต
เวลานี้ กองกำลังแต่ละหน่วยได้ทำการปิดล้อมบริเวณเขาฟันหลอนี้จนน้ำยังเล็ดรอดเข้าไปไม่ได้ กระทั่งมีสำนักที่ทำการวางม่านฟ้าแหดินอยู่ด้านนอกเขาฟันหลอเอาไว้ รอคอยการเข้ามาติดกับเองของโสมโลหิต!
“มาแล้ว…” ขณะที่ยังอยู่ห่างไกลอีกมากทีเดียว ทุกคนต่างสามารถมองเห็นแสงคันฉ่องจากหานฟงที่สาดส่องมาตลอดทาง และปรากฏเป็นหมอกเลือดลอยขึ้นมาเป็นระยะๆ ย่อมไม่เป็นที่สงสัยว่า โสมโลหิตมุ่งหน้าหนีมาทางหลุมขนาดยักษ์อย่างแน่นอน ขณะที่ฉู่ชิงหลินนั้นไล่ติดตามมาทางด้านหลังอย่างไม่ลดละ ต้องการจับตัวโสมโลหิตให้จงได้
ทันทีที่บรรดาคนของกลุ่มต่างๆ ที่ได้วางม่านฟ้าแหดินเอาไว้ด้านนอกเขาฟันหลอมองเห็นโสมโลหิตที่มุ่งหน้ามาทางด้านนี้ ต่างทยอยกันตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขารวบรวมสมาธิเต็มที่ เตรียมพร้อมในการจับตัวโสมโลหิตให้ได้
มองเห็นภาพของโสมโลหิตที่กำลังจะหลบหนีไปอยู่ตรงหน้าของกลุ่มคนต่างๆ อยู่แล้ว ทันใดนั้นเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น หมอกเลือดสายนั้นที่ปรากฏเป็นครั้งคราวนั้นพลันหายวับไปกับตาในทันใด
หานฟงที่ตามติดมาโดยตลอดก็รู้สึกตระหนก คันฉ่องในมือของเขาถึงกับสั่นสะเทือนขึ้นมา แต่ว่า ต่อให้เขาอาศัยคันฉ่องดังกล่าวสาดส่องลำแสงทั่วทั้งร่องระหว่างภูเขาที่เป็นลำธารเล็กๆ บริเวณนี้ไปทั่ว แต่ว่า ไม่พบร่องรอยของโสมโลหิตอีกเลย
“ด้านในนี้มีสิ่งลึกลับอยู่ มีสิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่าทำการปิดบังคันฉ่องนี้ของข้าเอาไว้ เป็นสิ่งที่มีความกล้าแข็งอย่าง่ยิ่ง” เมื่อหานฟงตรวจหาโสมโลหิตไม่พบก็ให้ตกใจยิ่งนัก จึงได้กล่าวต่อฉู่ชิงหลินว่า “คันฉ่องนี้ของข้าเป็นของวิเศษที่ราชันแท้จริงขวางกู่ทิ้งเอาไว้ให้ ในโลกนี้สิ่งที่สามารถปิดบังมันได้มีอยู่ไม่มาก”
คนพูดไม่ได้ตั้งใจ แต่คนฟังกลับตั้งใจอย่างยิ่ง หานฟงแค่พูดออกมาตามอารมณ์เพื่อเตือนสติฉูชิงหลินเท่านั้นเอง แต่คำพูดเหล่านี้เมื่อไปเข้าหูระดับบรรพบุรุษบางคนแล้ว เป็นต้นว่าบรรพบุรุษของกองกำลังซั่ง บรรพบุรุษของหอศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาถึงกับสะดุ้งในใจ
ราชันแท้จริงขวางกู่เป็นใคร เขาได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลังว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงสืบต่อจากผู้เฒ่ากำแหง ของวิเศษที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ยังถูกปิดบังได้ล่ะก็มีเพียงปัญหาเดียว นั่นก็คือเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันแท้จริงขวางกู่แล้ว!
ในประวัติศาสตร์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงนั้น ผู้ที่กล้าแข็งยิ่งกว่าราชันแท้จริงขวางกู่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือผู้เฒ่ากำแหง!
ศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษ! ดังนั้น บรรดาบรรพบุรุษของหอศักดิ์สิทธิ์ และกองกำลังซั่งต่างนึกถึงสิ่งๆ หนึ่งในใจพร้อมกัน นั่นก็คือศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงได้ทำสูญหาไปแล้วนั่นเอง! และสิ่งนี้ก็คือเหตุผลในการยกกองทัพมาตั้งค่ายที่เขาฟันหลอที่แท้จริงของพวกเขา
“ตั้งค่าย!” จังหวะที่ซี๋วจื้อเจี๋ย และเฉินซูเหว่ยพวกเขายังไม่ทันตั้งสติได้ทัน บรรพบุรุษที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาได้ถ่ายทอดคำสั่งลงมา สั่งให้กองทหารทั้งหมดตั้งค่ายอยู่ที่ตรงนี้ พวกเขาได้แย่งพื้นที่ที่เป็นชัยภูมิดีที่สุดเอาไว้ในทันที หากค้นพบศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษได้จริงๆ พวกเขาจะแย่งมาอยู่กับมือเป็นคนแรกโดยไร้ความปราณีอย่างแน่นอน
เทียบกับกองทัพของกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์แล้ว ฉู่ชิงหลินกลับไม่ให้ความสนใจในศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษมากนัก นางต้องการโสมโลหิตมากกว่า ดังนั้น นางจึงไล่ติดตามต่อไป ตามหาร่องรอยของโสมโลหิต
“โสมโลหิตจะต้องซ่อนตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงแน่นอน พวกเราก็ตั้งค่ายตรงนี้และค้นหาต่อไป” กองกำลังของกลุ่มคนอื่นๆ ก็ทยอยกันตั้งค่ายกันที่ตรงนี้ เมื่อเห็นกองทัพของกองกำลังซั่ง หอศักดิ์สิทธิ์ต่างตั้งค่ายกันที่นี่
เพียงแต่กองกำลังแต่ละกลุ่มล้วนแล้วแต่มุ่งหน้าตามหาร่องรอยของโสมโลหิต ขณะที่กองกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์กลับวางเฉยไม่มีความเคลื่อนไหว พวกเขากำลังรอคอยศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษ! เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือศาสตราวุธปฐมบรรพบุรุษ สำหรับโสมโลหิตนั้นแค่ถือโอกาสเท่านั้น
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่กองกำลังแต่ละกลุ่มต่างตั้งค่ายอยู่ด้านนอกของเขาฟันหลออยู่นั้น พลันปรากฎมีกองกำลังกลุ่มหนึ่งที่บุกขึ้นไปยังภูเขาลูกหนึ่งของเขาฟันหลอ ทำลายประตูแห่งหนึ่งจนแหลกละเอียดและปรากฎถ้ำหินแห่งหนึ่งขึ้นมา
“เป็นบ้านตระกูลเผิง เจ้าบ้านตระกูลเผิง!” ผู้คนจำนวนมากสามารถจดจำกองกำลังกลุ่มนี้ได้ทันที เมื่อมองเห็นกองกำลังกลุ่มนี้ยึดภูเขาลูกนี้เอาไว้ในทันที และร้องกล่าวขึ้นมา
ที่แท้หยางเซิ่นผิงที่ทำหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำรักษาความปลอดภัยให้กับหลี่ชิเย่นั้น พบว่ามีกองกำลังมากมายหลายกลุ่มได้ทำการปิดล้อมเขาฟันหลอเอาไว้ เขาเกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ดังนั้น จึงแอบใช้วิธีการปิดบังซ่อนเร้นปากทางเข้าถ้ำเอาไว้
หยางเซิ่นผิงเข้าใจว่าหลี่ชิเย่กำลังฝึกวิชาอยู่ จึงเกรงว่าหากมีใครมาพบเข้าและฉวยโอกาสบุกรุกเข้าไป ทำให้หลี่ชิเย่ที่กำลังฝึกวิชาต้องธาตุไฟเข้าแทรกแล้วจะทำอย่างไรดี?
แต่ว่า ฝีมือของหยางเซิ่นผิงไม่อาจตบตาคนบางคนได้ โดยเฉพาะกับคนที่ตั้งใจตามหาร่องรอยของหลี่ชิเย่!
ย่อมไม่ต้องสงสัย บ้านตระกูลเผิงก็คือผู้ที่ตั้งใจตามหาร่องรอยของหลี่ชิเย่ นายน้อยของพวกเขาตายอย่างอนาถด้วยฝีมือของหลี่ชิเย่ บ้านตระกูลเผิงสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เฒ่าที่เป็นเจ้าบ้านแห่งบ้านตระกูลเผิงได้สามบานว่าจะเผาและโปรยเถ้ากระดูกของหลี่ชิเย่ให้จงได้ และต้องการศีรษะของหลี่ชิเย่มาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณให้กับบุตรชายที่ตายไป
เรื่องนี้จะไปโทษเผิงฉู่จวินผู้เฒ่าที่เป็นเจ้าบ้านแห่งบ้านตระกูลเผิงว่าเกลียดหลี่ชิเย่เข้ากระดูกดำเช่นนี้ก็ไม่ถูก เขามีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งยังได้บุตรชายคนนี้มาตอนที่มีอายุมากแล้ว เขาจึงหลงรักต่อเผิงเวยจิ่นอย่างยิ่ง เวลานี้กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของผู้เยาว์ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง เขาจะยอมเลิกราง่ายๆ อย่างนั้นรึ? เขาจะต้องป่นและโปรยเถ้ากระดูกของหลี่ชิเย่ให้จงได้!
บ้านตระกูลเผิงได้ทำลายประตูที่ปิดบังซ่อนเร้นซึ่งหยางเซิ่นผิงได้สร้างขึ้นจนแหลกละเอียดไปโดยพลัน ทำให้ถ้ำหินปรากฏแก่สายตาผู้คนในทันที
เพียงชั่วพริบตาเดียว ศิษย์ทั้งหมดของบ้านตระกูลเผิงก็ได้เข้าล้อมถ้ำหินเอาไว้อย่างหนาแน่น กระทั่งน้ำยังเล็ดรอดเข้าไปไม่ได้ แม้แต่ยุงสักตัวก็อย่าหวังจะหนีไปได้
หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป และรู้สึกตระหนกในใจ เมื่อเห็นศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงได้เข้าล้อมถ้ำหินเอาไว้ มือของหยางเซิ่นผิงกุมอยู่ที่กระบี่ทันที
ณ บริเวณด้านนอกเขาฟันหลอ กองกำลังกลุ่มต่างๆ ล้วนแล้วแต่เฝ้าดูภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ากับเงียบๆ
“นายน้อยบ้านตระกูลเผิงตายด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ บ้านตระกูลเผิงต้องการล้างแค้นแล้วล่ะ” ระดับผู้อาวุโสของสำนักถึงกับพึมพำออกมาเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว
ทุกคนสามารถเข้าใจได้ บ้านตระกูลเผิงไม่อาจอดกลั้นความอัปยศนี้เอาไว้ได้ จะอย่างไรเสีย นายน้อยของพวกเขาถูกหลี่ชิเย่จับหักคอเป็นๆ ท่ามกลายสายตาของผู้คนจำนวนมาก หากว่าถึงชนาดนี้แล้วบ้านตระกูลเผิงยังสามารถอดกลั้นความอัปยศเช่นนี้เอาไว้ได้ เกียรติและศักดิ์ศรีของบ้านตระกูลเผิงก็จะไม่เหลืออะไรอีกเลย จากนี้ไปบ้านตระกูลเผิงคงยากจะมีที่ยืนในลานหลวงได้อีกต่อไป
ดังนั้น กล่าวสำหรับผู้เฒ่าที่เป็นเจ้าบ้านแห่งบ้านตระกูลเผิงแล้ว ไม่ว่าจะทำเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของบ้านตระกูลเผิง หรือว่าเพื่อแก้แค้นให้กับบุตรชายที่ตายไป พวกเขาก็ไม่สามารถยอมได้ และไม่สามารถทำตัวเป็นเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง!
จิ้งจอกเงินซี๋วจื้อเจี๋ยเผยให้เห็นถึงท่าทีที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มขึ้นมา เมื่อมองเห็ฯศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงได้ปิดล้อมพวกของหยางเซิ่นผิงเอาไว้
กล่าวสำหรับเขาแล้ว การที่บ้านตระกูลเผิงรีบเร่งตามตัวหลี่ชิเย่เพื่อแก้แค้นนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เขาจะได้ถือโอกาสอาศัยฝีมือของบ้านตระกูลเผิงเพื่อคลำหาประวัติของหลี่ชิเย่ ดูว่าเขามีธาตุแท้ภายในเช่นใดกันแน่ ถึงสามารถทำให้ฉู่ชิงหลินต้องหวาดหวั่นได้
สำหรับองครักษ์เมืองหลวงเฉินซูเหว่ยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาเผยให้เห็นท่าทีที่เย้ยหยัน ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่รุนแรงยิ่งนัก บ้านตระกูลเผิงนั้นเป็นกำลังส่วนหนึ่งของกองกำลังซั่ง หากบ้านตระกูลเผิงสามารถจับตัวหลี่ชิเย่ได้ย่อมเป็นการดีที่สุด ตกอยู่ในกำมือของบ้านตระกูลเผิงก็เท่ากับบ่งชี้ว่าตกอยู่ในมือของกองกำลังซั่ง
ถ้าหากหลี่ชิเย่ทำลายล้างพวกของเจ้าบ้านเฒ่าของบ้านตระกูลเผิง ทำลายกองกำลังของบ้านตระกูลเผิง ถ้าเป็นเช่นนั้น กองกำลังซั่งพวกเขาก็สามารถรับช่วงต่ออย่างมีเหตุผลพูดได้เต็มปากเต็มคำ
กองกำลังซั่งของพวกเขาย่อมไม่สามารถมองตาปริบๆ เมื่อศิษย์จำนวนหลายร้อยเป็นพันที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาถูกคนอื่นเขาเข่นฆ่า ถึงเวลานั้น กองกำลังซั่งของพวกเขาต้องการจับตัวหลี่ชิเย่ก็นับว่ามีเหตุผล
“หยางเซิ่นผิง เรียกเจ้าเดรัจฉานน้อยนั้นออกมามิฉะนั้นล่ะก็จะให้หัวเจ้าหลุดออกจากบ่า!” เวลานี้เผิงฉู่จวินมีสีหน้าที่เย็นชา ดวงตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา!
มือของหยางเซิ่นผิงกุมอยู่ที่กระบี่จ้องมองเผิงฉู่จวิน และกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าบ้านเผิง อย่าทำร้ายตัวเองเลย ข้ามีตำแหน่งต่ำต้อย แต่ยังคงกล่าวเตือนเจ้าบ้านเผิง การทำเช่นนี้รังแต่จะนำมาซึ่งภัยให้บ้านตระกูลเผิงต้องล่มสลาย รากฐานของบ้านตระกูลเผิงถูกทำลายไปชั่วข้ามคืน เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าเจ้าบ้านเผิงคงต้องละอายต่อบรรพชนแล้ว”
“หยางเซิ่นผิง เจ้านับเป็นตัวอะไรกล้าออกปากสั่งสอนข้าอย่างนั้นรึ กล้ากล่าวเตือนข้าโดยไม่ละอาย!” เผิงฉู่จวินหัวเราะน่าครั่นคร้าม และกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าเป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงตัวหนึ่งเท่านั้น วันนี้จะจับเจ้าเอาไว้ก่อน แล้วค่อยประหารเจ้าเดรัจฉานน้อยแซ่หลี่นั่น!”
เวลานี้เผิงฉู่จวินโบกมือทีหนึ่ง ศิษย์บ้านตระกูลเผิงที่อยู่ด้านหลังของเขาวิ่งเข้าหาหยางเซิ่นผิงทันที เพื่อจับกุมหยางเซิ่นผิงเอาไว้
“ฆ่า…” ไหนเลยที่หยางเซิ่นผิงจะยอมให้ศิษย์บ้านตระกูลเผิงเข้าใกล้ได้ เขาพร้อมสู้ตายเพื่อปกป้องถ้ำหินนี้เอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ศิษย์บ้านตระกูลเผิงได้ก้าวข้ามไปแม้เพียงครึ่งก้าว
ปุ ปุ ปุ…ภายในระยะเวลาอันสั้น ท่ามกลางประกายดาบเงากระบี่ ภายใต้การสู้ถวายหัวของหยางเซิ่นผิง สามารถต้านรับและโจมตีศิษย์บ้านตระกูลเผิงต้องพ่ายกลับไปรวดเดียวกว่าสิบคน แม้ว่าหยางเซิ่นผิงจะไม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายนัก แต่เขาในฐานะระดับวีรบุรุษแท้จริงขั้นสูงก็เป็นยอดฝีมือของแท้แน่นอน พลังวัตรนับว่าแน่นมาก ซึ่งหาใช่ยอดฝีมือทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้
“บังอาจ…” เวลานี้เผิงฉู่จวินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา และลงมือโดยพลัน สัจธรรมยิ่งใหญ่ไพศาล พลังน่าเกรงขามดั่งทะเล เพียงสามถึงห้ากระบวนท่าที่เข้าโจมตี ได้ยินเสียงดังปังหยางเซิ่นผิงถูกซัดจนกระอักเลือดออกมา และถูกสยบในชั่วพริบตา
เผิงฉู่จวินคือยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหง เป็นระดับกษัตราแท้จริงขั้นสูง และเป็นอดีตขุนนางของราชสำนัก มีกำลังที่กล้าแข็งยิ่งนัก เคยเทียบเคียงกับกษัตริย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิลานกำแหงมาก่อน!
หยางเซิ่นผิงมีฝีมือต่ำกว่าเผิงฉู่จวินระดับหนึ่งเต็มๆ กำลังทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเหลือเกิน ดังนั้น แค่เพียงสามถึงห้ากระบวนท่าหยางเซิ่นผิงก็ต้องพ่ายแพ้ไปและถูกสยบโดยพลัน ศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงจึงจัดการพันธนาการหยางเซิ่นผิงเอาไว้อย่างหนาแน่น
สำหรับจูซือจิ้งนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางถูกศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงจับตัวได้ในทันที
“คุณชาย ระวังตัวด้วย มีศัตรูรุกรานเข้ามา…” หลังจากที่หยางเซิ่นผิงถูกศิษย์บ้านตระกูลเผิงจับตัวไว้แล้ว ยังคงตะโกนเข้าไปในถ้ำหิน เพื่อเตือนหลี่ชิเย่ให้รู้ตัว
“ค้น…” หลังจากจับตัวหยางเซิ่นผิงได้แล้ว เผิงฉู่จวินได้ออกคำสั่งให้ศิษย์บ้านตระกูลเผิงบุกเข้าไปภายในถ้ำหินทันที
“เรียนเจ้าบ้าน ข้างในไม่มีคนอยู่!” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ศิษย์บ้านตระกูลเผิงได้ออกมารายงาน
แม้แต่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งก็รู้สึกเหนือความคาดคิดยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้จากศิษย์บ้านตระกูลเผิง ทั้งๆ ที่หลี่ชิเย่อยู่ในถ้ำหินนั้นแน่นอน เป็นไปได้อย่างไรที่หายตัวไป?
…..