Emperor's Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 2170 กรงไฟโลกันตร์
ในเวลานี้ ทั่วทั้งบริเวณกลับกลายเป็นเงียบเหงายิ่งนัก ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ ล้วนแล้วแต่ต้องหวาดกลัวจนขนลุกซู่กับสิ่งนี้ ความเร็วของหลี่ชิเย่นั้นรวดเร็วเหลือเกิน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เข่นฆ่ายอดฝีมือของบ้านตระกูลเผิงไปหลายร้อยคน อีกทั้งบรรดายอดฝีมือเหล่านี้ล้วนแล้วแต่หาใช่บุคคลประเภทไร้ชื่อเสียงทั้งสิ้น
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอของตน ขณะมองดูเพชฌฆาตที่ถูกจับหักคอ โดยเฉพาะพวกศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณที่นินทาหลี่ชิเย่ในทางเสียหายเมื่อครู่ ยิ่งรู้สึกได้ถึงลำคอของตนที่เย็นวาบ ถึงกับต้องยื่นมือไปลูบจับคอของตนด้วยสามัญสำนึก
เวลานี้อย่าว่าแต่ซี๋วจื้อเจี๋ย เฉินซูเหว่ยพวกเขาเหล่านั้นเลย ต่อให้บรรดาระดับบรรพบุรุษที่ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาของกองกำลังซั่ง และหอศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เนื่องจากในบรรดาเคล็ดวิชาที่ผู้เฒ่ากำแหงทิ้งเอาไว้นั้น วิชา ‘พลังพาลบ้าระห่ำ’ ไม่นับเป็นเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ทว่า หลี่ชิเย่ที่เป็นผู้เยาว์เช่นนี้กลับสามารถฝึกจนถึงระดับขั้นเทพเช่นนี้ได้ นับว่าน่ากลัวเหลือเกิน ต่อให้เป็นกองกำลังซั่ง หรือหอศักดิ์สิทธิ์ก็มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดว่า ‘พลังพาลบ้าระห่ำ’ ของตนฝึกได้เหนือกว่าเจ้าหนูที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หลี่ชิเย่จัดการโยนศพของเพชฌฆาตลงกับพื้นไปตามอารมณ์ คล้ายดั่งโยนทิ้งขยะอย่างนั้น จากนั้นได้จ้องมองไปที่เผิงฉู่จวินด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกล่าวช้าๆ ว่า “มองเห็นชัดเจนแล้วยัง ข้าฆ่าลูกชายของเจ้าด้วยวิธีการแบบนี้แหละ!”
“เจ้า…” ใบหน้าของเผิงฉู่จวินซีดเผือดเมื่อได้ฟังคำๆ นี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ถูกยั่วโมโหจนเกือบจะกระอักเป็นเลือดออกมา คำพูดลักษณะเช่นนี้เสมือนดั่งเป็นค้อนยักษ์ที่ทุบลงบนหน้าอกของเขาอย่างแรง ทำให้เขาถูกโจมตีอย่างหนักจนต้องก้าวถอยหลังติดต่อกันหลายก้าว
หลี่ชิเย่เพียงสะบัดมือออกไปตามอารมณ์ เชือกที่พันธนาการอย่างแน่นหนาบนตัวของหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งก็สลายไปในทันที หลังจากที่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งได้รับการช่วยเหลือแล้วจึงรีบเร่งหลบไปอยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ทันที
“ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าข้านั้นโหดเหี้ยม ใจทระนงไร้ความปราณี” หลี่ชิเย่มองดูเผิงฉู่จวินที่ถูกยั่วโมโหจนกระอักเลือดแวบหนึ่ง กล่าวเรียบเฉยว่า “ความจริงแล้ว คนอย่างข้าเป็นคนที่เปี่ยมด้วยเมตตายิ่ง ข้าให้โอกาสเจ้าอีกสักครั้งหนึ่ง เจ้าปลิดชีพตัวเองเถอะ แล้ววันนี้ข้าก็จะไม่เล่นบทคิดบัญชี หาไม่แล้วข้าจะล้างบ้านตระกูลเผิงเจ้าอย่างแน่นอน!”
หลี่ชิเย่ได้เอ่ยปากจะทำลายล้างบ้านตระกูลเผิงอีกครั้ง ก่อนหน้านั้นยังมีคนที่หัวเราะขึ้นมา รู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นโอหังมากเกินไปแล้ว แต่มาคราวนี้ไม่มีใครกล้าพูดสักคำ ในใจของทุกคนต่างรู้สึกขนลุกซู่ ถึงกับจ้องมองไปที่เผิงฉู่จวิน
เวลานี้สีหน้าของเผิงฉู่จวินนั้นดูไม่จืดจนถึงขีดสุด กล่าวสำหรับเขาแล้ว แน่นอนย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะฆ่าตัวตาย บ้านตระกูลเผิงของพวกเขายังมีความสามารถที่จะสู้อย่างเต็มที่อีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่าอาศัยผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเพียงลำพังจะมีศักยภาพพอที่จะทำลายล้างบ้านตระกูลเผิงของพวกเขาได้
“ปล่อยออกมา…” เวลานี้สีหน้าของเผิงฉู่จวินดำคล้ำ ร้องเสียงเข้มออกมา
ตามติดด้วยเสียงตึง ตึง ตึงที่ดังขึ้น มองเห็นใต้พื้นดินปรากฏแผ่นเหล็กขนาดยักษ์สุดเปรียบเปรยโผล่ขึ้นมา ท่ามกลางเสียงที่ดังตึง ตึง ตึงแผ่นเหล็กขนาดยักษ์เหล่านี้ได้ประกอบเข้าด้วยกันกลับกลายเป็นกรงขังขนาดยักษ์ขึ้นมา เวลานี้ด้วยกรงขังขนาดยักษ์ยากจะหาใดเทียมพลันทำการขังพวกของหลี่ชิเย่สามคนเอาไว้อย่างหนาแน่น
“กรงไฟโลกันตร์นะเนี่ย…” แม้แต่ซี๋วจื้อเจี๋ยเองก็รู้สึกตกใจอยู่บ้างเมื่อมองเห็นกรงขังขนาดยักษ์เช่นนี้ มองดูเผิงฉู่จวินและเฉินซูเหว่ยแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “ดูท่าบ้านตระกูลเผิงได้เตรียมการมาอย่างดี”
“กรงไฟโลกันตร์คือสุดยอดของวิเศษชิ้นหนึ่งของบ้านตระกูลเผิง ได้ยินว่าสร้างขึ้นโดยเทพแท้จริงคนหนึ่งของบ้านตระกูลเผิง มีอานุภาพสูงมาก” มีระดับผู้อาวุโสของสำนักหนึ่งมองดูกรงขังใบนี้แล้วกล่าวด้วยความตระหนกขึ้นมา
เผิงฉู่จวินส่งเสียงฮึเย็นชาออกมาเมื่อมองเห็นกรงขนาดยักษ์ได้ขังพวกหลี่ชิเย่ทั้งสามคนเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว กล่าวน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เจ้าหนูตระกูลหลี่ วันนี้ข้าจะต้องจัดการบดกระดูกและโปรยเถ้ากระดูกของเจ้า! เพื่อแก้แค้นให้กับลูกเวยของข้าที่ตายไป!”
“อย่างนั้นรึ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสนั้นตลอดไป เฉกเช่นเศษเหล็กโทรมๆ แบบนี้ก็คิดจะกักขังข้าเอาไว้อย่างนั้นรึ?”
“เจ้า…” สีหน้าของเผิงฉู่จวินพลันแปรเปลี่ยนไป เมื่อถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ ร้องเสียงดังออกมาว่าปล่อย…
ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นเอง ยอดฝีมือของบ้านตระกูลเผิงได้ทำการขับเคลื่อนกรงไฟโลกันตร์ใบนี้ พริบตาเดียวนั้นเอง ทุกๆ ด้านของกรงไฟโลกันตร์พลันปรากฏไฟที่คุโชนพวยพุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง
ไฟคุโชนนี้ส่งประกายไฟสีเขียวแวบวับ ประกายไฟทุกสายเสมือนดั่งเป็นของมีคมสีเขียวอย่างนั้น สามารถเชือดเฉือนเนื้อหนังของคนได้
“ไฟเทพแท้จริง…” ครั้นยอดฝีมือรุ่นอาวุโสมองเห็นกรงไฟคุโชนที่พวยพุ่งอยู่ออกมาจากกรงไฟโลกันตร์ รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ถึงกับต้องตื่นตระหนก
ไฟเทพแท้จริงคือไฟโลกันตร์ที่เกิดจากการหลอมกลั่นของเทพแท้จริง เมื่อมีการลุกไหม้ขึ้นสามารถเผาผลาญยอดฝีมือที่มีระดับตั้งแต่เทพแท้จริงลงไปให้กลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยพลัน
“เจ้าเดรัจฉานน้อย วันนี้จะต้องเผาเจ้าให้เป็นจุณอย่างแน่นอน!” เผิงฉู่จวินถึงกับกล่าวด้วยความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อมองเห็นไฟเทพแท้จริงที่โหมลุกไหม้ไม่ขาดสายได้กลืนกินพวกของหลี่ชิเย่ทั้งสามคน อยากจะมองเห็นพวกของหลี่ชิเย่ที่ถูกเผาจนกลายเป็นจุณตอนนี้เลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกสะใจยิ่งที่สามารถชำระแค้นได้
“เสียดาย ไฟแบบนี้อ่อนเหลือเกิน” ขณะที่เผิงฉู่จวินกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นั้น เสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังไฟที่กำลังคุโชน มองเห็นหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสบายอกสบายใจ เวลานี้ทั่วตัวของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายที่จางๆ ออกมา ซึ่งประกายที่จางๆ นี้ไม่เพียงครอบคลุมร่างกายของเขา และยังปกคลุมร่างของหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งที่อยู่ด้านหลังเขา ภายใต้การปกคลุมจากกระกายจางๆ เช่นนี้ ไม่เพียงแต่หลี่ชิเย่ที่ปลอดภัยไม่เป็นอะไร แม้แต่หยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้ง สองคนก็ไม่ถูกไฟเทพแท้จริงทำร้ายได้แม้แต่นอย
จากการที่มองเห็นหลี่ชิเย่ภายใต้การปกป้องของแสงจางๆ นั้น ไฟโลกันตร์ไม่สามารถทำอันตรายต่อพวกของหลี่ชิเย่ทั้งสามคน พลันทำให้เผิงฉู่จวินมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมากที่เดียว เขาร้องเสียงดังขึ้นมาว่า “เพิ่มพลังเข้าไป เผาเขาให้ตาย!”
ทันใดนั้น ได้มีศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงเข้าร่วมอยู่ในขบวนการนี้อีกหลายร้อยคน พลังของพวกเขารุนแรงยิ่งนัก พลังทั้งหมดหนุนเนื่องอย่างไม่ขาดสายดุจดั่งน้ำในแม่น้ำที่ป้อนเข้าไปภายในกรงไฟโลกันตร์ ยามเมื่อพวกเขาได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดเข้าไปยังกรงไฟโลกันตร์แล้ว ได้ยินเสียงดังตูมดังสนั่นขึ้นมา
พริบตาเดียวนั่นเอง ไฟเทพแท้จริงที่อยู่ภายในกรงไฟโลกันตร์ประดุจดั่งน้ำจากเขื่อนแตกพุ่งเข้าหาพวกของหลี่ชิเย่ และกลืนกินร่างของพวกเขาทั้งหมดจนจมมิด ไฟเทพแท้จริงส่งเสียงคำรามไม่หยุด เหมือนเป็นมังกรไฟที่กำลังเกรี้ยวกราดอย่างนั้น มันต้องการเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในกรงให้สิ้น ต้องการเผาทุกสิ่งทุกอย่างในกรงให้กลายเป็นเถ้าธุลี
ครั้นเผิงฉู่จวินได้เห็นภาพของพวกหลี่ชิเย่ทั้งสามคนถูกกลืนกินจนหายไปท่ามกลางไฟเทพแท้จริงแล้ว ถึงกับหายใจด้วยความโล่งอก
แม้แต่ซี๋วจื้อเจี๋ยและเฉินซูเหว่ยพวกเขาก็รู้สึกหายใจด้วยความดล่งอกเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาได้ถือเอาหลี่ชิเย่คือตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งกษัตริย์ในสามของจวนหวัง พวกเขาถือว่าหลี่ชิเย่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนเส้นทางก้าวไปสู่ความเป็นกษัตริย์ และเป็นสิ่งกีดขวางที่สำคัญที่สุด ถ้าหากหลี่ชิเย่ถูกเผาจนตาย ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาได้ลดศัตรูผู้กล้าแข็งไปได้คนหนึ่ง
“เจ้าเดรัจฉานน้อย วันนี้จะต้องให้เจ้ากลายเป็นเถ้าธุลีให้ได้!” เผิงฉู่จวินถึงกับกล่าวด้วยความโกรธแค้นเมื่อมองเห็นพวกหลี่ชิเย่ถูกไฟเทพแท้จริงที่เสมือนดั่งน้ำหลากกลืนหายไปโดยสิ้นเชิง ความรู้สึกที่สะใจได้แก้แค้นลุกลามไปทั่วภายในใจของเขา
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่เผิงฉู่จวินเพิ่งจะพูดขาดคำ ทันใดนั้น กรงไฟโลกันตร์ที่มีขนาดยักษ์สุดเทียบเทียมได้ลอยขึ้นมา พร้อมด้วยท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรพุ่งชนออกมา
ได้ยินเสียงแต่ละเสียงที่ดังปัง ปัง ปังขึ้นมา ศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงหลายร้อยคนที่เดิมทำการขับเคลื่อนกรงไฟโลกันตร์อยู่นั้น พลันถูกพุ่งชนจนเละ ไม่ทันกระทั่งส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมา ถูกพุ่งชนจนกลายเป็นเหมือนดินก้อนหนึ่ง และมีประเภทที่ถูกซัดจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันที
“ถอนกำลัง…” เผิงฉู่จวินถึงกับตกใจผวาสุดขีดและร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นกรงไฟโลกันตร์ที่พุ่งเข้าใส่เหมือนดังค้อนยักษ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเข้า
ยอดฝีมือบ้านตระกูลเผิงจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านหลังรีบล่าถอยทันที พวกเขาลอยตัวขึ้นและบินถอยไปข้างหลัง หลบพ้นจากกรงไฟโลกันตร์ที่พุ่งชนเข้ามาอย่างรุนแรง บินถอยหลังและหลบเลี่ยงจากกรงไฟโลกันตร์ที่พุ่งเข้ามา
แต่ว่า กรงไฟโลกันตร์เสมือนดังดาวตกลูกอุกาบาตร์ที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง หอบเอาท่วงท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรพุ่งชนเข้าไป เสียงดังปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นท้องฟ้าเสมือนดั่งโปรยปรายเป็นฝนเลือดลงมา
บรรดาศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงทั้งหมดที่เหินฟ้าและบินถอยหลังพลันถูกชนจนเละเหมือนโคลน เลือดสดๆ ผสมกับเศษเนื้อปลิวว่อน ภาพเช่นนึ้คล้ายดั่งก้อนหินขนาดยักษ์ที่กลิ้งเข้าไปชนกับรูปปั้นคนที่ปั้นขึ้นจากดินใหม่ๆ อย่างนั้น ถูกบดขยี้จนเละไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องเสียงน่าเวทนาออกมา
สุดท้าย เสียงปังดังสนั่น กรงไฟโลกันตร์ที่มีขนาดยักษ์ได้ชนปะทะกับพื้นดินอย่างแรง และอยู่ในตำแหน่งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมกับเผิงฉู่จวิน ทำเอาเผิงฉู่จวินตกใจจนใบหน้าขาวซีด วิ่งล้มลุกคลุกคลานหนีออกห่างให้ไกลที่สุดด้วยความเร็วสูงสุด
ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังปัง มองเห็นกรงไฟโลกันตร์ในขณะนี้ได้แตกออกเป็นชิ้นๆ โดยแผ่นเหล็กแต่ละแผ่นได้แตกละเอียดเป็นชิ้นตกลงพื้นดุจดั่งเศษเหล็กที่กระจายเต็มพื้น
ขณะนี้ หลี่ชิเย่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย โดยมีหยางเซิ่นผิงและจูซือจิ้งติดตามอยู่ด้านหลัง ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยเช่นกัน
เวลานี้หลี่ชิเย่เดินอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้ปลายผม
ทุกคนต่างรู้สึกเสียงสันหลังวาบเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้ตระหนกตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยเข้าใจว่าหลี่ชิเย่พูดจากโอหังด้วยแล้วยิ่งมีใบหน้าที่ซีดเผือด
“ปล่อยเขาเอาไว้ไม่ได้” ไม่ว่าจะเป็นซี๋วจื้อเจี๋ย หรือเฉินซูเหว่ยล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อได้เห็นภาพที่พาลขนาดนี้ ดวงตาทั้งสองของพวกเขาเผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว ความแข็งแกร่งและพาลของหลี่ชิเย่อยู่เหนือความคาดคิดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้ ในใจของพวกเขาได้บังเกิดปณิธานการฆ่าที่รุนแรงอย่างยิ่ง หลี่ชิเย่สร้างความคุกคามให้กับพวกเขามากมายเหลือเกิน ถ้าหากปล่อยให้หลี่ชิเย่มีชีวิตรอดออกไปนากเขาฟันหลอล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นอนาคตเขาอาจได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกษัตริย์ได้จริงๆ ดังนั้น กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ทางที่ดีฉวยโอกาสที่กองทัพของจวนหวังยังมาไม่ถึง ทุ่มเทสรรพกำลังถือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้สังหารหลี่ชิเย่เสีย
“ฆ่า…” ทันใดนั้นเอง มีระดับผู้อาวุโสของบ้านตระกูลเผิงจำนวนหลายคนเห็นหลี่ชิเย่อยู่ห่างจากเจ้าบ้านแค่เอื้อม จึงคำรามเสียงดังออกมาพร้อมกับนำศิษย์ของบ้านตระกูลเผิงพันกว่าคนไขว้กันซ้ายขวา คล้ายเป็นดาบคมสองเล่มที่ทิ่มแทงเข้าหาทั้งซ้ายและขวา ไม่เปิดโอกาสให้หลี่ชิเย่ดูแลได้ทั่วถึง
ตึง ตึง ตึงเสียงคำรามของอาวุธดังขึ้นเป็นระลอก พริบตาเดียวนั่นเอง กองกำลังรบของบ้านตระกูลเผิงสองสายได้แปรขบวนเรียบร้อย สายหนึ่งเหมือนดั่งเป็นหอกขนาดยักษ์ อีกสายกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ ทั้งฟันผนวกกับการแทง พุ่งเป้าไปที่ตัวของหลี่ชิเย่ด้วยความรุนแรง กองกำลังอันเกรียงไกรของบ้านตระกูลเผิงเป็นกองทัพที่เคยต่อสู้เกรียงไกรไปทั่วของลานยหลวง เมื่อไหร่ที่เข้าสูสใมรภูมิรบแล้วก็จะมีความเด็ดขาดดุดัน ทระนงไร้ซึ่งความปราณี
กองกำลังทั้งสองสายดุจดั่งเป็นอาวุธวิเศษสองเล่มที่เข้าโจมตีซ้ายขวา เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ พื้นพสุธาส่งเสียงดังตูมตาม มีอานุภาพที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
……………………………………………..